ผ่านไปสองชั่วยาม
“เพลงกางฉินนี้เรียกว่า ‘แคนอน’ ข้าเล่นกางฉินมาห้าจบ คิดว่าปรมาจารย์กู่ฉินทุกท่านคงจะจำได้แล้ว ข้ายินดีอย่างยิ่ง หากทุกท่านจะใช้เครื่องดนตรีที่หลากหลายเล่น ‘แคนอน’ อีกครั้ง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าปรมาจารย์กู่ฉินทั้งหลายในเมืองต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา… ใช่! ข้าสามารถใช้กู่ฉินบรรเลงได้มิใช่หรือ?
บทเพลงที่ไร้ซึ่งเส้นทางแห่งดนตรีศิลป์ มักจะดึงดูดผู้ฝึกตนทั่วไป แต่สำหรับผู้ที่เข้าใจในดนตรีจริงๆ แล้วนั้น ยากมากที่จะสนใจมัน
ทว่า แม้ ‘แคนอน’ จะไร้ซึ่งเส้นทางแห่งดนตรีศิลป์ แต่ก็ยังสามารถผสมผสานมันเข้ากับเส้นทางแห่งดนตรีศิลป์ของข้าได้ มิใช่หรอกหรือ?
เพียงฟังครั้งแรก ทุกคนก็รู้ว่านี่คือบทเพลงในตำนาน ที่ต้องได้รับการสืบทอดต่อกันมา
เป็ดั่งมนต์สะกด ที่ยังคงกึกก้องอยู่ในใจ
ใช่แต่ผู้ฝึกตนธรรมดาที่ซาบซึ้ง บัดนี้ เหล่าปรมาจารย์กู่ฉินต่างก็หยิบกู่ฉินของตนออกมาทีละคน แล้วเริ่มบรรเลงแคนอน
ห้าครั้งก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้ทุกคนจดจำได้ แค่เล่นด้วยกู่ฉินอย่างเดียวยังไม่พอ ยังมีคนเป่าขลุ่ยคลอ ทั้งยังนำกู่เจิงมาดีดประสานเสียง ใช้ขลุ่ยยาวเป่าตามท่วงทำนองเพลงอันเป็ตำนานนั้น
ภาพตรงหน้าช่างน่าอัศจรรย์นัก เครื่องดนตรีหลากหลายชนิดที่กำลังบรรเลงเพลงสอดประสานในตอนนี้ น่าดึงดูดใจยิ่ง
ทุกครั้งที่เล่นแคนอน ผู้ฝึกตนมักจะคิดถึงกางฉิน ซึ่งบรรเลงเพลงนี้เป็ครั้งแรกเสมอ
กางฉิน? กางฉินคืออะไร?
“‘แคนอน? ชื่อเพลงอะไรกัน ช่างแปลกนัก!” เซียนหว่านเอ๋อร์ที่ยังคงอยู่ในลานเล็กๆ ไม่ไกลกันนัก แสดงความฉงนเล็กน้อย
ที่ด้านนอกอาคารของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน หลังจากที่ผู้ฝึกตนได้ฟังเพลงของกู่ไห่แล้ว ก็ไม่มีใครคิดที่จะดูถูกเขาอีก
แม้ไร้ซึ่งเส้นทางแห่งดนตรีศิลป์ แต่ผลงานชิ้นนี้กลับถูกบรรเลงออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ อย่างน้อยก็วัดด้วยมาตรฐานทางดนตรีของพวกเขา
หลงหว่านชิง ไต้ซือหลิวเหนียน และซ่างกวนเหิน ต่างก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนมองกู่ไห่ด้วยสายตาชื่นชม
ยามนี้ มู่เฉินเฟิงยังคงรู้สึกสับสน กับวิธีการเล่นกางฉินเป็อย่างมาก เส้นทางด้านกู่ฉินของเขา ไม่อาจเอาชนะเด็กป่าเถื่อนคนนี้ได้อย่างนั้นหรือ? เป็ไปไม่ได้! เขาไม่สามารถเข้าถึงห้วงอารมณ์ของบทเพลงนี้ได้เลย แต่เพลงนี้...
