บนถนนใหญ่เส้นหนึ่งที่มุ่งหน้าสูู่เาตระกูลหลิง ได้มีสาวงามสองคนกำลังควบม้าวิ่งตะบึงไปยังูเาตระกูลหลิง
สาวน้อยที่นำหน้า ดูน่าจะอายุราวยี่สิบปี สวมชุดสีดำรัดกับรูปร่างอันเพรียวบางน่าหลงใหล กลายเป็ทิวทัศน์อันงดงามจนแทบจะทำให้ผู้ชายคลุ้มคลั่งได้
ใบหน้าของสาวน้อยผู้นั้นงดงามสุดขีด ใบหน้ารูปไข่ที่ขาวดุจหิมะไร้ซึ่งมลทิน เส้นผมสีดำยาวถึงเอว ดวงตาอันงดงามคู่นั้นราวกับดวงดาวบนฟ้าก็ไม่ปาน สูงส่งงดงาม แต่ก็เ็าด้วยเช่นกัน
ตรงเอวของนาง มีกระบี่สั้นสีชาดสองเล่มเหน็บเอาไว้ ประกายแสงสีขาวได้ส่องสว่าง เห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่ใช่ยุทธภัณฑ์ทั่วไป!
หลิ่วยวน ลูกศิษย์ระดับพิเศษของหอโฉมสะคราญ หนึ่งในเจ็ดสำนักลัทธิใหญ่ของอาณาจักรต้าถัง มีพร์สูงลิ่ว อายุเพียงยี่สิบปี แต่สามารถก้าวขึ้นสู่ระดับิญญาแท้ขั้นสองได้แล้ว!
นางเป็ความหวังที่จะทำให้ตระกูลหลิ่วสามารถผงาดขึ้นมาได้ และเป็ดาวดวงใหม่ที่เปล่งประกายที่สุดในตระกูลหลิ่วด้วย ในเขตพระราชฐานที่มีอัจฉริยะมากพร์มากมายถือกำเนิด นางนับเป็หนึ่งในยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
ส่วนสาวน้อยที่อยู่ด้านหลังคนนั้น แม้จะมีรูปโฉมงดงามเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับสาวน้อยชุดดำแล้วก็ด้อยกว่าไม่น้อยเลย
“ศิษย์พี่หลิ่ว ท่านว่าพวกเราไปูเาตระกูลหลิ่วครั้งนี้จะมีโอกาสได้เจอกับโม่เฟิงิไหม?”
สาวน้อยที่อยู่ด้านหลังมีนามว่า ซินเยวี่ยหย่า ระดับิญญาแท้ขั้นที่หนึ่ง เป็ผู้ที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาเช่นกัน เป็ศิษย์น้องของหลิ่วยวน
“เ้าอย่ามัวแต่คิดถึงโม่เฟิงิทั้งวันสิ”
หลิ่วยวนแย้มยิ้มบางๆ ขึ้นมา
“เขายุ่งมากเลยนะ ตอนนี้จะมีเวลามาทีู่เาตระกูลหลิงได้อย่างไร? อาณาจักรกู่เิทางทิศเหนือเข้ามารุกรานอาณาจักรต้าถังเราอีกแล้ว หนึ่งในเก้ายอดฝีมือรุ่นเยาว์อย่างเขาถูกราชวงศ์เรียกตัวไปทำศึกตั้งนานแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเศษชิ้นส่วนตะวันบนูเาตระกูลหลิงครั้งนี้ก็ไม่มีใครสามารถแย่งชิงกับศิษย์พี่ท่านได้น่ะสิ?”
ซินเยวี่ยหย่าตาเป็ประกายขึ้นมา
“ในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ทั้งหมด นอกจากเก้ายอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่แกร่งที่สุดของอาณาจักรแล้ว ท่านก็เป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเลยนี่!”
