พอเห็นว่าข้าเตรียมถุงตาข่ายมาแค่สองถุงจ้าวห้าวจึงถามขึ้น “เ้าเตรียมถุงตาข่ายมาแค่สองถุงเนี่ยนะ?”
“ไม่พอเหรอ?” ข้าถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อเห็นความโลภของเ้าเด็กนี่
เขาว่าพลางส่ายหัว“ความจริงถ้าแค่ปลาหลีฮื้อหลงหลิงอาจจะพออยู่หรอกแต่ยังมีปลาิญญาอีกตั้งหลายชนิดที่เอามาใช้กับการฝึกและบำรุงเืลมได้เพราะถ้าะเิแล้วไม่เอากลับก็น่าเสียดายแย่”
ซ้งเชียนพูดเสริม“ช่างเถอะ ข้าก็เอามาแค่ถุงเดียวเหมือนกัน กลัวว่าถ้าขนมาเยอะ พวกเราจะแบกไม่ไหวอีกอย่างพอสิ้นเสียงะเิสักสิบนาทีก็ต้องรีบออกมาไม่ได้มีเวลาเยอะแยะให้เก็บปลาหรอก”
“อย่างนั้นก็ได้ ไปกันเถอะ!”
…
ทั้งสามคนที่ไม่ได้อยู่ในชุดของสำนักเดินลับๆล่อๆ ฝ่าความมืดมุ่งตรงไปยังเขาหลังสำนักและยามดึกดื่นแบบนี้คงมีแต่พวกองครักษ์ออกลาดตระเวนชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
พอเข้าไปถึงป่าหลังสำนักจึงใช้แสงจันทร์เป็เครื่องนำทางไปตามทางเดินเล็กๆ จนถึงบึงใหญ่ด้านหลังแสงจากดวงจันทร์ตกกระทบกับผิวน้ำ คล้ายัสีเงินตัวใหญ่ทอดลำตัวยาวกว่าสองร้อยเมตร
“พี่เชวียน ท่านดูนั่นสิ!”
ซ้งเชียนว่าแล้วชี้ไปยังกลางบึง“น้ำมันสั่นเป็ระลอกขนาดนั้นจะต้องเป็ปลาหลีฮื้อหลงหลิงแน่ๆ เลยรู้จักพวกเราน้อยไปเสียแล้วถึงได้ออกมาล่อหน้าล่อตากันได้ขนาดนี้” จ้าวห้าวพูดขึ้น“ะเิมีอยู่หกลูก เราแบ่งกันคนละสองลูก พอจุดแล้วต้องรีบโยนออกไปภายในห้าวินาทียิ่งไกลเท่าไรยิ่งดี”
“เข้าใจแล้ว” เพราะข้ากับซ้งเชียนเคยะเิปลาด้วยกันมาก่อน
หลังจากรับขวดะเิมาข้าก็เริ่มจุดไฟแล้วโยนออกไปกว่าร้อยเมตรอย่างรวดเร็วส่วนจ้าวห้าวโยนไกลกว่าเล็กน้อย และซ้งเชียนใกล้เข้ามาหน่อยประมาณห้าสิบเมตรตอนนี้ะเิทั้งหกลูกอยู่ครอบคลุมทั่วทั้งบึงก่อนจะตกไปในน้ำตามด้วยเสียงะเิตูม! ดังขึ้นติดๆ กันหกครั้ง
“ดูนั่นสิ ปลาลอยขึ้นมาแล้ว!” ซ้งเชียบอกด้วยความตื่นเต้น
ข้าจับถุงตาข่ายแล้วพูดขึ้น“ไปเถอะ ว่ายไปเก็บปลากัน!”
“ได้เลย!” จ้าวห้าวเองก็แสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้า
พอเห็นปลาหลีฮื้อหลงหลิงลอยเกลื่อนบนผิวน้ำพวกเราทั้งสามคนก็รีบะโลงไปทั้งเสื้อผ้าเพื่อว่ายเก็บไปเก็บปลาจำนวนไม่น้อยขึ้นมา
ปลาแต่ละตัวมีน้ำหนักประมาณหนึ่งกิโลใช้เวลาไม่นานถุงตาข่ายที่รับน้ำหนักได้หกถึงเจ็ดกิโลก็เต็มแน่นไปหมด
“ถุงของข้าเต็มแล้วของพวกเ้าล่ะ?” ข้าถามขึ้น
“เต็มแล้วเหมือนกัน” จ้าวห้าวที่หน้าตาเปียกชุ่มตอบกลับ “ไปกันเถอะเดี๋ยวพวกองครักษ์ลาดตระเวนก็คงตามมาพวกเรารีบว่ายข้ามฝั่งแล้วอ้อมถนนใหญ่หลังสำนักไปเข้าทางโรงเกลากระบี่เลยดีกว่า”
“อืม!”
