ผ้าม่านบนรถม้าถูกเปิดออก ผู้ที่นั่งอยู่ภายในไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็เฉิงอี้เฟยนั่นเอง!
หากว่ากูเฟยเยี่ยนไม่ได้เห็นเขาในอาการป่วยสาหัสมาก่อน ยามที่พบเขาในสภาพตอนนี้ก็คงคาดไม่ถึงเลยว่า ในสองสามวันก่อน คนผู้นี้เพิ่งจะกลับมาจากการไปเยือนประตูนรก
ชายหนุ่มรูปงามคิ้วปลายงอนดั่งพระจันทร์และสง่าผ่าเผยดื้อรั้นเสียจริงๆ เมื่อเปรียบเทียบกับความนุ่มนวล ท่าทางเจ็บป่วยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่เพิ่มขึ้นทำให้รู้สึกว่าไม่สามารถจะมองข้ามความแข็งแรงนั้นไปได้
กูเฟยเยี่ยนมั่นใจเป็อย่างยิ่งว่าอาการป่วยของคนผู้นี้ยังไม่หายเป็ปกตินัก ทว่าไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกได้ว่าเขายามนี้เขามีชีวิตชีวามากกว่าคนปกติเสียอีก
หากว่าเมื่อสามปีที่ผ่านมาท่านแม่ทัพาุโสกุลเฉิงไม่ได้เสียชีวิตในสนามรบ ในปัจจุบันนี้เฉิงอี้เฟยก็คงจะยังเป็เพียงบุตรชายของท่านแม่ทัพอยู่ เขาอายุมากกว่าฉีอวี้เพียงสามปีเท่านั้น เพียงแต่ว่าหากฉีอวี้ได้มายืนอยู่ด้านข้างเขา อย่างอื่นไม่ต้องพูด เพียงแค่แสงรัศมีที่เปล่งออกมานั้น ก็มิอาจสูงเสมอเหมือนได้แล้ว
สายตาของเฉิงอี้เฟยจ้องมองไปยังหน้าประตูใหญ่ตระกูลกู เขาไม่ได้สังเกตถึงตัวตนของกูเฟยเยี่ยน รถม้าค่อยๆ หยุดลงอย่างช้าๆ ภายในใจของกูเฟยเยี่ยนเต้นดังตึกตักๆ นางรีบหันหลังเดินหลบออกไปทันที
ฝนตกหลังคารั่วน้ำซึมตลอดทั้งคืน [1] ณ เวลานี้หากไม่หลบหนีแล้วจะต้องรอถึงเมื่อใด?
น่าเสียดายที่กูเฟยเยี่ยนเพียงก้าวเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ดาบสั้นก็ถูกเขวี้ยงมาจากทางด้านหลัง แฉลบผ่านใบหู ก่อนจะตกลงบนพื้นด้านหน้านาง ในฉับพลันนั้น ด้านหลังพลันบังเกิดเสียงหัวเราะอย่างเหี้ยมโหดและดุร้ายลอยมา “ แพทย์หญิงตัวน้อย เปิ่นเจียงจวิน มาถึงหน้าประตูของบ้านเ้าแล้ว เ้ายังหันหัวเดินออกไปที่ไหนอีก? ้าให้เปิ่นเจียงจวินโมโหหรือ? ฮ่าๆ! ”
ที่แท้เขาก็มองเห็นนางมาั้แ่แรกแล้ว
ไม่ถูกต้อง เขาจะรู้จักนางได้อย่างไร? หรือว่าในยามที่เขาป่วยสาหัสนั้น เขาไม่ได้ไม่มีสติหรือสะลึมสะลืออยู่จริงๆ
เสียงหัวเราะของเฉิงอี้เฟยนั้นพาให้ผู้ที่ได้ยินไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเขาโกรธจริงๆ หรือเพียงแค่ล้อเล่นอยู่ ทว่ากูเฟยเยี่ยนเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าลูกศรเมื่อสักครู่นี้เจตนาชัดเจน ไม่คลุมเครือเลยแม้แต่น้อย
นางเอื้อมมือไปแตะใบหูของตนเอง ก่อนจะหันหลังกลับมาด้วยจิตใจที่สงบนิ่งลง
นางพบว่าเฉิงอี้เฟยได้ลงจากรถม้าแล้ว เขาสวมใส่เสื้อเกราะสีขาวเงิน ภายนอกคลุมด้วยเสื่อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีขาวขอบแดง รูปร่างตั้งตระหง่านกำยำไม่ว่าจะยืนอยู่จุดใดก็ย่อมดึงดูดความสนใจ
เขามีความแข็งแกร่งดั่งชายชาติทหาร ทว่าไม่มีท่วงทำนองหรือบรรยากาศเฉกเช่นทหาร ในยามนั้นเขาค่อยๆ ก้าวเดินมาข้างหน้ากูเฟยเยี่ยนทีละก้าว มุมปากแฝงไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย แสนประจบสอพลอปรากฏขึ้น
กูเฟยเยี่ยนนอกจากจะปลอบใจตนเองให้เตรียมพร้อมรับมือไปตามสถานการณ์แล้วยังจะสามารถทำอันใดได้อีก?
