ฉีฟู่ฟางกำลังจะด่าต่อ ทว่ากลับถูกกูเฟยเยี่ยนขัดจังหวะด้วยความรุนแรงทันที!
นางเอ่ยอย่างเ็า “พอได้แล้ว ้าจะถอนหมั้นก็เข้าเื่เสียที ข้าขอถามเ้า ในค่ำคืนนี้ตระกูลฉีมีเพียงเ้าที่พาน้องชายมาถอนหมั้น ถูกหรือไม่? ”
ฉีฟู่ฟางเอ่ยวาจาเหยียดหยามเป็อย่างยิ่ง “การที่พวกเราสองพี่น้องมาด้วยตนเองก็เรียกได้ว่าให้เกียรติท่านปู่กูผู้เฒ่าที่ล่วงลับไปมากแล้ว ทำไมหรือ? เ้ายัง้าข้อเรียกร้องอะไรอีกเล่า? ”
กูเฟยเยี่ยนยิ้มบาง “สุภาษิตกล่าวเอาไว้ว่า บิดามารดาเสียชีวิต พี่สาวเปรียบเสมือนมารดา ลำบากท่านแล้วที่เป็เพียงพี่สาวแต่ยังต้องคอยตามฉีอวี้มาเยือนที่แห่งนี้อีก! ”
ทันทีที่สิ้นเสียง เฟิงหวาถางที่อันโอ่โถ่งก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด ไม่ต้องพูดถึงพี่น้องตระกูลฉี แม้แต่ผู้าุโตระกูลกูและเหล่าภรรยาของกูเอ้อร์เย่ล้วนตกตะลึง ไร้ซึ่งการตอบสนอง
บิดามารดาเสียชีวิต พี่สาวเปรียบเสมือนมารดา?
กูเฟยเยี่ยน… นี่มันหมายความว่าอย่างไร? เหตุใดจู่ๆ จึงพูดเช่นนี้ออกมา?
ฉีฟู่ฟางใคร่ครวญพิจารณา ทันใดนั้นนางก็แปรสภาพเป็ดินปืนที่ถูกจุดะเิอยู่กับที่ “กูเฟยเยี่ยน เ้ากล้าสาปแช่งบิดามารดาของข้า! เ้ารนหาที่ตาย! ”
กูเฟยเยี่ยนไร้ซึ่งความเกรงกลัวเอ่ยด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง “เื่การหมั้นหมายเป็ไปตามคำสั่งของบิดามารดาและการชักนำของแม่สื่อ ยามที่หมั้นหมายทำเช่นไร ยามที่จะถอนหมั้นก็ต้องทำเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็การหมั้นหมายหรือการถอนหมั้นหากบิดามารดายังมีชีวิตอยู่ ก็จะต้องมาอยู่ในงานด้วย! ”
ฉีฟู่ฟางเงียบสนิท ทว่ากูเฟยเยี่ยนยังคงเอ่ยถามอย่างจริงจัง “เ้าผู้เป็พี่สาวที่มีรุ่นราวคราวเดียวกันกลับพาน้องชายมาถอนหมั้น บิดามารดาของเ้าไม่เสียชีวิตแล้ว ถ้าอย่างนั้นจะเรียกว่าอย่างไร? ”
ทันทีที่สิ้นเสียง ผู้คนล้วนเงียบเป็เป่าสาก
อย่าว่าแต่ฉีฟู่ฟางเลย แม้แต่ฉีอวี้ผู้ที่คงไว้ซึ่งท่วงท่าเปี่ยมไปด้วยจิตใจที่งดงามและมีคุณธรรมสูงส่งยังหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเป็เพราะอับอายหรือเพราะโมโหกันแน่ ภรรยาของกูเอ้อร์เย่ไม่เข้าใจเป็อย่างยิ่ง หญิงสาวตระกูลกูในแต่ละยุคสมัยล้วนมีแต่ความนุ่มนวลอ่อนโยน ดังนั้นแล้วความสามารถด้านการสู้คนของกูเฟยเยี่ยนนั้นมาจากที่ใดกัน?