“ก็ไม่แน่หรอกนะ”
หลิ่วยวนส่ายหน้า
“บนโลกนี้มีผู้ที่พร์สูงส่งอีกมากมาย ต่อให้เป็ข้า ถ้าเทียบกับคนทั้งแผ่นดินเทียนอวี้แล้วก็ไม่เท่าไรหรอก จะมั่นใจจนลำพองใจไม่ได้เด็ดขาด”
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว”
ซินเยวี่ยหย่าเบ้ปากเล็กน้อย พูดด้วยความรำคาญ จากนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรได้ กลอกตาไปมาครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“จริงสิศิษย์พี่ ได้ยินว่าท่านมีศิษย์น้องที่สำนักน้ำแข็งเยือกอยู่คนหนึ่งที่ชื่อเฟิงเหยาใช่ไหม?”
“หืม?”
หลิ่วยวนตาเป็ประกาย
“ข้าได้ยินว่า เ้าเฟิงเหยามันว่าร้ายท่านที่สำนักน้ำแข็งเยือกตลอดเลย!”
ซินเยวี่ยหย่าพูดด้วยความโกรธขึ้ง
“ก่อนหน้านี้ข้าได้รู้จักกับลูกศิษย์สำนักน้ำแข็งเยือกคนหนึ่ง ข้าลองถามดูว่ารู้จักศิษย์พี่หลิ่วยวนไหม เขาก็ทำหน้าประหลาดใจ แล้วก็บอกว่า ‘อัจฉริยะหญิงของตระกูลหลิ่วที่โอหังอวดดีและป่าเถื่อนนั่นน่ะหรือ?’ ช่างน่าโมโหจริง!”
โอหัง อวดดี ป่าเถื่อน คำพูดนี้ไม่ตรงกับหลิ่วยวนตอนนี้เลยแม้แต่น้อย!
เห็นได้ชัดว่าในสำนักน้ำแข็งเยือกมีคนจงใจใส่ร้ายหลิ่วยวนให้เสื่อมเสีย
หลิ่วยวนได้ยินเช่นนั้นก็แย้มยิ้มเล็กน้อย
“นั่นมันเื่เมื่อสมัยข้ายังเล็ก ข้าเคยรังแกเฟิงเหยาจริง แต่หลังจากนั้นข้าก็ขอโทษนางไปหลายครั้ง น่าเสียดายที่แม่นั่นไม่ยอมรับสักที”
“ศิษย์พี่ มันว่าร้ายท่านเสียหายขนาดนี้ ท่านยังไปขอโทษมันอีกหรือ ท่านจะใจดีเกินไปแล้วนะ!”
ซินเยวี่ยหย่ารู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย
“ก็ตอนเด็ก ข้าเคยรังแกนางมาก่อนจริงนี่ ขอโทษสักหน่อยก็ไม่เป็อะไรหรอก”
หลิ่วยวนหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ
“แต่ว่าแม่นั่นก็มองข้าเป็เป้าหมายตลอด คิดจะก้าวข้ามข้าไปให้ได้”
“หึ คิดจะก้าวข้ามศิษย์พี่หรือ ฝันไปเถอะ”
ซินเยวี่ยหย่าหัวเราะ
“จริงสิศิษย์พี่ ที่ขุนพลน้อยหลงเชิญท่านไปชมดอกไม้ครั้งก่อน ทำไมท่านถึงไม่ไป? เห็นได้ชัดว่าเ้าหมอนี่คิดพิศวาสกับท่าน!”
“คนที่เขาคิดพิศวาสด้วย ไม่ได้มีแค่ข้าคนเดียวหรอกนะ”
หลิ่วยวนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนจะรังเกียจ ขุนพลน้อยหลง ผู้นั้นเล็กน้อย
“ข้าไม่ชอบเขา”
“อ๋อ”
ซินเยวี่ยหย่าได้ยินเช่นนั้นก็คิดในใจว่า ศิษย์พี่หลิ่วยวนนี่พิเศษแตกต่างจากผู้อื่นจริงๆ
ขุนพลน้อยหลงนั้นเป็ถึงลูกหลานสายเืตรงของตระกูลหลงที่เป็ตระกูลขุนพลของอาณาจักรต้าถัง หากได้เคียงคู่กับเขา ตระกูลหลิ่วอาจถึงขั้นสามารถผงาดง้ำขึ้นมายิ่งใหญ่เลยก็เป็ได้!
หญิงสาวที่คิดจะเข้าหาขุนพลน้อยหลงนั้น ในทั่วทั้งเขตพระราชฐานต้องมีจำนวนนับหมื่นแน่!
“ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ขุนพลน้อยหลงก็ยังไม่เข้าตาศิษย์พี่หลิ่วยวน ถึงขั้นพูดว่าไม่ชอบออกมาตรงๆ เช่นนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องเป็ผู้ชายแบบไหนกันถึงจะเข้าตาศิษย์พี่ได้?”
ซินเยวี่ยหย่าคิดไปพลาง ควบม้าเดินหน้าตามหลิ่วยวน
เพียงไม่นานูเาตระกูลหลิงก็ได้ปรากฏตรงหน้าพวกนาง
มันเป็เทือกขาวที่ทอดยาวไปไกลลิบ เพียงแต่เทือกเขาลูกนี้กลับมีไอของธาตุหยินแผ่ซ่านออกมาจนต้นไม้ไม่สามารถงอกได้
บนเทือกเขาลูกนี้มีแต่ก้อนหินสีเทาขาวเต็มไปหมด ไม่มีสีเขียวอยู่เลยแม้แต่จุดเดียว!
ูเาตระกูลหลิงนั้นตั้งอยู่ใจกลางของเทือกเขาทรงวงแหวนที่ล้อมรอบ ทำหน้าที่ดูแลเทือกเขาทั้งหมดนี้แทนราชวงศ์แห่งอาณาจักรต้าถัง และคอยขายหินแร่ธาตุหยางเหล่านี้ด้วย
หินแร่หรือโลหะเหล่านี้ล้วนนำมาใช้สร้างเป็ยุทธภัณฑ์ได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันถูกราชวงศ์นำมาสร้างเป็ยุทธภัณฑ์หอกยาวให้กับเหล่าทหารผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายในกองทัพ
ูเาตระกูลหลิงคือสถานที่อันแสนห่างไกลและเต็มไปด้วยปราณหยินเช่นนี้นี่เอง!
.....
หลงอวี้ควบม้าตะบึงออกไป ในที่สุดก็มาถึงูเาตระกูลหลิงอีกสามวันให้หลัง
เมื่อเข้าไปในเทือกเขาทรงวงแหวนแล้ว หลงอวี้ก็ััถึงปราณหยินได้อย่างชัดเจน หากเป็คนทั่วไปอาศัยอยู่ในที่แบบนี้นานๆ เกรงว่าอายุขัยคงลดลงไม่น้อยแน่!
“ยังดีที่ปราณปรภพสามารถสลายปราณหยินเหล่านี้ได้ และไม่ส่งผลกระทบอะไรกับร่างกายข้าด้วย...”
หลงอวี้ครุ่นคิดและมุ่งหน้าไปต่อด้วย
บริเวณตีนเขานั้นมีสิ่งก่อสร้างมากมายเรียงรายๆ ที่นี่ก็คือหมู่บ้านูเาตระกูลหลิง ถึงจะเรียกว่าหมู่บ้าน แต่อันที่จริงมันดูคล้ายกับเป็เมืองขนาดย่อมเมืองหนึ่งเลยมากกว่า
แรงงานขุดเหมืองของอาณาจักรต้าถังล้วนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ทั้งสิ้น โดยมีตระกูลหลิงคอยดูแล
“ใหญ่กว่าเมืองอวี้กวนเสียอีก!”
หลงอวี้ควบม้าเข้าไปในสิ่งก่อสร้าง จากนั้นก็มองไปรอบๆ พบแรงงานจำนวนไม่น้อยกำลังนำหินแร่และโลหะธาตุหยินเหล่านี้ขึ้นม้าไป หินแร่คันแล้วคันเล่าถูกส่งออกจากหมู่บ้านโดยมุ่งหน้าไปทางเขตพระราชฐาน
ในร่างกายของแรงงานเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกปราณหยินกัดกร่อนหมดแล้ว แม้ว่าปกติพวกเขาจะไม่เป็อะไร แต่มันสามารถทำให้พวกคนเหล่านี้มีชีวิตสั้นลงกว่าเดิมสิบหรืออาจยี่สิบปีได้เลยทีเดียว!
