ถ้านางเดาไม่ผิดนางแซ่หลี่ต้องคิดใช้งานเลี้ยงฉลองวางพิษยี่โถให้นาง
เช่นนี้ต่อให้ถึงเวลาที่นางถูกระบุว่าตายจากการถูกยาพิษก็ตรวจสอบไปไม่ถึงตัวของนางแซ่หลี่อย่างเด็ดขาด
ทุกคนต่างคิดว่าเพราะกระเป๋าเงินยี่โถใบนี้นางจึงโดนยาพิษเข้าแต่กระเป๋าเงินใบนี้เป็ของที่จือฉีให้มา ขอเพียงจับจือฉีไว้ได้ไม่ยากที่จะคลำพบปมนายหญิงแซ่โหยวนี้
เื่ที่นางกับหลี่ฉีเป็ศัตรูกันก็ได้แพร่ออกไปจนเป็ที่รู้จักของผู้คนมานานแล้วเสริมด้วยการที่นางแซ่โหยวซื้อตัวจือฉี ทุกคนทั้งหมดต้องรู้สึกว่าเพราะนางแซ่โหยว้าแก้แค้นให้หลี่ฉีจึงได้วางยาพิษนางในครั้งนี้
เมื่อถึงเวลาหลักฐานพยานพร้อมสรรพ แม้นางแซ่โหยวะโลงไปในแม่น้ำหวางยังไม่สามารถล้างสะอาดได้
แผนกลยุทธ์ที่ดีแผนหนึ่งยิงลูกศรคราเดียวได้นกสองตัวไม่เพียงสามารถยืมมือนางแซ่โหยวกับจือฉีสังหารนาง ยังสามารถแก้แค้นหลี่ฉีที่สารภาพบอกเื่ซูจิ้งเถียนออกมา
วิธีการของนางแซ่หลี่ไม่อนุญาตให้ดูแคลนจริงๆ
“ไม่ต้องพกไว้ ยังต้องพกไว้ในตำแหน่งที่โดดเด่นเพื่อให้นางแซ่หลี่กับนางแซ่โหยวได้เห็นมิฉะนั้นพวกนางจะสามารถลงมือทำร้ายข้าอย่างสบายใจได้อย่างไร” ถ้าพวกนางไม่ลงมือนางจะมีโอกาสที่จะสนองคืนพวกนางให้ไม่สามารถที่จะฟื้นตัวตลอดไปได้อย่างไรกันเล่า
“ถ้าเช่นนั้นคุณหนูคิดจะทำอย่างไรเ้าคะ? หรือว่าปล่อยให้พวกนางอวดดีตามอำเภอใจหรือเ้าคะ?” ซางจื่อถาม
“ข้าเป็คนประเภทที่ถูกรังแกแล้วไม่โต้คืนหรือ?” ซูเฟยซื่อยกริมฝีปากยิ้มทันทีสวยงามแต่แฝงด้วยรังสีสังหารอันน่าสยดสยอง
สติซางจื่อวูบไปบ้างอย่างอดไม่ได้“คุณหนู ท่าทีท่านยิ่งมายิ่งคล้ายท่านอ๋องเก้าพันปีแล้วเ้าค่ะ”
ซูเฟยซื่อตะลึงลานซางจื่อไม่พูด นางยังไม่สังเกตเห็น
แต่คิดอย่างถี่ถ้วนนางกับอวี้เสวียนจีคล้ายกันเช่นนี้หรือว่าเป็คนแนวเดียวกันจริงๆ?
ในเมื่อเป็เช่นนี้รวมหัวกันทำความชั่วแล้วจะเป็ไรไปเล่า!
