วันต่อมาผมตื่นแต่เช้าก่อนจะรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปปฏิบัติหน้าที่
ผมซื้ออาหารเช้ามา 3 ชุด ก่อนจะพาตัวเองไปที่หอหญิงแล้วโทรหาหลินหว่านเอ๋อร์ให้ลงมารับอาหารเช้า หลังจากรอไม่กี่นาทีคุณหนูคนสวยก็เดินลงมาจากหอพักในชุดกระโปรงสีฟ้าที่ยาวแค่คืบกับเสื้อเชิ้ตที่กระดุมเสื้อในเวลานี้ให้ความรู้สึกราวกับว่าพร้อมจะปริออกจากกันได้ทุกเมื่อ เนื่องจากความอวบอึ๋มของูเาสองลูกที่ดันออกมา แต่ดูเหมือนเ้าตัวเองก็คงคิดเผื่อไว้แล้วว่าอาจเกิดเื่แบบนี้ขึ้น จึงใส่เสื้อยืดไว้ด้านในอีกตัวหนึ่งเป็การป้องกัน
ผมยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับมองหญิงสาว ความสวยงามของเธอทำให้ผมอดจับจ้องใบหน้างดงามนั่นไม่ได้ น่าเสียดายที่ผมดันเป็คนที่เธอไม่ชอบขี้หน้าสักเท่าไร
หลินหว่านเอ๋อร์จ้องผม “มองพอหรือยัง? เอาอาหารมาแล้วก็กลับไปเก็บเลเวลสิ นายเป็คนของฉัน หลังจากนี้ถ้าเลเวลนายยังต่ำอยู่ ฉันคงได้ขายขี้หน้ามากแน่ๆ...”
ผมถอนหายใจออกมา “คร้าบ ผมไม่ทำให้คุณผิดหวังหรอก...”
“เดี๋ยวก่อน...”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดขึ้นหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง “นี่หลี่เซียวเหยา ฉันถามหน่อยสิ... ก่อนหน้านี้นายเคยเป็ตำรวจหน่วยพิเศษมาก่อนจริงๆ เหรอ?”
ผมชะงักไป “ทำไมจู่ๆ ถึงถามเื่นี้ล่ะ?”
“ฉันก็แค่อยากรู้เฉยๆ ฉันไม่เชื่อคำพูดของหวางซิ่นนั่นหรอกนะว่าคนที่เคยฆ่าคนมาก่อนจะทำตัวหน้าไม่อายเหมือนนายแบบนี้ วันๆ เอาแต่ผลาญเงินชาวบ้าน รูดบัตรซื้อข้าว รูดบัตรเข้าเกม...”
ระหว่างที่เธอกำลังพูด ผมก็ก้มมองพื้นด้วยความอับอาย เธอเห็นท่าทางของผมก็ยิ้มออกมา หึๆ อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ที่แท้หลินหว่านเอ๋อร์ยังคงแค้นผมไม่หายเื่ที่ดันไปเห็นหน้าอกของเธอเมื่อวันนั้น นี่คงจะมีความสุขบนความทุกข์ของผมมากเลยสินะ!
ผมยืนอยู่ที่เดิมด้วยท่าทางอึดอัดใจพร้อมกำหมัดแน่น “คำพูดของหัวหน้าหวาง คุณจะเชื่อหรือไม่ก็เป็สิทธิ์ของคุณ ผมแค่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้คุณก็แค่นั้น ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน...”
หลินหว่านเอ๋อร์มองมาที่ผม “หืม? โกรธงั้นเหรอ? ขี้น้อยใจขนาดนั้นเลย?”
ผมหันไปมองเธอก่อนจะเผยรอยยิ้ม “คุณหนูนี่รู้ดีไปซะทุกเื่เลยนะครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์กระทืบเท้า “ชิ จะไปไหนก็ไปเลย ฉันจะกลับไปเก็บเลเวลต่อแล้ว”
ตอนที่เธอกระทืบเท้า ูเาสองลูกตรงหน้าก็ขยับไปมาด้วยแรงสั่นะเืเหมือนติดสปริง ผมมองไปยังจุดนั้นด้วยความตื่นตาตื่นใจก่อนรีบพูดขึ้น “คุณหนูเดินระวังๆ หน่อยนะครับ”
เมื่อเห็นหลินหว่านเอ๋อร์เดินจากไป ผมก็โบกมือลาไล่หลัง จากนั้นกัดซาลาเปาพลางคิดว่าวันนี้จะเอายังไงต่อ หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจว่า เป้าหมายในวันนี้คือต้องออกเดินทางไปยังเมืองปาหวาง เพราะถ้าผมยังหมกตัวอยู่ที่หมู่บ้านเริ่มต้นก็คงตามคนอื่นไม่ทันแน่ ถึงเวลานั้นผมคงตกเป็ขี้ปากชาวบ้านในฐานะไอ้ขี้แพ้แน่นอน!
