ปู้เฟิงแสยะยิ้มก่อนจะพูดขึ้น“พวกเ้าทั้งสามคนคิดว่าอย่างไรล่ะ” คนเราเมื่อทำผิดก็ต้องรับผลกรรมที่ก่อไว้พวกเ้ายินยอมที่จะจ่ายเงินชดเชยนั่นหรือไม่?”
ข้าเงยหน้าขึ้นบอก“พวกเราจะเอาปลาพวกนั้นไปคืนให้ก็ได้ แต่จะให้ชดใช้เงินสองแสนเหรียญข้าว่ามันไม่ยุติธรรมและเป็การรังแกพวกข้ามากเกินไป”
“รังแกพวกเ้ามากจนเกินไป?”
ข่าถูโกรธเป็ฟืนเป็ไฟก่อนจะชี้หน้าเอาเื่“ตอนพวกเ้าะเิปลา ไม่ใช่การรังแกข้าหรอกเหรอทำแบบนั้นมันเท่ากับไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยสักนิด!”
ข้าจ้องกลับอย่างไม่เกรงกลัว“ตอนนั้นพวกเขาต่างก็คิดว่าเป็แค่ปลาตามธรรมชาติ ใครจะไปรู้ว่าเป็ปลาของท่าน”
“ข้ออ้าง นี่มันข้ออ้างชัดๆ!” ข่าถูหันไปมองปู้เสวียนยินก่อนจะพูดต่อ“ท่านรองเ้าสำนัก ท่านคงได้ยินที่หัวหน้าปู้เฟิงเสนอเื่เงินชดเชยแล้วสินะตอนนี้ก็รอแค่ท่านคนเดียวแล้วล่ะ”
ปู้เสวียนยินยกน้ำชาขึ้นจิบก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ“ท่านผู้าุโ ข้าบอกท่านแล้วว่าโมโหมากไปจะเป็การทำร้ายตัวเองบ้านไหนมีคนเฒ่าคนแก่ถือว่ามีของล้ำค่าพวกเราก็ไม่อยากเห็นท่านโมโหจนเป็อะไรไป...”
“แต่ตอนนี้ข้ากำลังโกรธจนจะบ้าตายอยู่แล้ว!”ข่าถูที่กำลังเดือดดาลพูดขึ้นมาอีกรอบ“ศิษย์สามคนนี้มันไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยสักนิดแบบนี้จะไม่ให้ข้าโมโหได้อย่างไร!
ท่านเตรียมปรมาจารย์หลันเท้อหัวเราะออกมาเสียงดัง“ปรมาจารย์ข่าถู พวกเขาแค่ะเิปลา ทำไมถึงกลายเป็ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาไปได้ล่ะ? ท่านนี่ใส่ความเก่งกว่าใช้พลังไฟของตัวเองอีกนะ”
“เ้าหุบปากไปเลยหลันเท้อ นี่ไม่ใช่เื่ของเ้า!”ข่าถูถือโอกาสว่าแดกดันท่านเตรียมปรมาจารย์ท่านนั้น
ปู้เฟิงนั่งลงอย่างช้าๆก่อนจะยิ้มพอใจเพราะวันนี้มีปรมาจารย์นักรบิญญาและอาจารย์ระดับสูงอยู่ที่นี่ด้วยต่อให้ปู้เสวียนยินจะออกหน้าปกป้องขนาดไหน บทสรุปของเื่นี้คงไม่จบง่ายๆอย่างที่คิด
ปู้เสวียนยินปัดชุดกี่เพ้ายกเรียวขาขาวดุจเกล็ดหิมะขึ้นนั่งไขว่ห้างพลางจิบน้ำชาอย่างใจเย็น“ข่าถู ปู้เฟิง พวกเ้ากำลังบังคับให้ข้าทำตามกฎของสำนักอยู่สินะ?”
ข่าถูพูดเสริม“ท่านเป็ถึงรองเ้าสำนักก็ต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว”
“ได้”
นางกระตุกยิ้มมุมปากแล้วพูดต่อ“สวี่ลู่ เ้าอ่านกฎของสำนักข้อที่แปดสิบเจ็ด บรรทัดที่สามให้ฟังหน่อยสิ”
“อื้ม”
สวี่ลู่รับคำก่อนจะพลิกตำราไปยังหน้าที่ดังกล่าวแล้วเริ่มอ่าน“สิ่งของสาธารณะของสำนักรวมถึงสนามฝึก สนามหญ้า หลังเขา คอกแกะ บึงเยว่หยู่ห้วยหนองคลองบึงและอื่นๆ หากมีการปลูก เลี้ยงสัตว์หรือตั้งร้านค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ทรัพย์สินทุกอย่างต้องตกเป็ของสำนักทั้งหมด!”
