เพื่อพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตนเองอันเจิงจึงไปที่สำนักต้าโค่วอีกครั้ง เขายืนอยู่ที่หน้าประตูแล้วมองเข้าไป พบว่าในห้องนั้นมีแต่ความว่างเปล่าไม่มีคนเลยแม้แต่คนเดียว ที่สำนักไม่มีใครมาเรียนเลยอย่างนั้นหรือ แม้แต่โค่วลิ่วที่มีความสำคัญต่อสำนักนี้มากๆ ก็ยังไม่มา ดังนั้นเด็กในสำนักจึงหายไปหมด ไม่รู้ว่าไปเล่นกันอยู่ที่ไหน
อันเจิงเดินออกมาจากสำนักและมุ่งหน้าไปที่โรงจวี้ฉ่างระหว่างทางก็พยายามนึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับสำนักต้าโค่วที่ตนเองรู้ พวกต้าโค่วไม่มีอะไรที่เขาจดจำได้เป็พิเศษมีเพียงเื่ที่ว่าต้าโค่วซึ่งเป็พี่ใหญ่และโค่วจิ่วเป็คนที่สามารถฝึกวิชาได้ส่วนคนอื่น ๆ ฝึกไม่ได้ พวกเขาก็แค่กลุ่มคนที่มีจิตใจโเี้อำมหิต การฝึกร่างกายของโค่วลิ่วนั้นอาจจะประสบความสำเร็จอยู่บ้างเขาสามารถฆ่าพวกที่มีวรยุทธ์ในขอบเขตจุติ์ขั้นที่สองและสามได้อย่างสบาย
สำหรับพวกที่ฝึกวิชาแล้วยังไม่มีวรยุทธ์ในโลกมายาแห่งนี้ ผู้ฝึกตนที่อยู่ในขอบเขตจุติ์อาจจะใช้ชีวิตได้ดีกว่าพวกที่ไม่มีวรยุทธ์เลยแต่ไม่รวมถึงพวกต้าโค่ว นอกจากนั้นในเยี่ยนโยวสิบหกแคว้น ผู้ที่ฝึกตนถึงขอบเขตจุติ์มีอยู่จนเกลื่อนเมือง
อันเจิงเดินอยู่ในย่านหนานชานราวครึ่งชั่วโมงก็พบว่าด้านหน้าของเขามีคนคนหนึ่งกำลังจ้องมองมาด้วยสายตาเย็นะเื
โค่วปา
เขาเป็คนกำยำแข็งแรง มีความสูงถึงสองเมตรเมื่อเปรียบเทียบกับอันเจิงที่อายุเพียงสิบปี เขาก็ดูจะมีร่างกายที่ใหญ่โตกว่ามาก โค่วปาไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้และเขาก็ไม่เคยฝึกร่างกายมาก่อน สิ่งที่เขามีคือพลังที่มากกว่าคนอื่นมาแต่กำเนิด สามารถแบกขวานหนักถึงสามร้อยหกสิบกิโลกรัมไว้บนบ่าแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรเป็ชิ้นเป็อันได้ แม้ว่าโค่วปาจะเป็คนที่มีร่างกายแข็งแรงมากแต่ก็มีหน้าตาที่อัปลักษณ์มากเช่นกัน ใบหน้าของเขาไม่สามารถบรรยายได้ว่าเป็อย่างไรแต่ถ้าจะพูดง่าย ๆ หน้าตาของเขาคงเหมือนกับหมีสีดำตัวั์
“ท่านปา”
อันเจิงหยุดอยู่ตรงนั้น แล้วยกกำปั้นทั้งสองขึ้นคารวะ
เสียงพูดของโค่วปาเหมือนเสียงคำรามของสัตว์ร้ายแม้จะแหบแห้งแต่ก็ดังก้อง
“เ้าเด็กน้อย เ้าเป็คนของสำนักต้าโค่วหรือไม่!”โค่วปาพูดด้วยเสียงดังลั่น
อันเจิงยิ้มออกมาเล็กน้อย “ท่านปา ทำไมถึงถามคำถามนี้กับข้าเล่า?”
