บทที่ 44 โควต้า
ผิวพรรณเดิมของสวี่จือจือดีอยู่แล้ว โครงหน้าก็สวยงาม แถมยังเป็ประเภทที่โดนแดดเท่าไหร่ก็ไม่ดำ เพียงแต่ไม่รู้จักบำรุงดูแล ที่บ้านตระกูลสวี่ก็ไม่เคยมีน้ำมันบำรุงผิวให้ใช้ ผิวเลยค่อนข้างหยาบกร้าน
หลังจากที่สวี่จือจือทะลุมิติมา ทุกคืนเธอจะแอบหยิบแตงกวาในสวนมาหนึ่งลูก แล้วหั่นเป็แผ่นบางๆ มาแปะหน้า
ต้องบอกว่าการทำเช่นนี้ทุกคืนให้ผลตอบแทนจริงๆ ่นี้ผิวของเธอละเอียดขึ้นมาก แต่เมื่อเทียบกับเด็กสาวที่ชื่อฟางย่วนย่วนตรงหน้าแล้ว เธอก็ยังดูด้อยกว่าอยู่ดี
“คุณหนูคนนี้” ฟางย่วนย่วนเอ่ยขึ้น “ฉันเป็ยุวปัญญาชนที่มาจากเมืองหลวง รีบร้อนมาเลยไม่ได้เอาเสื้อผ้ามามากนัก คุณพอจะให้กระโปรงตัวนี้กับฉันได้ไหมคะ?”
“ขอโทษด้วยนะคะ” สวี่จือจือส่ายหน้า “ฉันช่วยคุณไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลู่จิ่งซานซื้อกระโปรงอะไรมา ถ้าเกิดว่าเขาซื้อให้คนรักของเขาขึ้นมาล่ะ?
ถึงแม้ว่าสวี่จือจือจะคิดว่าโอกาสนั้นน้อยนิด แต่ในเมื่อเขาปฏิเสธอย่างชัดเจนแล้ว เธอก็ควรจะอยู่ข้างเดียวกับเขา อีกอย่างเธอไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ด้วยซ้ำ แถมการที่ต้องใช้เงินซื้อของง่ายๆ แบบนี้ ทำให้สวี่จือจือรู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย
เฮ้อ...ใครใช้ให้เธอไม่มีเงินกันล่ะ? ไม่อย่างนั้นเธอคงจะตอบกลับไปอย่างเฉยเมยว่า ‘คุณเห็นฉันเหมือนคนขัดสนเื่เงินหรือไง?’
“ไปกันเถอะ” เสียงของลู่จิ่งซานดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของสวี่จือจือ
ตอนที่พวกเขามา พวกเขาขี่จักรยานของบ้านมาหนึ่งคันแล้วยืมมาอีกคัน ตอนขากลับ ลู่จิ่งซานจึงขี่จักรยานโดยมีลู่ซืออวี่นั่งซ้อนท้าย ส่วนสวี่จือจือก็ขี่อีกคันหนึ่งตามไป
ระหว่างทางเมื่อเจอพวกดอกไม้ป่าสวยๆ สวี่จือจือก็จะหยุดรถเพื่อเก็บดอกไม้ไปให้ลู่ซืออวี่ถือ ระหว่างทางจึงเป็ไปด้วยการหยุดๆ เดินๆ ก็เป็รสชาติที่แปลกใหม่ดี
“จิ่งซาน ไปอำเภอมาเหรอ?” ด้านหลัง ลู่หรงฟาหัวหน้ากองงานะโเสียงดัง ลู่จิ่งซานจึงหยุดรถเพื่อทักทายเขา
บนรถไถมีคนหนุ่มสาวนั่งอยู่หลายคน ดูเหมือนว่าจะเป็ยุวปัญญาชน
“พวกคุณเองเหรอ?” ฟางย่วนย่วนมองทั้งสามคนอย่างแปลกใจ ไม่คิดเลยว่าจะมีวาสนาได้เจอกับสามคนนี้อีก
“อ้อ นี่คือยุวปัญญาชนที่มาอยู่หมู่บ้านเรา” ลู่หรงฟายิ้มพลางแนะนำ “คนนี้คือลู่จิ่งซานของหมู่บ้านเรา ตอนนี้เป็ทหารอยู่ในกองทัพ”
ทหารในกองทัพ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้มีรูปร่างสง่างามขนาดนี้
ลู่จิ่งซานพยักหน้าเป็การทักทายคนเ่าั้
“นี่พาเมียไปซื้อของมาเหรอ?” ลู่หรงฟาหัวเราะแล้วพูดขึ้น “งั้นพวกเราไปก่อนนะ” พูดจบก็ขับรถไถออกไป
พอกลับมาถึงหมู่บ้านก็ได้ยินทุกคนกำลังพูดถึงยุวปัญญาชนที่ถูกส่งมาในวันนี้
พวกสวี่จือจือไม่ได้หยุดพัก พวกเขากลับถึงบ้านก็เริ่มเก็บห้องของลู่ซืออวี่ พอเอาผ้าปูโต๊ะไปปูก็ดูดีกว่าทาสีเยอะจริงๆ
เธอหากระป๋องมาใส่น้ำเล็กน้อย แล้วเอาดอกไม้ป่าที่เก็บมาได้ใส่ลงไป
พูดแล้วก็แปลก ดอกไม้ป่าธรรมดาๆ เหล่านี้พอเอามาวางไว้ในห้อง ก็ทำให้ห้องดูแตกต่างขึ้นมาทันที
“สวยจริงๆ” ลู่จิ่งเหนียนยกนิ้วโป้งให้ “พี่สะใภ้เก่งจริงๆ เลยครับ”
ลู่หลิงซานที่อยู่ในห้องฝั่งตรงข้ามมองด้วยความอิจฉาจนตาแดง
ไหนจะเก็บห้อง ไหนจะซื้อผ้าปูโต๊ะ แถมยังได้เสื้อผ้าใหม่อีก ทำไมกัน?