ซูเฟยซื่อคิ้วเลิกขึ้นอย่างโอหัง“พรุ่งนี้นางแซ่หลี่กับนางแซ่โหยวเห็นข้าพกกระเป๋าเงิน ต้องคิดว่าข้าหลงกลแล้วพวกนางทั้งสองต่างมีความคิดของพวกนางเอง ต่างคิดยิ่งลูกศรคราเดียวได้นกสองตัวใช้คนอื่นมารักษาตนเองให้ปลอดภัย ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะใช้ลูกศรคราเดียวได้นกสามตัวให้พวกนางกรรมตามสนองต้องกินผลแห่งความชั่วของตนทั้งหมด”
เช้าวันต่อมาซางจื่อชก็ได้ช่วยซูเฟยซื่อแต่งหน้าเรียบร้อยแล้วยังจงใจแขวนกระเป๋าเงินไว้ที่หว่างเอวของซูเฟยซื่อ ขอเพียงนางแซ่หลี่กับนางแซ่โหยวได้เห็นซูเฟยซื่อก็สามารถเห็นกระเป๋าเงินใบนี้ได้แน่นอน
“คุณหนูหาข่าวมาได้แล้ว ครั้งนี้นางแซ่หลี่ไม่เพียงเชิญคนของตระกูลหลี่ ยังเชิญญาติสาวๆของเหล่าขุนนางผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงไม่น้อยดูเหมือนคิดจัดฉากให้ใหญ่ขึ้นอีกนิดเ้าค่ะ”จือฉินที่ถูกส่งออกไปสืบข่าววิ่งกลับมา
ซูเฟยซื่อเบนสายตาจากกระจกทองเหลือง“นางแซ่หลี่ทำแบบนี้ก็คิดทำลายนางแซ่โหยวกับหลี่ฉีในคราเดียวให้ถึงที่สุด สาวๆของเหล่าขุนนางผู้สูงศักดิ์ดูอยู่ขนาดนั้นต่อให้ตระกูลหลี่คิดปกป้องก็ปกป้องไม่ได้แล้ว”
“นางแซ่หลี่ยังเป็คนที่อำมหิตโหดร้ายจริงๆนั่นดีร้ายอย่างไรก็เป็คนในครอบครัวทางมารดานาง คาดไม่ถึงว่าจะทำจนไม่เหลือทางถอยไว้ให้สักนิดเ้าค่ะ”ซางจื่อกล่าวเยาะเย้ย
“คนในครอบครัวทางมารดาแล้วอย่างไรเล่า? ยังไม่ใช่หลี่ฉีทรยศซูจิ้งเถียนใน่หัวเลี้ยวหัวต่อความแค้นนี้ นางแซ่หลี่ไม่มีวันลืมเด็ดขาด” ซูเฟยซื่อกล่าวอย่างเ็า
จือฉินฟังจบคิ้วขมวดกันทันที “ตามที่กล่าวมา นางแซ่หลี่ต้องไม่ปล่อยคุณหนูแน่นอนแล้วเ้าค่ะ”
“ไม่ได้คาดหวังว่านางจะปล่อยขอเพียงให้นางลุยเข้ามาเลย ยังไงๆ ก็ไม่ได้มีโอกาสมากนักแล้วด้วย”แววกระหายเืในดวงตาซูเฟยซื่อพุ่งปรี๊ด ลุกขึ้นเดินออกไปทางนอกเรือน “ไปกันเถิดเป็เวลาที่จะไปร่วมแสดงละครเป็เพื่อนพวกนางแล้ว ใช่แล้วเซ่าชิงที่นั่นได้เตรียมพร้อมแล้วหรือไม่?”
