หนังสือถอนหมั้นของตระกูลฉีนั้นสามารถใช้คำเพียงหนึ่งคำเดียวมาอธิบายได้ก็คือ “ฉีก” !
บนหนังสือถอนหมั้นนั้นได้ระบุไว้ว่า : ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาตระกูลฉีนั้นมิได้คิดเล็กคิดน้อยที่ตระกูลกูเกิดความตกต่ำ มิได้คิดเล็กคิดน้อยกูเฟยเยี่ยนมีความสามารถอันแสนธรรมดาและเป็ได้เพียงบ่าวรับใช้และแพทย์หญิงเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือมิได้คิดเล็กคิดน้อยต่อข่าวลือ วิสัยทัศน์ หรือประเพณีนิยม พวกเรายึดมั่นในสัญญาหมั้นหมายและยังให้ความช่วยเหลือตระกูลกูในทุกๆ ด้านมาโดยตลอด ตัวของฉีอวี้เองมักจะเยี่ยมเยียนและเป็ห่วงกูเฟยเยี่ยนอยู่เสมอ เพียงแต่ว่ากูเฟยเยี่ยนตระหนักรู้ในตนเองดีว่าไม่คู่ควรต่อฉีอวี้ ภายในจิตใจล้วนเต็มไปด้วยความสำนึกรู้ในบุญคุณมาตลอดมาจึงไม่้าให้ฉีอวี้ปฏิบัติตามคำมั่นในสัญญาแต่งงาน ในครานี้สืบเนื่องมาจากห้องยาสำนักหมอหลวงสั่งให้ไปปฏิบัติภารกิจ ทว่ากลับสร้างความเข้าใจผิดก่อให้เกิดคำนินทาที่ส่งผลกระทบต่อฉีอวี้ ในจิตใจของกูเฟยเยี่ยนยิ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด จึงริเริ่มขอให้ฉีอวี้ยุติการหมั้นหมาย ฉีอวี้ปฏิบัติตามคำขอ และเมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์อันยาวนานจึงยินยอมที่จะมอบเงินชดใช้จำนวนหนึ่งให้
หลังจากที่กูเฟยเยี่ยนอ่านคำสุดท้ายจบลงก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดบุตรชายของท่านแม่ทัพฉีผู้ที่รักในศักดิ์ศรีมาโดยตลอดจึงกล้าที่จะมาถอนหมั้นในสถานการณ์ที่เกิดข่าวลือรุนแรงมากมายเช่นนี้
จริงๆ แล้วเขาไม่เพียงแค่้ายุติการหมั้นหมาย แต่ยัง้าฉวยโอกาสในการถอนหมั้นเพื่อช่วยนางในการชี้แจงข่าวลือและช่วยตนเองในการลบล้างคำว่าภรรยามีชู้เพื่อนำเกียรติยศกลับมา
เกมกระดานนี้ เดินได้ดีเหลือเกิน!
เพียงแต่ว่าคำทุกคำในหนังสือถอนหมั้นล้วนเหยียบย่ำนางด้วยความสง่าผ่าเผย ใส่ร้ายป้ายสีนาง ยกหางตนเอง นี่มันไม่รังแกผู้อื่นเกินไปหน่อยหรือ?
