เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม ภายในโรงพยาบาลก็เกิดการเคลื่อนไหว รวมถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่ภายใน เพื่อเตรียมตัวกันกลุ่มวงการสื่อทั้งหลาย
หานอวี้จือแทบจะต่อยกับเหยียนจิ่งจื้อที่นั่นในตอนนั้นเลย “สายตาการเลือกผู้หญิงของนายนี่มันยังไงกัน? ติงเจียลี่นั่นจงใจเอาเื่ที่จะมาโรงพยาบาลไปบอกนักข่าวชัดๆ นายก็ยินดีเป็หินรองเท้าให้เธอปีนขึ้นไปยอดเขา?”
เหยียนจิ่งจื้อจัดชุดสูทของตัวเอง ถึงแม้ร่างกายของเขาจะยังอ่อนแอมาก แต่ท่าทางที่แสดงออกมา เหมือนกลับมาเป็ประธานเหยียนที่ทำให้คนเคารพและไม่กล้าเข้าใกล้คนเดิม “ฉันยินยอมเอง นายมีปัญหา?”
อย่าว่าแต่หานอวี้จือมีปัญหาเลย แม้แต่จินเป้ยน่าที่อยู่ข้างกายก็มีปัญหาเช่นกัน ใน่เวลาที่เธอติดตามเหยียนจิ่งจื้อ ทุกครั้งเธอมักจะแอบสบถใส่ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายท่านประธานในใจ ั้แ่เจินเนี้ยนจนมาถึงติงเจียลี่ แถมเธอคนนี้ยังเคี้ยวยากกว่าเจินเนี้ยนเสียอีก หากตอนไหนที่เธอ้าชื่อเสียงหรือข่าวก็มักจะมาปรากฏตัวข้างกายเหยียนจิ่งจื้อทุกครั้ง
เหยียนจิ่งจื้อแทบจะกลายเป็ของเล่นระดับสูงของเธอ!
“เธอก็มีปัญหา?” เหยียนจิ่งจื้อมองสีหน้าของจินเป้ยน่าด้วยท่าทางสบายๆ
“ไม่กล้าหรอกค่ะ” เลขาสาวก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไร
“ไม่มีปัญหาอะไรงั้นก็ไปกันเถอะ ออกคำสั่งบอดี้การ์ดให้ดี ฉันไม่อยากให้ใครหน้าไหนมาขวางฉันกับติงเจียลี่” เหยียนจิ่งจื้อลูบตรงจุดที่ผ่าตัดของตัวเองที่ตอนนี้ยังคงชาอยู่ครึ่งตัว
“ได้ค่ะท่านประธาน ตอนนี้คุณติงลงรถมาแล้วค่ะ”
“ไปเถอะ” เหยียนจิ่งจื้อไม่รอช้าอีก ถึงแม้ตอนที่เปิดประตูมาเห็นกลุ่มคนจำนวนมากจะรู้สึกปวดหัวอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังฝืนเดินออกไป
ชีวิตคนเราก็เหมือนกับเกม มีบางครั้งที่คุณจำต้องแสดงละครปลอมๆ เพื่อเสพสุขกับชีวิตจริง
ทันทีที่เหยียนจิ่งจื้อออกประตูมาก็เจอคนเข้ามารุมล้อมทันที โชคดีที่บอดี้การ์ดก็ช่วยกันคนได้อย่างดี ไม่ยอมให้คนพวกนั้นเข้ามาใกล้ ตอนที่มาถึงห้องโถงของโรงพยาบาลถึงเจอเข้ากับติงเจียลี่ที่เดินเข้ามา บนใบหน้าสวยแย้มยิ้มด้วยท่าทางเดียวกับเขา เธอสามารถรักษาท่าทางอารมณ์ดีได้ทั้งวัน ไม่ว่าเธอจะอยากทำหรือไม่ก็ตาม ก็เหมือนกับในโรงหนังครั้งที่แล้วนั่นแหละ
