“แต๊งงงงง!”
เสียงสะท้อนจากแผ่นสำริดสั่นะเื นำพามาซึ่งสำเนียงแห่งกาลเวลาอันนานไกล
ฉู่เฟิงวางก้อนหินในมือลง มั่นใจแล้วว่านี่คือสำริดแน่นอน นี่มันช่างเหลือเชื่อเครื่องสำริดโบราณหนักหลายตัน นี่ไม่ใช่เื่เล็กๆ
หากแพร่งพรายออกไปล่ะก็ ย่อมเกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน
ตัวอักษรซีหมู่สองตัวที่ประทับอยู่้า นำพามาซึ่งตะกอนของกาลเวลา ในความเก่าแก่เรียบง่ายมีความลึกลับที่ดึงดูดจิตใจผู้คน ยากที่จะรู้ได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
“ใครเอามันมาฝังไว้ที่เขาคุนหลุนนี่กันนะ?”
ฉู่เฟิงเคาะแผ่นสำริด เสียงโลหะสะท้อนะเืไม่หยุด น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่นักโบราณคดี ไม่มีความสามารถที่จะประเมินราคาของมันได้
“บางทีในอดีตอันห่างไกลของที่นี่ อาจจะมีวัฒนธรรมยุคโลหะอันรุ่งเรืองถึงขีดสุดก็เป็ได้” เขาพึมพำกับตัวเอง เดามันอย่างนี้แหละ
เขาไม่เคยมีความคิดงมงาย ถึงแม้ว่าคุนหลุนจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของตำนาน อีกทั้งยังจับพลัดจับผลูมาเจอแผ่นสำริดขนาดมหึมาที่มีอักษรซีหมู่นี่ เขาก็ยังไม่คิดจะเชื่อเสียงลือเสียงเล่าอ้างพวกนั้น
ฉู่เฟิงคิดว่าถึงแม้ซีหวังหมู่จะเคยมีตัวตนมาก่อน บางทีอาจเป็เพียงผู้นำของชนเผ่าที่เข้มแข็ง สักเผ่าในดินแดนโบราณที่ห่างไกล ส่วนที่นี่ตอนนี้เป็แค่เพียงเศษซากของประวัติศาสตร์
“แผ่นดินไหวรุนแรง เหนี่ยวนำสนามแม่เหล็กในูเาให้ผิดปรกติ เหนี่ยวนำประจุในชั้นบรรยากาศให้เกิดประจุไฟฟ้า ประกอบกับแผ่นสำริดมหึมาที่เผยตัวออกมาจากูเา ก็เลยเกิดฟ้าแลบงั้นหรือ?”
ยิ่งคิด ฉู่เฟิงก็คิดว่าน่าจะเป็เพราะเหตุนี้
เขาคิดอยากจะขุดแผ่นสำริดทั้งแผ่นออกมาพิจารณาให้ละเอียด จนปัญญาที่อีกครึ่งซีกยังคงฝังอยู่ในดิน เมื่อไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ ก็ยากที่จะสำเร็จ
วนเวียนอยู่ที่นี่นานแล้ว เขาเริ่มปีนขึ้นไปต่อ
รอยแยกบนเขาทั้งกว้างทั้งลึก ดำมืด น่าสะพรึงกลัว เป็ภาพแห่งความพินาศวอดวาย
ตลอดเส้นทางไร้ซึ่งหนทาง สภาพูเาสูงชันอันตราย หินก้อนใหญ่ขวางระเกะระกะ ยิ่งปีนขึ้นสูงเส้นทางยิ่งยากลำบาก
ขุนเขาสูงใหญ่ เมื่อเดินทางเพียงเดียวดาย ให้ััได้ถึงความยิ่งใหญ่ของขุนเขา หวนคิดถึงตำนานอันหลากหลายของมัน ในใจฉู่เฟิงเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขุนเขากว้างใหญ่กับโค้งฟ้าที่กัน เป็ภาพที่ช่างอลังการอย่างเหลือแสน
ปีนป่ายขึ้นไปอีกกิโลเมตรกว่า การเดินทางบนูเาหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวไม่ใช่การเดินทางที่ง่ายดายเลย ยามที่พบกับหินูเาที่ง่อนแง่นแล้วร่วงหล่นลงไป ช่างอันตรายเป็อย่างยิ่ง
ข้างหน้ามีกองหินกองใหญ่ เป็กำแพงูเาที่เพิ่งถล่มลงมาไม่นานก่อนหน้านี้
ห่างออกไป่หนึ่ง ฉู่เฟิงก็มองเห็นสิ่งแปลกประหลาด ที่ทำให้เขาถึงกับแสดงอาการตกตะลึง เขาเร่งฝีเท้าไปใกล้ ปีนขึ้นไปดูเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นเป็เื่จริง
“อย่างกับสำริดแน่ะ!”