กูเฟยเยี่ยนใช้แรงมหาศาลในการปิดหนังสือถอนหมั้นนั้น ก่อนจะเอ่ยอย่างเ็า “หนังสือถอนหมั้นเช่นนี้ข้าไม่ยอมรับ! ”
เมื่อได้ยินคำนี้ เดิมทีฉีอวี้ควรที่จะโกรธทว่าเขากลับรู้สึกโล่งอกอย่างไม่สามารถอธิบายได้ “เ้าเสแสร้งแกล้งทำอย่างที่คาดเอาไว้จริงด้วย”
“ข้าเกือบจะเชื่อว่าเ้ามีความตระหนักรู้ในตนเอง ที่แท้…”
แม้แต่ฉีฟู่ฟางเองก็รู้สึกได้ว่าศักดิ์ศรีของตนเองกำลังจะหวนคืนกลับมา นางมองไปยังกูเฟยเยี่ยนอย่างหลงระเริงพร้อมเอ่ยถาม “ชิชิชิ ที่แท้ก็คือลูกไม้เลวทรามแสร้งทำเป็ปล่อยเพื่อที่จะจับทีหลัง! กูเฟยเยี่ยน ตรงไปตรงมาหน่อยเถิด เ้า้าเท่าไหร่จึงจะยอมถอนหมั้น? เ้า้าเงินเท่าใด? สามพันเหรียญ พอหรือไม่? ”
ั์ตาของกูเฟยเยี่ยนหยิ่งยโสกว่าฉีฟู่ฟางเสียอีก นางเอ่ยอย่างเ็า “รบกวนพวกเ้าเข้าใจให้ชัดเจน เปิ่นเสี่ยวเจี่ยเพียงแค่ตกลงที่จะถอนหมั้น ไม่ได้ตกลงกับพวกเ้าที่จะนำหนังสือถอนหมั้นเช่นนี้มายุติการหมั้นหมาย! ในเมื่อพวกเ้า้าที่จะเจรจาเงื่อนไข เช่นนั้นก็ดี! เปิ่นเสี่ยวเจี่ยให้พวกเ้าสองทางเลือก! ”
ฉีอวี้พึมพำอย่างเหยียดหยาม “พูดออกมา ข้าจะลองฟัง”
กูเฟยเยี่ยนกล่าวว่า “เปิ่นเสี่ยวเจี่ยและพวกเ้าประกาศให้ผู้คนได้ทราบว่า การหมั้นหมายของพวกเรายุติลงอย่างไร้เงื่อนไข ถูกผิดอย่างไรให้ผู้คนไปพิจารณาเอาเอง ไม่เช่นนั้นก็ระบุว่าเป็เปิ่นเสี่ยวเจี่ยที่ไปเยือนยังตระกูลฉีของพวกเ้าเพื่อขอถอนหมั้น หนังสือถอนหมั้นเปิ่นเสี่ยวเจี่ยเว้นว่างไว้ ความหมายเช่นเดิมคือ ถูกผิดอย่างไรให้ผู้คนไปพิจารณาเอาเอง! ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้อย่าว่าแต่ฉีอวี้เลย ผู้คนรอบข้างล้วนใจนตะลึงตาค้าง
“การยุติการหมั้นหมายโดยไร้เงื่อนไข” “ฝ่ายชายถอนหมั้นฝ่ายหญิง” “ฝ่ายหญิงถอนหมั้นฝ่ายชาย” นี่เรียกได้ว่าเป็คนละเื่กันเลย!
สายตาเย็นะเืของกูเฟยเยี่ยนจ้องมองตรงไปยังดวงตาของคู่นั้นของฉีอวี้ซึ่งมีแต่ความตื่นตระหนกใเพื่อรอคอยคำตอบของเขา ในราตรีนี้ที่นางสามารถยินยอมการยุติการหมั้นหมายโดยไร้เงื่อนไขได้นั้น แท้จริงแล้วนางพยายามสงบอารมณ์ตนเองเอาไว้อย่างยิ่งยวด ลดความยุ่งยากต่างๆ นานา เอาไว้ ควรที่จะรู้ไว้ว่าสำหรับหญิงสาวผู้หนึ่งการถูกถอนหมั้นนั้นเรียกได้ว่าเป็ความอัปยศครั้งยิ่งใหญ่ และเป็จุดด่างพร้อยที่ทั้งชีวิตนี้ไม่สามารถลบออกไปได้!
หญิงสาวผู้ที่ใฝ่ฝันถึงเื่ราวยิ่งใหญ่มาตลอดชีวิตจะยินยอมอดทนถูกถอนหมั้นเช่นนี้ได้อย่างไร? หากไม่เป็เพราะว่านางไม่สนใจในเื่ของการแต่งงานเลยสักนิด นางจะสามารถปล่อยให้เขาได้ประโยชน์ได้อย่างไร?