ข่าถูที่ได้ยินถึงกับยืนนิ่งไม่ไหวติง...
ปู้เสวียนยินว่าพลางยิ้ม“ข้าไปค้นดูหนังสือยืมสถานที่แล้วแต่ไม่พบหนังสือขออนุญาตที่ท่านเขียนเพื่อขอเลี้ยงปลาในบึงเยว่หยู่เลยสักฉบับฉะนั้น ถือว่าเป็ปลาที่เกิดตามธรรมชาติ และการที่ข้าลงโทษพวกเขาทั้งสามคนยังถือว่าหนักไปด้วยซ้ำท่านว่าไหม?”
ข่าถูยืนอึ้งอยู่ที่เดิมก่อนจะเปิดปากพูดกลังเงียบไปนาน“ข้าขอถามท่านสักอย่าง มิทราบว่าปู้อี้เชวียนเป็น้องชายของท่านใช่หรือไม่?”
“ใช่” พี่เสวียนยินพยักหน้ารับก่อนจะพูดต่อ“แต่ท่านต้องเข้าใจด้วยว่าข้าจัดการเื่นี้อย่างเป็ธรรมมิได้ลำเอียงแต่อย่างใด”
ข่าถูส่ายหน้าก่อนจะยิ้มอย่างจำนน“ข้านับถือท่านจริงๆ ที่ไม่เพียงมีวิชานิ้วทองที่เป็หนึ่งในใต้หล้าแต่ยังมีความคิดที่ปราดเปรียวว่องไวไม่มีใครเทียม”
ปู้เสวียนยินยิ้มบางก่อนจะพูดต่อ“ท่านผู้าุโ นี่เป็เื่ระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อยที่ผิดใจกันเล็กน้อยเท่านั้นทำไมท่านถึงต้องจู้จี้ไม่เลิกรานักล่ะ? เอาอย่างนี้...ทางสำนักจะส่งหนังสือไปเบิกเงินจำนวนห้าแสนเหรียญจากเมืองหลินเฉิงเพื่อชดเชยให้ท่านส่วนศิษย์ทั้งสามคนก็ไม่ได้ตั้งใจ ข้าจะให้พวกเขาขอโทษท่าน เื่จะได้จบด้วยดีท่านคิดว่าอย่างไร?”
ข่าถูพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย“เอาอย่างที่ท่านว่าแล้วกัน”
“อย่างนั้นก็ดี ขอบคุณท่านาุโที่เข้าใจ”
นางบอกก่อนจะหันมาทางพวกข้าสามคน“มัวยืนรออะไรอยู่อีก?”
ข้าจ้าวห้าว และซ้งเชียนรีบโค้งคำนับ ก่อนที่ข้าจะเป็ตัวแทนพูด“ต้องขอโทษท่านด้วยจริงๆ ขอรับท่านปรมาจารย์ข่าถูขอให้ท่านโปรดให้อภัยแก่พวกข้าด้วย และข้าสัญญาว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก”
เขาปัดไม้ปัดมือแบบไม่สนใจก่อนจะพูดขึ้น“พวกเ้าเองก็ไม่ผิด เอาล่ะไปเข้าเรียนกันได้แล้ว...”
ปู้เสวียนยินลุกขึ้นยืนแล้วพูดต่อ“แยกย้ายกันได้แล้ว เสี่ยวเชวียน เ้าไปหาข้าที่ห้องทำงาน”
“อืม”
หลังจากร่ำลาสองคนนั้นข้าก็ตรงไปยังห้องทำงานของพี่เสวียนยิน ซึ่งมีแค่เราสองคนเท่านั้น
“นั่งสิ” นางว่าแล้วยิ้มขึ้นเล็กน้อย
ข้าเองที่กำลังตื่นเต้นก็นั่งลงอย่างงงๆก่อนจะพูดขึ้น “ข้าคงหาเื่ให้ท่านอีกแล้วสินะ”
ปู้เสวียนยินว่าพลางยิ้ม“จริงๆ ก็ดีเหมือนกันเพราะเขาใช้พื้นที่ของสำนักเป็ที่เลี้ยงปลาของตัวเองมานานพอสมควรซึ่งข้ายังเห็นแก่หน้าเขาอยู่บ้างจึงไม่ได้ลงไปจัดการแต่พอเกิดเื่เขากลับไม่ยอมลดราวาศอกสักนิด แบบนี้จะหาว่าข้าไม่ไว้หน้าไม่ได้”
ถึงจะได้ยินแบบนั้นข้าก็ยังรู้สึกละอายอยู่ดี“ความจริงเื่นี้ข้าก็มีส่วนผิดยิ่งท่านทำแบบนี้คนอื่นจะมองว่ากำลังปกป้องข้าอยู่ฟังดูแล้วไม่น่าจะเป็เื่ดีสักเท่าไร...”
