ขณะที่ผมยังอยู่ในร่างิญญา ก็รีบวิ่งไปยังจุดที่บอสถูกฆ่าก่อนหน้านี้ โดยที่เ้าซีฉู่ป้าหวางยังคงยืนเฝ้าศพอยู่ ดูเหมือนเ้านี่คงกำลังรอฆ่าผมหลังจากฟื้นคืนชีพเพื่อชิงดาบหนามแน่ๆ
หึ ผมไม่สนใจหรอกว่ามันจะเฝ้าร่างผมอีกนานแค่ไหน เพราะผมก็จะรอ มาดูกันซิว่าระหว่างเ้านี่กับผมใครจะมีความอดทนมากกว่ากัน
……
ขณะนั้นเอง โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นก่อนที่สัญญาณจะถูกเชื่อมเข้ามาในเกมอัตโนมัติ หลินหว่านเอ๋อร์โทรมาหาผมแล้ว
“หลี่เซียวเหยา?” เสียงของหลินหว่านเอ๋อร์นี่น่าฟังชะมัดยาดเลย
“ว่าไงครับคุณหนู?” ผมถามขึ้น
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้ม “ฉันกับเยว่เอ๋อร์จะลงไปกินข้าว นายมารอพวกฉันที่ด้านล่างได้เลย...”
“ครับ ขอเวลา 5 นาทีนะ”
“อื้อ รีบมาล่ะ”
ระหว่างที่มองไอ้พวกบ้าซีฉู่ป้าหวางที่ยังคงรอผมคืนชีพ ผมก็อดสะใจขึ้นมาไม่ได้ ฉันไปกินข้าวก่อนนะเ้าพวกทึ่ม พวกแกรออยู่นี่แหละไม่ต้องรีบร้อน หึๆ! ออกจากเกมตอนอยู่ในร่างิญญานี่แหละ ปลอดภัยดี!
ผมถอดหมวกก่อนหันไปมองเ้าแว่นที่อยู่บนเตียงฝั่งตรงข้าม ร่างของเ้านั่นยังคงกระตุกสั่น คงกำลังสู้กับมอนสเตอร์อยู่สินะ งั้นฉันไม่กวนล่ะ ไปกินข้าวดีกว่า
สาวๆ รอผมอยู่ใต้หอแล้ว ทั้งคู่กำลังยืนคุยกัน พอเห็นผมก็เดินมาหาทันที ตงเฉิงเยว่ลูบท้องตัวเองก่อนบ่นขึ้นว่า “ฉันบอกหว่านเอ๋อร์แล้วว่าจะกินมื้อค่ำ แต่หว่านเอ๋อร์เอาแต่เก็บเลเวลจนดึกขนาดนี้ หิวจะตายแล้วเนี่ย รีบไปหามื้อดึกกินกันเถอะ”
ผมยิ้ม “ไปสิ”
ห้องอาหารของมหาวิทยาลัยหลิวหัวเปิดตลอด 24 ชั่วโมง เห็นถึงความแข็งแกร่งในการทำเงินของที่นี่ได้ชัดเจนเลยละ
เมื่อสั่งอาหารเสร็จ พวกผมก็มานั่งรอที่โต๊ะ ผมที่หิวจนไส้กิ่วถึงกับยัดหมั่นโถวลูกเบ้อเร่อลงไป 7 ลูก ขณะที่สองสาวมองผมตาค้างเมื่อเห็นท่าเขมือบหมั่นโถวขาวนวลของผม พวกผู้ชายที่นั่งกินข้าวอยู่ไม่ไกลก็มองมาเช่นกัน “หมอนั่นโคตรจะไม่สนเื่ภาพลักษณ์เลยแฮะ ขนาดอยู่ต่อหน้าสาวสวยตั้ง 2 คน ยังกล้ากินมูมมามโดยไม่แคร์สายตาพวกเธอเลยสักนิด”
หลินหวานเอ๋อร์มองผมด้วยสีหน้าเจื่อนๆ “นายไปหิวมาจากไหนเนี่ย กินให้มันช้าๆ หน่อย เดี๋ยวก็ติดคอตายพอดี”
ผมพยักหน้าก่อนยกถ้วยซุปดื่มทีเดียวหมดถ้วย ให้ตายเถอะพระเ้า มีเงินนี่มันดีจริงๆ เลยโว้ย ั้แ่เกิดมายังไม่เคยได้กินของดีๆ แบบนี้มาก่อนเลย ฟินโคตร!