ฉีฟู่ฟาง้าโต้เถียงทว่ากลับโต้แย้งอันใดไม่ได้เลย นางโกรธจนปอดใกล้จะะเิออกมา สุดท้ายจึงตบโต๊ะและลุกขึ้นประณามด้วยความโมโห “กูเฟยเยี่ยน เ้ากล้าดีอย่างไรมาสบประมาทเหยียดหยามพวกเราตระกูลฉี! หากเ้าคิดจะรนหาที่ตาย ในตอนนี้เปิ่นเสี่ยวเจี่ย [1] ก็จะเติมเต็มความปรารถนาให้กับเ้าเอง! ”
“กล่าววาจาสามหาว กูเฟยเยี่ยนเ้าช่างไร้ผู้สั่งสอน! ” ในที่สุดฉีอวี้ที่นั่งไม่ติดพื้นก็ลุกขึ้นมาโต้ตอบแล้ว
อันที่จริงเขา้าจะถอนหมั้นั้แ่หลายปีที่แล้ว เพียงแต่ว่าเกรงกลัวที่จะถูกด่าว่ารังเกียจคนจนรักใคร่คนรวย ไม่รักษาสัญญา ถึงอย่างไรตระกูลฉีกับตระกูลกู ทั้งสองตระกูลนั้นครั้งหนึ่งในอดีตก็ได้เป็พันธมิตรมาหลายชั่วอายุคน อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีงามต่อกันเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เป็ท่านปู่ของเขาที่เป็ผู้ริเริ่ม้าที่จะเกี่ยวดองกับตระกูลกู แน่นอนว่าเหตุผลประหลักสำคัญก็คือเขาไม่้าที่จะสมรสกับองค์หญิงหวายหนิง ดังนั้นแล้วจึงไม่มีวิธีอื่นในการยุติการหมั้นหมายได้
เขาคาดไม่ถึงเลยว่ากูเฟยเยี่ยนผู้ที่สงบเสงี่ยมมาโดยตลอดจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเฉิงอี้เฟยโดยการปกป้องยารักษาเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นคือการป้อนยาด้วยตนเองจนก่อให้เกิดข่าวลือมากมายมาว่าเขาถูกสวมเขาเนื่องจากภรรยามีชู้ แม้จะเพียงครู่เดียวเขาก็ไม่สามารถทนต่อถ้อยคำสบประมาทเหยียดหยามเหล่านี้ได้ หลังจากที่เขารีบเร่งกลับจากค่ายทหารฝั่งตะวันตก ตรงดิ่งมายังตัวเมือง เขาไม่ได้ปลุกบิดามารดาที่กำลังหลับสนิทอยู่ แต่ทำเพียงการพาพี่สาวให้มาด้วยกัน ในความคิดของเขา สำหรับตระกูลกูที่ครอบครัวยากจนและคร่ำครึไร้ซึ่งฐานะนั้น การกล่าววาจาถอนหมั้นใช้เพียงคำสองคำก็คงเพียงพอแล้ว
ทว่าผู้ใดจะไปคาดคิดว่ากูเฟยเยี่ยนจะเปลี่ยนแปลงไปราวกับเป็คนละคน ฝีปากคารมคมคาย ใจกล้าไม่เกรงกลัวแม้แต่เทวดาฟ้าดิน!