ลักษณะนิสัยของโค่วปาค่อนข้างบุ่มบ่ามอาจพูดได้ว่าเขาเป็คนที่โง่ที่สุดคนหนึ่งในสำนักต้าโค่ว พลังการต่อสู้ของเขาเองอยู่ในระดับที่ห้าเลยด้วยซ้ำแต่ด้วยความโง่เขลาทำให้โดนกลั่นแกล้งเป็ประจำดังนั้นอันดับของเขาจึงตกลงมาอยู่ที่อันดับแปด สำหรับโค่วจิ่วนั้นถือว่าเป็กรณีพิเศษเพราะว่าถ้าเขา้า เขาก็สามารถกลายมาเป็อันดับหนึ่งได้ทันที แต่เป็เพราะเมื่อเปรียบเทียบประวัติความเป็มาของโค่วจิ่วกับพวกต้าโค่วคนอื่นๆ แล้ว ประวัติของโค่วจิ่วไม่ค่อยดีนัก
โค่วปาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“ตามกฎแล้ว เมื่อเ้าได้เข้ามาเรียนที่สำนักต้าโค่ว เ้าก็เป็คนของต้าโค่วแล้วเ้ากินอยู่ที่สำนักต้าโค่ว สวมเสื้อผ้าของสำนักต้าโค่วดังนั้นเ้าก็ควรที่จะตายเพื่อสำนักต้าโค่วตอนนี้ข้าอยากจะให้เ้าทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เ้ากำลังจะไปที่โรงจวี้ฉ่างเพื่อเจอไอ้เด็กตระกูลเฉินเฉินเซ่าป๋ายคนนั้นใช่หรือไม่? พวกเราไม่สามารถเข้าไปในโรงจวี้ฉ่างได้แต่ว่าเ้าเข้าไปได้ ดังนั้นเ้าจงไปฆ่ามันให้ข้าซะ”
อันเจิงหัวเราะออกมา มือของเขากุมอยู่ที่ท้อง“ดูเหมือนจะไม่เคยมีอาหารของสำนักต้าโค่วตกถึงท้องข้าเลยนะแม้แต่ขี้ของข้าก็ยังไม่มีกลิ่นอายของความเป็ต้าโค่วด้วยซ้ำ อีกทั้งเสื้อผ้าท่านปาคิดว่าเสื้อผ้าที่ข้าสวมใส่อยู่นี้เป็ของที่ท่านให้มางั้นหรือ?”
โค่วปาโบกมือหนึ่งครั้ง“เื่นั้นข้าไม่สน ข้าสั่งให้เ้าไปตาย เ้าก็ต้องไปตาย!”
อันเจิงเผยรอยยิ้มของเขาออกมาทันที “ให้ข้าเดาตอนนี้ทั้งทางต้าโค่วและตระกูลเฉินคงจะมองหน้ากันไม่ติดแล้วเพราะว่าเ้าโง่เขลาที่สุด พวกเขาเลยสั่งให้เ้าไปฆ่าเฉินเซ่าป๋ายใช่หรือไม่?แต่จริง ๆ แล้วเ้าก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้นเ้ารู้ดีว่าสถานที่อย่างโรงจวี้ฉ่างลำพังตัวเ้าคงจะไม่อาจเข้าไปได้ถ้าเข้าไปเ้าคงตายอย่างแน่นอน ดังนั้นเ้าจึงใช้ให้ข้าไปฆ่าเฉินเซ่าป๋ายแทนเ้า”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม! ข้าสั่งให้เ้าไปถ้าเ้าไม่ไป ข้าก็แค่ฆ่าเ้าก่อน ขยะแบบเ้าตายไปจะมีค่าสักเท่าไหร่กัน?!”
“ข้าไปก็ตาย ไม่ไปก็ตายแล้วทำไมข้าจะต้องไปด้วย?”
“ถ้างั้นเ้าก็จะได้ตายเร็วขึ้น!” โค่วปาเดินมาข้างหน้าก้าวใหญ่เท้าของเขาที่กระแทกลงมานั้นทำให้พื้นดินสั่นะเื
ที่ตรงนี้ห่างจากร้านเหล้าของแม่นางเยว่ไม่ถึงสิบเมตรธงที่เขียนคำว่าเหล้าโบกสะบัดอยู่ข้างหน้า แต่ตอนนี้เป็่บ่าย ดังนั้นคนในร้านเหล้าจึงไม่เยอะมากนักผู้คนบนถนนเมื่อเห็นโค่วปาก็พยายามเลี่ยงออกไปจนถนนแห่งนี้แทบกลายเป็ถนนร้างอันเจิงเงยหน้าขึ้น เขามองเห็นธงที่หน้าร้านเหล้า ตัวอักษรคำว่าเหล้าในธงนั้นราวกับเป็รูปวีรบุรุษถือดาบกำลังต่อสู้กับโจรร้ายอย่างเด็ดเดี่ยว
หลังจากนั้นเขาก็เห็นแม่นางเยว่ยืนมองอยู่ริมหน้าต่างด้วยสีหน้าจริงจังหน้าอกหน้าใจของนางโดดเด่นสะดุดตาอันเจิงยิ่งนัก
อันเจิงจึงส่งยิ้มให้กับแม่นางเยว่แต่ต่อมากลับยิ้มไม่ค่อยออก เพราะคิดขึ้นได้ว่าตอนนี้เขาอายุแค่สิบปีร่างกายก็สูงเพียงหนึ่งเมตรสี่สิบถึงหนึ่งเมตรห้าสิบเิเเท่านั้น เมื่อเทียบกับคนที่สูงถึงสองเมตรร่างกายใหญ่กำยำเหมือนหมีอย่างโค่วปา มันทำให้เขาดูตัวเล็กบอบบางขึ้นมาทันที
“ใหญ่จัง” อันเจิงพูดสองคำนี้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว
โค่วปาโบกมือไปมาด้านแม่นางเยว่ก็โบกมือให้กับโค่วปาเช่นกัน
อันเจิงยกมือขึ้นจับที่หน้าอกของตัวเองราวกับกำลังจับหน้าอกของแม่นางเยว่แล้วก้มลงมองไปที่เ้าแมวพลางพูดขึ้นอีกครั้ง “ใหญ่จัง”
แม่นางเยว่เห็นดังนั้นจึงก้มมองไปที่หน้าอกตัวเองบ้างแล้วพบว่าหน้าอกของตัวนางนั้นใหญ่จริง ๆ ดังนั้นนางจึงเริ่มโมโหขึ้นมานิด ๆ ในใจคิดว่าตอนนี้ตนกำลังถูกเด็กลามปามเข้าให้แล้วใจหนึ่งนางไม่อยากเห็นอันเจิงต้องถูกโค่วปาฆ่าตาย แต่อีกใจหนึ่งนางก็คิดว่าในโลกมายาแห่งนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับตนทั้งสิ้นไม่ว่าใครจะเกิดหรือใครจะตายก็ตาม แต่เด็กคนนี้กลับไม่เหมือนกัน
“ท่านปา”
โค่วปาเดินเข้ามาใกล้อันเจิงเรื่อย ๆในขณะที่เขากำลังหยิบขวานออกมานั้น อันเจิงก็ส่งเสียงเรียกออกมา
“มีอะไร?!”
โค่วปาหยุดชะงักขณะที่ง้างขวานค้างไว้กลางอากาศ“เ้าสำนึกแล้วสินะ! เช่นนั้นตอนนี้เ้าจงไปฆ่าเฉินเซ่าป๋ายที่โรงจวี้ฉ่างเสียแล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้า!”