……
หลังจากที่ตงเฉิงเยว่กินจนอิ่ม เธอก็หันมายิ้มให้ผม “นี่เซียวเหยา วันนี้นายคงจะไม่ได้อยู่ที่เลเวล 1 แล้วใช่ไหม?”
ผมไม่ได้รู้สึกอับอายเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป “อื้อ ตอนนี้เลเวล 9 แล้ว...”
“โห... อัปเร็วเหมือนกันนี่ ใช้เวลา 10 ชั่วโมงอัปไปถึงเลเวล 9 แล้ว” ตงเฉิงเยว่พูด
หลินหว่านเอ๋อร์แสดงท่าทีไม่สนใจพร้อมกับเล่นโทรศัพท์ในมือ ก่อนจะหันไปหาตงเฉิงเยว่ “ดึกมากแล้ว กลับไปนอนกันเถอะ”
แหม ไม่สนใจผมเลยนะคุณหนู
ผมจึงถามขึ้นว่า “นี่ตงเฉิง พวกเธอเลเวลเท่าไรแล้วล่ะ?”
ตงเฉิงเยว่ยิ้มก่อนจะพูดด้วยสีหน้าภูมิใจ “ตอนนี้ฉันเลเวล 15 แล้ว กะว่าจะเก็บเลเวลต่อจนถึง 20 จะได้ไปเปลี่ยนคลาส ส่วนหว่านเอ๋อร์ตอนนี้เลเวล 16 แล้ว อาชีพแอสซาซินนี่เก็บเลเวลไวชะมัด แม้แต่นักเวทอย่างฉันยังตามไม่ทันเลย”
ผมพูด “ตอนนี้พวกเธอออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นกันแล้วเหรอ?”
“ใช่ พวกเราออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นั้แ่เมื่อวานแล้ว...” ตงเฉิงเยว่ตอบก่อนจะพูดต่อว่า “จริงสิ ฉันกับหว่านเอ๋อร์เลือกเมืองฝานซูเป็เมืองหลัก แล้วนายเลือกไว้หรือยัง?”
ผมคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบกลับไป “หมู่บ้านเริ่มต้นของฉันห่างจากเมืองปาหวางไม่ไกลเท่าไร ไม่แน่ว่าฉันอาจเลือกเมืองนี้ไปก่อน แล้วค่อยไปหาพวกเธออีกที...”
หลินหว่านเอ๋อร์มองผมพร้อมกับยิ้ม “นี่ ฉันว่านายคงไม่อยากจะเจอฉันในเกมมากกว่าละมั้ง?”
ร่างของผมพลันกระตุกเล็กน้อย จิตสังหารถูกส่งมาจากแม่สาวงามคนนี้อีกแล้ว ผมรีบยืดตัวตรงก่อนตอบกลับไป “พูดอะไรแบบนั้นครับคุณหนู ที่จริงผมอยากไปเมืองฝานซูเพื่อไปหาคุณกับตงเฉิงจะตาย แต่เส้นทางที่จะไปมีมอนสเตอร์เลเวลสูงเยอะมาก ผมมันก็แค่ฮีลเลอร์ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง จะผ่านมอนสเตอร์พวกนั้นไปได้ยังไง? ถ้าไปคนเดียวมีหวังถูกตะปบตายพอดี ใครจะไปรู้ เลเวลของผมอาจลดฮวบจนต้องกลับไปอยู่หมู่บ้านเริ่มต้นอีกรอบก็ได้...”
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มก่อนจะรีบเม้มปากแล้วพูดกับผมด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “อืม งั้นนายก็อยู่เมืองปาหวางไปก็แล้วกัน ถ้าไม่ไหวก็มาหาพวกฉัน”
ตงเฉิงเยว่ยิ้มพร้อมกับพูดน้ำเสียงตื่นเต้น “ใช่ๆ ฉันกับหว่านเอ๋อร์จะคุ้มครองนายเอง”
หลินหว่านเอ๋อร์ขมวดคิ้วก่อนพูดขึ้น “นี่เยว่เอ๋อร์... ทำไมต้องดีใจขนาดนั้นด้วย”
ตงเฉิงเยว่ชะงักพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีแดง “ก็... ก็พวกเราสามารถโจมตีสร้างดาเมจได้นี่นา ถ้าเกิดมีเซียวเหยามาด้วย พวกเราก็จะได้มีฮีลเลอร์อยู่ในกลุ่มไง ถ้าพวกเรารวมตัวกันฉันว่าคงจะเก็บเลเวลได้เร็วขึ้นไม่ใช่เหรอ?”