ฉีอวี้กำหมัดแน่นเพื่อระงับโทสะ ส่วนทางด้านของฉีฟู่ฟางนั้น นางอยากที่จะลงไม้ลงมือสั่งสอนหญิงสาวตรงหน้าจริงๆ
ยามนั้นเอง ในที่สุดกูเอ้อร์เย่ก็หายจากอาการตื่นตระหนกใและได้สติขึ้นมาเสียที เขาตบโต๊ะลุกขึ้นยืนประณามด้วยความโกรธทันที “กำเริบเสิบสาน! กำเริบเสิบสาน! กูเฟยเยี่ยน แม่นางเช่นเ้ากล้าพูดวาจาเช่นนี้ได้อย่างไร! ข้าขอสั่งให้เ้ารีบเอ่ยปากขอโทษคุณหนูใหญ่ฉีกับท่านชายฉีเดี๋ยวนี้! ”
หวังฟูเหรินเกรงว่าเื่ราวจะใหญ่โตไปมากกว่าเดิม แม้เพียงชั่วครู่ก็ไม่กล้าที่จะชักช้าจึงะโร้องเรียก “ทหาร! ทหาร! รีบรินชามาเร็วเข้า คุณหนูใหญ่สมองเลอะเลือนพูดจาไร้สาระ ้ามอบชาแด่แขกผู้มีเกียรติอย่างตระกูลฉีเพื่อเป็การขออภัย”
ฉีฟู่ฟางไม่เอาด้วย ั์ตาของฉีอวี้จึงเกิดประกายสลับซับซ้อนและในไม่ช้าก็แสดงเจตนาให้นางนั่งลงและอย่าได้หุนหันผันแล่นไป
ฉีฟู่ฟางนั่งลงอย่างไม่พอใจนัก อันที่จริงแล้วภายในใจและภายในห้วงความคิดของนางล้วนมีแต่ความเสียใจในภายหลัง หากทราบั้แ่แรกว่าฝีปากของกูเฟยเยี่ยนเก่งกาจถึงเพียงนี้ นางคงไม่เปล่งเสียงออกมาแต่แรกแล้วให้กูเอ้อร์เย่เป็คนพูดแทน การที่กูเอ้อร์เย่สั่งสอนกูเฟยเยี่ยนนั้นจึงจะสามารถเรียกได้ว่าถูกตามหลักทำนองคลองธรรม!
ในไม่ช้าห้องทั้งห้องก็ได้กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง คนรับใช้ได้ยกถ้วยน้ำชามาด้านหน้าของกูเฟยเยี่ยน
กูเฟยเยี่ยนชำเลืองมอง ก่อนจะกำหมัดแน่นไม่ขยับเขยื้อนร่างกายแม้แต่นิด นางหันไปยังกูเอ้อร์เย่ รู้สึกผิดหวังแทนเ้าของร่างเดิมและท่านปู่ผู้เฒ่าที่ล่วงลับไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือความดูถูกดูแคลน
“เ้ายังเชื่องช้าอันใดอยู่อีก? รีบขอโทษเดี๋ยวนี้! ” กูเอ้อร์เย่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด
กูเฟยเยี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึก สายตาค่อยๆ ย้ายออกไปมองยังถ้วยชาตรงหน้า ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะประคองมันขึ้นมา
เมื่อเห็นเช่นนั้นมุมปากของฉีฟู่ฟางพลันยื่นออกมาอย่างไม่พอใจ และดูถูกเหยียดหยามเป็อย่างยิ่ง ทางด้านของฉีอวี้ผู้เกลียดการทะเลาะวิวาทและโต้เถียงเช่นนี้ที่สุด นางคิดว่าตนเป็ผู้หญิงที่มีฝีปากคารมคมคายแล้วอย่างไร สุดท้ายก็ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีและฐานะ อย่างไรก็ต้องเชื่อฟังและยอมแพ้แต่โดยดี!
ฉีฟู่ฟางหายจากการกลัดกลุ้ม ในที่สุดก็รู้สึกสบายใจเป็อย่างยิ่ง นางปรับเปลี่ยนท่านั่ง ก่อนจะแสดงท่าทีหยิ่งยโสโอหัง รอคอยการขอโทษจากกูเฟยเยี่ยน
และโดยที่ทุกคนไม่คาดคิด...