“ไม่ใช่!”
อันเจิงชี้ไปที่สะโพกของโค่วปา “ข้าได้ยินมาว่าท่านไม่เคยไปที่ชิงโหลนั่นเพราะว่าสภาพภายนอกของท่านมันอ่อนปวกเปียกจนไม่สามารถทำอะไรได้หรือ?ร่างกายของท่านก็เหมือนไก่ที่ไม่มีแรง ชีวิตของท่านก็คงมีแต่ความมืดมนใช่หรือไม่เล่า?”
“ข้าจะฆ่าเ้า!” สีหน้าของโค่วปาซีดขาวขวานในมือของเขาฟันลงมาทันที
ร่างกายของอันเจิงตอนนี้เหมือนมีิญญาลิงอยู่ในตัวเขาหลบขวานที่ฟันลงมาข้างตัวได้อย่างรวดเร็ว ตึง! ขวานกระแทกพื้นเข้าเต็ม ๆ จนหินที่อยู่บนพื้นแตกออกเป็เสี่ยงๆ เศษหินก้อนหนึ่งกระเด็นไปถูกกระดานไม้ข้าง ๆ ร้านเหล้าจนกระดานไม้เป็รูส่วนเศษหินก้อนอื่น ๆ ก็กระเด็นไปโดนเสาที่หน้าร้านเหล้า รวดเร็วรุนแรงจนเศษหินเ่าั้ฝังอยู่ในเสา
ขณะนั้นก็มีเศษหินกระเด็นมาอยู่ตรงหน้าแม่นางเยว่อย่างพอเหมาะพอเจาะใครก็คาดไม่ถึงว่า เพียงแค่แม่นางเยว่ยกมือขึ้นมาสางผมของนางด้วยความนุ่มนวล ขยับมือไปมาเบาๆ เศษหินทั้งหลายก็กระเด็นออกไปนอกร้านโดยที่ไม่เข้ามาในร้านเหล้าเลยแม้แต่ก้อนเดียว
หินก้อนเล็ก ๆ พวกนั้นบินกลับไปด้วยความเร็วสูงทันใดนั้นก็มีเสียงเบา ๆ พลั่ก! ก้อนหินไปโดนเส้นเอ็นด้านหลังข้อเท้าของโค่วปา ในตอนที่โค่วปากำลังจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพอดี
แม่นางเยว่มองไปที่อันเจิง ในสายตาบ่งบอกว่ารีบหนีไป!
ตำแหน่งที่หินโดนโค่วปาช่างพอเหมาะพอเจาะทำให้โค่วปาล้มจนเข่าทรุดลงไป เท้าของเขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อย่างคล่องตัวดังเดิมพอให้อันเจิงมีเวลาวิ่งหนีไปได้
แต่ว่าอันเจิงก็ไม่ได้หนีไป เขามองไปที่แม่นางเยว่ด้วยความซาบซึ้งหลังจากนั้นก็พุ่งตัวเข้าใส่โค่วปา ในขณะที่โค่วปากำลังเงยหน้าขึ้นมาอันเจิงก็มาอยู่ตรงหน้าเขาเสียแล้ว หมัดของอันเจิงพุ่งไปที่จุดสำคัญของโค่วปาทันที
อันเจิงนั้นมีรูปร่างเล็ก เมื่อเปรียบเทียบกับโค่วปาแล้วกำลังของเขาน้อยกว่าโค่วปาหลายเท่า แต่ความเข้าใจเกี่ยวกับสรีระมนุษย์ อันเจิงเหนือกว่าโค่วปามากนักหมัดที่อันเจิงปล่อยออกไปนั้นตั้งใจให้โดนตรงจุดอ่อนแอที่สุดของร่างกาย แต่ว่าก่อนที่หมัดของอันเจิงจะโดนที่จุดสำคัญนั้นใน่เวลาแค่เสี้ยววินาที เป็่จังหวะเดียวกับที่ขากรรไกรล่างของโค่วปากดทับลงมาทำให้หมัดของอันเจิงถูกบีบอยู่ที่ระหว่างลำคอ สีหน้าของอันเจิงเปลี่ยนไปในทันทีเขางอตัวลงโดยอาศัยแรงจาก่ท้องไปจนถึงด้านหลังสะโพก จากนั้นใช้เท้าทั้งสองข้างดันตัวเองไปถีบที่ยอดอกของโค่วปาคิดจะฉวยโอกาสนั้นดึงมือของตัวเองออกมา
ในขณะที่เท้าทั้งสองข้างลอยไปถีบตรงยอดอกของโค่วปานั้นอันเจิงรู้สึกราวกับว่ากำลังถีบไปที่หินก้อนใหญ่อย่างไรอย่างนั้น มวลกล้ามเนื้อของโค่วปาช่างแข็งแกร่งมากจริงๆ
“รนหาที่ตายหรือวะ!”