ไม่คาดคิดเลยว่าเฉิงอี้เฟยจะหยุดอยู่ตรงหน้านาง เขายิ้มก่อนจะกล่าวขึ้น “แพทย์หญิงตัวน้อย เ้าช่วยชีวิตเปิ่นเจียงจวินเอาไว้ อยากได้รางวัลอันใด รีบเอ่ยออกมาเร็วเข้า! ”
เอ่อ…
หรือว่าเขาตั้งใจที่จะมาขอบคุณนาง ไม่ได้มาเพื่อตามหาความจริง? เป็ไปไม่ได้หรอก! ต่อให้เขาไม่คิดเล็กคิดน้อยต่อนาง แต่ว่าในฐานะของว่าที่ลูกสะใภ้ตระกูลฉี ไม่คิดเล็กคิดน้อยต่อข่าวลือที่ใส่ร้ายป้ายสีว่าเขาเ้าชู้ประตูดินพวกนั้น แต่ก็ไม่ถึงกับต้องรีบร้อนมาขนาดนี้เลย!
ไม่ว่าจะครุ่นคิดอย่างไรกูเฟยเยี่ยนก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เฉิงอี้เฟยรอคอยอย่างสนอกสนใจ ดูเหมือนว่าจะมีความอดทนเป็อย่างยิ่ง
ในที่สุดกูเฟยเยี่ยนก็ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ท่านแม่ทัพกล่าวเกินไปแล้วเ้าค่ะ ผู้น้อยทำไปเพียงเพราะหน้าที่ก็เท่านั้นและไม่้ารางวัลอันใด ในพระราชวังยังมีเื่ด่วนให้ต้องจัดการ ผู้น้อยจำเป็ที่จะต้องรีบกลับไปก่อนเ้าค่ะ โปรดอภัยที่ไม่สามารถอยู่ต้อนรับได้ ผู้น้อย…ผู้น้อยขอตัวลาไปก่อนนะเ้าคะ? ”
เฉิงอี้เฟยไม่ได้แสดงท่าทีอันใดออกมา มุมปากแย้มยิ้มอย่างขี้เล่น
กูเฟยเยี่ยนย่อมถือว่าเขาอนุญาตโดยปริยาย นางรีบร้อนหันหลังกลับ ทว่าเท้ายังไม่ทันที่จะได้ก้าวออกไป เฉิงอี้เฟยก็ได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากีดขวางไปที่ทางของนาง
เขาครุ่นคิด ก่อนกล่าวอย่างเตือนสติ “แพทย์หญิง เมื่อสักครู่นี้เปิ่นเจียงจวินออกมาจากห้องยาสำนักหมอหลวง ได้ยินผู้ดูแลกล่าวว่าเ้าลาหยุดไปสิบวัน? ”
กูเฟยเยี่ยนเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่กล้าที่จะสบตาเขา เฉิงอี้เฟยกลับหยิบนำใบสั่งยาหนึ่งแผ่นมาไว้ตรงหน้าของนางแล้วเอ่ยถาม “แพทย์หญิงตัวน้อย เ้ายังจำใบสั่งยาแผ่นนี้ได้ ใช่หรือไม่? ”
กูเฟยเยี่ยนใเล็กน้อย ใบสั่งยาใบนี้ไม่ใช่ใบสั่งยาที่ถูกปลอมแปลงแล้วนางแอบใส่ไปในกล่องยาของซูไท่อีหรอกหรือ
ในตอนที่นางใส่ลงไป ไม่มีผู้ใดพบเห็นนี่นา?
ต่อให้ซูไท่อีพบเจอเื่ลับลมคมในก็คงไม่ถึงกับสงสัยนางอย่างรวดเร็วเช่นนี้ หญิงรับใช้ที่ช่วยเหลือในการต้มยาด้วยกันมีไม่น้อยเลยนะ!
เื่การปลอมแปลงใบสั่งยานั้นซับซ้อนเป็อย่างยิ่ง พัวพันเกี่ยวข้องกับคนหลายคน และผู้ร้ายตัวจริงที่อยู่เื้ัมีความเป็ไปได้ว่าจะเป็ผู้ที่มีฐานะและอำนาจยิ่งใหญ่ นางไม่ได้โง่ นางเพียง้าซ่อนตัวอยู่ในที่มืด ไม่ได้้าที่จะเปิดเผยแทรกแซงในเื่นี้เพื่อสร้างปัญหายุ่งยากให้กับตน!
