ในจวนแม่ทัพฮวาเวย หลังอวี้ฉู่จาวออกไป ไม่นานหลินหร่านก็ตื่นขึ้น
กว่าหลินหร่านจะล้างหน้าล้างตาและรับประทานมื้อเช้าเสร็จก็เกือบยามซื่อ1
ยามนี้ สวนในตระกูลหลินเริ่มต้นวันแห่งการทำความสะอาด ในสวนของเรือนชุนอวี่มีสาวใช้หลายคนกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น
หลังมื้อเช้า หลินหร่านยังงัวเงียอยู่ ขณะนั้นมีคนจากในวังมาหา
ที่แท้ก็มาแจ้งข่าวดี วันนี้ฮ่องเต้ฉงเต๋อได้ประกาศราชโองการงานอภิเษกตอนว่าราชการเมื่อเช้า และท่านอ๋องรับราชโองการ
เวลานี้ ผู้คนทั่วทั้งเมืองต่างได้ยินข่าวอภิเษกนี้กันไปทั่ว ในขณะเดียวกันก็พากันถกเถียงเกี่ยวกับเื่นี้มากมาย
ตอนแรกชาวเมืองล้วนสงสารเทพเ้าแห่งา แต่ไม่นานความคิดก็เริ่มเปลี่ยน ไม่รู้ว่าใครไปขุดเื่ของหลินหร่านขึ้นมา
ชาวเมืองล้วนพูดกันปากต่อปาก ่แรกที่รู้ว่าท่านอ๋องได้อภิเษกกับภรรยาที่เป็ชายก็ใกันเป็อย่างมาก ต่อมากลับพูดกันว่าเทพเ้าแห่งานั้นอาภัพภรรยา หลินหร่านเป็คนดวงแข็ง จึงนับว่าเหมาะสม
ภายหลังชาวเมืองจึงคิดว่าเื่นี้มีเหตุมีผลเลยไม่ได้สนใจอะไร เพราะหลินหร่านก็ถือเป็ภรรยาชายที่ขับไล่เื่เลวร้ายได้
ทว่า การสู่ขอภรรยาที่เป็ชายก็ยังมีข้อดีอีกข้อหนึ่ง นั่นคือการทำให้หญิงสาวที่ชื่นชมอวี้ฉู่จาวจิตใจสงบลงได้บ้าง
ชายที่มีดวงกดความชั่วร้ายได้นั้นเป็แค่สิ่งที่มีไว้ประดับตำหนัก ให้กำเนิดทายาทไม่ได้ แต่กระนั้นก็ย่อมดีกว่าอภิเษกกับเหล่าผู้หญิงที่อายุสั้น
…….
หลังจากอวี้ฉู่จาวตอบตกลง การจัดเตรียมพิธีอภิเษกสมรสถึงเริ่มดำเนินการ
เวลาต่อมา คนของตระกูลหลินทั้งหมดก็มารวมตัวกันอยู่หน้าเรือนชุนอวี่ มองหยกล้ำค่าที่กำลังถูกยกเข้าไปในเรือนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
อันที่จริงนางเว่ยไม่ได้อยากมา แต่เพราะตนเป็ฟูเหรินของบ้าน จึงต้องมาทำหน้าที่ต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่ไม่ตรงกับใจนัก
“ลำบากท่านกงกงเสียแล้ว” นางเว่ยเอ่ยจบพลันมีคนยื่นซองแดงให้กับขันทีที่นำของมาส่ง
“ฟูเหรินก็เกรงใจเกินไป” ขันทีที่มาในวันนี้มีท่าทีอ่อนน้อมมากกว่าขันทีที่มาประกาศพระราชโองการอยู่มากโข “ฮ่องเต้ได้มีรับสั่งให้เรียกตัวแม่ทัพฮวาเวยกลับเมืองหลวงแล้ว ฟูเหรินเตรียมรอต้อนรับท่านแม่ทัพกลับจวนเถิด”
นางเว่ยใอย่างหนัก ความเป็จริงก็ต้องกลับมาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้สถานะของหลินหร่านไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
ขอให้ไม่มีใครพูดอะไรต่อหน้านายท่าน ไม่อย่างนั้นพวกเขาสามคนแม่ลูกต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบากแน่
ขันทีที่นำของกำนัลมาส่งไม่ได้สังเกตใบหน้าที่ซีดขาวของนางเว่ย เมื่อเห็นหลินหร่านเดินออกมาจึงก้าวเข้าไปหา
“คารวะคุณชายน้อย ข้าน้อยนำของกำนัลมาส่งให้ขอรับ” ใบหน้าของขันทีเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ในขณะที่ขันทีกับหลินหร่านพูดคุยกันอยู่นั้น อนุภรรยาคนที่สอง นางซ่งก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างกาย