……
เมื่อกลับมาถึงหอพักผมจึงรีบเข้าสู่ระบบทันที
ระบบได้ประมวลผลข้อมูลล่าสุดก่อนพาเข้าสู่เกม
สวบ!
ฉากตรงหน้าสว่างขึ้นอีกครั้ง และยังคงเป็ฉากของป่าไม้หมีป่า เมื่อผมกวาดตามองไปรอบๆ ก็พบว่าซีฉู่ป้าหวางกับพรรคพวกได้ออกไปจากที่นี่แล้ว พวกนั้นคงคิดว่าผมออกจากระบบไปแล้วทำอะไรไม่ได้เลยถอดใจ ในที่สุดผมจึงได้ออกไปเก็บเลเวลที่ในเมืองหลักต่อ ถ้าแค้นนักก็ตามไปล้างแค้นที่เมืองหลักก็แล้วกัน
ผมฟื้นคืนชีพอีกครั้งทันที
หลังจากที่แสงสีทองสาดเข้ามา ผมก็ยืนเงียบๆ ภายในป่าก่อนจะเปิดหน้าจออุปกรณ์ เยี่ยมเลย ตอนที่ตายถึงแม้จะเสียยามานาไป แต่ของสำคัญๆ ก็ยังอยู่ โล่งอกไปที ผมหยิบดาบหนามมาถือด้วยความภูมิใจ เอาละเ้าหนู หลังจากนี้ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ!
ทันใดนั้นในมือของผมก็ปรากฏดาบยาวที่ส่องแสง
[ดาบหนาม] (อุปกรณ์ระดับเหล็กดำ)
พลังโจมตี:21-35
พลังโจมตีพื้นฐาน :+3
เลเวลที่สามารถใช้งานได้ :8
……
พลังการโจมตี 21-35 พอยต์ของดาบเล่มนี้เมื่อเทียบกับดาบเก่าที่มีระดับการโจมตีแค่ 1-3 นี่แทบจะคนละเื่กันเลย ผมกำดาบแน่นพร้อมกับความรู้สึกราวกับว่ามีพลังบางอย่างเพิ่มขึ้นบริเวณแขน ในเวลาเดียวกับที่ค่าสถานะของผมก็เพิ่มขึ้นด้วย
[เซียวเหยาจื้อจ้าย] (ฮีลเลอร์ฝึกหัด)
เลเวล:9
พลังโจมตี :69-83
พลังป้องกัน:23
HP:180
MP :150
ค่าเสน่ห์ :0
……
พลังการโจมตี 69-83 ถือว่ารุนแรงมาก นักดาบที่อยู่ระดับเดียวกับผมถึงแม้จะเพิ่มพอยต์ทั้งหมดไปกับพลังโจมตี อย่างไรเสียก็ได้แค่ระดับเดียวกับที่ผมมีอยู่ตอนนี้เท่านั้นแหละ อืม... มีดาบหนามนี่แล้ว การเก็บเลเวลของผมก็คงไม่ธรรมดาแน่
ผมถือดาบหนามแล้วเดินหน้าต่อ ตอนนี้ EXP ของผมอยู่ที่ 57% หลังจากฆ่ามอนสเตอร์อีกไม่กี่ตัว ก็คงได้อัปเป็เลเวล 10 แน่ๆ ตอนนี้ผมควรเก็บเลเวลเพิ่มอีกสักหน่อยแล้วค่อยเดินทางไปที่เมืองปาหวาง
ระหว่างที่เดินอยู่บนเขา เสียงของหมีหนามเลเวล 9 ก็ดังขึ้น ผมยิ้มก่อนหยิบดาบออกมาทดสอบ ดูซิว่าพลังโจมตี 83 พอยต์มันจะเป็ยังไงบ้าง
สวบ!