“เหรอ?”
หลินหว่านเอ๋อร์มองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ จากนั้นก็ส่งยิ้มหวานละมุน “เอาเถอะ ฉันจะเชื่อที่เธอพูดก็แล้วกัน...”
ตงเฉิงเยว่ยกมือแตะหน้าอกตัวเอง “เฮ้อ เกือบไปแล้ว...”
“ว่าไงนะ?”
“ฉันบอกว่าซุปนี่อร่อยดีนะ”
“…”
4 ทุ่มกว่าผมส่งสองสาวขึ้นหอพักอย่างปลอดภัย จากนั้นก็เดินย่อยอาหารต่ออีกครู่หนึ่งภายในสวนของมหาวิทยาลัยซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่แถวนี้แล้ว ผมะโขึ้นไปนั่งบนกำแพงชมวิวอย่างเงียบๆ
ถึงแม้จะเป็่เวลากลางคืน แต่ก็ยังมีคนเข้าออกตลอด มีทั้งนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแล้วก็คนนอก มีทั้งรถปอร์เช่ เฟอร์รารี่ขับไปมา ผมนั่งอยู่ที่เดิมเกือบ 2 ชั่วโมง จนเห็นว่าเที่ยงคืนแล้วจึงเตรียมตัวกลับ ตอนนี้คงไม่มีอันตรายเกิดขึ้นกับสาวๆ แล้วละ
แม้ว่าผมจะมีความสุขและสนุกสนานไปกับเกม แต่ถึงอย่างไรหน้าที่หลักของผมก็คือคุ้มกันหลินหว่านเอ๋อร์ตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย และต้องไม่ทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย
ระหว่างที่นั่งอยู่บนกำแพงผมเปิดโทรศัพท์เพื่อหาข้อมูลของหลินเทียนหนานและเทียนซินกรุ๊ป อยากจะรู้ว่าพวกเขาทำอะไรถึงได้เข้ามาเสี่ยงกับเื่อันตรายมากมาย ถึงขนาดต้องหาคนคุ้มกันให้หลินหว่านเอ๋อร์
แล้วหน้าจอโทรศัพท์ก็แสดงข้อมูล
เทียนซินกรุ๊ปได้ร่วมมือกับบริษัทล็อคฮีทมาร์ติน ซึ่งมีส่วนในการสร้างเทคนิคสำคัญและได้เรียนรู้เทคโนโลยีการลักลอบระดับสูง อีกทั้งยังเป็ผู้ผลิตแผ่นคอมโพสิต BMI ด้วย ในปี 2015 เทียนซินกรุ๊ปได้แยกตัวออกจากบริษัทล็อกฮีตมาร์ตินอย่างเป็ทางการ และได้เข้าร่วมอุตสาหกรรมทางการทหารของจีนภายใต้การนำของหลินเทียนหนานซึ่งเป็ CEO ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้นำเทคโนโลยีทางการทหารอันทันสมัยที่สุดเข้ามา โดยเริ่มพัฒนาะุแบบนาโนซึ่งมีประสิทธิภาพในการเจาะทะลุผ่านรถถังเหล็กได้ อีกทั้งยังเข้าร่วมพัฒนาเครื่องบินรบอันทันสมัยที่สุดของจีนและเครื่องบินตรวจการณ์เตือนภัยล่วงหน้า
ระหว่างที่อ่านข้อมูลผมก็ถอนหายใจ คิดไม่ถึงเลยแฮะว่าหลินเทียนหนานจะเป็คนที่สุดยอดขนาดนี้ ดูจากผลงานแล้ว เขาทำให้อุตสาหกรรมทางการทหารของจีนก้าวหน้าไปไกลอย่างน้อย 10 ปีเลยนะเนี่ย อีกทั้งยังทำให้การทหารของจีนเข้มแข็งขึ้นมากโดยเฉพาะการรบทางอากาศ เป็เพราะการเข้าร่วมของเทียนซินกรุ๊ป การวิจัยและพัฒนาเครื่องบินรบรุ่นที่ 5 ถึงได้เข้าสู่วาระการประชุมสินะ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายประเทศต่างพากันอิจฉาเทคโนโลยีของเทียนซินกรุ๊ป แต่เนื่องจากหลินเทียนหนานไม่ใช่คนที่จะเผยจุดอ่อนตัวเองให้เห็นง่ายๆ ถึงมีก็มีแค่เื่ลูกสาวของเขาที่นับว่าเป็จุดอ่อนสำคัญ จึงทำให้มีคน้าลักพาตัวหลินหว่านเอ๋อร์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีอันทันสมัยของเขา เพราะแบบนี้สินะ สำนักงานรักษาความปลอดภัยจึงได้ให้ความสำคัญกับเื่นี้มาก ถึงกับต้องหาผู้ที่มีความสามารถทางการต่อสู้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่โดดเด่นจนเป็ที่สังเกตเพื่อมาปกป้องหลินหว่านเอ๋อร์ และคนคนนั้นก็คือผมเอง...
