ก๊อกก๊อก ก๊อก...
จ้าวห้าวเคาะประตูตามมารยาท“เ้ากลับมาแล้วเหรอปู้อี้เชวียน?”
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“ครึ่งชั่วโมงก่อนมีศิษย์จากนักจวี๋เฟิงมาขโมยปลาเค็มของเ้าน่ะสิข้าเลยซัดจนหนีเตลิดไปเลยวันหลังเ้าต้องระวังด้วยล่ะเพราะปลาหลีฮื้อหลงหลิงราคาเป็พันเหรียญจะห้อยไว้แบบนี้ไม่ได้ต้องเฝ้าด้วย”
ข้าได้ยินแล้วก็พยักหน้ารับ“อ๋อ... วันหลังถ้าข้าไม่อยู่ฝากเ้าช่วยดูด้วยล่ะ”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
จ้าวห้าวว่าแล้วยื่นหัวเข้ามาด้านในก่อนจะเจอเข้ากับตั้นไถเหยาและซูเหยียนเขาทำหน้าตาใแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “นึกว่าไม่มีใครแล้วเสียอีกอย่างนั้นข้าไปก่อนล่ะ ไม่อยากจะรบกวบเวลาเสพสุขของเ้า”พูดจบเขาก็เดินกลับไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ข้ายืนงง... เสพสุขอะไรกัน?
…
“เ้าโล้นนี่ใครกันทำไมรู้สึกคุ้นๆ หน้า” ตั้นไถเหยาถาม
“เขาเป็เพื่อนของข้าที่ทำงานอยู่ฝ่ายล้างท่อน่ะ”
“อ่อ...ข้าว่านะเ้าปู้ปลาเค็ม วันหลังจะคบเพื่อนเลือกบ้างก็ดี”
“ฮ่าๆๆ เ้าพูดอะไรน่ะ ซูเหยียนพวกเรามาประลองกันเถอะเพราะมีแค่การประลองเท่านั้นถึงจะสามารถแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้”
“อืม!”
ซูเหยียนเรียกกระบี่เพลิงกัลป์ออกมาก่อนจะถามขึ้น“จะให้ข้าใช้พลังเท่าไร?”
“หกส่วน!” ข้าพูดคล้ายออกคำสั่ง
“เอาจริงเหรอ?” นางถามอย่างความประหลาดใจก่อนจะพูดต่อ“เ้าแน่ใจเหรอว่าสามารถรับพลังได้ถึงหกส่วน ข้าไม่อยากทำร้ายเ้าหรอกนะ...”
“เ้าวางใจได้ ตอนนี้ข้าไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
พูดจบจึงผายมือออกเผยให้เห็นกระบี่คมจันทราที่แผ่ซ่านพลังอันแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนออกมา แม้แต่ตั้นไถเหยาและซูเหยียนต่างก็ดูออก
“เอาอย่างนั้นก็ได้” ซูเหยียนรับคำก่อนจะเรียกอาวุธิญญาออกมาร่างของนางรวมพลังไว้หนักแน่น และค่อยๆ แผ่พลังซึ่งแสดงให้เห็นว่านางได้ฝึกฝนวิชาลมหายใจัถึงระดับเซียนของขั้นที่หกแล้ว!นึกไม่ถึงว่านางจะมีพัฒนาไม่ต่างจากข้าเท่าไร
ไม่เพียงเท่านั้นนอกจากพลังของวิชาลมหายใจัยังมีพลังอื่นที่แข็งแกร่งจนเกิดเปลวไฟลุกโชนสว่างไสวดูเหมือนจะเป็วิชาประจำตระกูลอย่างวิชาเมฆาเพลิงัหนึ่งในสุดยอดวิชาของใต้หล้าปรากฏออกมาด้วยนี่คงเป็เหตุผลว่าทำไมตระกูลซูยังคงยืนหยัดมาได้อย่างมั่นคงและยาวนานในแผ่นดินใหญ่หลงหลิงเพราะเคล็ดวิชานี้นี่เอง
ซูเหยียนมองข้าแล้วพูดขึ้นเสียงเบา“ปู้อี้เชวียน ถึงแม้ข้าจะเรียนวิชานี้ได้เพียงขั้นที่สามแต่เ้าก็ต้องระวังตัวหน่อยแล้วกัน...”