ไกลออกไป เขามองเห็นรอยสนิมสีเขียวเกราะกรังข้างในรอยแยกนั่น นี่ไม่ใช่แค่ชิ้นเล็กๆ แต่เป็ชิ้นที่ใหญ่ ใหญ่มาก
ในที่สุดเขาก็เข้าใกล้จนเห็นได้ชัดเจน
“จริงๆ ด้วย!”
นี่มันน่าตกตะลึงมากกว่าแผ่นสำริดที่เจอก่อนหน้านี้เป็ไหนๆ
เมื่อแผ่นผาชิ้นใหญ่ร่วงหล่น ก็เผยให้เห็นสิ่งที่ถูกซ่อนเร้นมาเนิ่นนานในภูผาสูงตระหง่านนั้น
แผ่นสนิมสีเขียวเอนอิงพิงอยู่กับหินผา ความเก่าคร่ำครึนำมาซึ่งความลี้ลับ นี่เป็สิ่งปลูกสร้างจากโลหะที่เผยโฉมออกมาจากส่วนของูเาที่ร่วงหล่น
ด้านหลังคือกำแพงหิน ตรงนั้นคือบ้านสำริดสามหลัง เรียบง่าย เก่าคร่ำครึและวังเวง มีบางส่วนที่ยังคงถูกหินฝังกลบ แต่ว่าก็ยังมองเห็นภาพรวม
สิ่งก่อสร้างสำริดรูปแบบโบราณ ในความใหญ่โตอลังการนำพามาซึ่งความรู้สึกหนักหน่วงของประวัติศาสตร์
กระเบื้องมุงหลังคา้าอาคารโลหะก็หลอมมาจากสำริด แผ่นแล้วแผ่นเล่าเรียงกันอย่างมีระเบียบประณีต เมื่อมองขึ้นไปก็ประหนึ่งว่ามีเกล็ดปลาสีเขียวเรียงรายอยู่ที่นั่น
ฉู่เฟิงตื่นตะลึงอย่างแท้จริง ความรู้สึกในใจยากจะระงับลงได้
นี่เป็การค้นพบที่สั่นะเืวงการ เครื่องสำริดขนาดมโหฬารอย่างนี้ อาคารสำริดตั้งหลายหลังเลยนะ ที่ถูกปลูกสร้างอยู่บนเขาคุนหลุนทั้งยังถูกปิดฝังเสียลึก
นี่มันเป็ของจากยุคไหนกัน แล้วใครเป็คนสร้าง?
จากที่เขาคาดเดา พื้นที่แถบนี้จะต้องเคยเป็ถิ่นอารยธรรมยุคโลหะที่รุ่งเรืองมาก่อนอย่างแน่นอน ดำรงอยู่ในกาลเวลาอันยาวนานที่ตำราประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบันไม่เคยบันทึกไว้
แต่ว่าในขณะที่ตื่นตะลึง เขาก็รู้สึกได้ถึงความกระวนกระวายใจและความงุนงง
ติ่งซือหมู่ได้รับการเรียกขานว่าเป็เครื่องสำริดโบราณที่ใหญ่ที่สุด ทว่าดูแล้ว ตอนนี้ไม่เพียงแต่มีน้ำหนักเบากว่าแผ่นสำริดนั่น เมื่อเทียบกับตัวอาคารตรงหน้านี้แล้ว ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็เครื่องสำริดที่หนักที่สุดแล้ว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การหลอมอาคารอย่างนี้ ย่อมยากเย็นกว่าหลอมติ่งเป็ไหนๆ
หลอมตัวอาคารออกมาแล้ว ก็เชื่อมต่อเข้าด้วยกันเป็กลุ่มอีก ในความยิ่งใหญ่และเคร่งขรึมน่าเคารพนั้นแทรกซึมไปด้วยความน่าพิศวง
นี่ถ้าหากว่าโลกภายนอกล่วงรู้เข้าล่ะก็ ต้องถูกมองเป็เครื่องสำริดขนาดใหญ่ที่ล้ำค่าและหายากถึงขั้นที่สุด เรียกได้ว่าล้มแชมป์ได้ง่ายๆ เลย
ฉู่เฟิงเป็คนประเภทเผชิญหน้ากับเื่ต่างๆ ได้อย่างสงบนิ่งมาตลอด แต่มาวันนี้กลับไม่อาจสงบใจได้ การที่เทือกเขาในแดนตะวันตกมีร่องรอยซากสำริดเช่นนี้ มันน่าตื่นตะลึงเกินไปแล้ว!