ได้ประโยชน์แล้วยังได้คืบจะเอาศอก นับว่าขาดคนสั่งสอนบทเรียนให้หลาบจำเสียจริง
์ทราบดีว่าภายในจิตใจของฉีอวี้นั้นเกิดความประหลาดใจมากมายเพียงใด เขาสบตากับกูเฟยเยี่ยนแต่กลับไม่ได้พูดจาอันใดออกมา
กูเฟยเยี่ยนขี้คร้านจะเสียเวลากับเขาแล้ว นางรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแทบตาย “แน่นอนว่า เงื่อนไขสองข้อนี้บุตรชายท่านแม่ทัพฉีอย่างเ้าสามารถที่จะไม่เลือกเลยสักข้อก็ย่อมได้ ท่านสามารถยืนกรานที่จะนำหนังสือถอนหมั้นไร้สาระนี้มาถอนหมั้นกับข้า ทว่าในชาตินี้ทั้งชาติ ข้า กูเฟยเยี่ยนก็ไม่มีทางที่จะยินยอมถอนหมั้นด้วยเงื่อนไขหนังสือนี้อย่างเด็ดขาด! ”
กูเฟยเยี่ยนหันไปทางกูเอ้อร์เย่ ก่อนจะกล่าวอย่างเ็า “ท่านคืออารองของข้า ไม่ใช่บิดาของข้า! ข้าโตมากแล้ว หากท่านกล้าที่จะลงนามโดยที่ไม่ได้ผ่านการยินยอมจากข้า เช่นนั้นก็จงรับผิดชอบผลลัพธ์ที่ตามมาทีหลังกันเอาเองเถิด! ”
หลังจากที่นางพูดจบก็โยนหนังสือถอนหมั้นลงไปบนพื้นอย่างเหี้ยมโหด ก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันที
เป็เวลานานเลยทีเดียว ที่หลังจากกูเฟยเยี่ยนได้ก้าวเดินออกไป ผู้คนถึงจะได้สติกลับมา
กูเอ้อร์เย่และหวังฟูเหรินใบหน้าเขียวจัด กูเอ้อร์เย่รีบร้อนไปเก็บหนังสือถอนหมั้นกลับคืน แล้วเอ่ยกับฉีอวี้อย่างจริงจัง “ท่านชายฉี ได้โปรดระงับโทสะด้วย! เื่นี้มอบให้เหล่าฟู [1] จัดการเถิด เหล่าฟูให้คำมั่นสัญญากับท่าน สามวัน... ภายในสามวัน เหล่าฟูจะทำให้นางเป็เด็กดียอมลงนามอย่างแน่นอน! ”
ฉีอวี้โกรธจนมิรู้จะพูดคำใดออกมา เขาไม่ได้สนใจไยดีกูเอ้อร์เย่ ทำเพียงจ้องมองไปยังภาพเงาเื้ัที่ไกลห่างออกไปของกูเฟยเยี่ยน ทันทีที่แผ่นหลังของกูเฟยเยี่ยนหายลับไป เขาก็สะบัดแขนเสื้ออย่างโเี้ ก้าวเท้าเดินจากไปทันที
แท้จริงแล้วเื่นี้ กูเอ้อร์เย่และหวังฟูเหรินทำเพราะ้ารับเงินรางวัล ทว่าในยามนั้นทั้งสองคนไม่เพียงแต่กลัวที่จะไม่ได้รับเงินรางวัลแล้วยังกลัวว่ากูเฟยเยี่ยนจะล่วงเกินตระกูลฉี แล้วนำภัยพิบัติมาสู่ตระกูลกูทั้งบนและล่าง ทั้งสองคนรีบร้อนพุ่งเข้าไปขอร้องอ้อนวอนฉีฟู่ฟาง
“คุณหนูใหญ่ฉี เหตุการณ์ในวันนี้ค่อนข้างฉุกละหุก เหล่าฟูเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันขอรับ! ”
“ใช่แล้วๆ คุณหนูใหญ่เ้าคะ พวกเราก็ไม่ทราบว่านังคนชั้นต่ำผู้นั้นไปโดนมารตัวไหนมา จู่ๆ ก็หยิ่งผยองขึ้นมาเช่นนี้! ท่านได้โปรดยืดเวลาอีกสักนิดเถิด วางใจได้เลยว่าอีกสักครู่เอ้อร์เย่ย่อมมีวิธีในการจัดการนางแน่”
แม้ว่าฉีฟู่ฟางจะโมโหทว่าไม่เหมือนกับฉีอวี้ตรงที่นางมิได้โกรธกระฟัดกระเฟียด หญิงสาวเอื้อนเอ่ยอย่างเ็าว่า “นางไม่เพียงแต่หยิ่งผยองเท่านั้น!”