“รู้แล้ว เข้ามาได้เลย!”
ข้ากระชับดาบให้มั่นรวบรวมพลังให้หนักแน่นและแผ่พลังลมหายใจัขั้นที่หกระดับเซียนออกมาเมื่อลอบมองแววตาที่ประหลาดใจคู่นั้นจึงได้รู้ว่านางก็แอบใกับพัฒนาการของข้าอยู่เหมือนกัน
“เอาแล้วนะ!”
ซูเหยียนร้องเสียงดังก่อนจะพุ่งมาพร้อมกับกระบี่ในมือด้วยวิชาเมฆาเพลิงักระบวนท่าที่หนึ่งอย่างระบำเพลงกระบี่ถึงจะดูนุ่มนวลแต่กลับมีพลังมหาศาลจนคู่ต่อสู้ยากจะหลบหลีกและต้องเข้าประจันหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้
จริงๆแล้วเมื่อก่อนที่ซูเหยียนประลองกับข้าต่างก็คอยปิดบังความสามารถที่แท้จริงของตัวเองมาโดยตลอดไม่เสียแรงที่เป็ถึงลูกสาวของเทพศาสตราวุธซูซีเฉิง!
ข้าเริ่มใช้พลังของเคล็ดวิชาาอย่างไม่ลังเลทำให้รอบๆ กระบี่ส่งพลังที่ดุจดั่งคลื่นทะเลออกมาจาก ‘พลังนทีเชี่ยวระดับเซียน’เพื่อเตรียมปะทะกับพลังของซูเหยียน
ตูม!!!
พลังทั้งสองเข้าปะทะกันจนเกิดเสียงดังสนั่นข้าถอยร่นออกไปไกล ต่างจากซูเหยียนที่ขยับออกไปเพียงก้าวเดียว แสดงให้เห็นว่าพลังนทีเชี่ยวคงยังไม่เพียงพอ!
พลังจากจินตานที่ยังไม่ได้รับการสลายภายในร่างกายกำลังไหลเวียนอย่างวุ่นวายราวกับพลังที่ไร้ผู้
“เอาอีกไหม?” ซูเหยียนที่เห็นว่าข้ามีสีหน้าที่ไม่ดีนักถามขึ้นด้วยความเป็ห่วง
“มาสิ!” ข้าพยักหน้า
ซูเหยียนพยักหน้าตอบก่อนจะพุ่งปราดเข้ามาพร้อมกับกระบี่ที่ยังคงความร้อนจากเปลวเพลิงจนสามารถมองเห็นรูปร่างหงส์กำลังโบยบินอยู่ท่ามกลางไฟที่ลุกไหม้ก่อนพลังจากกระบวนท่าที่สองอย่าง ‘ระบำเพลิงมรกต’จะกลายเป็ห่ากระบี่ตกลงมาจากฟากฟ้า
หนามยอกต้องเอาหนามบ่งนางใช้พลังที่แข็งแกร่งเท่าไร ข้ายิ่งต้องใช้พลังที่แกร่งกล้ายิ่งกว่าเท่านั้นข้ากระชับกระบี่ไว้แน่น เพียงชั่วพริบตาพลังจากเคล็ดวิชาาขั้นที่สองในระดับเซียนอย่างกระบวนท่าอาชาทะยานฟ้าก็พุ่งเข้าโจมตีพลังของซูเหยียนให้ร่วงหล่นลงมา
แกร๊ง!