โค่วปาหัวเราะออกมาอย่างเหี้ยมโหดเขาขบขากรรไกรให้กดทับลงมาที่ข้อมือของอันเจิงมากกว่าเดิมทำให้ข้อมือของเขาเกิดอาการเ็ปทรมาน
โค่วปายืนขึ้นหมัดขวาของอันเจิงยังคงถูกบีบอยู่ระหว่างปลายคางและคอของโค่วปา ทำให้ตัวของอันเจิงลอยขึ้นส่วนเข่าของอันเจิงจึงไปทับอยู่บนหน้าอกของโค่วปา ดู ๆไปก็เหมือนกับอันเจิงกลายเป็ส่วนหนึ่งของร่างกายโค่วปา
หลังจากนั้นแขนข้างหนึ่งของโค่วปาก็หยิบขวานออกมาแขนอีกข้างคว้าคออันเจิงพร้อมยกขึ้น “ไอ้สวะเอ๊ย! ข้าฆ่าแกง่ายเหมือนกับฆ่าหมูตัวหนึ่งคนอ่อนแออย่างแกไม่มีทางมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้หรอกเว้ย!”
โค่วปาโยนอันเจิงลงบนพื้นอย่างแรง!
อันเจิงรู้สึกเหมือนร่างกายตนเป็ะุปืนใหญ่ที่ถูกยิงอัดลงบนพื้นในขณะที่เขากำลังจะตกถึงพื้นนั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหลังของโค่วปา เขาจึงเอื้อมไปจับเอวของโค่วปาไว้แน่นราวกับลิงแล้วไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนคว้าเอารักแร้ของโค่วปาไว้ได้ ขณะที่อันเจิงกำลังพยายามปีนป่ายหลังของโค่วปาอยู่นั้นโค่วปาเองก็พยายามที่จะสะบัดอันเจิงให้หลุดออกจากตัวเช่นกันเขาพยายามจะทำให้อันเจิงร่วงลงไปที่พื้นอีกครั้ง แล้วใช้ขวานที่ถืออยู่ในมือฟันลงไปทันที
ถ้าอันเจิงหล่นลงที่พื้นเมื่อไหร่ เขาคงถูกขวานของโค่วปาตัดขาดเป็สองท่อนเป็แน่
ตึง! ขวานเล่มใหญ่ถูกจามเข้าไปในก้อนหิน
อันเจิงยังคงปีนป่ายอยู่ที่ตัวโค่วปาเขาดึงมีดเล่มเล็กออกมาจากแขนเสื้อ มีดเล่มนั้นคือมีดที่เกาตี้ใช้ขู่ฆ่าตู้โซ่วโซ่วในสมัยที่ยังเรียนอยู่ในสำนักต้าโค่วมีดเล็กเล่มนั้นถูกแทงเข้าไปที่หลังคอ ปักอยู่ที่กระดูกหลังต้นคอของโค่วปาอย่างแม่นยำถ้าเป็คนปกติโดนแทงขนาดนี้คงจะตายไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าโค่วปาจะทรหดขนาดนี้