กูเฟยเยี่ยนแสร้งทำเป็ตั้งใจจ้องมองอยู่นานพอสมควร ก่อนที่จะเอ่ยปากบอกออกมา “ข้าน้อย... ใบสั่งยาที่ผ่านมือของข้านั้นมีมากมาย ในยามนี้จึงนึกไม่ออกเลยเ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ คิด”
เฉิงอี้เฟยจงใจโน้มตัวลงมา นำใบสั่งยาเขยิบเข้าใกล้เพื่อที่จะให้กูเฟยเยี่ยนมองเห็นได้อย่างชัดเจน
สมองของกูเฟยเยี่ยนยังคงคิดถึงวิธีการรับมือ ทว่าท้องของนางกลับไม่เอาการเอางานส่งเสียงร้องจ๊อกๆ ออกมา นาง้าที่จะไม่สนใจ แต่ว่าเฉิงอี้เฟยกลับได้ยินอย่างชัดเจน
เขาเกิดความงงงวย ทันใดนั้นพลันหัวเราะออกมา “หิวเร็วขนาดนี้เลยหรือ? เมื่อกลางวันไม่ได้ทานข้าวหรือ? ”
ไม่เพียงแต่ตอนกลางวันไม่ได้ทานข้าวเท่านั้น นับั้แ่เมื่อคืนจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้ทาน!
กูเฟยเยี่ยนยังไม่ได้กล่าวอันใดกลับไป เฉิงอี้เฟยก็เก็บใบสั่งยาลงอย่างง่ายดาย “ไปเถิด เปิ่นเจียงจวินเลี้ยงข้าวเ้าเอง! ”
การกินอาหารของผู้อื่นหรือหยิบจับสิ่งของของผู้อื่น กูเฟยเยี่ยนไม่หลงกลง่ายๆ หรอก ทว่าท้องของนางกลับทรยศหักหลังร้องจ๊อกๆ ไม่หยุดหย่อน สายตาของเฉิงอี้เฟยมองไปยังท้องของนาง พาให้นางรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ใบหูกลายเป็สีแดงก่ำ
“ไปกันเถิด! ”
เฉิงอี้เฟยหัวเราะออกมา ก่อนจะหันหลังเตรียมออกเดินทาง ทว่าเมื่อเห็นว่ากูเฟยเยี่ยนยังคงไม่ขยับเขยื้อนจึงตั้งใจย้อนกลับมาเอ่ยถาม “เปิ่นเจียงจวินจะเลี้ยงข้าวเ้าไม่ได้จะกินเ้า เ้ากลัวอันใด? ใจฝ่อหรือ? ”
“มิใช่! ”
กูเฟยเยี่ยนปฏิเสธอย่างฉับพลัน นางไม่ได้ใจฝ่อ มีคนเลี้ยงข้าวไม่กินก็น่าเสียดาย! กินอิ่มแล้วถึงจะมีเรี่ยวแรงในการเสแสร้งแกล้งทำต่อไป! คิดได้ดังนั้น นางพลันแสดงความเคารพทันที “กูเฟยเยี่ยนจะทำตามคำสั่งที่ท่าน้าเ้าค่ะ! ”
กูเฟยเยี่ยนเดินจากหน้าประตูบ้านไปขึ้นรถม้าของเฉิงอี้เฟย เดิมทีนางคิดว่าเฉิงอี้เฟยจะพานางไปยังสถานที่ที่มีผู้คนไม่มากนักเพราะฐานะของนางนั้นพิเศษ เขาควรที่จะหลีกเลี่ยงคนหมู่มาก แต่ใครจะไปรู้ว่าชายผู้นี้จู่ๆ กลับพานางมายังสถานที่ที่คึกคักที่สุดของเมืองจิ้นหยาง ถนนฉงฝู
ในตอนที่กูเฟยเยี่ยนตระหนักได้ถึงสถานการณ์ที่ผิดปกติก็ไม่สามารถที่จะลงจากรถได้แล้ว เมื่อเห็นถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปของนาง มุมปากของเฉิงอี้เฟยจึงยกยิ้มขึ้นมา “ไปที่หอฝูหม่าน ที่นั่นอาหารเลิศรส”
หอฝูหม่าน?