“มาแล้วหรือ?” เหยียนจิ่งจื้อเอ่ยปากทักก่อน กล้องถ่ายรูปของสื่อเริ่มถ่ายรูปั้แ่นาทีนี้และก็ยังคงถ่ายต่อไปไม่หยุด
“คุณเป็อย่างไรบ้างคะ? โอเคไหม?” ติงเจียลี่ที่เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่จู่ๆ ก็ทำหน้าจะร้องไห้ มองไปยัง
เหยียนจิ่งจื้อด้วยท่าทางเป็ห่วงมาก ทุกคนที่อยู่ที่นั่นถูกท่าทางของเธอกระแทกใจเข้าไป แม้แต่จินเป้ยน่าที่อยู่ด้านหลังเหยียนจิ่งจื้อก็เกือบจะตกหลุมพรางของผู้หญิงคนนี้
“ไม่เป็ไร” น้ำเสียงของเหยียนจิ่งจื้อเหมือนเป็การปลอบใจและบอกว่าตนนั้นสบายดี แต่จากที่คนอื่นฟังแล้วมันช่างอ่อนโยนเป็พิเศษ
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างสะกดอารมณ์ไว้และรอการสารภาพรักของสาวงามตามที่เขาลือกัน
ถ้าหากข่าวลือเป็จริง เช่นนั้นสำหรับติงเจียลี่แล้วตอนนี้คือโอกาสที่ดีมาก
“รอก่อนจิ่งจื้อ” เป็อย่างที่คาด ติงเจียลี่จู่ๆ ก็จับแขนของเขาไว้ จากนั้นก็ค่อยๆผ่อนเบาๆ ราวกับกำลังจะเข้าร่วมงานเลี้ยงสักงานและเผชิญหน้ากับทุกคน เธอพูดด้วยเสียงอ่อนหวาน “ั้แ่ไหนแต่ไรมา ฉันมักจะอยู่ในเงาคอยให้กำลังใจคุณอยู่เสมอ บางทีอาจจะเพราะในวงการแสดงฉันมักจะยืนอยู่ข้างหน้าคนอื่นอยู่ตลอด แต่ฉันหวังว่าในชีวิตของคุณจะมีพื้นที่ให้ฉัน รวมถึงให้ฉันได้ยืนตรงหน้าทุกคนไปพร้อมกันกับคุณ”
ติงเจียลี่พูดจบ คนที่อยู่ตรงนั้นทั้งหมดต่างก็ลืมถ่ายรูปกันไปหมด บรรยากาศโดยรอบเงียบจนได้ยินเสียงเข็มตกดังชัดเจน การสารภาพที่ลึกซึ้งที่สุดบนโลกใบนี้คือการได้ยืนอยู่ข้างคุณ คำพูดนี้ของติงเจียลี่ดูสวยงามจนได้ขึ้นหน้าหนึ่งของนิตยสารและหนังสือพิมพ์!
แต่เธอกลับทำเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ แล้วพูดกับเหยียนจิ่งจื้ออีกครั้ง “ดีไหมคะ?”
สื่อถึงเริ่มต้นถ่ายรูปกันอีกครั้ง จินเป้ยน่าก้มหน้าน้อยๆ เพื่อซ่อนอารมณ์ของตัวเอง บางทีคนอื่นอาจจะไม่รู้ คำพูดแบบนี้เธอฟังมันมามากแล้ว ติงเจียลี่พูดคำพูดพวกนี้กับเหยียนจิ่งจื้อมาแล้วหลายครั้ง มีครั้งไหนบ้างที่ไม่ถูกเขาเมิน
แถมครั้งนี้มีเนี่ยเซิงเสี่ยวอยู่ เขายิ่งต้องเมินเฉยแน่นอน
ในตอนที่จินเป้ยน่าจะเรียกบอดี้การ์ดให้มาคุ้มกันตรงหน้าประตูก็มีเื่ที่ทำให้ตาของเธอแทบจะถลนออกมา
เหยียนจิ่งจื้อจูงมือของติงเจียลี่ขึ้นมา มุมปากแย้มยิ้มน้อยๆ ก่อนจะก้าวเดินไปทางประตูที่มีรถมาจอดรออยู่แล้ว
ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าการกระทำนี่ก็ไม่ต่างจากการยอมรับ!