“ไม่คิดเลยว่า อาณาจักรต้าถังจะมีที่แบบนี้ด้วย”
หลงอวี้ขมวดคิ้ว ควบม้าไปยังใจกลางของสิ่งก่อสร้างเหล่านี้
ในจดหมายที่หลิงหานส่งมาให้ เขาบอกว่าจะรออยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิง ให้เข้ามาที่คฤหาสน์ได้เลย
ระหว่างทาง หลงอวี้ก็พบผู้ฝึกยุทธ์จำนวนไม่น้อยเฝ้ามองตรวจสอบหมู่บ้านตระกูลหลิงอยู่ ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่จับตามองงานขุดเหมืองแร่เท่านั้น แต่ยังจับตามองทุกการเคลื่อนไหวของคนตระกูลหลิงด้วย
พวกคนเหล่านี้คงจะถูกราชวงศ์ต้าถังส่งมา ในอาณาจักรต้าถังนั้น ราชวงศ์เป็ขุมอำนาจที่อยู่ในตำแหน่งผู้ปกครองของอาณาจักรมาเนิ่นนานแล้ว ทุกสิ่งในอาณาจักรย่อมต้องเป็ของราชวงศ์!
“ไม่รู้ว่าหลิงหานจะเป็อย่างไรบ้าง”
ไม่นานหลงอวี้ก็ได้ควบม้ามาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิงที่ตั้งอยู่ใจกลางของหมู่บ้านก่อนจะลงจากหลังม้า
พอเขาเงยหน้า ก็เห็นว่าคฤหาสน์ตระกูลหลิงที่ใหญ่กว่าคฤหาสน์ตระกูลเฟิงประมาณหนึ่ง กำแพงทั้งหมดถูกสร้างไว้อย่างแ่า อาจเป็เพราะเพื่อขัดขวางไม่ให้มีปราณหยินแผ่เข้าไปด้านในก็เป็ได้
หน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลหลิงมีผู้ฝึกยุทธ์สองคนยืนคุยเรื่อยเปื่อยกันอยู่ พอเห็นหลงอวี้ลงจากม้าก็หันมาประเมินเขาทันที
“วิถียุทธ์ขั้นเก้า!”
พอทั้งสองเห็นระดับพลังของหลงอวี้แล้ว สีหน้าเอื่อยเฉื่อยของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที รีบเข้ามาต้อนรับอย่างรวดเร็ว
“คุณชายท่านนี้ ท่านมาหาใครที่ตระกูลหลิงหรือ?”
หนึ่งในนั้นเอ่ยถามด้วยสีหน้าประหม่า
พวกเขาทั้งสองคนเป็คนเฝ้าประตูของตระกูลหลิง มีวิถียุทธ์เพียงขั้นสี่กับขั้นห้าเท่านั้น พอพบว่ามีวิถียุทธ์ขั้นเก้าคนหนึ่งมาเยือนเช่นนี้ จะไม่ให้เขากังวลได้อย่างไ?
“หลิงหานอยู่ไหม?”
หลงอวี้เอ่ยถาม
“หลิงหาน?
ทั้งสองคนหันมาสบตากัน ต่างก็มีแววตาประหลาดใจ
“อยู่อยู่อยู่ คุณชายท่านนี้เชิญเข้าไปด้านในได้เลยขอรับ ข้าจะนำท่านไปหาหลิงหาน”
หนึ่งในนั้นเอ่ยพูดขึ้นด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็ทำท่าเชื้อเชิญ
หลงอวี้พยักหน้า จากนั้นก็ตามเข้าไปข้างในคฤหาสน์ตระกูลหลิง
“หลิงหานตอนอยู่ในตระกูลหลิงเป็อย่างไรบ้าง?”
หลงอวี้คิดไปคิดครู่หนึ่งก่อนจะจงใจถามคำถามนี้ เพราะเขามองออกว่า ตอนที่พูดชื่อ หลิงหาน สีหน้าของคนเฝ้าประตูทั้งสองก็ดูแปลกไป
“อ๋อ เขาเป็บุตรชายของประมุขตระกูลหลิงคนก่อนน่ะ เพียงแต่ประมุขคนก่อนได้จากไปสิบกว่าปีแล้ว”
คนผู้นั้นนำทางไปพลาง เอ่ยถามอย่างนอบน้อม
“คุณชาย ความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับหลิงหานคือ...”