อาวุธิญญาสองทั้งสองเข้าห้ำหั่นจนเกิดเสียงดังแสบแก้วหูแขนทั้งสองข้างที่รองรับพลังมันปวดร้าวเกินต้านทานในตอนนี้ข้าจึงได้รู้ถึงความน่าเกรงขามของพลังเมฆาเพลิงัหากซูเหยียนใช้พลังอย่างเต็มที่ ข้าต้องได้รับาเ็สาหัสแน่นอน แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ง่ามนิ้วก็ได้รับแรงสั่นะเืจนปริแตกและมีเืไหลเรื่อยลงมาตามกระบี่
“เ้าาเ็หนักแล้วนะปู้อี้เชวียน อย่าสู้ต่ออีกเลย!” ซูเหยียนพูดปราม
“ไม่!”
ข้ายกมือซ้ายขึ้นห้าม“ซูเหยียน จู่โจมต่อ! ตอนนี้ข้ายังไม่ถึงขีดสูงสุดเพราะปลาหลีฮื้อหลงหลิงที่เพิ่งกินไปช่วยรักษาแผลได้ ฉะนั้นอาการาเ็เล็กๆน้อยๆ ข้าทนได้ เ้ารีบลงมือเร็วเข้า!เพราะการโจมตีของเ้าจะช่วยสลายจินตานในตัวข้า”
ซูเหยียนพยักหน้ารับก่อนจะพูดเตือน“เ้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน!”นางยังคงยืนอยู่ที่เดิมแต่พลังในตัวยังคงแผ่ออกมาเรื่อยๆไม่กี่อึดใจอากาศรอบตัวก็กลายเป็ัตัวใหญ่แหวกว่ายไปในอากาศ จากนั้นลานกระบี่จึงกลายเป็สนามเพลิงนางปรับทิศทางของกระบี่จากคราวก่อน และแน่นอนว่าข้าไม่สามารถรับมือได้
ซูเหยียนกวัดแกว่งไปในอากาศถึงสามครั้งจนเกิดเป็เส้นลำแสงสีขาวและแสงของคมกระบี่กลายเป็สีเืที่มีพลังิญญาพุ่งทะลักออกมานี่คือขั้นที่สามของเพลงกระบี่เมฆาเพลิงั
มันมาแล้วจริงๆด้วย!
เช้ง!เช้ง! เช้ง!
กระบวนท่านี้เคยโด่งดังไปทั่วหล้าเมื่อหลายร้อยปีก่อนขณะนั้นนักกระบี่พเนจรไร้ชื่อเสียงอย่างซูเทียนหลินได้ใช้กระบวนท่านี้สังหารเ้าเมืองิหัวจงผู้ฝึกฝนิญญาขั้นผู้พิทักษ์ระดับดาวอย่างเริ้นทงไห่จนชื่อเสียงโด่งดัง เพลงกระบี่ระบำทิวากาลจึงเป็ที่รู้จักไปทั่วแคว้นแผ่นดินหลงหลิงเพียงต่อสู้กันครั้งเดียวก็สั่นะเืไปทั้งหลงหลิงจึงไม่มีใครไม่รู้จักเขาผู้นี้
ส่วนเพลงกระบี่ที่ซูเหยียนใช้อยู่ตอนนี้แม้จะมีฝีมือและพลังน้อย แต่พลังิญญากลับมีมากกว่า ยิ่งทำให้ข้ารู้สึกเหมือนตกอยู่ในกรงเหล็กที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงไร้ซึ่งหนทางหลบหนีนอกจากยืนหยัดเผชิญหน้าเท่านั้น!
หวึ่งหวึ่ง หวึ่ง...
กระบี่คมจันทราส่งเสียงออกมาราวกับรู้สึกถึงความสุขและความท้าทายนานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ซึ่งข้าไม่มีทางถอยหลังเช่นกัน!กัดฟันสู้และเรียกพลังขั้นที่สามของเคล็ดวิชาาออกมา... เมฆาลายั!
