ภายใต้คำร้องขอครั้งแล้วครั้งเล่าของหลิงเยว่เซวียน อวี๋อ๋องก็ทำได้แค่ยอมกลับไปยังงานเลี้ยงอีกครั้ง ทว่า ชายาอวี๋อ๋องที่รู้สึกไม่สบายเล็กน้อยได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของบางสิ่งจนสลบไป กระทั่งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ถึงได้พบว่า สถานที่ที่ตนอยู่ ณ ขณะนี้ไม่ใช่ตำหนักเก่าในวังของสามีอีกแล้ว
นางประหลาดใจ ในใจหวาดกลัวยิ่ง แต่เมื่อนางลุกขึ้นยืนด้วยคิดจะหนีไปจากที่นี่ก็กลับได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา ก่อนจะสังเกตเห็นว่า คนที่เดินเข้ามานั้นเป็บิดาของอาซี ชายที่นางมองแล้วรู้สึกจิตใจไม่สงบ
อวิ๋นซานเองก็แสดงออกว่าประหลาดใจยิ่ง เหตุใดนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ทว่าเพียงไม่นานเขาก็ถูกกลิ่นหอมของบางอย่างที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศดึงดูดเข้า อวิ๋นซานที่เป็หมอไม่รอช้า เขารีบหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาส่งให้ชายาอวี๋อ๋องที่ยังใจนิญญาไม่อยู่กับตัว “ที่นี่ถูกโปรยยาไว้ รีบกลืนยานี่ลงไป แล้วก็รีบไปจากที่นี่เสีย”
ชายาอวี๋อ๋องไม่ได้คิดมาก รีบกลืนยาเม็ดนั้นลงไปในคอโดยเร็ว ถึงกระนั้นความรู้สึกที่ไม่อาจสงบจิตสงบใจได้ก็ยังคงอยู่ เพียงแต่ดีกว่ายามที่ตนตื่นขึ้นมาเมื่อครู่อยู่มากนัก จากนั้นก็ได้ยินอวิ๋นซานพูดต่อว่า “นี่คือหอมกินกระดูก ยาของข้าสามารถกดฤทธิ์ของพิษนี้ไว้ได้แค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้น ดังนั้น เ้าต้องรีบไปตามหาอวี๋อ๋องให้เจอภายในหนึ่งชั่วยามนี้”
คำพูดที่เหลือ เขาไม่ได้พูดต่อพร้อมๆ กับที่ความเ็ปในดวงตาไม่อาจปิดบังไว้ได้ นางเป็ภรรยาของเขาชัดๆ เป็สตรีที่เขารัก แต่ตอนนี้เมื่อต้องกำยานปลุกสวาท เขากลับทำได้แค่ให้นางไปแก้พิษกับบุรุษอื่น
สายตาของชายาอวี๋อ๋องขณะมองมายังอวิ๋นซานปรากฏความรู้สึกอันซับซ้อน ที่จริงแล้วในใจนางมีเสียงหนึ่งกำลังร้องะโให้ตนรั้งอยู่ แต่เป็นางที่สามารถกดข่มความรู้สึกนั้นกลับลงไปได้อย่างรวดเร็ว ยามนี้นางต้องรีบกลับไปหาสามีของตน นางต้องกลับไป
ดังนั้น นางจึงเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ
อวิ๋นซานมองแผ่นหลังเล็กๆ ของนางที่จากไป สีหน้าเขาปรากฏรอยยิ้มขมขื่น หากว่า...หากว่านางยังเลือกที่จะรั้งอยู่จริงๆ ต่อให้เขาจะต้องสู้จนตายก็จะแย่งนางกลับมาอยู่ข้างกายตนอีกครั้งให้ได้ เพราะเมื่อครู่นี้ไม่ใช่ว่าเขามองไม่เห็นความลังเลของนาง เพียงแต่ สุดท้ายนางก็ยังเลือกบุรุษผู้นั้น
ทางด้านอวี๋อ๋อง เพราะเป็ห่วงชายาตน ทันทีที่ไปถึงงานเลี้ยงก็สั่งให้ฮ่าวฟานไปเฝ้าอยู่ดูแลผู้เป็มารดา ทว่าตอนที่ชายหนุ่มเดินกลับไปถึงตำหนักเก่าของพระบิดากลับพบว่ามารดาไม่อยู่แล้ว เขาอดไม่ได้ให้เป็ห่วงมาก แต่ก็ไม่กล้าตามหาอย่างเอิกเกริก
เขาแอบหามารดาอยู่ข้างๆ ตำหนักอย่างเงียบเชียบ สุดท้ายก็เห็นนางเดินกลับมาในสภาพที่ไม่ดีนัก เขารีบขึ้นหน้าไปรับนาง เอ่ยถาม “เสด็จแม่ ทรงเป็อันใดไปหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”
“มีคนฉวยโอกาสตอนที่ข้าหลับอยู่นำตัวข้าออกไป ฟานเอ๋อร์ เ้ารีบไปตามเสด็จพ่อของเ้ามาเถิด รีบไป! ” เมื่อนึกถึงคำเตือนของอวิ๋นซาน ในใจนางก็แน่นอนว่าเข้าใจ ไม่ว่าจะอย่างไร หอมกินกระดูกอันใดนี่ก็คงไม่ใช่ของดีอะไร
คนพวกนั้นพานางไปที่นั่น จากนั้นก็หาทางให้อวิ๋นซานไปเช่นกัน ด้วยเื่นี้ เป้าหมายของพวกโฉดชั่วนั้นก็ชัดเจนว่า ้าให้ตนและอวิ๋นซานถูกพิษนี้เข้า หลังจากนั้นก็กระทำเื่ที่ไม่ควรกระทำที่ศาลานั่น และเมื่อถึงตอนนั้นจริงๆ อย่าว่าแต่อวี๋อ๋องเลย แม้แต่ตระกูลอวิ๋นเองก็อาจต้องได้รับผลกระทบที่ไม่ดีไปด้วย
แม้ว่าเื่การแย่งชิงอำนาจของคนในราชวงศ์ นางจะไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ เื่เช่นนี้แค่ปิดตาลงก็สามารถเข้าใจได้แล้ว โชคดี โชคดีจริงๆ ที่อวิ๋นซานรู้ว่านี่คือยาอะไร ทั้งยังมียาที่สามารถข่มมันไว้ได้ชั่วคราวอีกด้วย มิเช่นนั้นผ่านวันนี้ไป ต่อให้นางจะตายก็ไม่อาจแก้ต่างให้ทุกสิ่งกระจ่างชัดขึ้นได้แล้ว
ในเวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นซีที่เห็นว่าบิดาของตนออกไปนานเพียงนั้นแล้วยังไม่กลับมา ในใจนางก็ยิ่งเป็ห่วง จึงให้จวินเหยียนออกไปตามหา ซึ่งไม่นานหลังจากนั้นจวินเหยียนก็กลับมาพร้อมด้วยอวิ๋นซาน คนทั้งสองต่างมองไม่ออกว่ามีปัญหาใด แต่อวิ๋นซีก็ยังรู้สึกได้ว่า มีบางสิ่งที่ไม่ปกติเกิดขึ้น
ท้ายที่สุด สำหรับอวิ๋นซานแล้ว งานเลี้ยงขึ้นปีใหม่นี้ก็จบลงอย่างยากลำบาก ยามที่กลับไปถึงจวนอ๋อง อวิ๋นซานก็หาข้ออ้างเพื่อกลับไปยังห้องพักก่อน ขณะนั้นอวิ๋นซีได้แต่มองตามเงาหลังของผู้เป็บิดา จากนั้นจึงหันมาถามจวินเหยียน “ตกลงว่า เกิดเื่อันใดขึ้นกันแน่? ”