ขณะที่พวกเรากำลังขึ้นฝั่งแสงไฟฉายขององครักษ์ลาดตระเวนได้สาดส่องเข้ามา
เร็วเข้า!
ต่างคนต่างรีบแบกถุงปลาหายลับไปในป่าทึบไม่นานก็กลับมาถึงโรงเกลากระบี่ก่อนจะแยกย้ายไปล้างเนื้อล้างตัวและออกมาต้มปลาหลีฮื้อหลงหลิงหม้อใหญ่เพราะผลจากการฝึกเคล็ดวิชาา ร่างกายจึง้าปลาในการสมานแผลอยู่พอดี
ถุงตาข่ายทั้งสามใบถูกเทออกฝูงปลาต่างดิ้นรนหนีตายกันจ้าละหวั่น ซ้งเชียนชี้นิ้วนับแล้วฉีกยิ้มออกมา“มีปลาหลีฮื้อหลงหลิงอยู่เป็ร้อยเลยพี่เชวียน มันพอเสียยิ่งกว่าพออีกเดี๋ยวท่านหมักไว้ก่อนแล้วค่อยนำไปตากจะได้เก็บไว้นานๆ คราวนี้ท่านก็มีกินระหว่างฝึกฝนจนเกินขั้นที่ห้าขึ้นไปแล้วล่ะ”
“อืม!”
จ้าวห้าวเองช่วยคัดแยกปลาอื่นๆเพราะมันมีสรรพคุณที่ต่างกันออกไป
ส่วนข้า้าแค่ปลาหลีฮื้อหลงหลิงเท่านั้นปลาที่เหลือจึงตกเป็ของสองคนนั้นนำไปใช้ฝึกฝนทั้งหมด
ไม่นานนักปลาในหม้อก็สุกพร้อมกินเราทั้งสามคนกินปลากว่าสามกิโลลงท้องอย่างเอร็ดอร่อยและรู้สึกได้ว่าาแของข้าสมานเข้ากันมากขึ้นปลาทั้งหมดถูกหมักและนำไปตากไว้หลังกระท่อม เพราะยิ่งแห้งเร็วจะยิ่งปลอดภัย
่รุ่งสางปลาที่ตากไว้ถูกลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดโกรกจนได้ที่พอเห็นแบบนั้นยิ่งทำให้ข้ามีความสุขไม่น้อย
และเมื่อมองไปยังฝ่ายล้างท่อตรงกระท่อมของจ้าวห้าวปลาิญญาหลายตัวถูกห้อยไว้เช่นกัน ่เวลาของการฝึกฝนอันยาวนานครั้งนี้พวกเราคงไม่ต้องกังวลเื่เงินสำหรับซื้อยาแล้ว
ะเิเพียงหกลูกแต่กลับทำให้พวกเราประหยัดเงินระหว่างฝึกฝนไปเป็ล้านเหรียญ!
…
แต่เื่ดีๆมักอยู่ได้ไม่นาน เมื่อ่เที่ยงมีคนมาะโเรียกข้าอยู่หน้าโรงเกลา“เ้าศิษย์สำรอง ออกมาเดี๋ยวนี้!!”
ข้าซึ่งนอนหลับอย่างสบายอารมณ์ต้องสะดุ้งตื่นก่อนจะรีบไปเปิดประตูภาพเบื้องหน้าคือกลุ่มศิษย์และทหารฝึกใหม่ซึ่งหนึ่งในนั้นมีทหารของฝ่ายปกครองอยู่ด้วย
“มีอะไรเหรอ?” ข้าถามขึ้น
“ยังมีหน้ามาถามอีกว่ามีอะไรเมื่อคืนเ้ากับศิษย์สำนักสีเลี้ยนที่ชื่อจ้าวห้าวและศิษย์จากสำนักขั้นต้นที่ชื่อซ้งเชียนพากันไปจับปลาที่บึงเยว่หยู่ไม่ใช่หรือไง?”เขาพูดเสียงเข้ม
“ก็ใช่ แต่นั่นมันปลาตามธรรมชาติไม่ใช่หรือไง?”