กูเฟยเยี่ยนมิได้ยกชาเพื่อขอขมาพวกเขา ทว่าจู่ๆ นางกลับเงยหน้าขึ้นดื่มชาจนหมดในคำเดียว หลังจากนั้นก็ทุบถ้วยน้ำชาจนแตกละเอียด
เ้าของร่างเดิมนั้นขี้อายและอ่อนแอ เกรงกลัวว่าอารองและอาสะใภ้จะตนไล่ออกจากตระกูล ทว่านาง กูเฟยเยี่ยนผู้นี้ไร้ซึ่งความกลัวเกรง!
นางเอ่ยอย่างเ็า “ขอโทษหรือ? พวกเ้านั้นเลิกคิดไปได้เลย แต่หากเป็เื่การถอนหมั้น เปิ่นเสี่ยวเจี่ย [1] ย่อมอนุญาต! หากว่าพวกเ้าไม่มาถอนหมั้น ในเช้าวันพรุ่งเปิ่นเสี่ยวเจี่ยก็จะลางานและออกจากพระราชวังไปหาเพื่อถอนหมั้นด้วยตนเอง! แต่ไหนแต่ไรมาเปิ่นเสี่ยวเจี่ยไม่เคย้างานหมั้นหมายในครั้งนี้ พวกเ้าตระกูลฉีเองก็อย่าได้คิดเข้าข้างตนเองจนเกินไป! ในวันนี้ที่เปิ่นเสี่ยวเจี่ยให้เกียรติมาก็เพื่อ้าที่จะสั่งสอนพวกเ้าว่าคำว่า ‘มารยาท’ นั้นสะกดอย่างไร! ”
ทันทีที่นางเอ่ยจบ มือขาวผ่องก็ได้จัดระเบียบเส้นผมที่ระเกะระกะของตนอย่างไม่รีบไม่ร้อน นางรวบเสื้อนวมปุยฝ้ายเก่าๆ ขึ้นมา ก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างสง่างาม สิ้นเงาของนางที่ก้าวเดินออกไป ผู้คนภายในห้องล้วนเต็มไปด้วยสีหน้าตกตะลึง
เพียงเท่านี้หรือ?
กูเฟยเยี่ยนผู้ดื้อรั้นหัวแข็ง โต้เถียงกันมานมนาน ไม่ใช่เพียงเพื่อที่จะหาเหตุผลในการปฏิเสธการถอนหมั้นอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่เพื่อที่จะเจรจาเงื่อนไขกับพวกเขาอย่างนั้นหรือ? เป็ไปได้อย่างไรที่จะโต้เถียงอย่างเอาเป็เอาตายเพียงเพื่อคำว่า “มารยาท” คำนี้?
ฉีอวี้เป็ผู้ที่ตื่นตระหนกใอย่างสุดขีด เขาโดนคำของกูเฟยเยี่ยนที่ว่า “แต่ไหนแต่ไรมาล้วนไม่เคย้า” แทงใจเข้าอย่างจัง ในยามนั้นเขามองเหม่อไปยังภาพเงาร่างเื้ัของกูเฟยเยี่ยนผู้สง่างดงาม ทว่าให้ความรู้สึกขัดหูขัดตาเป็อย่างยิ่ง
การเป็ฟูเหรินของเขา ของฉีอวี้ผู้นี้คือความใฝ่ฝันที่ยากลาวไปจนยามหลับของหญิงสาวหลายๆ คน! แม้แต่องค์หญิงองค์ปัจจุบันยังริเริ่มที่จะสร้างความสัมพันธ์ในการหัวใจของเขา แล้วเป็ไปได้อย่างไรที่กูเฟยเยี่ยนจะไม่้าเขา? เป็ไปได้อย่างไรที่แม้แต่เงื่อนไขสักข้อก็ไม่ยอมเจรจาและสละสิทธิ์ในทันที?
ไม่ เขาไม่เชื่อ!
