กูเฟยเยี่ยนพิจารณาใบอนุมัติลาหยุดอย่างตั้งใจ นางพบว่านามบนใบอนุมัติลาหยุดนั้นเป็ของซ่างกวนยิงหง
อย่าว่าแต่นางที่เป็เพียงแพทย์หญิงตัวเล็กๆ เลย ต่อให้เป็อาจารย์แพทย์ หาก้าจะลาหยุดสิบวันนั้น ยังนับว่าไม่ใช่ง่าย ไหนจะต้องได้รับการอนุมัติจากซ่างกวนยิงหงอีกด้วย?
กูเอ้อร์เย่และหวังฟูเหรินไม่มีทางที่จะมีกำลังทรัพย์มากมายไปซื้อตัวของซ่างกวนยิงหงได้ เื่นี้เกรงว่าจะเป็ฉีอวี้สองพี่น้องเล่นเล่ห์เพทุบายเข้าแล้ว? พวกเขาบังคับให้นางอยู่ในตระกูลกูต่อไปโดยมีจุดประสงค์ใดกัน?
กูเฟยเยี่ยนไม่เพียงจะไม่โกรธ ตรงกันข้ามนางมีความสุขยิ่งนัก ต้องรู้ว่าวันหยุดสิบวันนั้นต่อให้นางอยู่กับท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวก็ไม่สามารถร้องขอออกมาเที่ยวเล่นได้ ในที่สุดนางก็จะได้เที่ยวเล่นแล้ว! นางจะเดินเตร็ดเตร่ไปทั่ว ไปทำความเข้าใจดินแดนเสวียนคง โลกแห่งแสงสีสันนี้ให้มากยิ่งขึ้น
สำหรับตระกูลฉีสองพี่น้องและกูเอ้อร์เย่พวกเขามีเจตนาแฝงอันใดนางี้เีที่จะไปคิดมากด้วยแล้ว ในเมื่อเกิดเหตุยุ่งยากเราก็แค่ต้องไปเผชิญหน้ากับมันก็เท่านั้น นางไม่กลัว
ในไม่ช้าท้องของนางก็ส่งเสียงร้อง มันดังขัดจังหวะความคิดของกูเฟยเยี่ยนพอดี หิวแล้ว!
ภายในเหยาหัวเก๋อไม่มีคนรับใช้คอยปรนนิบัติพัดวี กูเฟยเยี่ยนจึงต้องวิ่งไปยังห้องครัวเอง เมื่อมาถึงหน้าทางเข้าก็ได้กลิ่นหอมกรุ่นจากอาหาร ในยามนั้นเป็่เวลาทานอาหารกลางวันพอดี
กูเฟยเยี่ยน้าที่จะเข้าไป ทว่าพ่อบ้านเซวียได้ขวางทางนางไว้ แล้วพูดอย่างเ็า “คุณหนูใหญ่ ท่านเอ้อร์เย่มีคำสั่งไว้ว่าท่านทำผิดกฎของตระกูล ไม่เคารพและอกตัญญูผู้าุโ ลงโทษท่านไม่ให้รับประทานอาหาร ท่านเอ้อร์เย่กล่าวเอาไว้ว่ารอให้ท่านคิดทบทวนรู้ว่าผิดแล้วยอมรับผิด ค่อยไปพบท่าน มิฉะนั้นแล้วข้าวเพียงหนึ่งเม็ด ท่านก็อย่าได้คิดแตะต้อง! ”
พ่อบ้านเซวียเอ่ยจบก็ผลักกูเฟยเยี่ยนออกอย่างคาดไม่ถึงทันที พร้อมเรียกให้คนรับใช้ให้นำอาหารไปจัดเตรียม อาหารกลางวันมื้อนี้อุดมสมบูรณ์เป็อย่างยิ่ง หัวสิงโต [1] อ่อนนุ่มหอมจรุงใจ หมูสามชั้นน้ำแดงหมักซอส กรอบนอกนุ่มใน ซงจื่ออวี น้ำแกงเห็ดรวมที่ส่งกลิ่นหอมโชยมาแตะจมูกและอีกมากมาย ถูกยกออกมาทีละจาน เรียกได้ว่ากลิ่นหอมที่โชยมาเตะจมูกนั้นทำให้อยากทานจนน้ำลายสอ
อย่างไรก็ตามกูเฟยเยี่ยนที่หิวโหยกลับไม่อยากอาหารไปนานแล้ว นางจับไปที่หวางเป่าติงขนาดเล็กที่อยู่บริเวณเอวไม่พูดไม่จาหันหลังเดินจากไปทันที
กูเอ้อร์เย่จะบีบบังคับให้นางลงนามในหนังสือถอนหมั้น เลิกคิดไปได้เลย! ้าบีบบังคับให้นางไปขออาหารกินหรือ อย่าได้คิดเพ้อเจ้อไปหน่อยเลย เ้าของร่างเดิมนั้นต้องดูสีหน้าผู้อื่นเพื่อที่จะทานข้าว ส่วนนางนั้น… พึ่งพาอาศัยหวางเป่าติงในการทานอาหาร!