“ปลาตามธรรมชาติ? ในบึงนั้นมีปลาหลีฮื้อหลงหลิงที่ตัวโตขนาดนี้ไหม?ข้าจะบอกให้นะนั่นคือปลาที่ท่านปรมาจารย์นักรบิญญาข่าถูเลี้ยงเอาไว้กว่ายี่สิบปีแต่ดันมาถูกพวกเ้าะเิไปกว่าครึ่ง! ตอนนี้เื่ไปถึงฝ่ายปกครองแล้วซ้งเชียนกับจ้าวห้าวไปรออยู่ที่นั่นแล้ว ส่วนเ้าก็ต้องไปกับเหมือนกันครั้งนี้ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ แน่นอน”
ข้าใจเต้นตึกตักไม่เป็จังหวะในเมื่อซ้งเชียนกับจ้าวห้าวไปที่นั่นแล้ว ข้าเองก็คงจะเลี่ยงไม่ได้“นำทางเลยขอรับ”
ทำคนเดียวก็รับคนเดียวคราวนี้ทำสามคนแล้วจะให้ข้าหนีเอาตัวรอดไปได้อย่างไรที่สำคัญเราทั้งสามคนต่างไม่รู้ว่าปลาพวกนั้นมีเ้าของโทษครั้งนี้น่าจะไม่หนักเท่าไร...มั้ง?
…
ณห้องฝ่ายปกครอง มีคนมากมายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งกลุ่มปรมาจารย์นักรบิญญาอาจารย์ระดับสูง รวมทั้งพี่เสวียนยินและสวี่ลู่ก็มาร่วมด้วยนอกจากนั้นยังมีตาเฒ่าผมแซมขาวสีหน้าและแววตาโกรธจนไฟแทบจะลุกออกจากเบ้าถ้าให้เดาคงเป็ท่าข่าถูเ้าของปลาในบ่อนั้นแน่ๆ
“ปู้อี้เชวียนมาแล้วสินะ!”
หัวหน้าฝ่ายปกครองอย่างปู้เฟิงถามขึ้นอย่างสุขุม“แล้วทีนี้จะเอาอย่างไรดีล่ะ?”
ข้าขึ้นไปยืนอยู่ระหว่างเ้าสองคนนั้นซึ่งใบหน้ากำลังถอดสีอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะมองมายังข้าด้วยแววตาสำนึกผิด
“ข้าต้องขอโทษด้วยนะพี่เชวียนที่เสนอความคิดะเิปลาออกไป...”ซ้งเชียนกล่าวขอโทษ
ข้าได้ยินแล้วก็ส่ายหน้า“จะโทษเ้าก็คงไม่ได้ เพราะถึงเ้าไม่บอก สักวันข้าก็คงหาวิธีะเิอยู่ดี...”
“ดูๆๆ พวกเ้ายังกล้าพูดจาแบบนี้อยู่อีก?” ปรมาจารย์นับรบิญญาข่าถูว่าพลางชี้นิ้วแล้วพูดต่อ“ข้าอยู่ที่นี่มายี่สิบปี ยังไม่เคยมีใครดื้อรั้นหัวแข็งอย่างพวกเ้ามาก่อนมันน่าโมโหจริงๆ ท่านรองเ้าสำนัก ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ท่านต้องจัดการแทนข้า!”
ปู้เสวียนยินปั้นหน้ายิ้มแล้วพูดขึ้น“เอาน่า ท่านข่าถูอย่าได้โมโหไปเลย ยิ่งโมโหมากก็ยิ่งทำร้ายตัวเองเปล่าๆท่านเองก็อายุมากแล้ว หากเป็อะไรขึ้นมาพวกข้าจะรับผิดชอบอย่างไรไหว...”
ข่าถูกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมก่อนจะพูดด้วยความเดือดดาล“วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลงโทษเ้าศิษย์สามคนนี้ให้หนัก! มันน่าโมโหนักเดิมทีข้าต้องนำปลานับร้อยตัวไปแลกกับโสมโลหิตพันปีที่วิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อบรรลุขั้นผู้พิทักษ์ระดับดาวแต่กลับมาถูกเ้าพวกนี้ทำลายเสียก่อน...”
ปู้เสวียนยินว่าพลางยิ้ม“เดี๋ยวข้าจะจัดการให้เอง ท่านอย่าได้โกรธไปเลยนะ”
ปู้เฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะพูดขึ้น “ท่านรองเ้าสำนัก ปู้อี้เชวียนเป็น้องชายของท่านข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าท่านจะตัดสินอย่างยุติธรรมหรือเปล่า...”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”พี่เสวียนยินใช้ดวงตาคู่สวยและรอยยิ้มส่งมาให้ข้าซึ่งข้าเองก็ไม่อาจเดาได้ว่านางคิดอะไรอยู่ “สวี่ลู่ กฎของสำนักที่ว่าหากศิษย์ของสำนักไปแอบะเิปลาต้องมีโทษอย่างไร?”