“ไอหยา ตอนนี้คุณชายน้อยกลายเป็นกบินติดลมบนเสียแล้ว ต่อไปคงมีแต่วันดีๆ ไม่มีใครทำอะไรได้แล้วกระมัง” คำพูดของนางซ่งแฝงไปด้วยความหมาย “คนที่คอยกลั่นแกล้งเขาก่อนหน้านี้คงต้องพากันระวังตัว...เ้าว่าใช่หรือไม่ นางเฉิน”
สายตาของนางซ่งชำเลืองมองนางเว่ย ประโยคสุดท้ายหันไปถามนางเฉินที่เดินเข้ามา
นางเฉินเป็อนุภรรยาคนที่สามของหลินฮวาเหนียน เป็หญิงสาวผู้นุ่มนวลราวกับน้ำจากทางใต้ มารยาทงาม ให้กำเนิดบุตรหนึ่งคนนามว่าหลินเสี่ยวก่วน
“เื่นั้น...ข้าก็ไม่แน่ใจ” นางเฉินเหล่มองด้วยท่าทีลำบากใจก่อนยิ้มเจื่อน
นางเฉินเป็คนซื่อสัตย์ นางเลือกที่จะอยู่ห่างจากนางเว่ยกับนางซ่งเพื่อลดการปะทะมาตลอด วันนี้ได้ยินว่าด้านนอกมีเสียงดัง ดูท่าทางครึกครื้นจึงได้ออกมาดู ใครจะไปคิดว่าจะถูกถามเช่นนี้
“ถ้าอย่างนั้นฟูเหรินคงจะรู้ดีที่สุด” นางซ่งตั้งคำถามต่อหน้า
นางเว่ยยืดอกด้วยท่าทีหยิ่งผยอง จ้องมองนางซ่งเขม็ง “ฮึ แล้วเ้าละเป็คนดีแค่ไหนกันเชียว”
แต่ไหนแต่ไรในตระกูลหลินไม่มีใครดีกับหลินหร่าน ก่อนที่หลินหร่านจะออกจากจวน ไม่ว่าใครต่างก็้าเหยียบย่ำเขาขึ้นไปเพื่อหาความสุขกันทั้งนั้น
หลังเอ่ยจบ นางเว่ยก็หมุนตัวเดินออกไปจากเรือนชุนอวี่ กลับไปที่เรือนของตนเอง
นางซ่งกลอกตามองนางเว่ยแล้วเดินกลับเรือนของตนเช่นกัน ทิ้งนางเฉินไว้เพียงลำพังให้มองดูความรื่นเริงในเรือนชุนอวี่
แววตาของนางมีแต่ความอ่อนโยนที่เป็ลักษณะเด่นของหญิงสาวทางใต้ ไม่อาจรู้ได้ว่านางกำลังคิดอะไร แต่รอยยิ้มที่มุมปากนั้น นางยิ้มจากใจจริง
“ท่านแม่” ทันใดนั้น เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา
นางเฉินหันไปมอง “เสี่ยวก่วน? เหตุใดจึงไม่ไปเรียน”
หลินเสี่ยวก่วนคือบุตรสาวของนางเฉิน อายุน้อยกว่าหลินหร่านสองปี
ทว่าในรัชศกนี้ หญิงสาวอายุ 15 ก็สามารถออกเรือนได้แล้ว
บุตรชายในตระกูลหลินส่วนใหญ่ล้วนเป็ทหาร ส่วนบุตรสาวก่อนออกเรือนยังต้องส่งไปเรียนหนังสือ
เรียนรู้การเป็ภรรยา กฎทั้งสาม มรรคทั้งห้า หลักสี่คุณธรรม สามคล้อยตาม วรรณกรรมสอนสตรี
“วันนี้ฟูเหรินมีธุระ จึงให้พวกเราพักหนึ่งวันเ้าค่ะ”
หลินเสี่ยวก่วนมีอารมณ์กับท่าทีเหมือนนางเฉินไม่มีผิด ผิวพรรณนุ่มนวล รอยยิ้มสุภาพ พูดจาอ่อนโยน
“ท่านแม่ทำอะไรอยู่หรือเ้าคะ” หลินเสี่ยวก่วนจับแขนของนางเฉินอย่างเป็ธรรมชาติ
“มาดูเื่สนุก”
หลินเสี่ยวก่วนหันไปมองตามนางเฉิน เห็นหลินหร่านที่กำลังพยักหน้าพูดคุยอยู่กับท่านกงกง
“นั่น...ท่านพี่หลินหร่านใช่หรือไม่เ้าคะ” หลินเสี่ยวก่วนถาม
“ใช่แล้ว ในที่สุดก็ออกมาได้เสียที” นางเฉินวางมือลงบนฝ่ามือของหลินเสี่ยวก่วนพร้อมตบเบาๆ สายตาเปี่ยมไปด้วยความเห็นใจ
หลินเสี่ยวก่วนพยักหน้ารับ “ท่านแม่เอาแต่สงสารคนอื่นเสมอ ต้องห่วงตนเองบ้างนะเ้าคะ”
นางเฉินไม่ตอบ แต่ยังคงมองไปทางเบื้องหน้า
.........