แม้แต่ติงเจียลี่ที่สารภาพรักจนชินก็ยังถูกจูงเดินไปด้วยท่าทางตกตะลึง....
จินเป้ยน่าหันไปมองทางห้องพักของเนี่ยเซิงเสี่ยว จู่ๆ เธอก็รู้สึกสงสารอีกฝ่ายขึ้นมา
มีสามีที่หัวสมองจำอะไรไม่ค่อยได้แบบนี้ ชีวิตของเธอช่างน่าเศร้าจริงๆ
วันต่อมา เหยียนจิ่งเสินก็เดินดุ่มๆ เข้ามาหาเหยียนจิ่งจื้อพร้อมกับหนังสือพิมพ์ พร้อมพาเหยียนเจียอวี๋ที่โวยวายจะติดสอยห้อยตามมาด้วย
“จิ่งจื้อ แต่ก่อนนายไม่เคยคิดจะใกล้ชิดกับดารา ครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น? พวกเราทักคนในตระกูลรักชอบการอ่าน ถ้าหากพ่อมาเห็นข่าวแบบนี้เข้า เดี๋ยวก็บังคับให้นายแต่งงานอีกหรอก” เหยียนจิ่งเสินเอาความจริงมาพูดโน้มน้าว
แต่เหยียนจิ่งจื้อกลับไม่ได้คิดแบบนั้น เขาเปิดหนังสือพิมพ์ดูแล้วหัวเราะ เหอะๆ ออกมา หัวข้อข่าวเยอะจริงๆ นะ
ต่อไปคงจะมีอะไรสนุกๆ ให้ดูแล้ว
“นายพลาดแล้ว ฉันรู้จักกับเจียลี่ั้แ่อยู่ที่อเมริกา แถมฉันยังเคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้อีก นานวันเข้าพวกฉันจะมีความรู้สึกอะไรต่อกัน มันก็ไม่ใช่เื่แปลกนี่”
ในตอนนั้นเหยียนจิ่งเสินรู้สึกโกรธจนไม่รู้จะทำอย่างไร ลมหายใจปั่นป่วนอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้น...เนี่ยเซิงเสี่ยวที่อยู่ในโรงพยาบาลล่ะ?”
เหยียนจิ่งจื้อมองภาพตัวเองกับติงเจียลี่ที่อยู่ในหนังสือพิมพ์ คงจะผ่านการแต่งภาพมาแล้วพวกเขาถึงได้ดูใกล้ชิดกันมากเป็พิเศษ แถมยังมีภาพถ่ายตอนกอดกันอีก จู่ๆ แรงที่มือเขาก็เพิ่มขึ้น กัดฟันแน่นก่อนจะพูดออกมา “ฉันจะจัดการเอง”
เหยียนจิ่งเสินถอนหายใจ “ถ้าหากนายกำลังแสดงละครให้พ่อดู นั่นก็ถือว่าเป็การแสดงที่ไม่เลว แต่ว่าทำแบบนี้ต่อไปจะมีประโยชน์อะไรหรือ?”
ทันใดนั้นเหยียนจิ่งจื้อก็โยนหนังสือพิมพ์ทิ้ง “จะมีหรือไม่มีก็ขึ้นอยู่ที่ฉัน”
เหยียนเจียอวี๋เงียบฟังอาสองถูกสั่งสอนอยู่ด้านข้าง ความจริงแล้วเขาสงสารอาสองมาก ดังนั้นสุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวโวยวายออกมาเสียดัง “ทำไมพ่อถึงบอกว่าอาสองไม่มีประโยชน์ล่ะ อาสองเก่งจะตาย น้าเนี่ยที่เ็าขนาดนั้นยังถูกอาสองจัดการจนอยู่หมัดเลย”
เหยียนจิ่งเสินไม่รู้ว่าควรจะลูบหัวหรือว่าตีก้นลูกชายดี
แต่เหยียนจิ่งจื้อกลับตีก้นลูกชายของเขาต่อหน้าต่อตา พร้อมทั้งใช้น้ำเสียงดุพูด “ครั้งหน้าถ้าพูดอะไรมั่วซั่วแบบนี้อีก นายจะโดนจัดการ!”