ปู้เสวียนยินได้ยินแล้วก็หัวเราะออกมา“อย่าคิดมากเลย เ้าคิดว่าข้ากำลังปกป้องเ้าอยู่คนเดียวเหรอ? เ้ารู้หรือเปล่าถ้าวันนี้คนที่เ้ามีเื่ด้วยไม่ใช่จวงเหิงซิ่งเขาคงไม่ทำแบบนี้หรอก แต่ที่ไม่ยอมเพราะจวงเหิงซิ่งเป็ศิษย์รักของเขาต่างหาก”
“ฮะ!” ข้าใจนพูดไม่ออก
ปู้เสวียนถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่“นึกไม่ถึงว่าคนในสำนักจะซับซ้อนขนาดนี้ล่ะสิ? เ้าเองก็ค่อยๆเรียนรู้ไปแล้วกัน เพราะแต่ละคนต่างก็มีเบื้องลึกเื้ัไม่น้อยอีกอย่างข้าได้ยินว่าเ้าหาปลาหลีฮื้อหลงหลิงได้ถึงร้อยกิโล เื่จริงหรือเปล่า?”
“จริงสิ”
“ข้ายังไม่เคยกินปลานั่นเลย คนเห็นก็ต้องมีส่วนแบ่งด้วยอย่าลืมเอามาให้ข้าลองชิมสักสองสามตัวล่ะ”
“ได้เลย ่เย็นข้าจะเอามาให้ และถือโอกาสกินข้าวเย็นด้วยกันเลยดีไหม?”
“ได้เลย เดี๋ยวข้าจะให้สวี่ลู่ไปเตรียมอาหารอย่างอื่นมาด้วย”
“ตกลง!”
…
พอกลับมาถึงโรงเกลากระบี่ก็เริ่มฝึกฝนวิชาท่ามกลางกลิ่นปลาที่คละคลุ้งไปทั่วตอนนี้ข้ามีปลาหลีฮื้อหลงหลิงมากพอสำหรับการรักษาแล้ว ข้าจึงฝึกฝนได้อย่างสบายใจ
หลังจากเคลื่อนพลังไปหลายรอบก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ใกล้จะบรรลุ!!
เปรี๊ยะ!เปรี๊ยะ!
เสียงนี้ดังขึ้นเมื่อพลังิญญาในร่างกายเริ่มหลอมรวมและระเหยกลายเป็หมอกควันและขณะที่ร่างกายอยู่ท่ามกลางเมฆหมอกที่ปกคลุมไปทั่วอยู่นั้นัใหญ่สีเืก็ปรากฏออกมาแหวกว่ายในอากาศด้วยรูปร่างและเกล็ดที่เงาวับราวกับมีชีวิตและกำลังปรายตามองข้าอยู่
ักระฉ่อนเมฆา!
นึกไม่ถึงว่าข้าจะสามารถฝึกพลังัแกร่งจนถึงระดับสูงได้เร็วขนาดนี้ดูเหมือนว่าความเหนื่อยกับสิ่งที่ทำไปเมื่อคืนจะไม่สูญเปล่า
แขนทั้งสองข้างเหมือนมีพลังมหาศาลไหลเวียนอยู่ภายในเพราะหลังจากการฝึกฝนจนบรรลุแต่ละขั้น พลังจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่งตอนนี้ข้ารับรู้ได้ถึงพลังิญญาที่เต็มเปี่ยมภายในเส้นเืทั่วร่างกาย
ข้าฝึกฝนจนวงเลยมาถึงพลบค่ำแม้ว่าจะยังไม่บรรลุแต่กลับรู้สึกถึงความก้าวหน้าจากพลังที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เคลื่อนพลัง
เมื่อลืมตาขึ้นถึงได้รู้ว่าพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าจึงรีบหยิบปลาสองตัวที่ยังไม่แห้งสนิทมุ่งหน้าไปหาพี่เสวียนยิน
ขณะที่เดินผ่านสนามฝึกก็เจอเข้ากับกลุ่มศิษย์ที่กำลังเลิกเรียนพอดีและหนึ่งในนั้นคือซูเหยียนและตั้นไถเหยาที่เสื้อเชิ้ตเปียกชุ่มด้วยเหงื่อกับกระโปรงสั้นพลิ้วเผยให้เห็นเรียวขาขาวดุจหิมะที่มีปลอกเก็บอาวุธพันไว้
ตั้นไถเหยาที่หันมาเจอจึงร้องทัก“เอ...ได้ยินว่าหัวหน้าปู้ของเราเลื่อนขั้นั้แ่ตอนกลางวันแล้วใช่ไหมเนี่ย”
