หลังจากที่เหยียนจิ่งจื้อเข้ารับการผ่าตัดอยู่นานเกือบครึ่งวันก็ถูกเข็นเข้าไปยังห้องพักวีไอพี พร้อมทั้งพาเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวตามเข้าไปด้วย
เหล่านักวิชาการมองทั้งสองคนที่นอนหลับอยู่ด้วยใบหน้าผ่อนคลาย การผ่าตัดครั้งนี้ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายของพวกเขา คิดไม่ถึงเลยว่าสภาพร่างกายของทั้งสองคนจะเข้ากันได้ดีขนาดนี้ทั้งๆ ที่เป็คนแปลกหน้ากัน จนมีหมอบางคนเริ่มที่คาดเดาว่ามีความเป็ไปได้ไหมที่สองคนนี้จะเป็พ่อลูกกัน
แต่ว่าสถานะของประธานเหยียนอยู่ระดับไหนกัน ถึงแม้พวกเขาจะคิดได้ว่าอาจจะเป็พ่อลูก แต่ก็พูดออกมาไม่ได้อยู่ดี
ตอนที่เหยียนจิ่งจื้อฟื้นขึ้นมาเขาไม่รู้ว่าตอนนี้เป็เวลาอะไร เดิมทีคิดว่าพอลืมตาขึ้นมาสิ่งแรกที่จะเห็นคือใบหน้าน่ารักที่เต็มไปด้วยความกังวลของเนี่ยเซิงเสี่ยว หรือบางทีอาจจะเป็ใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาที่ร้องไห้เพื่อเขา แต่ปรากฏว่าไม่มีอะไรเลย
“ทำไมถึงเป็นายได้” เขาเห็นหานอวี้จือเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าเตียงเขาด้วยสีหน้าร้อนรน
แค่ตื่นมาไม่เห็นเนี่ยเซิงเสี่ยวเขาก็อารมณ์ไม่ดีมากพอแล้ว เขาทำเื่ยิ่งใหญ่อย่างการบริจาคไขกระดูกให้ลูก แต่เธอกลับไม่คิดจะมาดูแล ยัยผู้หญิงใจร้าย
“เหล่าเหยียน....” หานอวี้จือเรียกชื่อเขาด้วยท่าทางเกินจริง แต่พอเรียกเสร็จก็พูดอะไรไม่ออก
“เกิดอะไรขึ้น?” เหยียนจิ่งจื้อทนกับท่าทางอ้ำๆ อึ้งๆ ของเขาไม่ไหวแล้ว “เมียนายจะคลอดลูกแล้วหรือไง?”
“นายอย่ามาล้อเล่นกับฉัน! ฉันมีเมียที่ไหนเล่า” หานอวี้จือแย้ง ในขณะเดียวกันก็เก็บอาการร้อนใจของตัวเองลงไป
“นายแหละที่กำลังล้อฉันเล่น ฉันถามนายว่าเธอไปไหน?”
หานอวี้จือคิดไว้อยู่แล้วว่าเขาจะถามคำถามนี้ จึงยกมือขึ้นมาเกาหัวจนเริ่มรู้สึกชา “จิ่งจื้อ ฉันมีเื่จะบอกนาย นายอย่าเพิ่งวู่วามนะ”
เหยียนจิ่งจื้อไม่มีทางเงียบได้ขนาดนั้น หลังจากฟังเขาพูดจบก็คว้าหมับเข้าที่คอเสื้อ ชุดสีขาวสะอาดที่เหมือนชุดของเทวดาถูกเหยียนจิ่งจื้อจับเหมือนมันเป็ของราคาถูก “เกิดเื่อะไรขึ้นกับเธอ?!”
