ปฏิกิริยาของหลินหร่านในสายตาของเหล่าสาวใช้คิดว่าช่างน่ารักและน่าขัน หลายต่อหลายคนเริ่มที่จะหัวเราะพร้อมกับยกมือขึ้นป้องปาก สายตาที่ทอดมองหลินหร่านเต็มไปด้วยความเป็มิตรไมตรี
คุณชายน้อยที่อารมณ์ดีและเป็มิตรเช่นนี้ ใช่ว่าจะพบเจอได้โดยง่าย ซึ่งพวกนางล้วนแต่พากันชื่นชอบคุณชายน้อยผู้นี้
อีกทั้งคนสนิทอย่างติงหร่วนก็เคยพูดโน้มน้าวเอาชนะใจพวกนางมาแล้ว คุณชายน้อยเป็คนอารมณ์ดี เป็คนที่ไม่ควรถูกพวกนางกลั่นแกล้ง
ในอนาคตคุณชายน้อยจะได้เป็พระชายาของเทพเ้าแห่งา มีสถานะสูงส่ง ห้ามปล่อยปละละเลยเป็อันขาด สิ่งที่พวกนางต้องทำคือรับใช้อย่างตั้งใจ ปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ เพียงเท่านี้พวกนางก็สามารถมีอนาคตที่ดีได้แล้ว
“เอาล่ะ แยกย้ายกันได้แล้ว” ติงหร่วนให้เหล่าสาวใช้พากันแยกย้าย
“เ้าค่ะ”
เหล่าสาวใช้คารวะอย่างมีมารยาท บางคนก็ขนของกำนัลเข้าไปไว้ห้องเก็บของ
หลังจากนั้นหลินหร่านกับติงหร่วนจึงเข้าห้องมา
ภายในห้อง ถั่วแดงทั้งหมดที่อวี้ฉู่จาวนำมาให้เมื่อคืน หลินหร่านนำมาวางไว้บนโต๊ะ
หลินหร่านนั่งลง ก่อนเหม่อมองไปที่ถั่วแดงเ่าั้อยู่ครู่หนึ่ง
ฝ่ามือเขาค่อยๆ หยิบถั่วแดงขึ้นมาบีบพลางทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง มองนกกางเขนที่เกาะอยู่บนหลังคาทั้งหมดบินจากไป
คนสมัยก่อนคงเบื่อเป็ที่สุด เพราะวันๆ ใช้ชีวิตอยู่แต่ในเรือนใหญ่กำแพงสูง ไม่มีอะไรให้ทำ เช่นเดียวกับหลินหร่านในตอนนี้
นอกจากวาดรูป เก็บถั่วแดง คะนึงหาอวี้ฉู่จาว ก็ไม่รู้ว่าจะผ่านแต่ละวันไปได้อย่างไร
ท่านอ๋องบอกเขาว่าให้รอวันที่จะมาสู่ขอ เขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอย ทว่าการอภิเษกสมรสครั้งนี้เป็งานอภิเษกสมรสที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ จึงมักจะล่าช้าและใช้เวลานาน
แล้วแบบนี้เขาต้องรอไปถึงเมื่อไรกัน สามเดือน ห้าเดือน หรือว่าหนึ่งปี
อวี้ฉู่จาวมีหน้าที่ทางการทหารต้องดูแล ไม่สามารถมาหาเขาได้ทุกวัน และคงไม่ใช่เื่ดีแน่หากเขาจะไปหาอวี้ฉู่จาวด้วยตนเอง แล้ววันนี้ก็ต้องเป็อีกวันที่น่าเบื่ออย่างไม่ต้องสงสัย
ติงหร่วนมองคุณชายน้อยของตนเองที่เอาแต่นั่งเหม่อมองถั่วแดง ไม่อาจทราบได้ว่าคุณชายน้อยกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยจึงได้เดินเข้าไปถาม “คุณชายน้อยอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกไหมขอรับ”
หลินหร่านเงยหน้ามองติงหร่วน เอ่ยถามข้อข้องใจ “ข้าออกไปข้างนอกได้ด้วยหรือ”
เท่าที่จำความได้ ั้แ่ข้ามภพมาเขาไม่เคยได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก หากวันไหนโชคดีจะมีคนเอาข้าวมาส่งให้ แต่หากวันไหนโชคร้ายประตูก็จะถูกล็อกอย่างแ่าจากด้านนอก