ที่ฝั่งตรงกันข้าม ณ หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า
ตอนนี้ คุณชายอานและเจียงเทียนอี้รู้สึกมืดแปดด้าน
ชั้นล่างของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า ไม่มีลูกค้าเข้ามาเลยแม้แต่คนเดียว!
ั้แ่ได้ฟังแคนอนรอบแรก ทั้งสองก็รู้ว่าท่าจะไม่ดีเสียแล้ว
“ยังคงเล่นกันไม่ชำนาญ ฝีมือห่างชั้นมากนัก แต่เพลงนี้...” เจียงเทียนอี้พูดด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หากเป็เพลงธรรมดา ก็คงจะไม่มีอะไรต้องเป็ห่วง เจียงเทียนอี้คือเถ้าแก่ของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า อีกทั้งยังเป็ปรมาจารย์กู่ฉินด้วย เช่นนี้แล้ว จะไม่ตระหนักถึงความลุ่มลึกของบทเพลงได้อย่างไร?
“แคนอนอย่างนั้นหรือ? ฮึ่ม! เจียงเทียนอี้ แล้วคนของเ้าล่ะ? เหตุใดยังไม่ทำหน้าที่ของตัวเองอีก?” คุณชายอานเอ่ยถามเสียงทุ้ม
เจียงเทียนอี้พยักหน้า ส่งสัญญาณไปยังปรมาจารย์กู่ฉินหลายคนที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน
เหล่าปรมาจารย์กู่ฉินรู้สึกฝืนใจนัก... ให้ข้าวิจารณ์บทเพลงในตำนานอย่างนั้นหรือ?
แต่เพื่อเงินและเพื่อความปลอดภัยของตนเอง จึงจำใจต้องทำ
“เกินเยียวยา จนข้าไม่รู้จะพูดอย่างไร!” ปรมาจารย์กู่ฉินวิจารณ์ ด้วยน้ำเสียงเ็า
“หือ?” ผู้ฝึกตนโดยรอบ ต่างหันไปมองอย่างตกตะลึง
“อาจารย์หวัง ปรมาจารย์กู่ฉินแห่งตงเฉิง ผู้วิจารณ์บทเพลงมามากมาย เป็ที่ยอมรับนับถือยิ่ง” จู่ๆ ก็มีคนจำได้ แล้วพูดขึ้น
บนระเบียง กู่ไห่เหลือบมองไปยังปรมาจารย์หวังนิ่ง ก่อนถามด้วยรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า “ท่านกำลังพูดถึงเพลงแคนอนของข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่! ข้ากำลังพูดถึงเพลงของเ้า เล่นวนซ้ำไปมาตลอดเวลา ข้าไม่เคยได้ยินเพลงไหนบรรเลงซ้ำยี่สิบแปดครั้งมาก่อน นี่มันก็แค่เพลงสำหรับเด็ก!” ปรมาจารย์หวังกล่าวอย่างเยือกเย็น
“ใช่! เพลงอะไรกัน ไม่สามารถสื่ออารมณ์ออกมาได้เลย เป็แค่เสียงรบกวนเท่านั้น” ปรมาจารย์อีกคนแสดงความคิดเห็น
“นี่คือปรมาจารย์เฉิน ปรมาจารย์กู่ฉินแห่งหนานเฉิง ผู้ที่เคยเข้าไปในหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย” มีคนจำได้อีกครั้ง
“ไม่สามารถสื่ออารมณ์ได้? เป็เพียงเสียงรบกวน?” กู่ไห่ย้ำคำพูดของอีกฝ่าย พลางยิ้มเย็น
“ฮึ่ม! แล้วกางฉินนี่ คืออะไรกัน? ไร้สาระ! ไม่ควรนับเป็เครื่องดนตรีเสียด้วยซ้ำ”
“กางฉินแปลกๆ ที่ทำจากวัสดุธรรมดา แต่กลับขายในราคาหนึ่งร้อยหินิญญาระดับสูง... เ้านี่มันหน้าเืจริงๆ!”