ไอหมอกแตกออกเป็ชั้นๆเผยให้เห็นเค้าโครงของพลังัแกร่งอยู่รางๆกระบี่ถูกกวัดแกว่งอย่างรวดเร็วด้วยกระบวนท่าของเพลงกระบี่วายุเพื่อป้องกันการโจมตีทุกทิศทางพลังและเพลงกระบี่ทั้งสามของข้าจะคอยสกัดกั้นการโจมตีรอบทิศทางเพราะเพลงกระบี่ระบำทิวากาลที่นางใช้เหมือนดั่งเปลวเพลิงที่พุ่งเข้ามาอย่างไร้การควบคุมแต่เมื่อข้าเปิด่โหว่ให้เมื่อไรพลังนั้นก็พร้อมจะเจาะเข้ามาเหมือนหัวสว่านที่พร้อมจะเอาชีวิตข้าไปได้ทุกเมื่อ
เสียงปะทะกันของกระบี่ทั้งสองเล่มยังคงดังขึ้นไม่หยุดไม่นานข้าจึงสกัดกั้นการโจมตีได้กว่าสิบครั้งและทุกครั้งจะสลายหายไปพร้อมกับพลังที่ข้าส่งออกไปทว่าการโจมตีจากทั่วสารทิศเป็ดั่งเวทมนตร์แห่งเปลวเพลิงสถานการณ์ตอนนี้เหมือนข้าเป็หมากตัวหนึ่งบนกระดาน หากเดินผิดเพียงก้าวเดียวก็จะพ่ายแพ้อย่างน่าเสียดาย
ปั้ก!!!
หน้าอกสั่นสะท้านจากแรงกระแทกคล้ายกับถูกหมัดที่มีพลังกว่าพันชั่งซัดจนปลิวไปหลายเมตรก่อนจะตามมาอีกหนึ่งหมัดทำให้ลมปราณในร่างกายวุ่นวายไปหมด “ปู้อี้เชวียน!”ซูเหยียนชะงักก่อนจะสลายพลังแล้วรีบเข้ามาพยุง และถามอย่างเป็ห่วง“เ้า...เ้าเป็อย่างไรบ้าง?”
แพ้ไปอย่างราบคาบ...
ข้านั่งชันเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้นความรู้สึกที่จุกอยู่ในอกจนพูดไม่ออกเมื่อรับรู้ได้ถึงพลังของจินตานที่กำลังจู่โจมอยู่ภายในเปลือกตาปิดลงเพื่อใช้ตาทิพย์ส่องดูจึงเห็นว่าตรงมุมมีรอยแตกร้าวเป็สัญญาณบอกว่าใกล้จะสลายตัวแล้ว!ทว่าพลังกระตุ้นจากภายนอกคงยังไม่เพียงพอ เพราะเป็จินตานของสัตว์ิญญาระดับหกซึ่งมีพลังแข็งแกร่งมากกว่าข้าหลายเท่า
ข้าส่ายหน้าก่อนจะเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้น“ไม่เป็ไร แต่วันนี้คงสลายจินตานไม่ได้แล้วล่ะ”
“ขอโทษด้วยจริงๆ เพราะข้ายังไม่ชินกับพลังของเพลงกระบี่เมฆาเพลิงัจึงควบคุมพลังได้ไม่ดีพอจนทำให้เ้าได้รับาเ็...” นางอธิบายด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ข้าต้องขอโทษจริงๆ...”
ข้าพยายามใช้กระบี่คมจันทราดันตัวเองให้ลุกขึ้นก่อนจะบอกไป“เป็ข้าที่สมัครใจเอง ส่วนเ้าก็แค่ช่วยข้าเท่านั้นและเป็เพราะข้าไม่ได้พยายามมากพอก็เลยทำให้สลายจินตานในตัวไม่ได้สักที”
ตั้นไถเหยาที่ยืนอยู่ข้างๆขมวดคิ้วขึ้นเล็กๆ “ปู้อี้เชวียน ข้าว่าเ้าฝึกฝนแบบอันตรายเกินไปทำแบบนี้อาจจะตายเอาได้นะ เ้าควรจะรักษาสภาพร่างกายบ้างเพราะข้ากับเสี่ยวเหยียนไม่อยากเสียเพื่อนอย่างเ้าก่อนเวลาอันควรเกิดเ้าเป็อะไรขึ้นมาพวกเราจะไปหาความสนุกแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก...”