นั่นคือหอสุราที่คึกคักที่สุดในเมืองจิ้นหยางนี่นา ไม่ว่าจะเป็คนธรรมดาหรือบุคคลที่มีอำนาจล้วนชอบไปที่นั่น เป็ที่ที่เล่าลือกันว่าฝ่าาจิ้งหวางเองก็ทรงโปรดปรานอาหารของที่นี่จนเกือบจะเชิญพ่อครัวกลับไปยังหวางฝู่ [2] เลยทีเดียว
ชายผู้นี้โอ้อวดโอหังถึงเพียงนี้ ตกลง้าที่จะทำอันใดกันแน่?
เหล่าทหารม้ากลุ่มหนึ่งคอยปกป้องรถม้าหนึ่งคันหนึ่งที่มุ่งผ่านย่านการค้านั่นอย่างที่เรียกได้ว่า “เดินกรีดกรายเอ้อระเหยลอยชาย” จริงๆ
หลังจากที่เดินกรีดกรายเอ้อระเหยลอยชายจนพอใจแล้ว รถม้าก็ได้หยุดตัวลงที่หน้าประตูทางเข้าของหอฝูหม่าน ไม่ต้องสงสัย รถม้าของเฉิงอี้เฟยถูกผู้คนรับรู้ได้ในทันที ข้างนอกดูเหมือนว่าจะถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนถึงขนาดที่ว่าได้ยินเสียงร้องอันตื่นเต้นของหญิงสาวเลยทีเดียว
ภายนอกพระราชวัง จำนวนของผู้ที่ชื่นชอบ หลงใหล คลั่งไคล้ ในตัวของเฉิงอี้เฟยนั้นมีไม่น้อยไปกว่าเวินอวี่โหรวเลย!
กูเฟยเยี่ยนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น นางเข้าใจดีว่าตนเองอยู่ภายใต้การถูกจ้องมองจากผู้คน หากก้าวเท้าลงจากรถม้าของเฉิงอี้เฟยล่ะก็ ความพยายามในคราก่อนๆ ที่ตอบโต้เวินอวี่โหรวจะต้องเสียแรงเปล่าแน่ ข่าวลือจะยิ่งบ้าระห่ำขึ้นไปอีก!
ด้านนอกเกิดความคึกคัก ด้านในรถม้ากลับเงียบสนิท
เห็นได้ชัดว่าเฉิงอี้เฟยไม่ได้มีแผนที่จะลงจากรถ เขานำใบสั่งยายื่นมาตรงหน้ากูเฟยเยี่ยนอย่างไม่รีบร้อน ใบหน้ายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มก่อนกล่าว “บอกเปิ่นเจียงจวินมา เ้าจำใบสั่งยาใบนี้ได้หรือไม่ หากคำตอบน่าพอใจ บางทีเปิ่นเจียงจวินอาจจะพิจารณาปรับเปลี่ยนสถานที่ในการทานอาหารก็เป็ได้ ถึงอย่างไรในตอนนี้ท้องฟ้าก็ยังคงเช้าอยู่”
ที่แท้ก็เป็เช่นนี้!
คนผู้นี้ไม่ได้ตั้งใจจะชวนนางมาทานอาหาร แต่เป็เพราะว่า้าที่จะใช้วิธีนี้มาข่มขู่นาง!
กูเฟยเยี่ยนแอบเลิกม่านขึ้น พบเห็นว่าด้านนอกคึกคักมากจริงๆ มีผู้คนมุงดูรายล้อมไปหมดแล้ว
เฉิงอี้เฟยมองไปยังนอกหน้าต่างก่อนจะกล่าวไปด้วย “แม่หนูน้อย บอกเปิ่นเจียงจวินมาว่าเหตุใดเ้าถึงจงใจนำใบสั่งยาใส่ลงไปในกล่องยาของซูไท่อี? เ้า้าที่จะเตือนสติซูไท่อีในเื่ใด? ”
ใบหน้าของกูเฟยเยี่ยนเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา “ท่านแม่ทัพเฉิงเ้าคะ ท่านพูดถึงเื่อะไรกันแน่? ”
น้ำเสียงของเฉิงอี้เฟยแปรเปลี่ยนเป็เ็าทันที “เ้าคิดว่าในวันนั้นเปิ่นเจียงจวินไม่ได้สติจริงๆ หรือ? ใบสั่งยาแผ่นนี้ถูกเปิ่นเจียงจวินเห็นกับตาว่าเ้าแอบใส่เข้าไป! ”
อะไรนะ? !
สีหน้าท่าทางไร้เดียงสาของกูเฟยเยี่ยนแข็งทื่อทันที…
———————
เชิงอรรถ
[1] ฝนตกหลังคารั่วน้ำซึมตลอดทั้งคืน หมายถึง สำนวนที่ใช้เปรียบเทียบกับความทุกข์ยากซ้ำซ้อนที่ต้องเผชิญ
[2] หวางฝู่ หมายถึง จวนของจิ้งหวาง