ข้างนอกที่ไม่มีแม้แต่คนเดินผ่าน ถูกปล่อยให้หิวโซก็คงไม่มีใครรับรู้
แม้ว่าในวันนี้จะไม่เหมือนก่อนแล้ว แต่เขาก็ยังคิดว่าเป็เพราะตนเองไม่ได้รับอนุญาตจึงไม่เคยออกไป
“แน่นอนสิขอรับ คุณชายน้อยอยากไปที่ใดก็ย่อมได้”
“ที่ใดก็ได้อย่างนั้นหรือ”
“ขอรับ แม้กระทั่งคุณชายน้อยอยากจะไปหาท่านอ๋องก็ย่อมได้ เมื่อเช้าก่อนที่ท่านอ๋องจะกลับได้สั่งข้าไว้ หากคุณชายคิดถึงท่านก็ไปหาที่ตำหนักได้ขอรับ”
“จริงหรือ?” หลินหร่านขมวดคิ้วด้วยความฉงน ก่อนที่ใบหน้าจะแดงก่ำด้วยความเขินอาย “เ้าพบท่านอ๋องแล้วหรือ”
ติงหร่วนเอาคำพูดของอวี้ฉู่จาวมาบอกได้เช่นนี้ ก็แสดงว่าเมื่อเช้าคงพบกันแล้ว ถ้าอย่างนั้นเื่ที่ทั้งคู่พบกันแล้วนอนด้วยกันเมื่อคืนก็…
เช่นนี้เท่ากับว่าพวกเขากำลังแอบมีสัมพันธ์กันอยู่น่ะสิ
หลินหร่านพลันเกิดความสับสนในใจ เขาจำได้ว่าในสมัยก่อน หากแอบมีสัมพันธ์กันจะถือว่าเป็ความผิดร้ายแรง
ถ้าอย่างนั้น การที่พวกเขาทำเช่นนี้จะนำพาความเสื่อมเสียมาสู่ท่านอ๋องหรือไม่ พวกเขาทั้งคู่ยังไม่ได้แต่งงานอยู่กินกัน แต่เมื่อคืนกลับอยู่ด้วยกันทั้งคืน...หากเป็เช่นนั้นจะถือเป็ความผิดหรือไม่กันนะ
อีกอย่าง ติงหร่วนจะคิดอะไรหรือเปล่า...
ติงหร่วนก็พอจะมองออกว่าหลินหร่านทั้งเขินอายและเป็กังวล
“คุณชายน้อยวางใจเถิด ข้าเข้าใจขอรับ อย่างไรท่านกับท่านอ๋องก็ต้องอภิเษกสมรสกัน สิ่งเ่าั้ไม่ใช่เื่สำคัญอันใด อีกทั้งข้าก็เป็คนของคุณชายน้อย แล้วก็เป็คนของท่านอ๋อง ท่านไม่จำเป็ต้องปิดบังข้าหรอก” ติงหร่วนบอกพลางยิ้ม เขาอยากให้หลินหร่านรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
ติงหร่วนอายุยังน้อย เวลาเอ่ยอะไรออกมาก็มักจะเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ดูร่าเริง รวมถึงใบหน้าที่มีแก้มแบบนั้นยิ่งมองแล้วชวนให้พบแต่ความจริงใจ
หลินหร่านไม่รู้ว่าควรตอบออกไปเช่นไรจึงได้แต่พยักหน้ารับ
หลังจากหลินหร่านตกตะกอนความคิดได้จึงวางถั่วแดงในมือแล้วหันไปหาติงหร่วน “ถ้าอย่างนั้น พวกเราออกไปเดินเล่นกัน”
“ขอรับ”
ต่อจากนั้น หลินหร่านก็เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วถึงออกไปจากจวนแม่ทัพ
เมื่อหลินหร่านออกไป นางเว่ยก็ได้รับข่าวโดยพลัน
“เขาออกไปจากจวนอย่างนั้นหรือ” นางเว่ยลุกขึ้นยืน วางถ้วยชาในมือลงอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้ชาหกออกมาเล็กน้อย
“ขอรับ ออกไปกับติงหร่วนแค่สองคน ไม่ได้นั่งรถม้าออกไปขอรับ”
ดวงตาของนางเว่ยเบิกกว้างกว่าเดิมราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
.........