ความจริงแล้ว ตัวเลือกที่เธอเลือกก็คือสิ่งที่เขาคาดหวังเอาไว้ เพราะอย่างไรตอนนี้พ่อของเขาก็ยังคงมีอำนาจ การอยู่ภายใต้อำนาจของอีกฝ่าย ทำให้ไม่มีอะไรที่เล็ดลอดผ่านสายตาไปได้ ถ้าหากพบว่าเนี่ยเซิงเสี่ยวเข้ามาเกี่ยวข้องกับเขาอีก คงยากที่จะไม่ทำให้เป็แบบเมื่อครั้งก่อน
ก่อนที่จะเข้าห้องผ่าตัด เขาเห็นนักข่าวอยู่มากมายก็รู้สึกกังวลอยู่บ้าง ถึงแม้อยากจะไล่พวกเขากลับไปเงียบๆ แต่ว่าจะยอมอ่อนข้อให้ไม่ได้อีกแล้ว
เขาคิดว่านิทานเื่หนุ่มชาวนากับสาวทอผ้า*เป็เื่บ้าบอ ความรู้สึกที่เห็นว่าอยู่ตรงหน้าแต่กลับไม่สามารถใกล้ชิดได้ มันสามารถทำให้ผู้ชายคนหนึ่งเป็บ้าได้เลย
ปฏิกิริยาของหานอวี้จือในตอนนี้ทำให้เขายิ่งร้อนรนมากขึ้น
“ความจริงแล้ว ก็ไม่ใช่เื่ที่เลวร้ายมาก” หานอวี้จือมองความคิดของเขาออก พร้อมดึงมือเขาออกจากคอเสื้อก่อนจะชี้ไปยังเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวที่ยังนอนหลับไม่ตื่น เหยียนจิ่งจื้อถึงยอมปล่อยมือ
“คุณเนี่ยถูกวางยาให้สมองเป็อัมพาต ในขณะเดียวกันที่ขาก็ถูกแทงสาหัส เดิมทีไม่ได้เป็อะไรมาก แต่ว่ามีดที่เธอใช้แทงตัวเองมีสนิมทำให้ข้างในกระดูกเริ่มอักเสบ”
เหยียนจิ่งจื้อทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว ในตอนที่หานอวี้จือยังพูดไม่จบก็ถูกเขาดึงเสื้ออีกครั้งพร้อมทั้งกัดฟันพูดออกมาทีละคำ “นายว่ายังไงนะ?” เขาเหมือนฟังทุกคำพูดไม่ออก เพิ่งจะเข้าไปผ่าตัดได้ไม่กี่ชั่วโมง? ผู้หญิงของเขาก็ถูกรังแกแบบนี้
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่ามันเกิดอะไรขึ้น!” หานอวี้จือเองก็แปลกใจ “พี่ชายของนายมาทำตัวสนิทสนมกับเนี่ยเซิงเสี่ยวที่โรงพยาบาลเพียงครู่เดียวแล้วก็หนีไป แถมยังไม่ยอมพูดด้วยว่าใครทำ เหยียนจิ่งจื้อฉันถามจริงนายช่วยแต่งงานกับผู้หญิงที่ประวัติใสสะอาดได้ไหม นี่เธอไปมีเื่กับใครเข้ากันแน่เนี่ย!”
เหยียนจิ่งจื้อปล่อยหานอวี้จือ หากเหยียนจิ่งเสินมาหาแล้วยังไม่ยอมพูดว่าใครทำ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีใครแล้วนอกจากเหยียนจวิ้นคนเดียว
เขาที่เพิ่งลงจากเตียงสวมรองเท้าเรียบร้อยเตรียมจะไปดูอาการเนี่ยเซิงเสี่ยว ทว่าสุดท้ายเขาก็หันกลับไปล้มตัวนอนบนเตียงใหม่อีกครั้ง สองมือยกรองด้านหลังหัว ดวงตาคมกริบมองเหม่อไปยังเพดาน
สายตาของเหยียนจวิ้นกว้างไกลไปถึงไหนแล้วเขาเองก็ไม่รู้ ตอนนี้เขาเข้าใกล้เซิงเสี่ยวก้าวหนึ่ง ในอนาคตอาจจะต้องถอยห่างออกก้าวหนึ่ง
“เฮ้ เป็อะไรไปอีกน่ะ? ทำไมไม่ไปดูแล้วล่ะ? คิดว่าเธอคงตื่นอยู่นะ ไม่แน่อาจจะรอนายไปหาอยู่ก็ได้”
เหยียนจิ่งจื้อไม่ขยับ “อวี้จือ ฉันจะกลับไปรักษาตัวที่บ้าน”
หานอวี้จือไม่เข้าใจ เขาหวังว่าจะได้อยู่ที่นี่กับลูกเมียของเขาอย่างเปิดเผยไม่ใช่หรือ? “หรือว่าการผ่าตัดเมื่อกี้ทำให้สมองนายก็เปลี่ยนไปด้วย?”
