ตอนบ่ายโหยวเสี่ยวโม่ไม่ได้ไปฝึกหลอมยาที่เรือนหญ้าเซียน
ก่อนหน้านี้ที่ไปเรือนหญ้าเซียน เพราะว่าพวกเขาพึ่งเข้าร่วมสำนัก หลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจ จึงต้องให้ศิษย์พี่ฟางพาพวกเขาไปยังเรือนหญ้าเซียน
ตอนนี้พวกเขารู้จักการหลอมยาแล้ว ขอเพียงมีเตาหลอม ฝึกที่ใดก็มีค่าเท่ากัน ทว่าโหยวเสี่ยวโม่ก็แวะไปเรือนหญ้าเซียนเพื่อขอหญ้าเซียนขั้นหนึ่งมาสามร้อยต้น เขารู้สึกว่าั้แ่วันนี้ไป ถึงจะเป็ภารกิจบนหนทางอันยาวไกลของจริง
แต่ที่เขาไม่รู้ก็คือ ศิษย์พี่ทั้งหลายกำลังรอเพื่อจะคาดคั้นถามเขาที่ห้องหิน แต่เขามีเหตุบังเอิญจึงเลี่ยงไปได้
เมื่อกลับถึงห้อง โหยวเสี่ยวโม่ปิดประตูแน่น จากนั้นก็เข้าสู่ห้วงเวลา
ในห้วงเวลามีสิ่งของที่เขาจัดวางไว้เมื่อวาน แต่ไม่ได้เข้ามาอีกเพราะกลัวถูกกับหลิงเซียวจับได้
เขาหยิบเมล็ดพันธุ์ขั้นหนึ่งที่ได้ฟรีจากเรือนกล้วยไม้ออกมาจากตู้ โหยวเสี่ยวโม่หว่านเมล็ดที่เขาคุ้นเคยประมาณหนึ่งในสามส่วนของดิน จากนั้นเก็บเมล็ดพันธุ์ขั้นหนึ่งเข้าตู้ และหยิบขั้นสองออกมา
ในส่วนของหญ้าเซียนขั้นสองนั้น โหยวเสี่ยวโม่สอบถามจากฟางเฉินเล่อมา
แปรงสมุนไพรที่เพาะหญ้าเซียนขั้นสองในทัพพิภพ ปลูกแต่หญ้าเซียนที่พบเห็นได้ส่วนใหญ่
อีกหน่อยถ้าเขาเลื่อนขั้นเป็นักหลอมโอสถขั้นสอง ตอนรับต้นหญ้าเซียน สามารถเลือกรับได้ตามใจ ขอเพียงแค่หลอมตัวยาออกมาได้ก็พอ
ฉะนั้นโหยวเสี่ยวโม่จึงหยิบเมล็ดพันธุ์ขั้นสองแค่แปดถุง เขาตั้งใจแค่ทดลองปลูกสองชนิด อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
เมล็ดพันธุ์แปดถุงถูกหว่านออกไปอย่างละครึ่ง พื้นที่ที่เหลืออยู่สองในสาม ตอนนี้เหลือแค่หนึ่งในห้าแล้ว
หนึ่งในห้าส่วนที่เหลือ โหยวเสี่ยวโม่กะจะใช้ปลูกหญ้าเซียนขั้นสาม
เพราะเขายังเป็แค่นักหลอมโอสถขั้นหนึ่ง หญ้าเซียนขั้นสามยังไม่ได้ใช้จึงตัดสินใจปลูกแค่นิดเดียว ที่เหลือเน้นปลูกขั้นสอง รอมีเวลา ค่อยจัดการถอนหญ้าเพิ่ม
เมื่อหว่านเสร็จ โหยวเสี่ยวโม่ก็ค้นถังน้ำขนาดกลางกับขันตักน้ำออกมาจากในตู้
ของพวกนี้ซื้อจากร้านเครื่องไม้ เพราะคิดว่าต้องรดน้ำ ฉะนั้นจึงสั่งถังน้ำกับขันมาด้วย
น้ำในทะเลสาบยังคงความใสจนเห็นก้นทะเลสาบ ไม่ว่าโหยวเสี่ยวโม่จะเหยียบย่ำอย่างไร ดินโคลนก็จะสลายไปเองราวกับมีเครื่องกรองอยู่ในตัว จากนั้นก็กลับมาใสแจ๋วเหมือนเดิม