ผมนั่งถอนหายใจพร้อมกับความรู้สึกที่ว่า ตอนนี้ผมได้รับมอบหมายภารกิจอันยิ่งใหญ่เข้าแล้วสิ
……
ผมกวาดตามองไปรอบๆ อีกครั้งและตรวจสอบในป่าซึ่งมีต้นไม้ใหญ่เป็ครั้งสุดท้ายว่าจะไม่มีอันตรายใดๆ อืม... ไม่มีอะไรแล้วละ
“อ๊ะๆ...”
ตอนที่ผมมั่นใจว่าทุกอย่างปลอดภัยดีแล้ว ทันใดนั้นในป่าทางฝั่งขวามือของผมก็มีเสียงดังขึ้นเบาๆ ผมรีบหันไปมองแล้วเพ่งดู อืม... ตรงนั้นมีนักศึกษาชายหญิงสองคน... ฝ่ายผู้ชายนั่งอยู่บนเก้าอี้หิน โดยมีผู้หญิงสวมกระโปรงสั้นนั่งอยู่บนตัวเขา ที่ขาขวาของเธอมีกางเกงในห้อยลงมา อู้ว... สีชมพูด้วยแฮะ... ร่างกายของพวกเขาขยับตามจังหวะโดยที่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวมากมายเท่าไรนัก แต่ก็ยังมีเสียงเล็ดลอดออกมาอย่างต่อเนื่อง
ผมะโลงจากกำแพง ทว่าเท้าที่กระทบพื้นทำให้เกิดเสียง แม้จะไม่ดังมาก แต่ก็พอจะทำให้สองคนนั้นได้ยิน ทันใดนั้นพวกเขาก็หันมาทางผมก่อนถามขึ้นว่า “ใครน่ะ!”
ผมสะดุ้งก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “เอ่อ แค่ผ่านมาแถวนี้เฉยๆ น่ะ... ขอโทษทีนะที่รบกวน เชิญต่อตามสบายเลย ผมไปละ...”
หลังจากที่เท้าของผมัักับพื้นหญ้าก็เดินไปอีก 2-3 ก้าวจึงมาถึงถนนซึ่งมีแสงไฟสาดส่อง ถึงตอนนั้นที่ด้านหลังของผมก็เกิดเสียงดังเล็ดลอดตามมาอีกครั้ง โอ้ แม่เ้าโว้ย ยังมีต่ออีกเหรอวะเนี่ย ความมุ่งมั่นเต็มร้อยจริงๆ เลยเว้ย
……
ตอนที่กลับมาถึงหอพัก เ้าแว่นกำลังอาบน้ำอยู่ ผมจึงนั่งรอใช้ห้องน้ำต่อจากหมอนั่น
ผมนั่งลงหน้าโต๊ะหนังสือก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์ของเ้าแว่นเพื่อเล่นอินเทอร์เน็ตรอไปพลางๆ แล้วก็พบว่าหน้าแรกของคอมพิวเตอร์ เป็เว็บไซต์ทางการของ Destiny โดยที่้ามีข้อมูลของผู้เล่นที่มีเลเวลสูงสุด มีอุปกรณ์ดีที่สุด และข้อมูลอื่นๆ อีกเต็มไปหมด
แต่สิ่งที่ผม้าไม่ใช่ข้อมูลพวกนั้น เพราะผมอยากได้ข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับผมมากกว่านี้