“ข้าเองก็ไม่รู้ เพราะตอนที่ข้าพบตัวท่านพ่อตา เขากำลังนั่งเหม่อลอยอยู่นอกตำหนัก” จวินเหยียนพูดเรียบๆ อันที่จริงเขาเองก็รู้สึกได้ว่าแปลกประหลาด แต่เมื่อสอบถามดู อวิ๋นซานกลับไม่ยอมบอกอันใดแก่เขา
จ้าวลี่เจียพูดขัด “ด้านนอกนี้หนาวนัก พวกเ้าพาลูกๆ กลับไปพักที่ห้องก่อนเถิด ส่วนบิดาเ้า ประเดี๋ยวข้าจะไปดูให้เอง” แท้จริงแล้วนางคิดว่า เป็เพราะอวิ๋นซานได้เจอกับหลิงเยว่เซวียนอีกครั้งในงานเลี้ยงถึงได้อารมณ์ไม่ดีนัก
และทันทีที่นางเดินมาถึงหน้าห้องตน จู่ๆ ด้านในห้องก็มีเสียงหนึ่งดังลอดออกมา “ซานเหนียง อย่าเข้ามา”
จ้าวลี่เจียได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน นางมองไปยังเหล่าสาวใช้ในสวน จากนั้นจึงกล่าวว่า “พวกเ้าออกไปเถอะ คืนนี้พวกเ้าไม่จำเป็ต้องมาอยู่เฝ้าที่นี่หรอก” คืนนี้เป็คืนข้ามปี สาวใช้และผ่อจื่อในเรือนนี้เองก็ควรจะได้ไปฉลองปีใหม่ ไม่ใช่มาเฝ้าอยู่นอกเรือนเช่นนี้
รอจนสาวใช้ทั้งหลายออกไปจนหมดแล้ว จ้าวลี่เจียก็เปิดประตูห้องเข้าไป นางเห็นอวิ๋นซานกำลังนั่งขัดสมาธิ สีหน้าซีดขาว อีกทั้งบนหน้าผากยังเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ถึงแม้ในห้องพักหลักนี้จะมีเตาไฟ ทำให้เมื่อเข้ามาแล้วจะไม่หนาวเหน็บเหมือนตอนอยู่ด้านนอก แต่ความอบอุ่นนั้นก็ไม่ถึงขนาดที่จะทำให้คนเหงื่อออกมากเพียงนี้ นางคิดจะก้าวเข้าใกล้ และเป็อวิ๋นซานที่รีบะโออกมาอย่างกะทันหันด้วยอารมณ์โกรธๆ “ซานเหนียง ออกไป”
ยิ่งเขาเป็เช่นนี้ จ้าวลี่เจียก็ยิ่งเป็กังวล “เฉินปิน เกิดเื่อันใดขึ้น? เ้าป่วยหรือ? ”
อวิ๋นซานมองนาง กล่าวตอบไปตามตรง “ข้าต้องพิษหอมกินกระดูกเข้าตอนที่อยู่ในวัง”
เมื่อจ้าวลี่เจียได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็ซีดขาวเช่นกัน “พิษจากซีอวี้...เหตุใดถึงมาปรากฏอยู่ที่นี่ได้” หอมกินกระดูก? ยาพิษที่ไม่มียาถอนพิษใดๆ ทั้งนั้น และหนทางแก้พิษก็มีเพียงต้องเข้าหาเพศตรงข้ามเพื่อปรับสมดุลหยินหยางในกายเท่านั้น หรือต่อให้จะมียาที่ช่วยข่มฤทธิ์มันลงไปได้ แต่ภายในสองชั่วยามหากไม่อาจพลิกฟ้าคว้าฝนกับใครได้ก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว
อวิ๋นซานไม่ได้อธิบายต่อ และทำเพียงเร่งรัดให้จ้าวลี่เจียจากไป เพราะตอนนี้เขาแทบจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว ก่อนหน้านี้เดิมทีเขาคิดจะไปจากที่นี่เสียเลย ลูกๆ จะได้ไม่ต้องกังวลเื่ของตน แต่ระหว่างทางที่กลับมากลับถูกจวินเหยียนจับตาดูอยู่ตลอด ทำให้เขาไม่มีโอกาสจะจากไปได้
จ้าวลี่เจียกัดริมฝีปาก สุดท้ายก็หมุนกายจากไปจนกระทั่งตอนที่นางกำลังจะเปิดประตูออกไปนั้น นางก็ถึงกับชะงักไป มือที่ควรแตะััประตูกลับเคลื่อนย้ายมาวางอยู่บริเวณผ้ารัดเอวตนอย่างช้าๆ มือสั่นเทาคู่นั้นลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่นางจะหลับตาลง และค่อยๆ กระตุกดึงเบาๆ ทำให้ผ้าผูกเอวผืนนั้นร่วงหล่นลงบนพื้น
อวิ๋นซานไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูก็ยิ่งไล่คนด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม ขณะนั้นจ้าวลี่เจียหมุนกายกลับมาเรียบร้อยแล้ว เสื้อกันลมที่คลุมอยู่บนไหล่นางเองก็ตกลงไปบนพื้นเช่นกัน เมื่อแกะผ้าผูกเอวออก เอี๊ยมด้านในสีเรียบๆ ก็ปรากฏออกมาให้เห็น
ดวงหน้านางแดงก่ำขณะมองอวิ๋นซาน ก่อนจะพูดว่า “จางเฉินปิน พวกเรามาลองอยู่ด้วยกันเถอะ ให้คนสองคนที่ได้รับาเ็จากรัก มอบความอบอุ่นให้กันและกัน” หากวันนี้นางจากไป และอวิ๋นซานไม่ได้ไปหาสตรีอื่นมาปรับสมดุลหยินหยางด้วยละก็ เช่นนั้นเขาก็คงไม่แคล้วให้ต้องตาย
หากตัดเื่อวิ๋นซีและจวินเหยียนออกไป ในใจลึกๆ ของนางเองก็ไม่อยากให้เกิดเื่ร้ายขึ้นกับอวิ๋นซาน
กว่าอวิ๋นซานจะดึงสติกลับมา จ้าวลี่เจียก็เดินมาถึงข้างกายเขาแล้ว มือของอิสตรีััใบหน้าของอวิ๋นซานเบาๆ “ข้า...”
อวิ๋นซานปัดมือนางออก พูดด้วยสติที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด “เหลวไหล ออกไปเสีย หอมกินกระดูกนี้ ถึงแม้จะรุนแรง แต่คนเยี่ยงข้าไม่ตายหรอก” เมื่อครู่ยามที่มือนางััถูกตน เขาก็เกือบจะขาดสติ
จ้าวลี่เจียเป็หมอ ทั้งยังมีวิชาแพทย์สูงส่ง แน่นอนว่านางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า คนที่ต้องพิษหอมกินกระดูกแล้วไม่ได้ปรับสมดุลหยินหยางกับเพศตรงข้ามจะสามารถรอดชีวิตไปได้ นางกัดริมฝีปาก ยื่นหน้าเข้าใกล้ จากนั้นก็ผลักอวิ๋นซานที่ร้อนรุ่มไปทั้งร่าง แต่ยังคงพยายามใช้กำลังภายในกดข่มพิษไว้อย่างเต็มกำลังให้ล้มลงไปบนพื้น
คนทั้งสองล้มลงบนพื้นไม้ และเป็จ้าวลี่เจียที่พูดขึ้น “เฉินปิน เมื่อข้าตัดสินใจไปแล้วย่อมไม่เสียใจในภายหลัง ข้าเชื่อว่า พวกเราจะเดินต่อไปด้วยกันได้ ช่วยกันปลอมประโลมแผลใจให้กันและกันได้”