โหยวเสี่ยวโม่รู้สึกว่ามีใครมารับร่างตัวเองไว้ มองไปเห็นหลิงเซียวก่อนที่จะสลบไป
ใช้พลังปราณเกินขีด? หลิงเซียวดูสถานการณ์ออกในพริบตาเดียวก่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาไม่ได้เชี่ยวชาญเื่การหลอมโอสถมากนัก แต่ก็รู้ว่าโดยปกตินักหลอมโอสถตอนหลอมยา จะสามารถรับรู้พลังปราณของตัวเองว่ายังเหลือเท่าไร เมื่อรู้ว่าเหลือน้อยก็จะหยุดพักการหลอมไว้สักครู่ แล้วค่อยเริ่มใหม่ ไม่งั้นจะเกิดผลข้างเคียงบางอย่างขึ้นได้
อย่างเช่น พลังปราณขาดแคลน ฟื้นฟูพลังไม่ได้ชั่วคราว หรือร่างกายบอบช้ำ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ทว่าโหยวเสี่ยวโม่กลับปล่อยใช้พลังปราณเกินขีดเพียงเพื่อการหลอมยาเซียนตัน
หลิงเซียวมิอาจเข้าใจได้ จากนั้นอุ้มเขาขึ้นมา ตัวเบากว่าที่หลิงเซียวคิด เมื่ออุ้มวางบนเตียงแล้ว หลิงเซียวพลันเห็นเม็ดยาเซียนตันในมือที่กำแน่นอยู่ เพราะยาเม็ดนี้น่ะหรือ
จากนั้นค่อยๆ แกะนิ้วออกทีละนิ้ว และหลิงเซียวก็ได้ยามาอยู่ในมือเขา
ก็ยาเซียนตันขั้นหนึ่งธรรมดาทั่วไป ความเข้มข้นของพลังปราณยังไม่เท่ากับถิ่นพำนักเก่าของเขาเลย
ทว่า
เม็ดนี้ต่างกับที่เขากินเมื่อวาน บริสุทธิ์มากกว่า กลมกล่อมกว่า ที่สำคัญคือ สิ่งสกปรกน้อยกว่าเมื่อวานเยอะมาก นี่ทำให้เขาถึงขั้นประหลาดใจ เ้าศิษย์น้องคนนี้มีแต่เื่ที่ทำให้เขาแปลกใจได้ทุกเมื่อสินะ
หลิงเซียวหลับตาพร้อมโยนเม็ดยาเซียนตันเข้าปาก เคี้ยวไม่กี่ทีแล้วกลืนลงท้อง
สรุปคือ ยาที่โหยวเสี่ยวโม่สู้ใช้พลังปราณจนเกินขีดจำกัดหลอมออกมานั้น กลับโดนเขากินไปทั้งอย่างนี้หรือ
เสียงครางอย่างพอใจในลำคอ หลิงเซียวรู้สึกว่านี่เป็ยาเซียนตันที่อร่อยที่สุดั้แ่ได้กินมา ยานี้จุพลังปราณไว้ไม่เยอะ แต่กลับบริสุทธิ์ หอมหวนกลั้วอยู่ในลำคอ เขาไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายไปทั่วร่างแบบนี้มานานแล้ว
เมื่อกินเสร็จ หลิงเซียวเดินไปยังโต๊ะไม้
โต๊ะเรียบง่ายนั้น มีขวดยาสามขวดกับเศษหญ้าเซียนวางกระจัดกระจาย ในขวดบรรจุด้วยเม็ดยากว่าสิบเม็ด หลิงเซียวกวาดตามอง แบ่งเป็สิบถึงสิบห้าเม็ดไม่เท่ากัน เขาชิมอย่างละเม็ด แล้วก็ขมวดคิ้ว รสชาติไม่เหมือนกันเลยนี่นา อีกทั้งยังไม่อร่อยเท่าเม็ดเมื่อครู่ด้วย
หลิงเซียวสั่นวูบวาบชั่วครู่ จากนั้นก็พุ่งความสนใจไปยังโหยวเสี่ยวโม่ที่อยู่บนเตียง
รูปร่างเปราะบาง ลำคอยาวระหง แค่เขาออกแรงนิดเดียว ก็ทำให้เขาคนนี้หายไปจากโลกนี้ได้เลย แต่คนที่อ่อนแอจนถึงขั้นไม่มีใครเอ่ยถึงกลับหลอมยาที่ทำให้เขาติดใจได้ทันที สถานการณ์เช่นนี้ แม้จะเป็นักหลอมโอสถขั้นสูงก็ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกเช่นนี้มาก่อน
อดไม่ได้ที่จะพูดว่า เขายิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกสนใจเขาเข้าแล้วสิ
เห็นแก่ที่เ้าหลอมยานั่น จะช่วยเ้าสักครั้งก็แล้วกัน
หลิงเซียวโน้มตัวลง ดูจากข้างหลัง เหมือนกับว่าเขากำลังทับอยู่บนตัวโหยวเสี่ยวโม่ มือหนึ่งช้อนคางเขาขึ้นมา แล้วผายปอดผ่านช่องว่างให้เขา
พลังที่ส่งไปนั้นช่างน่าอัศจรรย์ จากโหยวเสี่ยวโม่ที่หลับตาอยู่ ทันใดลูกตาก็กระตุก ไม่กี่อึดใจก็ค่อยๆ ลืมตา ใบหน้าใหญ่อยู่เบื้องหน้าเขา ถึงแม้จะหล่อเหลา แต่ก็ทำเอาสะดุ้งเฮือก
โหยวเสี่ยวโม่ตัวเกร็งพยายามซุกหัวลงใต้หมอน “จะๆ เ้า จะทำอะไรน่ะ?”