ข้าที่รู้ว่านางกำลังสื่อถึงอะไรเลยถามออกไปตรงๆ“เ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
“ปู้ปลาแห้งไง ฮ่าๆๆ!”นางหัวเราะเสียงดังด้วยความชอบใจจนก้อนกลมที่หน้าอกสั่นไปตามแรง ศิษย์ชายคนอื่นๆต่างหันมามองเป็ตาเดียว
ซูเหยียนเองก็หัวเราะออกมาเหมือนกัน“แล้วนี่จะไปไหน เ้าคนกินจุ”
“ว่าจะเอาปลาสองตัวนี่ไปกินกับพี่เสวียนยินน่ะ”
นางได้ยินแล้วจึงตอบกลับเหมือนผิดหวังเล็กน้อย“อ๋อ...มีพี่อยู่ที่สำนักด้วยก็ดีเหมือนกันนะ เ้าไปเถอะ”
“ซูเหยียน ถ้าเ้ากินอาหารเย็นแล้ว เ้าไปหาข้าที่โรงเกลากระบี่ดีไหมล่ะ?”ข้าพูดเชื้อเชิญ
“ฮะ?” ดูเหมือนนางจะงุนงงไปเหมือนกัน
ศิษย์ที่อยู่ใกล้ๆต่างก็ใกับคำชวนที่พรวดพราดจากปากของข้ายิ่งถ้าซูเหยียนรับคำคงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
“ได้สิ...”
สุดท้ายซูเหยียนก็รับปากจนได้และนั่นยิ่งให้ศิษย์กลุ่มนั้นแทบจะกระอักเืออกมา
ตั้นไถเหยาที่ได้ยินถามขึ้นอย่างสนใจ“ไปทำอะไรกันเหรอ?”
ข้าพูดเสียงเข้ม“ประลองแบบตัวต่อตัว... เพราะข้าอยากประลองกับคนที่แกร่งกว่าเพื่อเพิ่มศักยภาพของตัวเอง”
“ดีเลย ถ้าอย่างนั้นข้าขอไปดูด้วยนะ!”
“ยินดี”
ความจริงคือเื่โกหกทั้งเพเพราะที่ข้าทำแบบนี้เนื่องจากจินตานระดับหกที่อยู่ในร่างกายยังไม่สลายตัวจึงต้องพึ่งพลังจากภายนอกเพื่อปลุกพลังและดึงศักยภาพที่อยู่ลึกลงไปออกมาเมื่อจินตานสลายไปแล้ว ข้าจะใช้พลังนั้นบรรลุถึงพลังสูงสุด
…
เสียงน้ำในหม้อต้มเดือดปุดๆชิ้นปลาพลิกไปมาตามแรงดัน ส่งกลิ่นหอมฟุ้งทั่วบริเวณยิ่งได้เครื่องปรุงชั้นดีที่พี่เสวียนยินเตรียมมารสชาติจึงดีกว่าของเฉิ่นปู้หยุนเป็ธรรมดา
ข้ารับผิดชอบดูหม้อต้มปลาส่วนนางทำหน้าที่แม่ครัวซึ่งกำลังผัดหัวใจสิงโตไฟใส่พริกหยวกอย่างระมัดระวังแม้จะใส่ผ้ากันเปื้อนแต่ก็ไม่สามารถบดบังเนื้อนิ่มๆ และสัดส่วนโค้งเว้านั้นได้
ข้าเหมือนถูกสะกดด้วยภาพตรงหน้า
นางเห็นว่าข้ามองอยู่เลยถามขึ้น“เป็อย่างไรบ้าง?”
“ข้าว่าพี่ใส่เกลือเยอะไปนะ”
“อืม...เหมือนจะเค็มจริงๆ ด้วยแต่ก็ช่างเถอะผู้ฝึกฝนวรยุทธ์อย่างเรากินของเค็มๆ หน่อยจะช่วยเผาผลาญได้ดีขึ้น...”
ข้ายังไม่เคยได้ยินเื่แบบนี้สักหน่อย...
หลังจากกินข้าวเย็นกับนางเสร็จข้าก็กลับมายังโรงเกลากระบี่โดยมีตั้นไถเหยาและซูเหยียนรออยู่ก่อนแล้ว
...
ตั้นไถเหยาตกตะลึงเมื่อได้เห็นปลาเค็มพวกนั้น“บิดบังความงามในยามฤดูใบไม้ร่วงไม่ได้ฉันใดปลาเค็มที่ห้อยเต็มกำแพงย่อมปิดไม่ได้ฉันนั้น”
ข้ากับซูเหยียนถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินบทกวีแปลกๆของนาง