เหยียนจิ่งเสินพูดจบก็ตัดสินใจให้หมอที่หามเปลมา ตรวจาแของเนี่ยเซิงเสี่ยว
แต่หานอวี้จือกลับรั้งเอาไว้ไม่ให้ไป
ในสถานการณ์ยุ่งยากแบบนี้ ถ้าหากเขาไม่ถามให้ชัดเจน เกรงว่าพอเหยียนจิ่งจื้ออกมาจะมาโทษเขาที่ไม่ดูแลผู้หญิงของอีกฝ่ายให้ดีๆ
“เหยียนจิ่งเสิน ผมคิดว่าทางที่ดีที่สุดคุณควรจะอธิบายต้นสายปลายเหตุให้ผมฟังก่อนนะ” เหยียนจิ่งเสินในเวลานี้มีความสงสัยอยู่นิดหน่อย แถมแววตาที่มองไปยังเนี่ยเซิงเสี่ยวยังทำให้หานอวี้จือยิ่งรู้ไม่สบายใจมากเข้าไปอีก
สำนวนนั้นพูดว่าอะไรนะ? จะมีอะไรอร่อยสู้เกี๊ยวได้ จะมีอะไรน่าสนุกเท่าพี่สะใภ้กัน เพียงแต่คราวนี้เปลี่ยนเป็น้องสะใภ้?
หานอวี้จือคลุกคลีในสถานบันเทิงของทั้งในและนอกประเทศมานานหลายปี เื่มองสายตาของผู้ชายเขาชำนาญมาก
จู่ๆ เหยียนจิ่งเสินก็ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ได้ยินเขาเรียกตัวเองด้วยชื่อเต็มยศแบบนั้นเขาเองก็ไม่เกรงใจแล้ว “หมอหาน ตอนนี้ฉันบอกนายได้แค่ว่า าแของเซิงเสี่ยวไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“ถ้าอย่างนั้นเกี่ยวกับใครล่ะ!” หานอวี้จือถูกคำเรียกชื่อ “เซิงเสี่ยว” อย่างสนิทสนมทำให้โกรธขึ้นมา
“บอกไม่ได้” เหยียนจิ่งเสินไม่ยอมพูด
ทั้งน้ำเสียงยังจริงจัง หานอวี้จือพยายามอย่างหนักที่จะไม่เข้าไปต่อยเขาสักหมัดแล้วบีบบังคับถาม เขาหันกลับไปสั่งให้จัดห้องพักให้เนี่ยเซิงเสี่ยว พอหันกลับมาเตรียมจะเข้าไปในห้องพักผ่อน เขากลับถูกเหยียนจิ่งเสินขังเอาไว้ด้านนอก
มาดื้อในถิ่นของเขา นี่เรียกว่าไม่เข้าใจการให้เกียรติหรอกหรือ?
คิดไม่ถึงว่าในขณะเดียวกับเหยียนจิ่งเสินก็ทุบลงมาที่ประตูอย่างแรง เม้มปากแน่นและสบถออกมาว่าเด็กจริงๆ
เหยียนจิ่งเสินเองก็คิดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านมานานหลายปีจะได้เจอกับเนี่ยเซิงเสี่ยว เขาจำได้ว่าตอนที่เธอหนีจากเหยียนจิ่งจื้อไป เหยียนจิ่งจื้อพลิกทั้งแผ่นดินในประเทศเพื่อตามหา ลามไปจนต่างประเทศก็ยังหาไม่เจอ เขาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยช่วยหา แต่สุดท้ายก็ยังหาไม่เจอ
วันนี้ตอนที่เขารถติดอยู่ระหว่างทางไปทำงาน ตอนนั้นคนที่อยู่บนรถจำนวนมากต่างสงสัยและพูดคุยกันว่าด้านหน้าเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าถนนเส้นนี้หลีกหนีจากเส้นทางที่รถติดออกมาโดยเฉพาะ ในเวลาปกติจึงไม่มีทางที่รถจะติดได้
เหยียนจิ่งเสินมองไปยังด้านหน้า เพียงแต่วันนี้เขาไม่ได้ใส่แว่นทำให้มองระยะไกลๆ ไม่ชัด
สองคนบนรถข้างๆ ถกเถียงกันเสียงดังมาก
“ได้ยินมาว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนจะถูกป้อนยานอนหลับ แต่เพราะว่าเธอมีเื่สำคัญมากๆ ที่ต้องทำก็เลยไม่ยอมหลับ”
“หลังจากนั้นล่ะ?”