ปรมาจารย์กู่ฉินกลุ่มหนึ่ง ยังคงออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ใส่ร้ายบทเพลงแคนอนอย่างต่อเนื่อง กู่ไห่พลันหลุดเสียงหัวเราะอย่างอดไม่ได้
เหล่าผู้ฝึกตนที่เดิมทีเคยชื่นชมในบทเพลงแคนอน ตอนนี้เริ่มเกิดความขัดแย้งในใจ
กางฉินนี้ไร้สาระจริงๆ หรือ? แต่เพลงนี้ไพเราะนัก? ข้าฟังแล้วกลับรู้สึกดี... แต่เหตุใดปรมาจารย์กู่ฉินทั้งหลายเหล่านี้ ถึงมองไม่ออกเล่า?
ผู้ฝึกตนหลายคนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความงุนงง ตอนนี้พวกเขากำลังตกอยู่ในความสับสน และคิดไตร่ตรอง ขณะเดียวกันก็เกิดความเคลือบแคลงใจเล็กน้อย เกี่ยวกับแคนอนและกางฉิน
ณ ชั้นหนึ่งของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า
คุณชายอานและเจียงเทียนอี้ ค่อยๆ แสยะยิ้มร้าย ขอเพียงกระตุ้นความเห็นต่างในฝูงชน ดูสิ! ว่าเ้าจะพลิกแพลงสถานการณ์ได้อย่างไร?
กู่ไห่ยกยิ้มบางๆ ก่อนมองไปยังซ่างกวนเหินที่อยู่ไม่ไกลนัก อีกฝ่ายจึงพยักหน้ารับอย่างรู้กัน
“เ้าพวกงี่เง่า! เพลงในตำนานเช่นนี้ กลับต้องกลายมาเป็อาหารปากของเ้า ช่างโง่เขลานัก... ฮ่าๆๆๆ!” ทันใดนั้น เสียงหัวเราะก็ดังมาจากกลางกลุ่มผู้คน
“หืม?” กู่ไห่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย พลางเหลือบมองไปยังซ่างกวนเหิน ซึ่งสั่นศีรษะตอบกลับมา
กู่ไห่จึงหันไปมองชายวัยกลางคน ที่กำลังเดินออกมาจากฝูงชน ใบหน้าของเขาหล่อเหลา ผมยาวผูกเป็หางม้าเรียบสวย ราวกับถูกจัดทรงมาเป็อย่างดี และสวมเสื้อคลุมสีม่วงแดงตัวใหญ่
“เ้าเป็ใคร?” เหล่าปรมาจารย์กู่ฉินต่างเขม้นมอง ไปยังชายคนที่จู่ๆ ก็มาขัดจังหวะตน
“โง่เง่าอย่างพวกเ้า ไม่คู่ควรที่จะรู้ว่าข้าเป็ใคร... ฮ่าๆ!” ชายคนนั้นกล่าว พลางหัวเราะลั่น
แล้วหันไปมองกู่ไห่ ก่อนโค้งคำนับเล็กน้อย “วันนี้ข้าได้ยินแคนอน แม้ว่ารูปแบบของเพลง จะต่างจากบรรดาเพลงที่ข้าเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้
แต่ก็มั่นใจว่าเพลงนี้ ต้องแพร่หลายไปทั่วหล้า และถือเป็การบุกเบิกดนตรีสมัยใหม่เป็แน่ ข้า ซือหม่าฉางคง มาเยือนอิ๋นเยวี่ยในครั้งนี้ ถือว่าไม่เสียเปล่าแล้ว ท่านกู่ เสียงกางฉินของท่านนั้น ช่างเป็เอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทว่า ท่านเล่นแค่เพลงนี้เท่านั้นหรือ?”
ซือหม่าฉางคง?
กู่ไห่มองชายตรงหน้า ขณะคลี่ยิ้มเล็กน้อย “ไม่หรอก! นี่เป็เพียงเพลงแรกของกางฉินเท่านั้น!”