กูเฟยเยี่ยนกำลังเล่นละครอย่างแน่นอน!
ฉีอวี้ก้าวเท้าไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว “กูเฟยเยี่ยน เ้าหยุดเดี๋ยวนี้! ”
กูเฟยเยี่ยนหันกลับมาและเอ่ยอย่างไม่พอใจ “มีอะไรก็พูดมเร็วเข้า หากมีลมก็รีบผายออก เปิ่นเสี่ยวเจี่ยง่วงเป็อย่างยิ่ง! ”
“หยาบคาย!”
ใบหน้าของฉีอวี้บังเกิดความรังเกียจ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “กูเฟยเยี่ยน เ้ากำลังแสดงละครอันใดอยู่? เ้าที่เป็เพียงแพทย์หญิงตัวเล็กๆ ใช้ชื่อเสียงจากคำว่า ‘ว่าที่ลูกสะใภ้ของตระกูลแม่ทัพฉี’ มาเป็ระยะนานหลายปี เ้ายังไม่รู้จักพออีกหรือ? ต้องทำอย่างไรเ้าถึงจะยอมถอนหมั้น? ”
ไม่รู้ว่าเป็เพราะว่าเ้าของร่างเดิมหรือไม่ กูเฟยเยี่ยนจึงเกิดความรู้สึกอาฆาตแค้นต่อตระกูลฉีอย่างที่จะไม่อาจจะพรรณนาได้ ทันทีที่นางได้ยินคำพูดนั้นจึงเอ่ยออกมาด้วยความโกรธ “ฉีอวี้ หากเ้าฟังคำพูดของคนไม่รู้เื่ ข้าก็จะพูดให้ฟังเป็ครั้งสุดท้าย ข้า กูเฟยเยี่ยนไม่เคย้างานหมั้นหมายในครั้งนี้ และไม่เคย้าที่จะออกเรือนไปกับเ้า นับั้แ่คืนนี้เป็ต้นไป การหมั้นหมายของพวกเราถูกยกเลิก เ้า้าที่จะแต่งกับผู้ใดก็ไปแต่งกับผู้นั้น! อย่าได้มารบกวนข้าอีก! นอกจากนี้ขอร้องให้เ้าออกประกาศในวันพรุ่ง แจ้งให้ผู้คนถ้วนทั่วได้รับทราบว่าจากนี้ไปพวกเราไม่เกี่ยวข้องกันอีก! ”
ฉีอวี้ั้แ่เติบโตขึ้นมา ไม่ว่าจะไปที่ใดล้วนเป็ที่ชื่นชอบชื่นชมมาโดยตลอด ไม่เคยมีผู้ใดรังเกียจเขาเช่นนี้มาก่อน ใบหน้าของเขาจู่ๆ ก็เหมือนกับถูกไฟเผาไหม้ ร้อนลวกไปหมด
ฉีฟู่ฟางและผู้าุโทั้งหลายล้วนไล่ตามออกมา เมื่อได้ยินคำพูดนี่ สีหน้าล่วนเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง
ั์ตาของฉีฟู่ฟางส่องประกายสลับซับซ้อน นางรีบนำหนังสือถอนหมั้นหนึ่งชุดโยนใส่กูเฟยเยี่ยน “กูเฟยเยี่ยน สิ่งที่เ้าพูดออกมาหากเป็ความจริงทั้งหมด ก็จงประทับตราบนหนังสือถอนหมั้นเสีย! ”
ในตอนนั้นเองกูเฟยเยี่ยนถึงจะนึกได้ว่ายังมีหนังสือถอนหมั้นฉบับนี้อยู่ นางพลิกเปิดหนังสือถอนหมั้นเพื่อที่จะประทับตราทว่ากลับพบเจอสิ่งที่ไม่ปกติ…
—————————————-
เชิงอรรถ
[1] เปิ่นเสี่ยวเจี่ย หมายถึง ตัวข้าคุณหนูผู้นี้