เขาลองใช้แรงผลักบานประตูสำริด มีเสียงฝืดๆ ของโลหะเสียดแก้วหูดังขึ้นเบาๆ แล้วประตูสำริดก็ถูกผลักออก
ฉู่เฟิงไม่ได้เข้าไปทันที เขารออยู่ข้างนอกอีกพัก รอให้อากาศถ่ายเทแล้วจึงค่อยๆ ย่างเท้าอย่างระมัดระวัง ภายในเงียบงันอย่างยิ่งแทบจะตัดขาดจากโลกภายนอก หากเข็มตกก็คงได้ยิน ทว่าภายในราบเรียบเตียนโล่งไม่มีสิ่งใดแม้แต่นิด
ไม่ว่าจะเป็บนพื้นหรือบนผนัง ปราศจากซึ่งสิ่งของใดๆ โดยสิ้นเชิง
อาคารอีกสองหลังที่เหลือก็เป็เช่นเดียวกัน ภายในว่างเปล่า ไม่มีแม้กระทั่งโต๊ะเก้าอี้
สำรวจดูโดยละเอียด ก็ไม่มีร่องรอยอะไรให้เห็น บ้านสำริดนั่นว่างเปล่าจริงๆ
ฉู่เฟิงถอยออกมา มองดูอาคารทั้งสามหลังด้วยความไม่เข้าใจที่สุมแน่น นี่เป็สิ่งปลูกสร้างสำหรับอยู่อาศัยของคนโบราณ หรือเป็สถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมกันแน่?
ในอดีตอันไกลโพ้นนั่น อย่างนี้มันหรูหราฟุ่มเฟือยกันเกินไปแล้ว!
ตำราประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า ยามที่หลอมติ่งซือหมู่ในยุคราชวงศ์ซางนั้น ต้องใช้ช่างหลอมสองถึงสามร้อยคน ทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิดจึงสำเร็จได้อย่างยากลำบาก
ยุคโบราณ หากจะหลอมอาคารสามหลังขึ้นมา มันจะมีความลำบากถึงเพียงไหนนะ?!
ฉู่เฟิงรั้งอยู่ที่นี่เป็นาน สุดท้ายก็ปีนเขาต่อ สองสามชั่วโมงให้หลัง ในที่สุดอีกประมาณสองร้อยเมตรก็ใกล้จะถึงยอดเขาแล้ว ตัวเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
สภาพร่างกายเขาดีเยี่ยม ร่างกายเขาผอมสูง แข็งแรงเป็อย่างยิ่ง แต่การปีนเขาสูงเช่นนี้เป็ระยะเวลานาน ก็ยังคงเหนื่อยล้าเป็อย่างมาก
เมื่อเข้าใกล้ยอดเขา ทอดตามองสุดลูกหูลูกตา ขุนเขาน้อยใหญ่ลดหลั่นกันไป แผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลและมนุษย์เราที่ตัวกระจิริด จะเทียบได้ก็เพียงธุลีดิน
ยืนอยู่บนขุนเขา แหงนหน้ามองดูโค้งฟ้าสีครามเข้มที่ใกล้ยิ่งกว่าใกล้ ชวนให้จิตใจปลอดโปร่ง สามารถสลัดทิ้งซึ่งความกังวลทั้งหมด ชื่อเสียงเกียรติยศทั้งมวล ซึ่งล้วนไม่ได้สำคัญแต่อย่างใด
ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลของที่นี่นับว่าสูงมากแล้ว แต่กลับไม่พบเจอหิมะเลย อีกทั้งยังคงมีต้นไม้ใบหญ้า สิ่งนี้ทำให้ฉู่เฟิงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
“มีร่องรอยฟ้าผ่า!”
ฉู่เฟิงพบว่าบนเขามีรอยไหม้เหมือนถูกฟ้าผ่ามาก่อน ต้นไม้ใบหญ้าแถบหนึ่งกลายเป็เถ้าถ่านดำสนิท
นอกจากนั้น หินผาล้วนถูกฟ้าผ่าแตกแยก สภาพบนเขาพังทลายไปทั้งแถบ
นี่ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าหลายวันก่อนที่เกิดหมอกหนาที่นี่ มีแสงสีฟ้าล้อมรอบที่จริงแล้วก็คือฟ้าแลบ ที่แห่งนี้เคยถูกฟ้าผ่ามาก่อน
ทางเดินเบื้องหน้าถูกปิดกันด้วยกองหินขนาดั์ ฉู่เฟิงเดินอ้อม คิดจะปีนขึ้นไปจากอีกด้าน
ทว่า เมื่อเขาอ้อมไปถึงอีกฟากของยอดเขา ร่างกายถึงกับแข็งทื่อรูม่านตาหดไปชั่วขณะ นี่เป็ครั้งแรกที่เขารู้สึกช็อกขนาดนี้
แม้ตอนที่เห็นอาคารสำริด เขายังไม่เป็ถึงเพียงนี้
ูเาด้านนี้เคยเกิดเหตุดินถล่ม หินดินจำนวนมหาศาลที่ไถลถล่มไป เผยให้เห็นเนื้อโลหะ
“ูเาสำริด!”