กูเฟยเยี่ยนเดินไปหน้าประตูพลางนับนิ้วเพื่อคิดคำนวณไปด้วยว่า การไปร้านอาหารเพื่อทานสักมื้อจากนั้นค่อยไปหาช่างที่เชี่ยวชาญมาซ่อมแซมเหยาหัวเก๋อแล้วซื้อเสบียงเพิ่มเติมสำหรับเหมันต์ฤดูนั้น ทั้งหมดต้องใช้เงินเท่าใด? นางคิดไว้ว่านางจะขุดโสมโลหิตสมุนไพรพันปีในทุ่งสมุนไพรของหวางเป่าติงมาขาย น่าจะเพียงพอใช่หรือไม่? น่าจะยังต้องเหลือเงินจำนวนหนึ่งด้วยใช่หรือไม่?
นางจะไปยังตลาดสมุนไพรเพื่อขายสมุนไพรพร้อมกับซื้อยาสมุนไพรบางชนิดที่ไม่มีอยู่ในหวางเป่าติงมาปลูกเพิ่มเติม พร้อมกับซื้อเมล็ดพันธุ์มาอีกนิดหน่อย ในช่องว่างทุ่งสมุนไพรของหวางเป่าติงแตกต่างจากพื้นดินของที่อื่น สมุนไพรที่ปลูกออกมามีประสิทธิภาพสูงเป็อย่างยิ่ง ในตอนที่ใช้งานย่อมเห็นผลลัพธ์เร็วกว่ามาก
กูเฟยเยี่ยนออกมาจากประตูใหญ่ของตระกูลกูแล้วหาพื้นที่ที่ไม่มีผู้คน จนเจอตรอกเล็ก จากนั้นก็พิงร่างไปกับกำแพง ก่อนจะรวบรวมจิติญญาแล้วนำพลังญาณสมาธิเข้าไปยังช่องว่างของหวางเป่าติง
หากว่า้านำสมุนไพรธรรมดาออกมาเพียงแค่ใช้ความคิดในการเรียกสมุนไพรออกมาจากถ้ำเก็บยาก็เพียงพอแล้ว แต่ว่าหาก้าโสมโลหิตเช่นนี้ต้องวิ่งเข้าไปในทุ่งสมุนไพรแล้วขุดออกมาด้วยตนเอง
กูเฟยเยี่ยนจับไปที่หวางเป่าติงเบาๆ ใช้สมาธิจดจ่อ แต่ว่าผ่านไปสักพักแล้ว เพ่งญาณสมาธิเท่าไรก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าไปยังหวางเป่าติงได้ แปลกเสียจริง! นางทดลองอีกครั้ง ผู้ใดจะไปรู้ว่านอกจากจะเข้าไม่ได้แล้วยังถูกดีดกระเด็นออกมาอีก
กูเฟยเยี่ยนเบิกตาขึ้นอย่างใราวกับว่าตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ั์ตาทอประกายตื่นตระหนก ผ่านไปสักพัก นางลองดูอีกครั้ง และในครั้งนี้ญาณสมาธิก็ถูกดีดกระเด็นออกมาอีกราวกับว่าถูกขับไล่ออกมา
“ไม่จริงน่า? ”
กูเฟยเยี่ยนพึมพำกับตนเองแล้วทดลองเปิดใช้งานความคิดในการที่จะนำสมุนไพรธรรมดาออกมา เพียงแต่ว่าหวางเป่าติงกลับไม่ถูกควบคุมโดยความคิดของนาง มันไร้ซึ่งการขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย!
กูเฟยเยี่ยนใเป็อย่างยิ่ง นางคว้าเอาหวางเป่าติงมาถูสองถึงสามครั้งดั่งเช่นเมื่อคืนนี้เพื่อเรียกอัคคีเทพ ทว่าสิ่งที่เกินความคาดหมายคืออัคคีเทพไม่ได้ปรากฏขึ้นมา!
ไม่ต้องสงสัย หวางเป่าติงหยุดงานประท้วงแล้ว!