“จากนั้นเธอก็ใช้มีดเฉือนหน้าแข้งตัวเอง ใช้ความเจ็บทำให้ตัวเองตื่น ตอนนี้ล้มอยู่ข้างทางขยับไม่ได้แล้ว กลัวว่าเธอจะเป็คนไข้จากโรงพยาบาลบ้า เลยไม่มีใครช่วยเธอ”
จู่ๆ เหยียนจิ่งเสินก็เปิดประตูดังปัง ทำเอาสองคนข้างๆ ใไม่กล้าพูดอะไรออกมา
เขาเป็ทนาย จากความเคยชินของหน้าที่การงานที่จะต้องช่วยคนที่อ่อนแอให้ได้รับสิทธิ์ของตัวเอง แต่ตอนนี้ผู้หญิงที่พวกเขาพูดถึงกลับอ่อนแอจนถึงขั้นไม่สามารถเดินได้แล้ว
เขาสาวเท้ายาวๆ ไปตรงหน้าผู้หญิงที่ล้มลงไป ด้วยความที่เขาสายตาสั้นทำให้มองอะไรไม่ค่อยชัดเท่าไร แต่เมื่อเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เขาก็มองเห็นร่างเล็กๆ ของหญิงสาวที่กำลังสั่นไปด้วยความกลัว และยังมีเส้นผมสีลินิน
จู่ๆ เหยียนจิ่งเสินก็หายใจรัวเร็ว
มีคนบอกว่า เื่ที่น่าเศร้าที่สุดบนโลกใบนี้คือ “ทำไมเราไม่เจอกันตอนที่ยังไม่แต่งงานนะ” แต่สำหรับ
เหยียนจิ่งเสินแล้ว เื่ที่น่าเ็ปที่สุดคือ “เจอกันครั้งแรกเธอก็แต่งงานแล้ว เจอกันอีกครั้งเป็ฉันที่แต่งงานแล้ว”
เขาพยายามกดความรู้สึกตัวเองเอาไว้และอุ้มเนี่ยเซิงเสี่ยวเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะลุกขึ้นและวิ่งไปที่รถของตัวเอง
เขาตื่นตระหนก เพราะหัวใจที่เต้นแรงเกินไปนี้ เขาร้อนรนที่สุด เพราะเธอถูกป้อนยานอนหลับแล้วมาสลบอยู่กลางถนน!
ปิดประตูรถเสร็จเหยียนจิ่งเสินก็เข้าไปนั่งที่นั่งคนขับ มือซ้ายจับพวงมาลัยไว้ มือขวาก็คอยดูแลเนี่ยเซิงเสี่ยวไม่หยุด เขาไม่เคยคิดเลยว่าการขับรถมันจะเป็เื่ที่ลำบากขนาดนี้ เขาไม่มีสมาธิเลย ในตอนนั้นก็รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เอาคนขับรถมาด้วย
บางทีถ้าหากพาคนขับรถมา เขาอาจจะให้เธอเข้ามาพิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาให้สบายกว่านี้
เมื่อเห็นเนี่ยเซิงเสี่ยวค่อยๆ ลืมตาขึ้น เหยียนจิ่งเสินก็ดึงสายตาของตัวเองกลับมา และเปลี่ยนมาเป็คนนิ่งขรึมอีกครั้ง แอบจำท่าทางใและดีใจของเธอตอนที่พบเขาเอาไว้
“พี่ใหญ่ ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่ได้คะ!” เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกว่าตอนนี้เธอมีความหวังที่จะรีบกลับไปที่โรงพยาบาลแล้ว เธอไม่รู้จริงๆ ว่าถ้าหากเธอไม่ไปที่โรงพยาบาล สภาพจิตใจของสองพ่อลูกที่จะเข้าห้องผ่าตัดจะเป็อย่างไร ซึ่งมันส่งผลต่อความสำเร็จของการผ่าตัด!
ร้ายแรงถึงชีวิต!
เขาที่เป็พี่ชายของเหยียนจิ่งจื้อจึงถูกคนเรียกว่าพี่ใหญ่จนชินแล้ว แต่ทำไมกับเธอไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่ชิน ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ต่างไปจากคนอื่น “ถูกใครวางยา?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวชะงักไป จากนั้นก็ยิ้มให้เขา “ได้เจอพี่ใหญ่อีกครั้ง ถือว่ามีวาสนาแล้ว จะถามเื่นี้ไปทำไม ช่วยพาฉันไปส่งที่โรงพยาบาลได้ไหมคะ?”
เหยียนจิ่งเสินจะต้องพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาลก่อนอยู่แล้ว แถมโรงพยาบาลก็ยังอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้ เขาเหมือนจะจำได้ว่าเหยียนจิ่งจื้อมีเพื่อนทำงานอยู่ที่นี่
“พ่อของฉันเหรอ?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวใกับการคาดเดาของเขา ทว่าตอนนั้นเองก็ถูกความเจ็บที่ขาเล่นงานจนหน้าซีดไป ก่อนจะพยักหน้า “ความคิดของพี่ใหญ่หนักแน่นไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ”
เหยียนจิ่งเสินยิ้มหยัน เขารู้สึกว่าโลกนี้มันบ้าไปแล้วจริงๆ มันเหมือนกับเป็วังวนที่ไม่มีที่สิ้นสุด การที่เหยียนจิ่งจื้อความจำเสื่อมเป็เหมือนแค่จุดเปลี่ยน แต่สุดท้ายเื่ราวทั้งหมดก็ได้ย้อนกลับไปที่จุดเดิม พวกเขากลับมารักกัน จากนั้นก็ถูกบีบให้แยกจากกัน จากนั้นก็กลับมารักกัน…
เหยียนจิ่งเสินกุมขมับของตัวเอง ไม่พูดอะไรออกมาอีก และใช้ความเร็วที่สุดเพื่อที่จะไปส่งเนี่ยเซิงเสี่ยวให้ถึงโรงพยาบาลตามที่เธอบอก ในตอนที่เธอจะลงจากรถเขาก็เห็นเธอใช้ผ้ามาพันที่หน้าแข้งตัวเองเพื่อห้ามเื จากนั้นก็พุ่งออกไปทันที
ตอนที่พุ่งออกไปก็ยังไม่วายหันมาพูดกับเขา “ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่ที่คอยปลุกฉันตลอดทางไม่ให้ฉันหลับ”
บ้าไปแล้ว ไม่เจอกันเจ็ดปีแต่ความบ้าของผู้หญิงคนนี้กลับมากขึ้นไปอีก
เขาปิดประตูแล้วตามเธอไปโดยไม่คิด เดิมทีคิดว่าจากสภาพของเธอแล้วตัวเขาคงตามทัน แต่ในความเป็จริงตอนที่เขาวิ่งตามไปเจอ เนี่ยเซิงเสี่ยวก็ได้เข้าไปในห้องพักคนไข้ห้องหนึ่งแล้ว
เหยียนจิ่งเสินชะงักอยู่ที่เดิม สองนาทีต่อมาเธอก็เดินตามเตียงผ่าตัดสองคัน เดินไปยังห้องผ่าตัด
หนึ่งในนั้นมีน้องชายที่เขาคุ้นเคย
อีกคนหนึ่งเป็เด็กที่เหมือนกับน้องชายของเขาไปหกส่วน
เด็กที่น่ารักมากๆ อายุไม่ต่างจากเจียอวี๋มาก น่าจะอาจจะอายุเท่ากันด้วยซ้ำ
เหยียนจิ่งเสินพิงเข้ากับกำแพงเย็นเฉียบของโรงพยาบาล โลกนี้ช่างโหดร้ายจริงๆ แค่เจ็ดปีสั้นๆ ก็กลายเป็แบบนี้ไปแล้ว โลกเปลี่ยนแปลงไปเร็วเกินไปแล้ว
“เตรียมตัวให้เื คนไข้เสียเืมากเกินไป!” เมื่อเห็นหานอวี้จือเปิดประตูออกมาะโ เหยียนจิ่งเสินถึงได้รู้ตัวว่าใน่เวลาสั้นๆ ที่ตนเองถูกขังเอาไว้ข้างนอก เขาได้นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เจอกับเนี่ยเซิงเสี่ยวเมื่อครู่
เหยียนจิ่งเสินลุกขึ้นยืน ถึงแม้จะรู้ว่าในเวลานี้หานอวี้จือไม่มีทางตอบเขา แต่ก็ยังถามออกไปเหมือนไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถามถึงจะสงบใจลงได้ “เธอเป็อย่างไรบ้าง?”
หานอวี้จือไม่สนใจเขาและเริ่มออกคำสั่งผู้ช่วยให้เตรียมเื
“ใช้เืฉันแล้วกัน แต่ก่อนเคยให้เืเธอแล้วเืของเราเข้ากันได้ดี” เหยียนจิ่งเสินพูดจบก็ถลกแขนเสื้อตัวเองขึ้น
หานอวี้จือหันไปมองและต่อยไปหนึ่งหมัด “บัดซบ เหยียนจิ่งเสินนายอย่ามาก่อกวนที่นี่ได้ไหม! เธอคือน้องสะใภ้ของนาย เป็ผู้หญิงของเหยียนจิ่งจื้อนะ ไม่ว่าแต่ก่อนหรือว่าหลายปีก่อนพวกนายจะเกิดเื่อะไรขึ้น แต่ว่าตอนนี้ถ้าหากนายกล้าเข้าใกล้ผู้หญิงของเพื่อนฉันอีกก้าว ฉันจะต่อยนายให้ฟันร่วงไปเลย!”
พยาบาลเองก็ต่างพากันใเสียงตะคอกของหานอวี้จือจนไม่กล้าที่จะทำตัวชักช้า พวกเธอรีบวิ่งเข้าไปรักษาเนี่ยเซิงเสี่ยว
เหยียนจิ่งเสินที่ถูกคำด่าของเขาพูดเตือนสติก็เม้มปากแน่น สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไรนัก จู่ๆ ก็คิดถึงสาเหตุที่ทำให้คนนอกใจกัน ซึ่งเขาอ่านเจอในอินเทอร์เน็ต อีกทั้งเมื่อครู่ยังมีชั่ววินาทีหนึ่งที่เขารู้สึกว่าถ้าหากอีกฝ่ายคือเนี่ยเซิงเสี่ยว เขาก็อาจจะลองดู
ทว่าตอนที่เดินเข้าไปเห็นใบหน้าขาวซีดไปครึ่งหน้าของเธอ เขาก็กัดฟันแน่น พร้อมทั้งต่อว่าตัวเองที่มีความคิดสกปรกแบบนั้นกับเธอ
เขาหันไปตบบ่าหานอวี้จือ ถึงแม้จะถูกอีกฝ่ายเบี่ยงตัวหลบทันทีก็ตาม แต่เขาก็ยังกลับไปเป็พี่ใหญ่ที่น่าเคารพตามเดิม “ขอโทษ ฉันร้อนใจมากเกินไปหน่อย เลยทำเสียมารยาทไป”
หานอวี้จือหงุดหงิดมาก ท่าทางของคนคนนี้ก็ทำให้คนรู้สึกริษยามากเกินไปแล้ว ทำไมแค่ขอโทษก็สามารถพูดให้ดูเป็คนใจกว้างได้ขนาดนี้
คนที่เป็ทนายความนี่เก่งจริงๆ เลยนะ...ต่อไปเขาเองก็จะให้ลูกชายเป็ทนายความบ้าง!