หวังฟูเหรินเข้าใจในความหมายของฉีฟู่ฟางในทันทีจึงรีบร้อนให้คำมั่นสัญญา “คุณหนูใหญ่ฉี นางจะต้องลงนามในหนังสือถอนหมั้นนี้อย่างแน่นอน คำพูดไม่ดีที่นางเอ่ยออกมาในค่ำคืนนี้จะต้องถูกแก้ไขอย่างแน่นอนเ้าค่ะ ท่านไว้วางใจได้เลย! ”
“ดี ข้าจะเชื่อใจพวกท่านอีกสักครั้ง ถ้าหากว่ายังสร้างปัญหาอะไรขึ้นมาอีก เช่นนั้นก็อย่าได้โทษพวกเราตระกูลฉีที่ไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าๆ ในอดีต! ”
ฉีฟู่ฟางจะเดินทางกลับ หวังฟูเหรินจึงเดินออกมาส่งด้วยตนเอง ทั้งสองกระซิบกระซาบกันไปตลอดทาง
ทันทีที่ฉีฟู่ฟางจากไป อารมณ์ของกูเอ้อร์เย่ก็ไม่สามารถที่จะระงับไว้ได้อีกต่อไป เขาโมโหเป็ฟืนเป็ไฟ ้าที่จะไปจัดการกับกูเฟยเยี่ยนทว่าหวังฟูเฟรินรีบปรี่เข้ามาห้ามทันที
“เหล่าเหย่ อย่าได้หุนหันผันแล่นไปเ้าค่ะ! เมื่อสักครู่นี้ท่านก็เห็นแล้วว่านังคนชั้นต่ำผู้นี้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ หากว่าพวกเราดึงดันกับนางแล้วเกิดการแพร่กระจายข่าวออกไปจนก่อให้เกิดคำนินทาต่อท่านชายฉีนั้น ผลลัพธ์จะยิ่งเกิดความยุ่งยากแน่ๆ เ้าค่ะ”
กูเอ้อร์เย่บ่นออกมา “แปลกเสียจริง บิดามารดาของนางพูดน้อยเป็อย่างยิ่ง ฝีปากคารมคมคายของนางนั้นเหมือนผู้ใดกัน? ”
“ไม่แน่อาจมีคนยุยงส่งเสริม” หวังฟูเหรินนำกูเอ้อร์เย่กลับมายังห้อง จากนั้นก็กระซิบข้างใบหูของเขาว่า “เช่นนี้ พวกเรา…”
ในกลางดึกที่หวังฟูเหรินและกูเอ้อร์เย่กำลังเจรจาหารือถึงมาตรการรับมืออยู่ กูเฟยเยี่ยนอาศัยความทรงจำเดินไปยังห้องเหยาหัวเก๋อที่เป็ห้องของเ้าร่างเดิม
กลางดึกกลางดื่นไม่อาจกลับไปยังพระราชวังได้ นางจึง้าที่จะพักแรมที่เหยาหัวเก๋อสักคืน ทว่าทันทีที่นางมาถึงเหยาหัวเก๋อก็เกิดอาการตกตะลึงตาค้างทันที
เหยาหัวเก๋อมีชื่อเสียงเรียงนามไม่ตรงต่อความจริงเป็อย่างยิ่ง ทั้งทรุดโทรมยากที่จะพรรณนา อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ในเตาไฟแม้แต่ถ่านสักก้อนก็ไม่มี มีเพียงแค่ขี้เถ้าบางๆ เท่านั้น ผ้านวมบนเตียงนอนเรียกได้ว่าบางยิ่ง ลมเหนือพัดพามากระทบกับหน้าต่างจนสั่นะเื หน้าต่างพวกนี้ไม่ได้รับการดูแลรักษาซ่อมแซมมาเป็เวลานานจึงเป็รูไปหมดทุกหย่อมหญ้า!
เงินเดือนและเงินรางวัลที่ได้มาของเ้าของร่างเดิมที่เป็ผู้รับใช้อยู่ภายในพระราชวังนั้น เรียกได้ว่าเกือบทั้งหมดต้องส่งมอบให้กับหวังฟูเหรินเพื่อช่วยเหลือเจือจุนครอบครัวและเป็ค่าสินสอดทองหมั้น หวังฟูเหรินดูแลบุตรชายและบุตรสาวของตนในสภาพที่เรียกได้ว่าถ้ามีการเอ่ยปากร้องขอเมื่อไหร่ก็จะรับปากทันที สำหรับเ้าของร่างเดิมนั้นสามารถประหยัดได้ก็ต้องประหยัด อาหารทั้งสามมื้อล้วนเป็ข้าวและกับที่หลงเหลือ แม้กระทั่งของใช้จำเป็พื้นฐานในชีวิตประจำวันและเสบียงสำหรับเหมันต์ฤดูก็ไม่มีให้!
กูเฟยเยี่ยนมองไปยังห้องอันเปล่าเปลี่ยวก็นึกถึงเ้าของร่างเดิมที่เป็บุคคลผู้น่าสงสาร ต้องคอยพาร่างที่อ่อนระโหยโรยแรงกลับมายังบ้านเกิดแล้วยังต้องทนหิวทนหนาว นางพลันรู้สึกปวดใจ ลอบคิดว่านับั้แ่เดือนนี้เป็ต้นไปหวังฟูเหรินอย่าได้คิดเพ้อเจ้อที่จะได้รับเงินจากนางอีก
ลมเหนือโหมซัดพัดพาเข้ามายังรอยแตกแยกของหน้าต่างอีกหน กูเฟยเยี่ยนหนาวจนทนแทบไม่ไหว นางรีบร้อนหยิบหวางเป่าติงขนาดเล็กที่ห้อยอยู่บนเอวออกมา นำฝ่ามือถูไปรอบๆ หวางเป่าติงสองรอบ หวางเป่าติงพลันขยายขนาดใหญ่ขึ้นทันที
ในไม่ช้าภายในหวางเป่าติงก็เกิดการเผาไหม้จากอัคคีเทพที่มองไม่เห็น หวางเป่าติงค่อยๆ คลายความร้อนออกมาราวกับเตาให้ความอบอุ่นขนาดเล็ก กูเฟยเยี่ยนโอบอุ้มหวางเป่าติงเอาไว้ก่อนจะเอนกายนอนบนเตียง ในที่สุดก็อบอุ่นไปทั้งร่างเสียที
ไม่รู้ว่าเกิดเหตุใดขึ้น เดิมทีนางง่วงงุนงัวเงียเป็อย่างยิ่ง ทว่าพอได้รับความอบอุ่นแล้วกลับตื่นตัวขึ้นมาทันที ยามที่เหม่อมองไปยังห้องอันเปล่าเปลี่ยวตรงหน้า นางอดไม่ได้ที่จะโอบกอดหวางเป่าติงเอาไว้แน่น ในสายธารความคิดนึกถึงท่านอาจารย์คนเลว นึกถึงความทรงจำแปดปีที่หายไปของตนเอง ท่านอาจารย์คือใคร? แล้วนางเป็ใคร? นางมีบ้านและครอบครัวใช่หรือไม่?
กูเฟยเยี่ยนไม่รู้ว่าในตอนท้ายตนเองนอนหลับไปได้อย่างไร ในวันรุ่งขึ้นเมื่อนางตื่นขึ้นมาก็เป็เวลาเที่ยงวันเสียแล้ว นางรีบเก็บของอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะเตรียมตัวกลับไปยังพระราชวัง ทว่าคนรับใช้กลับส่งกระดาษใบอนุมัติลาหยุดมาให้หนึ่งแผ่น ผู้ดูแลห้องยาสำนักหมอหลวงอนุญาตให้นางลาหยุดได้สิบวัน
ในค่ำคืนที่ผ่านมาตอนออกมาจากพระราชวัง นางแจ้งไปว่าลาหยุดเพียงหนึ่งวันนี่นา! เกิดเหตุใดขึ้น?
--------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เหล่าฟู หมายถึง คำที่ชายชราเรียกตนเอง