“โอ้! เช่นนั้น กางฉินก็สามารถเล่นเพลงอื่นๆ ได้อีกน่ะสิ?” ซือหม่าฉางคงอึ้งเล็กน้อย
“ใช่! นี่เป็เพียงเพลงพื้นฐานเท่านั้น” กู่ไห่ยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้น ข้าขอซื้อกางฉินสิบตัว!” ซือหม่าฉางคงยิ้ม
“ท่านเห็นประกาศของข้าหรือไม่?” กู่ไห่ถามกลับ
“ครึ่งปี? ข้ารู้... ข้ารอได้!” ซือหม่าฉางคงเอ่ยอย่างนึกขัดใจ
“หินิญญาระดับสูงหนึ่งร้อยก้อน ต่อหนึ่งตัว!” กู่ไห่เน้นย้ำอีกครั้ง
“ฮ่าๆ! เงินก็เป็ดั่งมูลดิน จะเทียบกับเสียงแห่ง์ได้อย่างไร?” ซือหม่าฉางคงตอบ พลางหัวเราะเสียงดังลั่น
“เช่นนั้น เราก็ไปเซ็นสัญญากันเถอะ!” กู่ไห่ผายมือไปยังด้านใน
ซือหม่าฉางคงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของทุกคน พวกเขาเดินมาหน้าขุนนางของแคว้นต้าฮั่น ที่ได้เตรียมสัญญาเอาไว้ก่อนแล้ว จึงมอบมันให้กับซือหม่าฉางคง
เขากวาดตามองเอกสารในมือตนเพียงครู่หนึ่ง ก่อนคลี่ยิ้ม แล้วจึงพูด “สัญญาซื้อขายล่วงหน้า? น่าสนใจนัก... ฮ่าๆๆ!”
เมื่อซือหม่าฉางคงอ่านจบ ก็ลงชื่อในสัญญาตรงหน้า จากนั้นจึงหยิบหินิญญาระดับสูงหนึ่งพันก้อนออกมา ยื่นให้กับขุนนางแคว้นต้าฮั่น
ผู้ฝึกตนรอบบริเวณ ต่างจ้องชายที่ใช้หินิญญาระดับสูงหนึ่งพันก้อน แลกกับกระดาษหลายแผ่นด้วยความงุนงง พลางมองไปยังเหล่าปรมาจารย์กู่ฉิน ที่เคยวิจารณ์การบรรเลงกางฉินก่อนหน้านี้อย่างดุเดือด ด้วยความสงสัย
นี่ถือเป็การตบหน้าพวกเขาอย่างยิ่ง!
เมื่อครู่ เ้ายังบอกว่ากางฉินไม่มีอะไรดี แต่บัดนี้กลับก็มีคนใช้หินิญญาระดับสูงถึงหนึ่งพันก้อน ซื้อกางฉินที่จะได้รับในอีกครึ่งปีแล้ว
สีหน้าของเหล่าปรมาจารย์กู่ฉินแดงก่ำ แต่กระนั้นก็ยังหน้าหนายิ่ง
“ฮ่าๆๆ! นี่คือคนที่กู่ไห่หามาเองใช่หรือไม่?” ปรมาจารย์กู่ฉินเอ่ย พลางหัวเราะเสียงต่ำ
“หืม?” ผู้ฝึกตนที่อยู่รายรอบต่างประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินเช่นนั้น
ปรมาจารย์กู่ฉินคนอื่นๆ ต่างพากันะโเสริม “ใช่แล้ว! ใครจะไปยอมซื้อกระดาษสองสามแผ่น ด้วยหินิญญาระดับสูงหนึ่งพันก้อนเล่า? เป็เ้า... เ้าจะทำหรือไม่? ฮ่าๆๆๆๆๆ!”
“ใช่! นี่มันหลอกลวงกันชัดๆ คิดว่าเราจะซื้อกางฉินของเ้าอย่างนั้นหรือ?”
“อย่าฝันไปเลย เ้าโง่! ใช้หินิญญาระดับสูงตั้งหนึ่งร้อยก้อน ข้าไม่้ามันหรอก!”