อีกด้านหนึ่ง หลินหร่านสวมชุดคลุมดิ้นทองสีฟ้ากับผ้าพันคอขนจิ้งจอกขาว บนหัวสวมก่วนทองยกหางม้า
เขาเดินอยู่บนถนนจูเชวี่ย กลายเป็เด็กหนุ่มที่ดูร่ำรวยที่สุด หลายต่อหลายคนต่างสงสัยว่านี่คือคุณชายจากตระกูลไหน เหตุใดจึงไม่เคยพบเจอมาก่อน
เสื้อผ้ากับเครื่องประดับของหลินหร่านนั้น อวี้ฉู่จาวสั่งทำขึ้นมาทั้งหมด ล้วนแต่เป็ของมีราคาและเป็ของที่มีเพียงชิ้นเดียวในเมืองอวี้อัน
หลินหร่านที่ถูกจับตามอง ในใจพลันรู้สึกกลัวจนขาดความมั่นใจ แต่ติงหร่วนที่ตามหลังหลินหร่านมานั้น ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกโอ้อวด
‘คุณชายน้อยของข้าจะได้เป็พระชายาผู้สูงส่งของราชวงศ์อวี้ พวกเ้าช่างเสียมารยาทจริง’
“คุณชายน้อย มีที่ที่อยากไปไหมขอรับ” หลังจากเดินไปได้ไม่นาน ติงหร่วนก็ถามขึ้น “ไปหาท่านอ๋องที่ตำหนักไหมขอรับ อยู่สุดทิศตะวันออกของถนนจูเชวี่ยนี่เอง”
จูเชวี่ยเป็ย่านที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมืองอวี้อัน เหล่าเครือญาติของฮ่องเต้และจวนของเหล่านายพลต่างก็อยู่ที่นี่
ดังนั้น ตำหนักของผู้ที่ได้รับขนานนามว่าเป็เทพเ้าแห่งาจึงอยู่ทางทิศตะวันออกของย่านนี้ แล้วยังอยู่ในทิศตะวันออกที่ฮวงจุ้ยดีที่สุดอีกด้วย
หลินหร่านคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “ตอนนี้ท่านอ๋องคุยงานราชการเสร็จหรือยัง”
“ดูจากพระอาทิตย์แล้ว คาดว่าเสร็จแล้วนะขอรับ” ติงหร่วนมองบนท้องฟ้า
“หากพวกเราไป แล้วมีคนเห็นเข้าจะทำให้ท่านอ๋องเดือดร้อนหรือไม่” หลังบอกความกังวลในใจของตนเอง หลินหร่านก็หมุนตัวเพื่อกลับไปทางจวนแม่ทัพฮวาเวย
“โธ่ ไม่ได้นะขอรับคุณชายน้อย” ติงหร่วนรีบวิ่งตามไป
แต่ยังไม่ทันที่ติงหร่วนจะตามไปทัน ฉับพลันกลับมีม้าตัวหนึ่งโผล่มา
“คุณชายระวัง!” ติงหร่วนะโขึ้น ไม่ได้สนใจมองผู้ที่อยู่บนม้าว่าเป็ใคร
จนในที่สุด คนที่อยู่บนหลังม้าเข้าไปใกล้ด้านหลังหลินหร่านแล้วช้อนตัวเขาขึ้นมาบนหลังม้าด้วยกัน
เมื่อติงหร่วนเงยหน้ามอง เขาถึงได้รู้ว่าผู้ที่อยู่บนหลังม้าคือท่านอ๋อง ไหล่ผายกับแผ่นหลังกว้าง ทั้งสง่างามและดูเ็า
หลินหร่านถูกทำให้ใ พอเรียกสติกลับมาแล้วถึงรู้สึกคุ้นเคยกับอ้อมกอดนี้ ไหนจะแผ่นอกแกร่งที่คุ้นชินเป็อย่างดีอีก
หลินหร่านหันหน้าเข้าหาผู้ที่โอบกอดเขาไว้ พอเงยหน้ามองก็พบว่าเป็ใบหน้าอันหล่อเหลาของอวี้ฉู่จาว
“ท่านอ๋อง?” หลินหร่านทั้งใและดีใจในเวลาเดียวกัน
“หากเ้าไม่อยากไปที่ตำหนักของข้า ข้าจะพาเ้าไปที่อื่น กอดข้าให้แน่น” อวี้ฉู่จาวกระชับบังเหียนด้วยมือข้างเดียว อีกมือโอบกอดหลินหร่านไว้
หลินหร่านอยู่ในอ้อมกอดของอวี้ฉู่จาว กอดอีกคนแน่นก่อนเงยหน้าลอบมองใบหน้าเขา รู้สึกมีความสุขแทบจะเป็ลมเลยเชียว
อวี้ฉู่จาวพาหลินหร่านมาเรือนบ้านไม้ไผ่ที่อยู่ไม่ห่างจากตำหนักของเขามากนัก
“นี่คือโรงยา ที่พักของหมอซูในเมืองอวี้อัน แต่่นี้เขาไม่อยู่ หากเ้าเบื่อก็มาที่นี่ได้ ที่นี่อยู่ไม่ห่างจากตำหนักข้า หากเ้ามาข้าก็จะมาหาเ้า”
“พ่ะย่ะค่ะ” หลินหร่านพยักหน้ารับ
เหตุใดท่านอ๋องถึงได้ดีกับเขาเช่นนี้ ช่างเป็คนที่มีจิตใจอ่อนโยน อีกทั้งยังจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้เพียบพร้อม
จากที่ท่านอ๋องเอ่ยมา ที่นี่ไม่มีคนอาศัยอยู่ แต่ข้างในกลับมีข้าวของเครื่องใช้ครบครัน เตาไฟก็กำลังลุกอย่างรุนแรง ทำให้ทั้งเรือนเต็มไปด้วยความอบอุ่นราวกับว่าท่านอ๋องได้ให้คนมาจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า
หลินหร่านรู้สึกพอใจยิ่งนัก ท่านอ๋องของเขาดีที่สุด!
--------------------------------------