สวี่ลู่กางตำรากฎของสำนักออกก่อนจะอธิบาย “ไม่มีกฎข้อนี้อยู่ในสำนักแต่ให้ถือว่าเป็การทำลายของส่วนรวมของสำนัก ซึ่งบทลงโทษคือแต่ละคนจะต้องจ่ายเงินหนึ่งพันห้าร้อยเหรียญหลงหลิงเพื่อชดเชย”
“อืมข้าเข้าใจแล้ว”
“ช้าก่อน!” ท่านข่าถูลุกขึ้นยืนพร้อมกับเบิกตาโตด้วยความโมโห“ท่านรองเ้าสำนัก เื่นี้จะจบลงง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้นะ ปลาของข้าตายไปตั้งร้อยตัวแต่เ้าสามคนนี้กลับโดนลงโทษสถานเบาแบบนี้ได้อย่างไร!”
“ผู้าุโท่านอย่าเพิ่งรีบร้อนไป”ปู้เสวียนยินว่าแล้วโปรยยิ้มหวานก่อนจะพูดต่อ “ยังมีบทลงโทษอีกอย่างหนึ่ง!”
ว่าแล้วนางก็หุบยิ้มแล้วหันมามองพวกข้าด้วยใบหน้าเคร่งขรึม“เพราะพวกเ้าทั้งสามคนทำลายสิ่งที่ท่านข่าถูอุตส่าห์ทะนุถนอมอย่างไรปรานีฉะนั้นจะต้องถูกลดขั้น โดยปู้อี้เชวียนลดลงไปเป็ศิษย์เตรียมสำรองซ้งเชียนและจ้าวห้าวลดลงไปเป็ศิษย์สำรองเหมือนกัน”
ข่าถูไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน“ฮึ ลดลงไปเป็ศิษย์สำรองมันจะไปพออะไร? เ้าศิษย์ที่ชื่อจ้าวห้าววันก่อนก็ทำลายแท็งก์น้ำจนข้าไม่มีน้ำใช้เป็วันเ้านั่นจะต้องรับโทษที่หนักกว่านี้!”
ปรมาจารย์นับรบิญญาที่อายุน้อยกว่าถึงกับหลุดหัวเราะออกมา“ท่านปรมาจารย์นักรบิญญาข่าถู จ้าวห้าวก็เพิ่งได้รับโทษให้ลงไปขัดสิ่งปฏิกูลแล้วท่านจะให้เขากินด้วยอย่างนั้นหรือ?”
พอได้ยินแบบนั้นจ้าวห้าวก็หน้าเสียขึ้นมาจะให้เขาไปกินอึได้อย่างไร!
ข่าถูยิ้มพลางพูดเย้ยอีกฝ่าย“หลันเท้อ เป็เพราะเ้าชอบออกหน้าแทนพวกศิษย์ที่ทำผิดถึงไม่เคยได้รับเลือกและยังเป็ได้แค่ระดับเตรียมปรมาจารย์จนถึงทุกวันนี้!”
หลันเท้อเองก็ยิ้มรับและโต้กลับทันควัน“ไม่เป็ไร ต้องมีสักวันที่ได้เลื่อนขั้นแน่นอน เพราะข้ายังหนุ่มยังแน่นไม่ได้รีบร้อนอะไร”
“นี่เ้า!!!” ข่าถูโมโหจนพูดไม่ออก
ปู้เสวียนยินได้ยินแบบนั้นจึงรีบตัดบท“ถ้าอย่างนั้นเอาตามที่ข้าบอกไปเมื่อครู่แล้วกัน”
หลันเท้อถามขึ้น“ท่านรองเ้าสำนักข้าถามสักหน่อยจะได้ไหมว่าเ้าศิษย์เตรียมสำรองที่ว่านี้มันคืออะไร?” “คือศิษย์ที่เตรียมเลื่อนขึ้นไปเป็ศิษย์สำรองอีกทีไงล่ะ”
หลันเท้อหัวเราะชอบใจ“เป็วงจรที่ต่ำที่สุดของสำนักนี่เอง ฮ่าๆๆเ้าปู้อี้เชวียนคนนี้น่าสนใจไม่น้อยจริงๆ คนแบบนี้ข้าชอบ!”
ในตอนนี้เองข่าถูก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดอย่างเหลืออด“ปู้เฟิง เ้าเป็ถึงหัวหน้าฝ่ายปกครองจะไม่พูดอะไรสักหน่อยเหรอ? ทั้งที่ข้าเสียปลาที่เทียบได้กับโสมโลหิตพันปีไปหนึ่งอันแต่ทำไมเ้ายังนิ่งเฉย”
ปู้เฟิงหรี่ตามองอย่างรู้ทัน“ท่านผู้าุโ ท่านอยากจะได้เงินค่าชดเชยใช่หรือไม่?”
“ใช่! ข้าจะให้ศิษย์ทั้งสามคนชดเชยให้กับข้าเป็เงินสองแสนเหรียญหลงหลิง!”
…
“สองแสน?...”
พวกเราสามคนหันมองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ท่านข่าถูนี่เรียกร้องเงินเก่งจริงๆ!