“เตรียมพร้อมแล้วเพียงรอโอกาสที่เหมาะสมเ้าค่ะ” จือฉินตอบ
ซูเฟยซื่อพยักหน้าความสามารถในการทำงานของเซ่าชิง นางวางใจได้แน่นอน “ใช่แล้วให้เขาอย่าทำด้วยตัวเอง หาใครทำก็ใช้ได้แล้ว”
แก้มสองข้างของจือฉินแดงอย่างแรงทันทีนี่จึงก้มศีรษะลงแฝงความเอียงอาย กล่าวว่า “เ้าค่ะ”
ทั้งนี้เป็สาวน้อยที่ไม่มีประสบการณ์เื่ของโลกมีปฏิกิริยาแบบนี้กลับเป็เื่ปกติ
ซูเฟยซื่อยกริมฝีปากยิ้มทันทีพาซางจื่อเดินไปยังสวนบุปผชาติซึ่งจัดงานเลี้ยงฉลอง
“เฟยซื่อน้อมคารวะท่านพ่อน้อมคารวะแม่ใหญ่เ้าค่ะ” ขณะที่ซูเฟยซื่อมาถึง ซูเต๋อเหยียนกับนางแซ่หลี่ต่างก็ได้นั่งแล้วนางรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อคำนับ
จวนอัครมหาเสนาบดีไม่ได้รื่นเริงสนุกสนานกันมานานมากแล้วเดิมซูเต๋อเหยียนก็ดีใจ ตอนนี้ได้เห็นซูเฟยซื่ออีกดวงตาทั้งสองอดไม่ได้ที่จะหรี่จนกลายเป็พระจันทร์เสี้ยวแล้ว “อ้อ เป็เฟยซื่อมานั่งข้างพ่อเร็ว”
ได้ยินคำพูดนี้นางแซ่หลี่โกรธจนเหมือนมีไฟพุ่งออกมาจากดวงตา
ปกติที่นั่งข้างๆซูเต๋อเหยียน มักจะเป็ซูจิ้งเถียนนั่งตอนนี้คิดไม่ถึงว่าซูเต๋อเหยียนจะให้ซูเฟยซื่อมานั่งแทน
หรือ้าให้ทุกคนต่างรู้ว่าซูจิ้งเถียนได้สูญเสียความโปรดปรานไปแล้วหรือ?
แต่นางไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ
ถ้าไม่ใช่เห็นว่าการจัดงานเลี้ยงฉลองให้หลี่ฉีสามารถแสดงให้เห็นถึงบรรยากาศที่ไม่ธรรมดาของจวนอัครมหาเสนาบดีถึงแม้ว่าหลี่ฉีจะทำเื่น่าไม่อายจนมิอาจให้ผู้คนพบเห็นได้จวนอัครมหาเสนาบดียังคงคำนึงถึงความสัมพันธ์เชิงครอบครัวเดิมซูเต๋อเหยียนไม่เห็นด้วยที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองรอบนี้อย่างสิ้นเชิง
ดังนั้นนางต้องอดทนอย่างน้อยในเวลานี้ไม่สามารถทำให้ซูเต๋อเหยียนไม่พอใจเด็ดขาด
อย่างไรก็ตามกำหนดการตายของซูเฟยซื่อก็ใกล้เข้ามาแล้วรอซูเฟยซื่อตายปุ๊บ ครอบครัวนี้ไม่ใช่เป็นางกับซูจิ้งเถียนสองคนที่เป็ใหญ่หรือ
คิดถึงตรงนี้นางแซ่หลี่รีบเหลือบมองซูเฟยซื่อไปปราดเดียว
เมื่อนางได้เห็นกระเป๋าเงินใบนั้นมุมปากของนางรีบยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้ายทันที
ซูเฟยซื่อมองเห็นแววตาของนางอย่างชัดเจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเ็า
ทำทีตื่นๆทั้งยำเกรงทั้งใหันไปมองซูเต๋อเหยียน“แต่...แต่ปกติที่นี่เป็ที่นั่งของน้องสี่มาตลอดตอนนี้อาการาเ็ที่เท้าของน้องสี่ยังไม่หายดี หากข้าชิงที่นั่งของนางแล้วน้องสี่ตื่นมายังไม่ทราบว่าจะว่าอะไรข้าบ้าง ข้าไปนั่งอยู่ด้านหลังเหมือนเมื่อก่อนดีกว่าเ้าค่ะ”