โค่วปาเ็ปจนร้องเสียงโหยหวนออกมาหลังจากนั้นเขาจึงยืนขึ้น คิดจะยื่นมือออกไปจับอันเจิงที่อยู่บนหลังของเขาออกแต่เขาก็พลาด อันเจิงะโออกมาจากหลังของโค่วปา แต่ตัวเขากลับลอยไปกระแทกกับหน้าต่างของร้านร้านหนึ่งหลังของเขากระแทกเข้าไปเต็ม ๆ ทำให้กรอบหน้าต่างที่ทำจากไม้แตกออกและตัวของเขาเองก็กระเด็นเข้าไปในร้านนั้น
โค่วปาชูขวานอันมหึมาของเขาขึ้นมาแล้วบุกเข้าไปในร้านอันเจิงซึ่งกระเด็นเข้ามาในร้านอย่างรุนแรง ทำให้เขาถึงกับหมดสติ ยังไม่ทันรู้สึกตัวขึ้นมาโค่วปาก็คว้าคอเสื้อของเขาได้แล้ว
โค่วปาคว้าอันเจิงขึ้นมาแล้วโยนเขาออกไปด้านนอกร่างของอันเจิงกระเด็นไปโดนประตูของร้าน ทำให้ตัวเขาลอยตรงดิ่งไปที่ร้านเหล้าของแม่นางเยว่
ในเวลานี้แม่นางเยว่ทนไม่ไหวจนต้องลงมือบ้างแล้ว
หมีั์โค่วปาออกมาจากร้านที่พังยับเยินแล้วพุ่งตัวเข้าไปหาอันเจิงทันทีมือข้างหนึ่งควงขวานขนาดใหญ่เป็วงกลม หลังจากนั้นก็ขว้างขวานให้พุ่งไปที่หลังของอันเจิง
ขณะที่ขวานลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศอันเจิงรู้สึกตัวและพลิกตัวขึ้นมา เขาใช้เท้าทั้งสองข้างไต่กำแพงขึ้นไปราวกับว่ากำลังเดินอยู่บนนั้นตอนนี้ร่างของอันเจิงกำลังพลิกไปพลิกมาเพื่อหลบหลีกขวานของโค่วปาและในขณะที่กำลังหลบขวานอยู่นั้น เขาใช้มือทั้งสองข้างคว้าเอาคานไม้ที่มีธงปักอยู่พลิกตัวและเอื้อมมือไปดึงธงนั่นออกมาได้ อันเจิงชูธงขึ้นแล้วร้องออกมาด้วยความฮึกเหิม!
เมื่อธงนั้นถูกดึงลงมา ผืนธงก็สะบัดออกจนไปโดนหน้าผากของโค่วปาแต่นั่นมันเป็เพียงแค่ธงของร้านเหล้า แล้วจะสามารถทำอะไรโค่วปาได้?
ทันใดนั้น ธงของร้านเหล้าก็กลับกลายเป็อาวุธวิเศษ
แสงสีขาวโพยพุ่งพร้อมกับดาบเล่มยาวที่โผล่ออกมาจากธงดาบเล่มนั้นหล่นลงมาที่หน้าผากของโค่วปา และเฉือนร่างของเขาลงไปถึงสะโพก
เมื่อดาบมา คนต้องตาย
สิ้นเสียงร้องโหยหวนของโค่วปาร่างส่วนหนึ่งของเขาก็ตกลงที่พื้น เืสด ๆ และอวัยวะภายในไหลทะลัก ส่วนอันเจิงก็ลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคงด้วยท่าทางที่สง่างาม
ธงที่อันเจิงถืออยู่ในมือนั้น ราวกับดาบวิเศษอย่างไรอย่างนั้น