“ถ้าหากพวกเขามีเื่อะไร นายก็จัดการแทนฉันด้วย” เหยียนจิ่งจื้อพูดเรียบๆ แต่น้ำเสียงกลับน่ากลัวมาก
หานอวี้จือตัวสั่น เดิมทีเขาไม่ใช่คนขี้นินทาอะไร แต่ในเวลานี้เขาอยากจะถามความจริงกับเหยียนจิ่งจื้อ
จริงๆ ทั้งๆ ที่รักจะตายแต่กลับต้องแยกจากกันอีก
“ทำไมกัน?” เขาอดที่จะถามออกมาไม่ได้
เหยียนจิ่งจื้อพลิกตัวหนี “จะไปมีอะไรมาก ฉันดูเหมือนเป็ผู้ชายที่จะถูกผู้หญิงคนเดียวและเด็กควบคุมได้ง่ายๆ หรือ?”
พอดีกับที่พยาบาลสองคนเดินเข้ามาเตือนหานอวี้จือว่า คนไข้ถึงเวลาที่จะเสริมน้ำตาลกลูโคสแล้ว
เหยียนจิ่งจื้อพูดต่อ “หลายปีที่อยู่ต่างประเทศเห็นผู้หญิงสวยมามาก สเปคด้านความสวยก็เลยไม่เหมือนกับเมื่อหลายปีก่อนแล้ว”
“ประสาท!” หานอวี้จือี้เีจะสนใจเขาแล้ว เป็บ้าเป็บออยู่หลายวันแล้วยังจะกล้าเสแสร้งอีก?
ถึงว่าล่ะ ผู้ชายที่ตายด้าน เ็า ไม่มีความรู้สึกอย่างเหยียนจิ่งจื้อทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็หนุ่มคลั่งรักแบบนี้ ในตอนนั้นเองที่หานอวี้จือรู้สึกสงสารเนี่ยเซิงเสี่ยวขึ้นมาในใจ
เขามุ่งตรงไปยังห้องพักของเนี่ยเซิงเสี่ยวแล้วเคาะประตู
เนี่ยเซิงเสี่ยวที่พ้นจากฤทธิ์ยานอนหลับแล้ว ในที่สุดสมองก็กระจ่างใสขึ้น ตรงส่วนหน้าแข้งยังเจ็บเสียดทำให้เธอไม่สามารถนอนนิ่งๆ ได้
เดี๋ยวเธอก็พลิกตัว เดี๋ยวก็นั่ง เดี๋ยวก็มองไปนอกหน้าต่าง สุดท้ายแล้วความงุ่นง่านนี้มาจากความเ็ปหรือว่ามาจากสองคนที่เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดกันแน่? เธอก็ยังไม่แน่ใจนัก
ตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็สะดุ้งใ คนเราถ้าหากใจไปอยู่ที่อื่น แค่เสียงเคาะประตูเบาๆ ก็เหมือนกลายเป็เสียงกลองได้
“ใครคะ?” ตอนนี้คนที่อยู่ด้านนอกมีความเป็ไปได้ที่จะเป็เหยียนจวิ้น และก็มีความเป็ไปได้ที่จะเป็เหยียนจิ่งจื้อ แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่คิดอยากจะเจอสักคน เพราะผลสรุปก็เหมือนกันคือเธอต้องจากไปอีกครั้ง
แต่ในหัวสมองที่มึนเบลอของเธอคิดไม่ถึงว่าจะมีความเป็ไปได้ข้อที่สาม นั่นก็คือประตูที่เปิดออกมากลับกลายเป็หานอวี้จือ ในตอนที่กำลังจะถามถึงอาการของเหยียนจิ่งจื้อเธอก็พบว่าด้านหลังเขายังมีพยาบาลอีกสองคน จึงเปลี่ยนหัวข้อถามไป “เหนี่ยวเหนี่ยวเป็อย่างไรบ้างคะ?”