ผมพุ่งไปด้านหน้าก่อนใช้ดาบฟาดหัวของมันเต็มๆ ทันทีที่เกิดเสียงกระทบกัน ตัวเลขค่าเสียหายก็ลอยขึ้นมา และมันก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ ด้วย!
“-117”
เจ๋งชะมัด โจมตีแบบนี้สิถึงจะน่าสนใจหน่อย
ตอนที่ผมกำลังจะถูกเ้าหมีหนามตะปบ ผมก็ใช้ดาบฟาดมันอีกครั้ง
“-114”
เ้าหมีหนามแสดงอาการเดือดดาลพร้อมยกอุ้งมือหมายจะจัดการผม ตอนที่ถูกมันตะปบจนทำให้ค่าดาเมจของผมเด้งขึ้นมา -37 ผมก็ฟาดดาบใส่มันอีกครั้งก่อนที่มันจะลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น จุ๊ๆ พลังโจมตีเท่านี้ คงไม่มีใครหัวเราะเยาะผมได้แล้วละ
ผมเก็บเหรียญทองแดง 4 เหรียญก่อนมุ่งหน้าต่อ หลังจากฆ่าหมีหนามไปได้สิบกว่าตัว แสงก็ปรากฏขึ้นรอบตัวผมพร้อมกับอัปเป็เลเวล 10 รวมถึงค่าสถานะก็เพิ่มขึ้นอีก 10 พอยต์ และแน่นอนว่าผมใช้พอยต์เ่าั้ไปกับการเพิ่มพลังโจมตี ตอนนี้พลังโจมตีของผมเพิ่มเป็ 5-5 แล้ว เอาละ กลับหมู่บ้านไปซื้อไอเท็มสักหน่อยแล้วค่อยไปเมืองปาหวางดีกว่า
……
เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้านผมก็ขายเกราะผ้า เกราะหุ้มอาวุธระดับขาวที่ไร้ประโยชน์ออกไป จนทำให้ตอนนี้ผมมีเงินทั้งหมด 2 เหรียญเงิน ถือว่าร่ำรวยแล้วสินะ ผมซ่อมดาบของตัวเองก่อนจะไปที่ร้านยาเพื่อซื้อยามานา สำหรับยาเพิ่มเืนั้นเนื่องจากผมเป็ฮีลเลอร์อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็ต้องใช้
หลังจากที่มาถึงร้านยา ผมก็เปิดตารางขึ้นมา ทว่าในใจผมก็แทบแตกสลายลงเดี๋ยวนั้น
[ยามานา LV 1 ] :ฟื้นฟู 50 MP ราคา 5 เหรียญทองแดง/ขวด
[ยามานา LV 2 ] :ฟื้นฟู 100 MP ราคา 50 เหรียญทองแดง/ขวด
[ยามานา LV 3 ] :ฟื้นฟู 150 MP ราคา 5 เหรียญเงิน /ขวด
……
อะไรวะเนี่ย เงินที่ผมมียังซื้อยามานาเลเวล 3 ไม่ได้เลยเนี่ยนะ? เฮ้อ งั้นก็ซื้อยามานาเลเวล 1 ไปก่อนก็แล้วกัน คงจะใช้ได้จนถึงเมืองปาหวางแหละ
พอเดินมาถึงทางออกของหมู่บ้าน ก็มีชายชราเดินมาส่งผมที่ประตู โดยที่เหนือศีรษะของเขามีตัวอักษรลอยอยู่้าว่า ‘หัวหน้าหมู่บ้าน’ เขาคือคนที่ออกมาส่งมือสมัครเล่นนี่เอง ชายชรายกมือลูบหัวผมพลางกล่าวทั้งน้ำตา “เ้าหนู เ้าเติบโตพอจะออกเดินทางจากหมู่บ้านแล้ว ข้าดีใจกับเ้าด้วย เ้าคือความภาคภูมิใจของพวกเรา หลังจากนี้เ้าจะกลายเป็นักผจญภัยที่โดดเด่น และสามารถช่วยอาณาจักรเทียนหลิงจัดการกับศัตรูได้แน่ๆ”
ผมพยักหน้า “ครับ หัวหน้าหมู่บ้าน”
“เ้าหนู ข้ามีจดหมายแนะนำ 3 ฉบับ เ้าจงเลือกมันไปหนึ่งฉบับเถอะ...”