บรรดาปรมาจารย์กู่ฉิน ต่างก็วิจารณ์และหัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง
เหล่าผู้ฝึกตนที่เห็นการสั่งจองของซือหม่าฉางคงเมื่อครู่ พลันรู้สึกสับสนในใจอีกครั้ง
ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนล้วนเป็เพียงผู้เล่นกู่ฉินธรรมดา แม้ในใจของผู้ฝึกตนบางคน จะรู้สึกว่าเสียงกางฉินที่ตนได้ยินนั้น เป็บทเพลงที่ไพเราะ แต่เพราะอีกฝ่ายคือปรมาจารย์กู่ฉิน เมื่อพวกเขาเอ่ยปากพูดว่ามันไม่ดี ก็คงจะเป็จริงตามที่กล่าวกระมัง
ซือหม่าฉางคงมิได้สนใจสิ่งใด เพียงหยิบสัญญาของตัวเองขึ้นมาดูด้วยสีหน้าราบเรียบ
แต่หลงหว่านชิงและคนอื่นๆ กลับรู้สึกร้อนรนใจ
ในเวลานี้ มีผู้ฝึกตนจำนวนมากจากทั่วสารทิศ มารวมตัวกันมากขึ้นแล้ว และต่างก็รู้สึกแปลกใจ อยากที่จะเห็นความสง่างามของกางฉิน
ทว่า เมื่อมีปรมาจารย์กู่ฉินกลุ่มใหญ่ พูดวิจารณ์อย่างเสียหายอยู่ด้านข้าง จึงทำให้ผู้คนรู้สึกลังเล
“เอาสัญญามาให้ข้า ข้า้าซื้อกางฉินนั่น!” ชายอีกคนที่ดูจะไม่มีปัญหาเื่เงินเอ่ยขึ้น
“มีคนซื้ออีกแล้วหรือ?”
“อย่าซื้อเลย! ปรมาจารย์กู่ฉินสิบกว่าคน บอกว่ากางฉินนั้นเป็เครื่องดนตรีที่แย่นัก… เ้าไม่เสียดายเงินหรือ?”
“ข้าชอบมัน เื่เงินมิใช่ปัญหา!”
ผลตอบรับต่อแคนอนนั้นมีมากมายนัก
กู่ไห่ไม่ได้พูดอะไรต่อ แม้ว่ายามนี้ จำนวนคนที่้าซื้อกางฉินจะมากขึ้นแล้วก็ตาม
ครึ่งชั่วยามต่อมา กางฉินสามสิบตัวก็ถูกสั่งจองล่วงหน้า
บางคนก็มิได้ใส่ใจเื่เงินทอง เพียงหลงรักในบทเพลงแคนอนเท่านั้น
แต่ก็มีหลายคนที่อยากจะซื้อ ทว่าต้องระงับความคิดที่จะสั่งจอง ด้วยสีหน้ากังวล เมื่อได้ยินคำวิจารณ์ของเหล่าปรมาจารย์กู่ฉิน
ปรมาจารย์กู่ฉินยังคงไม่ละความพยายามในการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ด้วยใจที่มุ่งหมายจะทุบกางฉินตัวนั้นให้พังพินาศ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนต่างก็คิดไม่ตก จะซื้อหรือไม่ซื้อดี?
ที่หอกู่ฉินฝั่งตรงกันข้าม ใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของคุณชายอาน ค่อยๆ คลายลงเล็กน้อย
“นายน้อยอาน บรรยากาศกำลังจะดีขึ้นแล้ว!” เจียงเทียนอี้ถอนหายใจยาว แล้วจึงหัวเราะ
ถือว่าเสี่ยงไม่น้อย กู่ไห่เกือบจะประสบความสำเร็จแล้ว โชคดีที่พวกเขาเตรียมรับมือมาเป็อย่างดี จึงยับยั้งเอาไว้ได้
ทันใดนั้น นกกระเรียน์ก็บินตรงมาจากฟากฟ้า ก่อนจะค่อยๆ ร่อนลงพื้น บนหลังของเ้านกั์ มีร่างของชายหนุ่มในชุดเขียวยืนอยู่
“ใช่แล้ว! นี่คือท่านหัวหน้าหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย?” ทันใดนั้น ก็มีคนร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย? อวิ๋นโม่? เขามาทำอะไรที่นี่?”
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านอวิ๋นโม่? ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ปรากฏตัวมาหลายปีแล้ว”
“หรือเป็เพราะแคนอน?”