ข้ามองนางแบบหมดคำพูด
ซูเหยียนหัวเราะออกมาคิกคักก่อนจะถามขึ้น “แล้วนี่าแของเ้าจะหายดีเมื่อไร?”
“ข้ามีปลาหลีฮื้อหลงหลิงที่คอยฟื้นฟูอยู่ พรุ่งนี้เช้าก็น่าจะดีขึ้นแล้วล่ะแล้วทำไมอยู่ๆ เ้าถึงถามแบบนี้ล่ะ?”
ซูเหยียนสีหน้าลำบากใจแต่สุดท้ายก็ยอมพูดออกมา“คือว่าแบบนี้...ห้องของพวกเรากำลังมีกิจกรรมฝึกฝนศิษย์ใหม่ ข้า อาเหยา เชวียหรานและถงเอ๋อร์ อยู่กลุ่มเดียวกัน แต่กลุ่มหนึ่งจะต้องมีห้าคน และอาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่าต้องหาคนที่อยู่ระดับต่ำกว่ามาเป็ตัวสำรองถึงจะครบคนข้าก็เลยนึกถึงเ้าซึ่งเป็เตรียมศิษย์สำรอง แม้จะเข้าร่วมประลองไม่ได้แต่ช่วยแบกของให้พวกเราได้นะ เ้าว่าอย่างไร?”
“แบกของ?”
ข้าถึงกับมึนเมื่อเจอคำพูดของนาง“ข้าแข็งแกร่งขนาดนี้เ้าให้ข้าไปแบกของเนี่ยนะ?”
ซูเหยียนหลุดขำออกมาแล้วแสดงสีหน้าอวดเก่ง“เ้าเก่งได้เท่าข้าไหมล่ะ?”
ได้ยินแบบนี้ทำให้นึกถึงความน่ากลัวของพลังจากเพลงกระบี่เมฆาเพลิงัที่นางใช้ไปเพียงหกส่วนเท่านั้นจึงส่ายหัวเป็คำตอบก่อนจะถามขึ้น “ก็ไม่...งั้นก็ตกลง ข้าแบกของเองแล้วจะไปที่ไหน ออกเดินทางเมื่อไร?”
ตั้นไถเหยาว่าพลางยิ้ม“ออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า จุดหมายคือหุบเขาหลิงหยุนชั้นที่สิบ เก้า แปด และเจ็ดแต่จะไม่เข้าไปในที่ที่อันตรายซึ่งพวกเราจะต้องอยู่ที่นั่นสามวัน หากเ้าตกลงข้ากับเสี่ยวเหยียนจะไปลงชื่อให้ และพรุ่งนี้หกโมงเช้าจะเริ่มออกเดินทางอย่าลืมเตรียมของจำเป็ของเ้าไปด้วยล่ะ” เมื่อได้ยินแบบนั้นข้าก็นึกอะไรดีๆ ออกมาการโจมตีของซูเหยียนทำให้จินตานของข้าสลายไปไม่ได้ แล้วการโจมตีของสัตว์ิญญาล่ะ? บางทีสถานที่ที่อันตรายถึงชีวิตอาจเป็สถานที่ที่ทำให้ข้าเหมือนได้เกิดใหม่และบรรลุการบำเพ็ญขั้นประกายจิตอย่างรวดเร็วก็ได้ โอกาสดีๆอย่างนี้ข้าจะพลาดได้อย่างไรกัน!
พอนึกได้แบบนี้ข้าก็พยักหน้าตกลง“ข้าตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้เช้าจะไปกับพวกเ้า!”
“อืม! คำไหนคำนั้น ใครปล่อยให้คนอื่นรอเก้อคนนั้นเป็เ้าตูบ!”