กล่าวจบซูเฟยซื่อก็หันหลังเตรียมเดินไปยังที่นั่งเดิมของนาง
เห็นแบบนี้ใบหน้าของซูเต๋อเหยียนอดไม่ได้ที่จะมืดครึ้มขึ้นมาในใจยังแฝงความรู้สึกละอายใจจางๆ
บุตรสาวที่ดีขนาดนี้คนหนึ่งเขาถึงกับละเลยนางมาตลอด ยังให้นางนั่งในตำแหน่งท้ายสุด
แต่สีหน้าของนางแซ่หลี่กลับตื่นตระหนกอย่างมากเพราะวาจาเช่นนี้ เกรงว่าซูเต๋อเหยียนจะย้ายความโกรธไปยังซูจิ้งเถียน
ซูจิ้งเถียนตอนนี้ขาเจ็บไม่หายดีไม่สามารถทนรับความทุกข์ทรมานอะไรได้อีกแล้ว
“ท่านพ่อให้เ้านั่งเ้าก็นั่ง เป็เพราะปกติข้ามักจะตามใจเถียนเอ๋อร์มากเกินจึงทำให้นางเป็อันธพาลไม่มีเหตุผลตอนนี้ควรให้นางไปอยู่ด้านหลังเพื่อสำนึกผิดและคิดทบทวนใหม่ด้วยซ้ำภายหน้าที่นี่ก็เป็ที่นั่งของเ้า เ้าก็นั่งเถิดมีท่านพ่อสนับสนุนเ้าอยู่ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น” ซูเต๋อเหยียนกล่าวจบ ยังไม่ลืมถลึงตาใส่นางแซ่หลี่คราหนึ่งเหมือนกำลังเตือน
มุมปากซูเฟยซื่อปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยปราดหนึ่งนี่จึงแกล้งทำเป็ตึงเครียดเดินไปที่นั่งข้างกายของซูเต๋อเหยียน
ในเมื่อนางแซ่หลี่เป็กังวลในที่นั่งตรงนี้ถ้าเช่นนั้นนางก็จะดึงดันชิงเอาที่นั่งตรงนี้แล้ว
ไม่เพียงเท่านี้นางยังจะไล่ซูจิ้งเถียนไปอยู่ด้านหลังสุด
ั้แ่บัดนี้เป็ต้นไปขอเพียงสิ่งที่นางแซ่หลี่ใส่ใจ นางต้องปอกลอกให้หมดทุกอย่าง ทีละชิ้นๆใครให้พวกนางปอกลอกสิ่งที่นางใส่ใจก่อนเล่า
นางแซ่หลี่ถูกซูเต๋อเหยียนถลึงตาใส่ก็รีบก้มศีรษะลงไม่กล้ามองซูเฟยซื่ออีก ความเกลียดชัง แค้นเคืองในหัวใจเกือบจะสามารถเผาสวนบุปผชาติทั้งสวนให้วอดวายได้
แเื่ที่อยู่ในงานเลี้ยงต่างเป็ผู้ที่ล้มลุกคลุกคลานจากการแก่งแย่งในครอบครัวเรือนใหญ่กันรีบยกย่องอย่างรู้กาลเทศะว่า “นายท่านอัครมหาเสนาบดี มีบุญวาสนายิ่งนักมีบุตรสาวที่น่ารักเฉลียวฉลาดขนาดนี้คนหนึ่งเกรงว่าในวังหลังจะมีพระสนมเพิ่มขึ้นอีกท่านแล้ว”
เมื่อได้ยินวาจานี้ทุกคนต่างพากันเออออเห็นด้วย กลัวว่าจะไม่ทันคนอื่น
ซูเต๋อเหยียนยิ่งยิ้มสรวลเบิกบานมีพระสนมเพิ่มขึ้นอีกท่าน?นี่ไม่ใช่เป็สิ่งที่ใจเขาปรารถนามากที่สุดหรือ!
หลี่ฉีเพิ่งถูกนางแซ่โหยวพยุงเดินเข้ามาในสวนบุปผชาติก็เห็นทุกคนต่างกำลังสรรเสริญยกย่องซูเฟยซื่ออยู่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้