เหยียนเจียอวี๋เม้มปากมองมาที่เขาด้วยท่าทางน่าสงสาร แล้วก็รู้สึกว่าตอนอาสองโกรธขึ้นมาถึงแม้จะหล่อมาก แต่ก็ดุจนเขาอยากจะร้องไห้
แล้วเหยียนเจียอวี๋ก็ร้องไห้จ้าออกมาจริงๆ เขามีนิสัยที่ชอบโทรศัพท์ไปฟ้องเพื่อน ดังนั้นครั้งนี้พอเขากลับไปถึงบ้านก็โทรหาไปเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวที่อยู่โรงพยาบาล
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวในตอนนี้ตื่นขึ้นมาแล้ว แถมยังได้อยู่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษด้วย ในตอนที่โทรศัพท์ดังเขากำลังถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ ช่วยไม่ได้นี่นะ ก็แม่ของเขามักจะทำให้คนเป็ห่วงอยู่เรื่อยเลย
เขารีบวิ่งตัดหน้าเนี่ยเซิงเสี่ยวไปรับโทรศัพท์ ก่อนเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวจะพูดออกมาเสียงดัง “เจียอวี๋เหรอ ฉันเหนี่ยวเหนี่ยวเอง”
เนี่ยเซิงเสี่ยวเห็นท่าทางของเขาแล้วมือที่กำลังจะยื่นออกไปรับโทรศัพท์ก็หดกลับไป วันนี้ที่โรงพยาบาลมีเื่สาวงามแห่งชาติมาสารภาพรัก เธอเองก็ได้ยินมันชัดเจน แถมตอนนี้เธอกับเหยียนจิ่งจื้อยังเล่นเกมแอบคบกันอยู่นะ
จริงๆ แล้วเธอกำลังคิดว่า ตอนนี้เหยียนจิ่งจื้อได้รับคำสารภาพรักจากหญิงอื่น ถือว่านอกใจหรือเปล่า? มันถือว่านอกใจหรือเปล่านะ...
“เจียอวี๋ทำไมนายถึงดูอารมณ์ไม่ดีเลย?” เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวคุยนู่นนี่กับเหยียนเจียอวี๋ หลังจากคุยกันไปได้ห้านาทีถึงได้กลับมาเข้าเื่หลัก
เนี่ยเซิงเสี่ยวมองมาที่เขา พลางคิดว่าทำไมเด็กผู้ชายถึงช่างพูดกันขนาดนี้
“อะไรนะ! อาเหยียนตีนายเหรอ!” เสียงของเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวที่จู่ๆ ก็ะโขึ้นมาทำให้เนี่ยเซิงเสี่ยวหลุดจากภวังค์
เหยียนจิ่งจื้อมีนิสัยชอบตีเด็กแล้วหรือ? หรือว่าเหยียนจิ่งเสิน? เนี่ยเซิงเสี่ยวเริ่มจะฟังพวกเขาพูดคุยกัน พร้อมรู้สึกว่าตัวเองก็ติดนิสัยช่างเม้าท์ของเด็กๆ มา
และก็ไม่กล้าขอให้เหนี่ยวเหนี่ยวเปิดลำโพง กลัวเขาจะบอกว่าเธอแอบฟังเื่ส่วนตัว จึงทำได้แค่เอียงหูฟัง แต่สิ่งที่ได้ยินกลับทำให้เธออยากจะไปดึงเหยียนจิ่งจื้อออกมาแล้วตีให้ตาย
เหยียนเจียอวี๋พูดว่า “อาสองเหมือนจะไม่้าแม่นายแล้ว หลังจากเขาไปจูงมือคุณน้าคนสวยขึ้นรถ หนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว พวกเขาก็ยังไม่ยอมออกมา”