“ผมขอให้คุณเนี่ยควรสนใจดูแลตัวเองก่อนนะครับ” หานอวี้จือพูดจบก็เงียบไป
ความหมายก็คือสถานการณ์ของทางนั้นดีกว่าเธอ เนี่ยเซิงเสี่ยวถอนหายใจก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของหานอวี้จือ
“ส่วนคุณเหยียนงานยุ่งมาก ก็เลยยื่นคำขอกลับไปพักฟื้นที่บ้าน คุณเนี่ย คุณจะต้องขอบคุณทุกคนนะ” หานอวี้จือพูดจบก็อยากจะหัวเราะใส่ตัวเองจริงๆ ใช่สิ จะต้องขอบคุณเหยียนจิ่งจื้อ ขอบคุณที่เขาแสร้งทำเป็ผู้ชายคลั่งรักคุณมาหลายวัน
ที่น่าแปลกใจก็คือ เนี่ยเซิงเสี่ยวไม่ได้มีท่าทางเ็ปที่ถูกทิ้ง และก็ไม่ได้รีบวิ่งเข้าไปเกาะเหยียนจิ่งจื้อ แต่กลับนั่งให้พยาบาลตรวจร่างกายเงียบๆ จนหานอวี้จืออดสงสัยไม่ได้ว่าเธอได้ยินที่เขาพูดหรือไม่
เนี่ยเซิงเสี่ยวเงยหน้าขึ้นมามองเขา “อืม ฉันรู้แล้วค่ะ ถ้าหายดีแล้วฉันจะต้องเอาธงรางวัลความดีไปให้คุณเหยียนแน่นอน ขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตลูกชายฉัน”
“เฮ้ เนี่ยเซิงเสี่ยว นี่เธอ…”
เมื่อได้ยินหานอวี้จือเปลี่ยนทิศทางบทสนทนา พยาบาลสองคนก็รีบหันไปมองหานอวี้จือทันที
เนี่ยเซิงเสี่ยวเองก็รีบตัดบทเขา “หมอหานยังมีธุระอะไรอีกไหมคะ?”
หานอวี้จือชะงักอยู่นานในที่สุดก็เดินออกจากห้องไปเงียบๆ เขารู้สึกว่าตัวเองอาจจะทำอะไรผิดไป เพราะว่าหลังจากที่ทั้งสองคนพักอยู่ที่โรงพยาบาลหนึ่งวัน ท่าทีของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
เหล่านักข่าวที่ยังรั้งอยู่ที่โรงพยาบาลเมื่อได้ยินว่าเหยียนจิ่งจื้อกลับบ้านไปแล้วก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าสนใจอีก และดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะไม่มีอะไรพิเศษ ไม่อย่างนั้นเหยียนจิ่งจื้อก็คงไม่กลับโดยที่ไม่ไปเยี่ยมเนี่ยเซิงเสี่ยวเลยสักครั้ง
ทว่าในเวลากินข้าวเย็น นักข่าวที่กำลังเก็บของเตรียมตัวกลับกันก็ได้รับโทรศัพท์รายงานกะทันหัน!
เฝ้าเอาไว้! เฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลต่อไป! ติงเจียลี่จะไปที่นั่น!
ติงเจียลี่จะมาโรงพยาบาลนี้ ยังจะเพื่ออะไรเสียอีกล่ะ? เมื่อได้ยินข่าวบันเทิงนี้พวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
แถมได้ยินมาว่าติงเจียลี่จะมาสารภาพรักเสียด้วย
สาวงามแห่งชาติจะมาสารภาพรักจริงๆ น่ะหรือ? กับท่านประธานที่มีข่าวเื่ทำดีโดยไม่สนใจชีวิตคนนั้น?
อ้างอิงตำนานหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า https://beebaza.wordpress.com/2015/02/15/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A/