หลิงเซียวเห็นเขาหวาดกลัว มุมปากฉีกยิ้ม “เมื่อครู่เ้าสลบไป ข้าก็เลยผายปอดให้เ้า”
“ผายปอด?” โหยวเสี่ยวโม่เสียงสูง ทำตาโตยากที่จะเชื่อ จากนั้นเอามือปิดปาก ด้วยท่าทางอย่างกับถูกเอาเปรียบ ทำเอาหลิงเซียวชอบใจ
“ปฏิกิริยาของเ้านี่มันอะไรกัน” หลิงเซียวถาม
โหยวเสี่ยวโม่หลบตาอย่างเขินอาย“ไม่ ไม่มีอะไร”
โกหก หลิงเซียวเห็นท่าที ‘เ้ารังแกข้า’ ของโหยวเสี่ยวโม่ “ศิษย์น้องเล็ก เด็กดีไม่ควรพูดปดนะ”
ข้าไม่ใช่เด็กซะหน่อย
โหยวเสี่ยวโม่พึมพำในใจ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงถามกลับ “ศิษย์พี่หลิน ท่าน ท่านผายปอดให้ข้ายังไงเหรอ” ถามจบ ไม่รอให้หลิงเซียวได้ตอบ เขาก็หน้าแดงเสียเองนี่ เขาก็ไม่ได้อยากคิดไปเอง แต่คำว่า ผายปอด มันก็ทำให้คิดไปไกลอยู่แล้ว
หลิงเซียวจ้องหน้าเขา จนโหยวเสี่ยวโม่หน้าแดงก่ำราวกับเืจะพุ่งออกมา มุมปากที่ค่อยๆ โค้งสูงขึ้นเอ่ยแ่เบา “ก็ต้องปากต่อปากสิ”
โหยวเสี่ยวโม่ตะลึงงันราวกับสายฟ้าฟาดกลางวันแสกๆ ในสมองวนอยู่แต่กับคำว่า ‘ปากต่อปาก’ สามคำนี้
ฮือออ ครั้งแรกของเขา สูญไปแบบนี้เนี่ยนะ แถมยังเสียให้กับผู้ชายด้วย
ท่าทางของเขา ทำเอาหลิงเซียวยิ่งมองยิ่งติดใจ เป็ครั้งแรกที่เจอคนที่แสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้หลากหลายเช่นนี้
แม้จะรู้สึกขำ แต่หลิงเซียวก็ยังไม่ลืมธุระที่แท้จริง พร้อมเอ่ยต่อ “ศิษย์น้องเล็ก ไม่มีใครบอกเ้าเลยหรือ อันตรายของการใช้พลังปราณเกินขีดจำกัด”
“เอ๊ะ?” โหยวเสี่ยวโม่เงยหน้ามอง สีหน้าเซื่องซึม ขาดก็แค่น้ำตาไหลพรากสองข้าง
หลิงเซียวเอนตัวขึ้นมานั่งอยู่ข้างเตียงพร้อมอธิบาย “ที่เ้าสลบไปเมื่อครู่ ก็เพราะว่าเ้าใช้พลังปราณเกินขีด อย่าบอกข้านะ ว่าเ้าไม่รู้สึก”
สิ้นเสียง โหยวเสี่ยวโม่ก็ลุกพรวดพราดขึ้นมา “ใช่สิ ยาของข้าล่ะ”
พูดจบก็รีบะโลงจากเตียงเพื่อหาเม็ดยา ขวดยาบนโต๊ะหลิงเซียวไม่ได้แตะ เพียงแต่ชิมไปเม็ดเดียว โหยวเสี่ยวโม่ตรวจดูไม่ทันสังเกต เพราะเขาไม่ได้จะหายาพวกนี้ แต่เป็ยาเม็ดสุดท้ายที่หลอมได้ต่างหาก
แต่ไม่ว่าจะหาอย่างก็ไม่เจอ
โหยวเสี่ยวโม่นึกย้อนไปจำได้ว่า ก่อนที่จะล้มลง เขากำยาเซียนตันเม็ดนั้นไว้ในมือนี่นา
ทันใดนั้นโหยวเสี่ยวโม่หันขวับเหมือนมีญาณทิพย์ ก็เจอสายตาอมยิ้มของหลิงเซียวเข้าอย่างจัง ท่าทีเขี้ยวลากดินแฝงด้วยความพออกพอใจ
ท่าทีแบบนี้ โหยวเสี่ยวโม่เกลียดที่สุด เพราะในคืนนั้นที่เมืองเหอผิง ตอนที่หลิงเซียวกินยาเซียนตันทั้งหมดของเขา ก็ท่าทีแบบเดียวกันกับตอนนี้
เมื่อเห็นโหยวเสี่ยวโม่หันขวับมามองเขาด้วยท่าทีสงสัยแบบนั้น หลิงเซียวหัวเราะร่า พร้อมกับเอ่ยอย่างอันธพาล “ถ้าเ้ากำลังหายาเซียนตันเม็ดนั้นอยู่ละก็ ขอโทษด้วยนะ ข้ากินไปแล้ว” พูดจบก็เลียริมฝีปาก นึกย้อนถึงรสชาติ
โหยวเสี่ยวโม่บอกกับตัวเอง ต้องอดทนไว้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้