ผู้ฝึกตนทั้งหลายต่างมองไปยังชายชุดเขียว ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างพิศวง
“กู่ไห่อยู่ที่ไหน?” จู่ๆ อวิ๋นโม่ก็ะโขึ้น
กู่ไห่แปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เดินไปตรงหน้าชายชุดเขียว “ข้าคือกู่ไห่ ท่านคือใคร?”
“ข้าคืออวิ๋นโม่แห่งหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย ท่านเ้าบ้านชอบแคนอนของเ้ามาก จึงให้ข้ามาส่งบัตรเชิญเข้าร่วมงาน ‘พิธีมอบกู่ฉิน’ ให้แก่เ้า!” อวิ๋นโม่กล่าว พลางยกยิ้ม ก่อนยื่นบัตรเชิญไปให้
กู่ไห่รับมาอย่างงุนงง
ผู้ฝึกตนทั้งหลายที่ยืนอยู่รอบบริเวณ ต่างเบิกตากว้าง
“ข้าได้ยินว่า ท่านเ้าบ้านชอบแคนอนหรือ? คงจะได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่?”
“ก่อนหน้านี้ ปรมาจารย์หวังยังบอกว่าแคนอนไม่น่าฟัง เกินเยียวยาจนไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรดี!... แล้วนี่ข้าควรจะเชื่อใครดีล่ะ?”
“เอ๋? แล้วตอนนี้ปรมาจารย์หวังหายไปไหน?”
ผู้ฝึกตนมองดูเหล่าปรมาจารย์กู่ฉินอย่างข้องใจ ทำให้พวกเขารู้สึกอับอาย จนแทบจะมุดดินหนี
หากเป็ปรมาจารย์กู่ฉินคนอื่น ที่ออกมาโต้เถียงเื่เพลงแคนอน พวกเขาคงจะสามารถใช้สถานะมาตอกกลับได้ แต่คนตรงหน้ากลับเป็ถึงท่านหัวหน้าหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย หากพวกตนพูดในสิ่งที่ตรงกันข้าม คงไม่ต่างจากเอาศีรษะไปโขกประตู
ใครจะไปรู้… ว่าท่านเ้าบ้านาุโผู้มีคุณธรรมสูงส่ง ยอดฝีมือกู่ฉินอันดับหนึ่ง ผู้ไร้เทียมทาน และเป็ตำนานแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ยนั้น กลับเอ่ยปากชื่นชมแคนอน! เช่นนั้นแล้ว คำพูดของพวกตนก่อนหน้านี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการผายลม!
ครั้งนี้ ถือว่าเป็การตบหน้าที่หนักกว่า เมื่อครั้งที่ซือหม่าฉางคงจองเกาฉินเสียอีก หลังจากวันนี้เป็ต้นไป ทุกคนก็จะรู้เื่ราวของพวกเขา ความอัปยศอดสูนี้... ช่างน่าอับอายนัก!
“ท่านเ้าบ้านชื่นชอบเช่นนี้ ถือเป็เื่ดียิ่ง ขอบคุณสำหรับบัตรเชิญ!” กู่ไห่กล่าว พลางยกยิ้ม
“ท่านเ้าบ้านบอกว่ากางฉินของเ้าค่อนข้างแปลกใหม่ อยากให้ข้าซื้อกลับไปด้วย” อวิ๋นโม่พูดยิ้มๆ
“ต้องขออภัยจริงๆ การสร้างกางฉินนั้น เป็เื่ที่ซับซ้อนมาก ตอนนี้ข้ามีแค่ตัวเดียว เพื่อจัดแสดงให้ทุกคนดู ส่วนกางฉินที่ทุกคนสั่งจอง พวกเราจะจัดส่งให้ภายในครึ่งปีตามคำสัญญา” กู่ไห่ตอบ พลางส่ายหน้า
อวิ๋นโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เอาละ! เช่นนั้นข้าจะสั่งจองสักสองตัวก่อน!”