ในที่สุดกูเฟยเยี่ยนก็นึกขึ้นได้ถึงข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของเ้าสิ่งนี้ นั่นก็คือมันไม่สามารถใช้ทำพิษได้ เมื่อใดที่ใช้ทำพิษ มันก็จะอารมณ์ไม่ดี สำหรับจะอารมณ์ไม่ดีในตอนไหนและนานเพียงใด ย่อมไม่มีผู้ใดทราบ ใน่เวลาสองสามวันมานี้ นางใช้มันในการทำพิษถึงสองครั้งติดต่อกันเลยนี่นา!
กูเฟยเยี่ยนครุ่นคิดแล้วอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวขึ้นมา เคราะห์ดีที่พ่อคุณทูนหัวนี้ไม่ได้ประท้วงหยุดงานในขณะที่นางกำลังสับเปลี่ยนยาสมุนไพรให้กับเฉิงอี้เฟย มิฉะนั้นแล้วนางได้จบเห่แน่ๆ
ยาและพิษจริงๆ แล้วก็คือตระกูลเดียวกัน พิษมีคุณค่าทางยา ยาเองก็มีพิษดำรงอยู่ ส่วนข้อห้ามของหวางเป่าติงนั้นคือการกลั่น การปรุง และการต้มพิษ ทว่านางกลับใช้พิษถึงสองครั้ง ทั้งสองครั้งนั้นล้วนมาจากการใช้อำนาจบีบบังคับในการกลั่นพิษร้ายแล้วต้มจนกลายเป็ยาพิษ ก่อนจะนำมาปรุงแล้วใช้เป็ควันพิษ เรียกได้ว่านางได้ละเมิดข้อห้ามทั้งหมดของหวางเป่าติงไปเสียแล้ว ไม่แปลกเลยที่มันจะประท้วงหยุดงานอย่างถึงที่สุดขนาดนี้
อันที่จริงแล้วท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวนั้นไม่ได้มีความเข้าใจในศาสตร์พิษ ทว่านางกลับมีความรู้สึกเฉียบไวต่อพิษของสมุนไพรอย่างที่เรียกได้ว่าสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งอาจารย์มาคอยชี้แนะ นางก็ไม่ทราบว่านี่เป็พร์มาั้แ่กำเนิดหรือว่าเรียนรู้มาก่อนที่นางอายุได้แปดปี
ในตอนที่นางยังเด็กนางมักจะแอบท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวนำหวางเป่าติงมาปรุงยาพิษเล่น ทว่าในครั้งนี้นางไม่ได้ดื้อซน ไม่ได้เล่นพิเรนทร์ แต่ทำไปเพราะ้ารักษาชีวิตนี่นา!
กูเฟยเยี่ยนประคองหวางเป่าติงน้อยๆ ไว้บนมือแล้วเอ่ยถามอย่างน่าสงสาร “พ่อคุณทูนหัว เ้ามิอาจไม่แยกผิดถูกได้นะ! ข้าปรุงยาเพื่อที่จะช่วยชีวิตตนเอง ไม่ได้เอาไปเล่นและไม่ใช่เพื่อทำร้ายผู้อื่น! ”
“เฮ้ ข้าจะต้องขายสมุนไพรเพื่อหาเงินทานข้าวนะ! เ้าจะอารมณ์ไม่ดีถึงเมื่อไร เ้าช่วยมอบโสมโลหิตให้ข้าก่อนค่อยอารมณ์เสียได้หรือไม่? ”
“พวกเรามาเจรจากันเถิด แล้วข้าจะซื้อเมล็ดพันธุ์สมุนไพรให้เ้าเยอะขึ้นได้หรือไม่? ไว้ข้ากลับไปจะช่วยเ้าเช็ดร่างให้สะอาดเอี่ยมอ่อง ใช้น้ำมันหอมระเหยที่ดีที่สุดเพื่อบำรุงรักษา ได้หรือไม่? ”
……
เป็เพราะว่าเคยทำพันธสัญญาต่อกันหวางเป่าติงจึงรับรู้ได้ถึงอารมณ์และเข้าใจความหมายของเ้านาย เพียงแต่ว่าในขณะที่มันอารมณ์ไม่ดีดูเหมือนว่าความสามารถในการรับรู้ก็ประท้วงหยุดงานตามไปด้วย ดังนั้นแล้วสำหรับความไม่พอใจและอารมณ์ประท้วงของกูเฟยเยี่ยน มันจึงไร้ซึ่งการตอบสนอง
ท้องของกูเฟยเยี่ยนร้องขึ้นมาอีกครั้ง นางอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออกจริงๆ
ใน่เวลาหลายวันมานี้นางเปรียบเสมือนนักรบ ทหารมาใช้ขุนพลต้านรบ น้ำมาใช้ดินต้านทาน [2] ทว่าไม่เคยคิดเลยว่าจะมาจบลงในเงื้อมมือของเพื่อนร่วมทีม?