ทันใดนั้นตรงหน้าผมก็ปรากฏตัวเลือก 3 ข้อ เป็จดหมาย 3 ฉบับที่ให้เลือกตามเมืองที่ผม้าจะไป โดยหากไปถึงเมืองที่เลือกไว้ผมจะสามารถไปหาอาจารย์ประจำสายอาชีพของตัวเองได้ และยังสามารถเลือกเรียนวิชาเสริมในอาชีพนั้นๆ ได้อีกด้วย
ผมเลือกเมืองปาหวางอย่างไม่ลังเล ชายชรารีบโบกมือก่อนพูดกับผมว่า “ไปเถอะเ้าหนู ไม่ว่าอนาคตเ้าจะไปอยู่ที่ไหน ไม่ว่าเ้าจะเป็เพียงนักรบธรรมดาๆ คนหนึ่ง หรือเป็ผู้เก่งกาจ เ้าก็อย่าได้ลืมวันนี้ ว่าเ้าคือเด็กน้อยที่มาจากหมู่บ้านเล็กๆ ของพวกเรา และเป็ความภาคภูมิใจของเราตลอดไป...”
“พูดมากชะมัด...” ผมพึมพำในใจ หลังจากหยิบจดหมายแนะนำเมืองปาหวางแล้ว ผมก็เริ่มออกเดินทางทันที
……
เมืองปาหวางตั้งอยู่ทางทิศเหนือสุดของอาณาจักรมนุษย์ทั้ง 7 และเป็เมืองที่อยู่ใกล้กับเขตลึกลับทางเหนือที่สุดด้วย นอกจากนี้ยังเป็เสมือนป้อมปราการด่านแรกของทางตอนเหนือซึ่งเป็เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมเลือกเมืองนี้ ต้องแบบนี้สิถึงจะท้าทาย และที่สำคัญก็คือมอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆ เมืองปาหวางนี้แข็งแกร่งที่สุดในสามเมืองย่อยด้วย หากเก็บเลเวลที่นี่ก็จะก้าวหน้ากว่าที่อื่นๆ แน่
หลังจากตั้งค่าไปที่เมืองปาหวางซึ่งอยู่บนแผนที่แล้ว ผมก็เริ่มออกเดินทางทันที ในเวลานั้นผมเห็นผู้เล่นไม่น้อยกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองปาหวางเช่นเดียวกัน ดูเหมือนจะเป็ผู้เล่นเลเวล 10 สินะ คนเ่าั้ต่างเดินด้วยท่าทางรีบเร่ง เพราะเกรงว่าหากช้าไปกว่านี้มีหวังถูกผู้เล่นคนอื่นๆ แย่งมอนสเตอร์ไปแน่ ที่จริงแล้วจากที่ผมพิจารณาดู มอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆ เมืองหลักนี้ดูเหมือนจะมีจำนวนมากกว่าหมู่บ้านเริ่มต้น นั่นเป็เพราะตอนแรกเกมนี้วางแผนไว้ว่าสามารถบรรจุผู้เล่นได้ถึง 100 ล้านคน แต่ตอนนี้มีการเปิดให้เข้าเล่นได้เพียง 1 ล้านคน ดังนั้นถ้าไม่รีบจัดการให้เลเวลตัวเองสูงกว่าคนอื่น ละก็ ถึงตอนนั้นคงได้อยู่รั้งท้ายแน่ๆ แต่สำหรับผมแล้วคิดว่าตอนนี้ยังไม่จำเป็ต้องรีบร้อน เพราะจะเป็การรนหาที่ตายเปล่าๆ
ห่างออกไปไม่ไกลมีนักดาบคนหนึ่งสวมเกราะหนักซึ่งเป็อุปกรณ์ระดับขาวมากับฮีลเลอร์สวมเกราะผ้าที่ในมือถือคทาและอะไรสักอย่างที่ดูเหมือนหม้อยา นี่สินะถึงจะเรียกว่าฮีลเลอร์ที่แท้จริง ดูเหมือนจะมีพลังมากกว่าผมด้วยแฮะ