“แม่คะ” ลู่หลิงซานพูดอย่างหงุดหงิด “จะปล่อยให้พวกเขามาข่มเหงพวกเราแบบนี้ไปตลอดเลยเหรอคะ?”
เธอไม่เคยคิดเลยว่าการที่เธอหยิบของของลู่ซืออวี่ไปวันนั้นเป็เื่ผิด เพราะั้แ่เด็ก ของดีๆ ทุกอย่างก็เป็ของเธอทั้งนั้น
เหอเสวี่ยฉินนอนอยู่บนเตียง “ลูกต้องใจเย็นๆ ่นี้ลู่จิ่งซานยังอยู่ เมื่อเขาไปแล้วไม่มีใครหนุนหลังพวกหล่อนแล้ว แม่จะเอาคืนให้ลูกเอง”
“หนูก็อยากได้ผ้าปูโต๊ะแบบนั้นบ้าง” ลู่หลิงซานพูดขึ้น
“ได้สิ พรุ่งนี้แม่กลับมาจากโรงเรียนจะพาไปซื้อ” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม
ั้แ่เจ็บเอว เหอเสวี่ยฉินก็ยังไม่เคยออกไปไหน แถมยังต้องลาโรงเรียน แต่เธอก็ไม่ได้เป็ครูจริงจัง ในใจเลยยังรู้สึกหวั่นๆ ถ้าเกิดว่ามีใครฉวยโอกาส่ที่เธอไม่อยู่แล้วมาแย่งตำแหน่งของเธอไป จะทำยังไง?
“ลูกบอกแม่หน่อยสิ ลูกคิดอะไรอยู่กันแน่?” เหอเสวี่ยฉินจับมือของลูกสาวแล้วถาม “ลูกจะเรียนจบมัธยมปลายแล้วนะ”
เมื่อเรียนจบมัธยมปลายแล้ว รัฐบาลก็ไม่ได้จัดหางานอะไรให้ ใครมาจากไหนก็ต้องกลับไปที่นั่น
“หนูอยากเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแรงงานเกษตรและทหาร” ลู่หลิงซานพูดขึ้น “หนูไม่อยากกลับมาที่หมู่บ้านแล้วต้องมาทำงานหาคะแนนแรงงานทุกวัน”
แต่ปัญหาคือมหาวิทยาลัยแรงงานเกษตรและทหาร แต่ละหมู่บ้านมีโควต้าแค่หนึ่งหรือสองที่เท่านั้น ซึ่งมันหายากมาก
“แม่คะ” ลู่หลิงซานออดอ้อน “คุณย่าต้องมีวิธีแน่ๆ ถ้าคุณย่าพูดอะไรสักหน่อย โควต้าสักที่จะยังหาไม่ได้อีกเหรอคะ?”
นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เหอเสวี่ยฉินโมโห
ยายแก่ลำเอียงจริงๆ โควต้านี้คงจะเก็บไว้ให้นังเด็กแพศยาอย่างลู่ซืออวี่นานแล้วแน่ๆ
“ลูกไม่ต้องรีบ” เหอเสวี่ยฉินพูด “แม่จะทำให้ลูกเข้าเรียนมหาวิทยาลัยให้ได้”
“แต่เื่เรียนลูกก็ต้องตั้งใจหน่อยนะ” เหอเสวี่ยฉินพูด “ถึงแม้ว่าจะไปเรียนมหาวิทยาลัยแรงงานเกษตรและทหาร ถ้าผลการเรียนของลูกไม่ดี มันก็ไม่ได้เหมือนกัน”
“หนูอ่านหนังสืออยู่นะ” ลู่หลิงซานพูด “แม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
เหอเสวี่ยฉินมองยังไงก็เห็นว่าลูกสาวตัวเองดีไปหมด
พอลู่หวยเหรินกลับมาในตอนเย็น เขาก็ไม่พ้นต้องโดนเหอเสวี่ยฉินบ่นให้ฟังอีก “หลิงซานร่างกายไม่ค่อยดีั้แ่เด็ก ไม่เคยทำอะไรหนักๆ ในบ้านเลย แล้วดูสิ กำลังจะเรียนจบแล้ว ต้องกลับมาที่หมู่บ้าน...”
“ฉันได้ยินมาว่าโรงงานจะเปิดรับคนงานในอีกไม่นาน” ลู่หวยเหรินนอนอยู่บนเตียงแล้วพูด “เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับผู้จัดการโรงงานดู เผื่อจะเก็บตำแหน่งสบายๆ ไว้ให้หลิงซานได้”
“ไปทำงานที่โรงงานเหรอ?” เหอเสวี่ยฉินถามด้วยความประหลาดใจ แล้วก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ก็ดีเหมือนกัน แต่วันนี้ฉันคุยกับหลิงซาน เด็กคนนี้ยังชอบเรียนรู้อยู่เลย แล้วค่อยว่ากันว่าโรงงานของพวกพี่จะสบายแค่ไหน ลูกเป็เด็กผู้หญิง...ลูกยังอยากเรียนต่อ”
“แต่เรียนจบมัธยมปลายแล้ว ยังจะไปเรียนอะไรอีก?”
ไม่ควรจะกลับมาทำงานหาคะแนนแรงงานหรือทำงานในโรงงานหรอกเหรอ?
“ฉันได้ยินมาว่าทุกปีจะมีโควต้ามหาวิทยาลัยแรงงานเกษตรและทหาร” เหอเสวี่ยฉินพูดขึ้น “พี่ให้คุณแม่ไปคุยกับเลขาหงหน่อยได้ไหม?”
เมื่อปีนั้นหญิงชราเคยช่วยชีวิตเลขาหงเอาไว้ โควต้าแค่ที่เดียวมันง่ายนิดเดียว
“อีกอย่าง” เหอเสวี่ยฉินพูดด้วยความเสียใจ “เื่ก่อนหน้านี้หลิงซานก็ผิดจริง แต่ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะ”
“เื่พี่น้องทะเลาะกัน ทำไมต้องทำให้มันเป็แบบนี้ด้วย? เมื่อคืนหลิงซานนอนร้องไห้จนตาแดงหมดเลย”
“เมื่อวานพวกนั้นก็ไปซื้อผ้าปูโต๊ะ ซื้อเสื้อผ้าใหม่กัน” เหอเสวี่ยฉินร้องไห้แล้วพูดขึ้น “เท่ากับว่าหลายปีมานี้เราเลี้ยงพวกเขามาฟรีๆ เลย”
ลู่หวยเหรินเองก็คิดแบบนี้
“พรุ่งนี้ฉันจะไปหยั่งเชิงคุณแม่ดู” ลู่หวยเหรินพูดขึ้น
“จะไปหยั่งเชิงอะไร” เหอเสวี่ยฉินเอาศีรษะซบหน้าอกของเขาด้วยความน้อยใจ “ไม่ใช่ว่าฉันพูดไปเองนะ แต่ใจของคุณแม่ลำเอียงอยู่ที่เสี่ยวอวี่กับจิ่งซานหมดแล้ว ไปหยั่งเชิงแล้วยังจะมีเื่ของหลิงซานเหลืออีกเหรอ?”
“แล้วเธอจะให้ทำยังไงล่ะ?” ลู่หวยเหรินพูดขึ้น
“พี่ทำแบบนี้สิ” เหอเสวี่ยฉินกระซิบที่ข้างหูของลู่หวยเหริน
“แบบนี้มันจะได้ผลจริงๆ เหรอ?” ลู่หวยเหรินถามขึ้น “ถ้าคุณแม่รู้เข้า...”
“พี่รอง...” เหอเสวี่ยฉินะโอย่างอ่อนหวาน “พี่คือเสาหลักของพวกเรานะ พวกเราสามแม่ลูกต้องพึ่งพาพี่แล้ว”
“ได้สิ” ลู่หวยเหรินกัดฟันพูด
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้