ขณะนั้น หลินหร่านกำลังเอ่ย “ขอบคุณที่ลำบากนะขอรับ”
หลังจากนั้น เขาส่งขันทีผู้นำส่งของกำนัลกลับ คนที่อยู่ข้างนอกเรือนชุนอวี่เกือบจะเดินกลับไปหมดแล้ว
หลินหร่านที่กำลังจะกลับเข้าห้องโดยเร็วเพราะได้ฟังคำเตือนของติงหร่วน พลันพบกับนางเฉินและบุตรสาวที่ยืนอยู่
นางเฉินยิ้มอย่างมีมารยาท หลินหร่านรู้สึกแปลกใจไม่น้อยแต่ก็โค้งคำนับ
จากนั้นนางเฉินก็พาหลินเสี่ยวก่วนเดินออกไป ก่อนเดินกลับไป หลินเสี่ยวก่วนยังหันมาโบกมือให้หลินหร่าน นางดูเป็เด็กไร้เดียงสาคนหนึ่ง
“นั่น…”
“นั่นคืออนุภรรยาคนที่สาม นางเฉินกับคุณหนูสามขอรับ” ติงหร่วนเอ่ยตอบมาทันที
หลินหร่านรู้จักนางเฉิน แต่เด็กสาวที่อยู่ข้างๆ เขาไม่แน่ใจ ตอนที่เขาถูกไล่ออกจากจวน หลินเสี่ยวก่วนยังเด็กมากจึงไม่เคยพบกันมาก่อน
“อ๋อ” จากนั้นหลินหร่านถึงกลับเข้ามาในเรือน
เมื่อเข้ามาในเรือน เหล่าสาวใช้ต่างยืนมุงอยู่รอบๆ
ของกำนัลที่ได้รับพระราชทานมา พวกนางล้วนแต่เป็เด็กสาวแรกรุ่น ไม่เคยเห็นโลกกว้างมาก่อน อีกทั้งหลายปีมานี้แม่ทัพไม่อยู่ ทำให้ไม่มีของกำนัลใดๆ ส่งมาที่จวนเลย
ดังนั้น เมื่อได้พบเจอกับเหล่าหยกล้ำค่ามากมายเช่นนี้จึงตื่นเต้นเป็อย่างมาก
หลินหร่านยิ่งประหลาดใจเข้าไปอีก หลังเดินเข้าไปแล้วพบผู้คนกำลังยืนรวมกันอยู่
“คุณชายน้อย รีบมาดูเร็วเ้าค่ะ สวยมากเลยเ้าค่ะ!” สาวใช้ตัวน้อยถือกวนหยกยื่นมาตรงหน้าหลินหร่านพร้อมเอ่ยขึ้น “เหมาะกับคุณชายน้อยมากเลยเ้าค่ะ”
จากการสังเกต สาวใช้เหล่านี้ต่างรู้ว่าหลินหร่านเป็คนอารมณ์ดี
ดังนั้นบางคนจึงอยากลองพูดคุยกับผู้เป็เ้านายบ้าง
“อื้อ” เมื่อถูกหญิงสาวเอ่ยชม หลินหร่านพลันรู้สึกเขินอาย ทำเพียงยิ้มแล้วพยักหน้ารับ
ในชาติก่อน หลินหร่านเป็คนไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามนัก ไม่มีหญิงสาวคนไหนอยากพูดคุยกับเขา
เมื่อข้ามภพมา หลินหร่านยังถูกผู้คนกลั่นแกล้งและดูถูก ยิ่งทำให้ไม่มีโอกาสสานสัมพันธ์กับคนอื่น โดยเฉพาะกับหญิงสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในสถานะผู้เป็เ้านายในตอนนี้ และคนรับใช้ต่างก็พูดกับเขาอย่างสุภาพ แต่เขาก็อดที่จะรู้สึกเขินแปลกๆ ไม่ได้
-------------------------------------
1 ยามซื่อ(巳)คือ ่เวลา 09.00 - 10:59 น.