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้อีกฝ่ายยังไม่รู้ตัวตนของหลงอวี้ จึงไม่กล้าพูดจาอะไรมั่วซั่ว
“ข้าคือสหายสนิทของหลิงหาน”
หลงอวี้ตอบ
“อย่างนี้นี่เอง”
คนผู้นั้นก็ได้ถอนหายใจโล่งอก น้ำเสียงดูเป็กันเองกว่าเดิมเล็กน้อย
“ใน่หลายปีที่ผ่านมานี้คุณชายหลิงหานอยู่ในตระกูลหลิงค่อนข้างลำบาก หลังจากท่านประมุขคนก่อนเสียไป ประมุขคนใหม่ก็จงใจกลั่นแกล้งเล่นงานเขาและน้องสาวสารพัด ทำให้เขาต้องออกจากูเาตระกูลหลิงไปเข้าร่วมกับลัทธิสยบฟ้าอย่างช่วยไม่ได้!”
น้องสาว?
หลงอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่เคยได้ยินเลยว่าหลิงหานมีน้องสาวด้วย
“ไม่นานก่อนหน้านี้ นายน้อยหลิงหานกลับมาที่หมู่บ้าน แต่เขาพักอาศัยอยู่แต่ในบ้านพักกับน้องสาวเท่านั้น ข้าจะพาคุณชายไปหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ”
คนผู้นั้นพูด
“จะว่าไปก็น่าประหลาด วันนี้มีคุณชายท่านมาหานายน้อยหลิงหานเป็คนที่สามแล้วนะ”
คนที่สาม?
หลงอวี้ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกำลังคิดวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว หรือจะเป็หยางเทียนชั่วกับต้วนมู่ฉงหลง?
เพียงไม่นาน หลงอวี้ก็ติดตามคนเฝ้าประตูไปถึงบ้านพักที่อยู่ค่อนข้างห่างไกลจากคฤหาสน์ตระกูลหลิง!
บ้านพักแห่งนี้ตั้งอยู่ที่มุมมุมหนึ่งในสวนของคฤหาสน์ตระกูลหลิง ตามหลักแล้วมันคือที่ที่ไว้ให้พวกข้ารับใช้พักอาศัย แต่ตอนนี้ หลิงหานต้องพาน้องสาวมาพักอยู่ในบ้านพักที่แสนห่างไกลเช่นนี้!
พอหลงอวี้เห็นสภาพแวดล้อมของบ้านพักก็รู้ได้ทันทีว่าหลิงหานจะต้องอยู่ในตระกูลหลิงอย่างยากลำบากแน่
แต่ถึงแม้จะเป็เช่นนี้ หลิงหานก็ยังดึงดันจะฝึกวิชาปราณขาวไพศาลเพื่อใช้ขับไล่ปราณหยินที่คฤหาสน์ตระกูลหลิง เห็นได้ชัดเลยว่าหลิงหานให้ความสำคัญกับตระกูลหลิงเป็อย่างมาก
“คุณชาย ท่านเชิญเข้าไปเถิด นายน้อยหลิงหานอยู่ข้างในนี้แหละ ข้าน้อยต้องขอตัวก่อน!”
พอคนผู้นั้นมาส่งถึงหน้าประตูแล้ว ก็กล่าวลา หลังจากนั้นก็หันหลังเดินจากไปทันที
หลงอวี้ก้าวเข้าไปด้านในบ้านพักพร้อมกับมองไปทางห้องโถง พบว่าภายในนั้นมีคนนั่งอยู่ไม่น้อย แม้จะเป็บ้านที่ดูเรียบง่าย แต่ผู้คนทั้งหลายก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร
“หลิงหาน หลู่กวนิ”
หลงอวี้มองปราดเดียวก็เห็นคนรู้จักสองคน ชายหนุ่มกับหญิงสาวที่ไม่รู้จักอีกหนึ่งคนทันที แต่ไม่เห็นหยางเทียนชั่วและต้วนมู่ฉงหลง
เขาก้าวเข้าไปในห้องโถงพร้อมกับรอยยิ้ม เพียงครู่เดียวก็ดึงดูดสายตาของทั้งสี่คนในห้องโถงได้ทันที!