ทำเช่นไรดี?
กูเฟยเยี่ยนค้นหาไปทั่วร่างกายตนเองก็ไม่พบถึงสิ่งของมีค่าที่จะสามารถนำไปจำนองเพื่อขอแลกเงินกลับมาได้ ลานเหยาหัวก็ยิ่งไม่มีไปอีก
หากว่าที่นี่คือชานเมือง นางยังสามารถเข้าไปในป่าเพื่อค้นหาสมุนไพรล้ำค่านำออกมาขายได้ แต่เมื่อเป็ในเมืองนั้นจึงเลิกคิดได้เลย กูเฟยเยี่ยนทำได้เพียงลองไปด้อมๆ มองๆ ยังหน้าประตูพระราชวัง นางแสดงตราสัญลักษณ์ห้องยาสำนักหมอหลวงต่อทหารยามที่ยืนอยู่หน้าประตูพระราชวัง ทว่าถูกทหารยามปฏิเสธโดยใช้เหตุผลว่าใน่ระยะเวลาแห่งการลาหยุด ไม่มีเหตุผลให้ต้องเข้าพระราชวัง
เป็ดั่งที่นางคาดคิดไว้ไม่ผิด พี่น้องตระกูลฉีไม่เพียงแต่ช่วยเหลือนางในการลาหยุดแล้วยังสั่งห้ามไม่ให้นางเข้าไปในพระราชวังได้อีก เป็ที่ชัดเจนแล้วว่า้าที่จะสร้างโอกาสให้แก่กูเอ้อร์เย่และภรรยาในการที่จะบีบบังคับให้นางประนีประนอม!
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้ดึงดันต่อแต่หันหลังเดินจากไป นางตามหาร้านขายยาสองสามแห่งในตลาดเพื่อสอบถามว่ารับสมัครพนักงานหรือไม่ทว่ากลับไร้ผล ไม่อยากจะพูดถึง การหาเงินทานอาหารนั้นเป็เื่ที่ยากสำหรับนางผู้ที่ไม่เคยต้องกังวลเกี่ยวกับค่าอาหารและเสื้อผ้า นางทนไม่ไหวที่จะวิพากษ์วิจารณ์เ้าของร่างเดิมว่ามีชีวิตจนเติบใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ เหตุใดแม้แต่คนสนิทผู้ที่สามารถไปขอทานข้าวด้วยนั้นกลับไม่มีสักคนเลย?
พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน กูเฟยเยี่ยนที่ท้องร้องจ๊อกๆ กำลังมุ่งหน้าไปยังตระกูลกู ภายในใจคิดว่าจะรอให้ผ่านคืนนี้ไป เช้าวันพรุ่งนี้หวางเป่าติงอาจจะพบความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและกลับมาเป็ปกติได้
ทันทีที่นางมาถึงหน้าประตูใหญ่ก็เห็นกลุ่มทหารม้าที่เคร่งครัดเป็สง่าน่าเกรงขามกำลังปกป้องรถม้าที่ทอประกายความแข็งแกร่งกำลังมุ่งหน้าเข้ามา ผู้ที่ขี่ม้าตามมาอยู่ด้านข้างของรถม้าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็รองแม่ทัพโจวเทาที่อยู่ภายใต้การบังคับบังชาของเฉิงอี้เฟย!
ไม่ใช่กระมัง?
ผู้ที่ชื่นชอบเฉิงอี้เฟย ผู้ที่ชื่นชอบฉีอวี้ หลังจากตัวของฉีอวี้เอง ตัวของเฉิงอี้เฟยก็ไม่ยอมปล่อยนางไป พร้อมกับมาหานางถึงบ้านหรือ?
กูเฟยเยี่ยนใเล็กน้อยจึงหยุดอย่างกะทันหัน นางมองไปยังผ้าม่านของรถม้า ในครานี้คนที่อยู่ภายในรถม้านั้นได้บังเอิญยกม่านขึ้นพอดี…
————————————
เชิงอรรถ
[1] หัวสิงโต หมายถึง ชื่ออาหารจีนที่ทำมาจากหมูสับนำมาหมักจากนั้นปั้นเป็ก้อนกลมใหญ่ๆ นำไปทอด แล้วนำไปต้มในน้ำซุป
[2] ทหารมาใช้ขุนพลต้านรบ น้ำมาใช้ดินต้านทาน หมายถึง ไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้