“ขอบคุณที่ท่านให้การสนับสนุน!” กู่ไห่ยกยิ้มกว้าง
อวิ๋นโม่ทิ้งเงินเอาไว้ แล้วจากไปพร้อมสัญญาสั่งจอง
เมื่อเห็นเช่นนั้น เหล่าผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่รอบบริเวณ ต่างก็เบิกตากว้างอย่างตะลึงงันอีกครั้ง
หมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย? นั่นคือตระกูลผู้สร้างกู่ฉินที่มีชื่อเสียงในใต้หล้า ไม่ใช่แค่ในแคว้น์ต้าเฉียน แต่ทั่วแดนดินล้วนประจักษ์ถึงชื่อเสียงของพวกเขา ทว่าบัดนี้ ท่านเ้าบ้านกลับ้าซื้อกางฉิน?
ใครกัน? ที่บอกว่ากางฉินไม่ดี? เอ๊ะ! ก็มีเพียงปรมาจารย์กู่ฉินเ่าั้... แต่ตอนนี้พวกเขาไปอยู่ไหน? นี่เ้าคิดที่จะยับยั้งการสั่งซื้อกางฉินของข้าหรือ? แล้วคนล่ะ? เหตุใดจึงไม่เอ่ยเช่นนั้นอีก?
“เอามาให้ข้าหนึ่งตัว ข้า้าหนึ่งตัว… เร็วเข้า! นี่คือหินิญญา!”
“ข้าขอก่อนๆ!”
“เอาสัญญามาให้ข้า... เร็วเข้า! หมายเลขสัญญาของข้าอยู่ข้างหน้า... เร็วเข้า!”
ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนจำนวนมากต่างก็พุ่งเข้ามาหา จนโต๊ะของขุนนางแคว้นต้าฮั่นที่ทำหน้าที่ลงนามในสัญญา เกือบจะล้มคว่ำ
ใครจะไปรู้ ว่าพวกเขาจะรับจองกางฉินนานเท่าใด? ยิ่งลงนามในสัญญาช้า กว่าจะได้รับกางฉิน ก็คงจะยิ่งช้าเข้าไปใหญ่
เพราะนี่คือกางฉิน ที่ท่านเ้าบ้านแห่งหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย้าซื้อ
หินิญญาระดับสูงหนึ่งร้อยก้อน เ้ายังจะคิดมากอยู่อีกหรือ? เหอะ! กางฉินที่ท่านเ้าบ้านาุโชื่นชอบ เทียบกับหินิญญาระดับสูงหนึ่งร้อยก้อน ยังไม่คุ้มค่าอีกหรือ? หากไม่สามารถจ่ายได้ ก็จงหลีกทางไป อย่ามาขวางทาง ข้าจะซื้อกางฉิน!
ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาดั่งสายน้ำหลาก ดังนั้นเหล่าขุนนางที่เหลือ จึงรีบเข้ามาตั้งโต๊ะสำหรับจองกางฉินเพิ่มขึ้นอีก
“อย่าเถียงกันๆ สามารถไปต่อได้อีกแถว!” เหล่าขุนนางจากแคว้นต้าฮั่นร้องบอก
สถานการณ์ในตอนนี้ ดูวุ่นวายไม่น้อย ผู้ฝึกตนที่เพิ่งมาถึง เมื่อเห็นว่ามีการแย่งชิงกันจนได้รับาเ็ จึงรีบปรี่ไปเข้าแถวเช่นกัน เมื่อมีคน้าที่จะซื้อ เช่นนั้นข้าก็ต้องซื้อด้วย!
ยิ่งกว่านั้น ท่านเ้าบ้านาุโแห่งหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย ยังได้ระบุว่าเป็สิ่งของที่ท่านอยากได้ เช่นนั้น นี่หาใช่เพียงเครื่องดนตรีไม่ แต่ยังเป็สัญลักษณ์แสดงฐานะอีกด้วย
กลุ่มคนของกู่ไห่ยืนอยู่บนระเบียง พลางมองไปยังหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า ก่อนที่กู่ไห่จะค่อยๆ คลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน
ทว่าในสายตาของคุณชายอานและเจียงเทียนอี้นั้น รอยยิ้มเช่นนี้ ราวกับกำลังจะเย้ยหยันพวกเขาอยู่ก็มิปาน