นอกจากนี้ยังมีผู้เล่นอีกหลายคนที่เลือกเผ่าพันธุ์เอลฟ์แห่งสายลมกำลังลอยอยู่กลางอากาศ ซึ่งอาชีพของพวกเขามีทั้งนักธนู นักเวท และฮีลเลอร์ สำหรับเอลฟ์แห่งสายลมซึ่งมีอาชีพที่สามารถบินได้ถือว่าเป็ที่นิยมมาก ผู้เล่นมากกว่า 35% เลือกที่จะเล่นเป็เอลฟ์แห่งสายลม แต่ผมไม่เลือก เพราะการบินอยู่กลางอากาศเป็เื่ง่ายที่จะได้รับาเ็ อีกอย่างพลังโจมตีและพลังป้องกันของเอลฟ์สายลมก็ถือว่าด้อยมาก ถึงแม้จะมีเวทมนตร์และสามารถโจมตีระยะไกลได้ แต่มันก็ยังไม่ตอบโจทย์ผมอยู่ดี
……
การเดินทางไปยังเมืองปาหวางพร้อมกับพวกผู้เล่นใหม่นั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยอันตรายเท่าไรนัก เพราะมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ถูกคนพวกนั้นจัดการไปก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากเดินทางไปได้ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ผมก็เห็นเมืองอันสูงตระหง่านที่บริเวณเขตชายแดน ด้านหน้าเมืองมีมีดแกะสลักหินั์ลอยอยู่้า อันเป็สัญลักษณ์ของเมืองปาหวาง คงจะเป็ดาบปาหวางที่คนเล่าลือ หรือไม่ก็อาจเป็อาวุธในตำนาน
เมื่อเข้ามาในเมืองแล้ว ผมก็เดินทางไปหาอาจารย์ประจำสายอาชีพของตัวเองทันที
ณ ริมสระน้ำมรกต มีเอลฟ์สายลมถือคทาอยู่ราวสิบกว่าคนยืนออกันอยู่บริเวณนั้น ซึ่งพวกเขาล้วนเล่นอาชีพฮีลเลอร์ หนึ่งในนั้นมี NPC เลเวล 50 ยืนอยู่ตรงกลางและกำลังแนะนำอาชีพ
ผมตรงไปด้านหน้าก่อนหยิบจดหมายแนะนำออกมา แล้วกล่าวอย่างสุภาพ “อาจารย์ นี่เป็จดหมายแนะนำของผม ผมเป็นักผจญภัยเดินทางมาจากหมู่บ้านสุนัขฟาง ได้โปรดรับผมเป็ศิษย์ของท่านด้วย”
อาจารย์เมื่อหันมาเห็นดาบหนามในมือผมก็แสดงสีหน้าตกตะลึง “สวัสดีพ่อหนุ่ม หลังจากนี้ไปเ้าคือฮีลเลอร์ฝึกหัดของเมืองปาหวาง และจะเป็ความรุ่งเรืองให้กับอาณาจักรต่อไป”
……
พูดจบช่องตารางก็ปรากฏขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็เมนูสกิลการฝึกฝน หลังจากกดเข้าไปดูผมก็พบว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถเรียนรู้ได้
[สกิลบทกวี] :เพิ่มการโจมตี 1% ผู้เล่นจะต้องมีเลเวล 10 และเป็สายอาชีพฮีลเลอร์ หาก้าเรียนรู้สกิลนี้จะต้องใช้ 1 เหรียญเงิน
เป็สกิลสนับสนุนที่ไม่เลวเลยแฮะ พลังโจมตีของเลเวล 1 จะเพิ่ม 1% หากอัปถึงเลเวล 10 ก็จะสามารถเพิ่มการโจมตีได้ 10% ซึ่งก็เท่ากับว่าสกิลดาบแห่งความโกลาหลของผมจะสามารถเพิ่มพลังโจมตีได้ 10% สกิลนี้นับว่าหายากมากๆ
พลัน 1 เหรียญเงินก็ลอยออกจากกระเป๋าไปอย่างรวดเร็ว ให้ตายสิ เ็ปหัวใจจริงจริ๊ง
……
หลังจากบอกลาอาจารย์ ผมก็ออกไปเก็บเลเวลต่อ แต่ผมยังไม่อยากรีบร้อนออกไปตอนนี้ เพราะยังมีเื่ต้องจัดการให้เสร็จเสียก่อน!
ผมต้องเรียนวิชาเสริมเกี่ยวกับการผลิต… เพราะผม้าเป็นักหลอมยาเพื่อปรุงยามานา!