โหยวเสี่ยวโม่เคยสงสัยถึงขั้นเอาเสื้อผ้าสกปรกลงไปซัก แต่ผลลัพธ์ก็เป็ดังที่กล่าวในข้างต้น
คราบสิ่งสกปรกพวกนั้นเมื่อจมลงก้นแล้ว ไม่นานก็หายวับไปเอง ราวกับถูกทำให้เลือนหายไป
เพราะไม่รู้สึกถึงอันตราย ฉะนั้นไม่นานโหยวเสี่ยวโม่จึงเลิกสงสัย
เมื่อตักน้ำได้เต็มถัง โหยวเสี่ยวโม่ก็หิ้วถังน้ำไปยังคันดิน ใช้ขันน้ำค่อยๆ รดน้ำ ใช้ไปทั้งสิ้นสิบเอ็ดถัง ถึงรดจนเสร็จ
เมื่อมองผืนดินเปียกชุ่ม โหยวเสี่ยวโม่ยิ้มอย่างพอใจ นี่คือผลลัพธ์ที่เขาลงแรงไปกว่าหนึ่งชั่วยาม
โหยวเสี่ยวโม่ปาดเหงื่อ แล้วเก็บถังน้ำกับขันน้ำเรียบร้อย หมุนตัวออกจากห้วงเวลา
แต่ในขณะที่เขาหันหลังนั่นเอง ผืนดินที่หว่านเมล็ดขั้นหนึ่งด้านหลังเขา ต้นกล้าก็งอกออกมาช้าๆ สีเขียวชอุ่ม ดูมีชีวิตชีวา แถมยังโอนเอนไปมาอย่างน่าประหลาด ก่อนที่จะนิ่งไปในห้วงเวลา
โหยวเสี่ยวโม่ที่กำลังออกจากห้วงเวลาไม่ได้รับรู้เื่นี้เลยแม้แต่น้อย และกำลังจะเริ่มฝึกหลอมยาอีกชนิดหนึ่ง
ยาเซียนตันชนิดนี้คือ ยาเสริมพลังปราณ เป็ยาเซียนตันขั้นหนึ่งที่หลอมยากที่สุดก็ว่าได้ มีส่วนผสมของ ดอกเจ็ดกลีบ ผลไม้หอม หญ้าใบแห้ง สามชนิดรวมกัน
ที่มันหลอมยากที่สุด ก็เพราะว่าประโยชน์หลักของมันคือสร้างพลังปราณ ซึ่งต่างกับยาผสานลมปราณ
ยาผสานลมปราณคือช่วยดูดซับพลังปราณโดยตรงจากดินฟ้าอากาศเข้าสู่ร่างของนักฝึกตน ฉะนั้นตอนที่ใช้ยานี้จะต้องเลือกสถานที่ที่พลังปราณเข้มข้น แต่ยาเสริมพลังปราณนี้ เปรียบได้กับประจุขั้วพลังปราณบริสุทธิ์ และพลังปราณพวกนี้ล้วนมาจากวัตถุดิบอย่างดอกเจ็บกลีบ ผลไม้หอม หญ้าแห้งรวมถึงบรรยากาศสถานที่ที่หลอมยานั้นด้วย
ฉะนั้นยาเสริมพลังปราณนั้นทดสอบความสามารถของนักหลอมโอสถก็ว่าได้
พลังปราณฟ้าดินยิ่งบริสุทธิ์ยิ่งดี แต่ถ้าสิ่งสกปรกมากก็หมายถึงพลังปราณไม่บริสุทธิ์
และการเพาะปลูกหญ้าเซียนทั่วไปนั้นต่างกัน จึงมีข้อบกพร่องของมันอยู่ ถึงแม้จะเป็หญ้าเซียนคุณภาพสูงก็ตาม แต่ก็จะมีสิ่งสกปรกปนอยู่ไม่มากก็น้อย
ฉะนั้นตอนที่นักหลอมโอสถทำการหลอมร้อนนั้น ยิ่งทำได้มากยิ่งดี ไม่งั้นยาเสริมพลังปราณก็จะไม่บริสุทธิ์พอ ราคาก็จะถูกลง
โหยวเสี่ยวโม่เลือกที่จะหลอมยาเซียนตันชนิดนี้ เหตุผลมีอยู่ว่า
ั้แ่เมื่อวานที่โดนหลิงเซียวตามแจจึงคิดหนักเื่นี้อยู่ตลอด
จากตอนแรกที่คิดจะอาศัยการหลอมยาเป็ช่องทางหาเงินซื้อเมล็ดพันธุ์ แต่ถ้าต้องส่งยาห้าสิบเม็ดให้หลิงเซียวทุกวัน เขาคงไม่มียาเหลือไปขายแน่ เท่ากับถูกตัดทางทำมาหากิน
เพื่อที่จะแก้ไขเื่นี้ เขาถึงได้หายาชนิดนี้มาจากในตำรา
ยาเสริมพลังปราณเป็ยาเซียนตันขั้นหนึ่งที่หลอมยากที่สุด และด้วยเหตุนี้ ราคาของมันถึงสูงกว่ายาขั้นหนึ่งทั่วไปถึงเท่าตัวโดยเฉพาะเม็ดที่บริสุทธิ์ ยาแบบนี้ราคาไม่ต่ำแน่นอน
ก่อนที่จะเริ่ม โหยวเสี่ยวโม่คำนวณ
ยาเซียนตันทุกเม็ด ถ้าคิดจากพลังปราณของเขาเอง สามารถหลอมร้อนได้สามถึงสี่รอบ
เวลาที่พลังปราณของเขาอัดแน่น เขาหลอมร้อนได้สูงสุดถึงสี่รอบ ถ้าหลังจากนั้นมากสุดได้สามรอบ แต่มันก็เกี่ยวเนื่องกับแรงต้านทานในร่างกายเขาด้วย
เมื่อคิดได้เช่นนี้ โหยวเสี่ยวโม่จึงวางเรียงหญ้าเซียนทั้งหมดบนโต๊ะ นอกจากส่วนผสมของยาเสริมพลังปราณ ยังมีส่วนผสมยาผสานลมปราณด้วย
ดอกเจ็ดกลีบ มีลักษณะคล้ายใบไม้เจ็บใบรวมกัน จึงได้ชื่อว่า ดอกเจ็บกลีบ
โหยวเสี่ยวโม่เด็ดใบทั้งเจ็ดแล้วโยนลงเตาหลอม จากนั้นหยิบผลไม้หอมสองผลที่เล็กเท่านิ้วมือและรากของหญ้าแห้ง ทั้งหมดโยนลงไป จากนั้นเขาดึงพลังปราณออกเป็สามส่วนไหลเข้าไปในร่องมาห่อหุ้มส่วนผสมทั้งสามชนิดไว้
เนื่องจากตอนนี้เขาอยู่ในจุดพลังสมบูรณ์ที่สุด จึงง่ายต่อการหลอมร้อนหญ้าเซียนทั้งสามได้ถึงสี่รอบ
ขณะที่กำลังจะยื่นมือเข้าไปหยิบ รู้สึกใจเต้นพร้อมกับสายตาที่จดจ้องร่องทั้งสามนั้น
ไม่รู้ทำไม โหยวเสี่ยวโม่กลับมีความรู้สึกบางอย่างที่คิดว่าเขาทำได้ เขาสามารถหลอมร้อนได้ห้ารอบแน่ เป็ความรู้สึกที่มาจากใต้จิตสำนึกเหมือนััที่หก สูดหายใจลึก จากนั้นตัดสินใจทำตามที่ใจเรียกร้อง และแล้วเขาก็ส่งพลังเข้าไปยังร่องเล็กเช่นเดิม
ตะวันที่อยู่ตรงเหนือศีรษะ ค่อยๆ หมุนเปลี่ยนไปทางทิศตะวันตกโดยไม่รู้ตัว
เมื่อหลิงเซียวผลักประตูเข้ามา ก็เห็นร่างคนที่ยืนหันหลังให้เขาล้มหงายหลังมา
เขาพุ่งเข้าไปรับร่างนั้น เมื่อก้มลงมอง ก็เห็นใบหน้าซีดเซียวของโหยวเสี่ยวโม่ เหงื่อไหลเต็มหน้าผาก ราวกับถูกดูดิญญาไปครึ่งหนึ่ง ร่างอ่อนยวบยาบอยู่ในอ้อมอกเขา ยาเซียนตันเม็ดหนึ่งถูกกำแน่นอยู่ในมือ