หลังจากดูอยู่นานในที่สุดผมก็เจอแผนที่ ในเกมมีทั้งหมด 7 อาณาจักรใหญ่ โดยที่เซิร์ฟเวอร์จีนจะมีเมืองหลักของจักรวรรดิเป็เมืองหลักซึ่งนั่นก็คือเมืองเทียนหลิง โดยภายในเมืองจะแบ่งออกเป็ 3 เมืองย่อย คือเมืองฝานซู เมืองปาหวาง และเมืองจิ่วหลี หลังจากผู้เล่นออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นแล้ว พวกเขาจะต้องเลือกเมืองใดเมืองหนึ่งเพื่อเป็เมืองหลักในการตั้งรกราก สำหรับเมืองเทียนหลิงเป็เมืองที่มีมอนสเตอร์ระดับสูงมาก ซึ่งในตอนนี้ผู้เล่นที่มีระดับสูงที่สุดยังอยู่ที่เลเวล 18 เท่านั้น หากเขาเลือกไปเมืองเทียนหลิงก็ดูเหมือนจะพาตัวเองไปตายเสียมากกว่า ผู้เล่นเลเวล 18 ในเวลานี้ก็ยังไม่สามารถฆ่ามอนสเตอร์เลเวล 70 ได้เช่นกัน
ระหว่างนั่งดูแผนที่ ผมก็เห็นว่าหมู่บ้านสุนัขฟางอยู่ใกล้กับเมืองปาหวางที่สุด และอยู่ห่างจากเมืองฝานซู 9,000 กิโลเมตร ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกที
สักพักเ้าแว่นก็ออกจากห้องน้ำพร้อมหัวเราะออกมา “หลี่เซียวเหยา วันนี้อัปไปถึงเลเวลไหนแล้ว?”
ผมตอบ “เลเวล 9 นายล่ะ?”
“เ้าหนูอัปเร็วเหมือนกันนี่หว่า แป๊บเดียวเลเวล 9 แล้ว ตอนนี้ฉันยังเลเวล 13 อยู่เลย แต่ฉันอยู่เมืองจิ่วหลีแล้ว ว่าแต่นายจะไปตั้งหลักที่เมืองไหนล่ะ? หรือจะมาจิ่วหลีเหมือนฉัน? จะได้ไปเก็บเลเวลด้วยกัน...”
ผมกระตุกมุมปาก “ไม่ดีกว่า ตอนนี้ฉันอยู่ห่างจากเมืองจิ่วหลีตั้งไกล ต้องเดินผ่านเขาลูกใหญ่ตั้งหลายสิบลูก แถมต้องข้ามแม่น้ำสายใหญ่อีกหลายสาย ยังไม่ทันจะถึงเมืองคงถูกฆ่าตายจนกลับไปเลเวล 1 แน่ๆ ตอนนี้ฉันอยู่ใกล้เมืองปาหวางมากที่สุด ก็เลยคิดว่าจะไปเมืองนั้นก่อน”
เ้าแว่นหัวเราะออกมา “ก็ได้ รอให้้ลเวลสูงกว่านี้ก็สามารถขี่สัตว์พาหนะได้แล้ว ถึงเวลานั้นอยากไปไหนก็ไปได้แหละ”
“อื้อ”
ผมดูเวลา ตอนนี้ผมออกจากระบบมาได้ 3 ชั่วโมงแล้ว ลองเข้าไปดูหน่อยก็แล้วกัน
……
ระหว่างที่ระบบกำลังอ่านข้อมูล ทันใดนั้นแสงก็ตัดผ่านเข้ามาก่อนที่ตรงหน้าจะปรากฏสถานที่ที่ราชันหมีหนามถูกฆ่าตายเมื่อก่อนหน้านี้ ผมซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในร่างของิญญา รอบตัวไม่เห็นใครแล้ว แต่เมื่อมองให้ดีก็พบว่า ไอ้ซีฉู่ป้าหวางยังคงถือดาบและแอบอยู่หลังต้นไม้ ส่วนนักเวทอีก 2 คนก็ซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้ข้างๆ ให้ตายเถอะ ไอ้พวกบ้านี่แค้นฉันมากไปหรือเปล่าวะเนี่ย? แค่ดาบเล่มเดียวเนี่ยนะ? โคตรน่าอนาถใจเลย
ออกจากระบบไปนอนดีกว่า อยากจะเฝ้าก็เฝ้าให้ถึงเช้าไปเลยก็แล้วกัน บาย!