หลังจากหน้าดินที่ทับถมไถลร่วงลงไป ความจริงที่ปรากฏออกมามันน่าแตกตื่นเกินไปแล้ว
อาณาบริเวณยอดเขานี้ ที่แท้แล้วก็คือก้อนสำริดที่ถูกดินกลบฝังอยู่ข้างใต้
นี่ไม่ใช่อาณาบริเวณเล็กๆ ระยะห่างจากยอดเขาก็ร่วมสองร้อยเมตร พื้นที่อันกว้างขวางแถบนี้ทำมาจากสำริด
แล้วนี่จะให้ผู้คนคิดเป็อื่นอย่างไรได้ ูเาทั้งลูกทำมาจากสำริด ภายนอกปกคลุมด้วยหินดิน หากลึกลงไปต่างหากถึงเป็ ‘ตัวจริง’?
มันช่างเหลือเชื่อ!
ความเป็จริงจะเป็อย่างไรไม่มีใครรู้ได้ ทว่าอย่างน้อยที่สุด ระยะทางสองร้อยเมตรจนถึงยอดเขานี้เป็สำริด แค่นี้ก็เพียงพอที่จะะเืโลกแล้ว
ฉู่เฟิงถูกสะกดจนนิ่งงัน นี่เป็เขาลูกหนึ่งในเทือกเขาคุนหลุนที่มีเนื้อในเป็สำริด สิ่งนี้ล้มล้างแนวความคิดของเขาที่ผ่านการทดสอบมานาน จนเป็รูปร่างโดยสิ้นเชิง
เขาไม่เคยเชื่อเื่ลี้ลับ ตลอดมาก็มองว่าเื่เล่าขานพวกนี้เป็เพียงนิทานเท่านั้น
แต่ความผิดปรกติที่เกิดขึ้นตรงหน้า ให้อธิบายอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
หลังจากเหตุการณ์ฟ้าผ่า เปิดเผยความจริงของูเาสำริด
เื่ที่เกิดขึ้นที่นี่คือเหตุการณ์เขย่าโลก!
ฉู่เฟิงยังคงปีนูเาสำริดต่อไป หากก็หยุดที่ระยะห่างจากยอดเขาไปหนึ่งร้อยเมตร เนื่องจากตรงนั้นคือหน้าผาสำริดที่สูงตระหง่านง้ำ ยากนักที่จะปีนขึ้นไป
ขณะเดียวกัน เขาก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยตามลมมา
พื้นที่แถบนี้เป็สำริดทั้งหมด เป็โลหะที่มีััเย็นเยียบ แต่แรกก็ราบเลี่ยนเตียนโล่งไร้ซึ่งต้นไม้ใบหญ้า
ฉู่เฟิงแหงนหน้าสำรวจ มองหาอย่างละเอียดลออ
แล้วก็เจอจริงๆ เสียด้วย บนหน้าผาสำริดมีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่ง!
ตรงนั้นยังอยู่ในขอบเขตยอดเขา เขาถอยหลังแล้วมองหาเส้นทางที่จะปีนขึ้นไปจากมุมอื่น คิดจะตรวจดูใกล้ๆ อย่างละเอียดสักหน่อย
หลังจากนั้นไม่นาน ถึงแม้จะขึ้นไปไม่ถึงยอดเขา แต่ก็ได้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว
ต้นไม้เขียวชอุ่มต้นเล็กๆ สูงสามฟุตกว่าๆ นึกไม่ถึงว่ามันจะหยั่งรากบนหน้าผาสำริด ทั้งยังออกดอกเสียด้วย หากยังเป็เพียงดอกตูม
ฉู่เฟิงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้มองผิดไป ตรงนั้นไม่มีดินจะมีก็แต่แผ่นสำริด มันหยั่งรากกับหน้าผาสำริด นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ
เื่นี้เกินกว่าจะเชื่อได้ และยากที่จะทำความเข้าใจ
เขาเปลี่ยนตำแหน่ง เลือกมุมที่ง่ายต่อการปีนขึ้นไป ด้วยระยะที่ใกล้เข้ามาทำให้เห็นได้อย่างชัดเจน ต้นไม้ต้นเล็กนั่นหยั่งรากกับสำริดอย่างแน่นอน!