บทที่ 15 อยู่ดีดีก็ได้เป็พ่อคน
อาหารเช้าของโรงอาหารมหาวิทยาลัยนั้นเรียบง่ายมาก ซึ่งก็คืออาหารประเภทโจ๊กหรือน้ำเต้าหู้
เมื่อมีคำสั่งจากเทพธิดา รูมเมทข้างกายเย่จื่อเฉินต่างก็รีบพากันไปซื้ออาหารเช้าให้ทันที บนโต๊ะจึงเหลือซูเหยียน เซี่ยเขอเข่อ และเย่จื่อเฉินเพียงสามคน
"อาเสี่ย นายไปรู้จักกับซูซูของเราได้ยังไง?"
"พวกเรา..."
เย่จื่อเฉินชำเลืองตามองไปทางซูเหยียนเล็กน้อย แต่กลับเห็นว่าเธอเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร
"ซูเหยียน คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอเธอที่นี่"
และทันใดนั้น เสียงพูดอารมณ์ดีพร้อมกับประหลาดใจก็ดังขัดขึ้น
เย่จื่อเฉินหันไปตามเสียง และเห็นฟู่เฉิงิรีบสาวเท้ามาทางโต๊ะของพวกเขา
แน่นอนว่าฟู่เฉิงินั้นเป็บุคคลทรงอิทธิพลมากคนหนึ่ง มีเื่เล่าของเขามากมายในเวทีอภิปรายของมหาวิทยาลัย
ได้ยินมาว่าพ่อของเขาเป็ประธานกลุ่มการผลิต ทางบ้านมีเงินมหาศาลจนใช้รถไฟมาขนได้เลย หน้าตาที่ออกหวานค่อนไปทางหญิงก็เป็ที่นิยมชมชอบกันในวงกว้างของนักศึกษาหญิงในมหาวิทยาลัย
แต่ก็มีข่าวลือออกมาอีกว่าฟู่เฉิงิตามจีบซูเหยียนมาตลอด แต่แค่ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่นั้นเป็ยังไงกันแน่
เมื่อชำเลืองมองไปทางซูเหยียน เย่จื่อเฉินถึงได้เห็นว่าสีหน้าของซูเหยียนไม่ได้ดีใจเท่าไร
ดูท่าว่าฟู่เฉิงิจะเจอทางตันในเื่ของซูเหยียนเสียแล้ว!
"ซูเหยียน ทำไมเธอถึงมากินข้าวเช้าที่นี่ล่ะ?"
"ฉันจะกินข้าวเช้าที่ไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย?" ในน้ำเสียงของซูเหยียนเจือไว้ด้วยความรู้สึกห่างเหิน ส่วนเซี่ยเขอเข่อก็เบ้ปากพูด "คุณชายฟู่ นายพูดแบบนี้ฉันไม่พอใจมากนะ ทำไม ซูซูมากินข้าวกับฉันที่โรงอาหารแล้วมันทำให้เขาดูไม่ดีหรือไง?"
สีหน้าของฟู่เฉิงินิ่งไป
ถ้าเป็เซี่ยเขอเข่อเขาไม่กล้ายุ่งด้วยอย่างเด็ดขาด ไม่ใช่เพราะเื้ัของฝ่ายตรงข้ามนั้นใหญ่ แต่เป็เพราะเื้ัของฝ่ายตรงข้ามนั้นลึกลับเกินไป
ปีที่พวกเขาเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย มีรุ่นพี่ปีสามอยากนัดเซี่ยเขอเข่อไปเดต
ทางบ้านของรุ่นพี่ปีสามคนนั้นก็ค่อนข้างมีฐานะ แต่เซี่ยเขอเข่อปฏิเสธ อีกฝ่ายก็เลยใช้วิธีการบังคับ
แต่หลังจากนั้น ครอบครัวของรุ่นพี่คนนั้นก็ติดคุกกันทั้งหมด จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ออกมา
หลังจากวันนั้น ในมหาวิทยาลัยก็ไม่มีใครกล้าคิดอะไรไม่ดีกับเซี่ยเขอเข่ออีกเลย
ถึงแม้จะเป็ดอกกุหลาบที่เย้ายวน แต่กลับมีหนามคมแฝงอยู่ด้วย
"ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น"
รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้าของฟู่เฉิงิ เซี่ยเขอเข่อหัวเราะในลำคอ แล้วเลิกคิ้วพูดกับเย่จื่อเฉิน
"อาเสี่ย มีคนจะแย่งซูเหยียนกับนายแล้วนะ นายจะไม่ลงมือทำอะไรเลยหรือไง!"
...
เย่จื่อเฉินหน้าเหวอไปเลย ยัยคนนี้กลัวว่าเื่มันจะไม่ลุกลามใหญ่โตสินะ
แต่ท่าทางที่โกรธจนควันออกหูนั่น แสดงให้เห็นว่าคำพูดนี้ไม่ได้แค่พูดเล่นๆ
ไม่ว่าเื้ัของฟู่เฉิงิจะเป็ใครมาจากไหน ฉันก็จะต่อต้านกับเขาด้วยกำลังที่มี!
"คุณชายฟู่ มาทำความรู้จักกันหน่อยไหม?"
เย่จื่อเฉินลุกขึ้นยื่นมือไปให้ฟู่เฉิงิ
ฟู่เฉิงิเลิกคิ้ว ไม่สนใจเขา และหันไปถามซูเหยียนแทน
"ซูเหยียน นี่มันหมายความว่าไง?"
"หมายความว่าไงอะไร ฉันก็มากินข้าวกับเขาไง ตอนนี้นายเข้าใจหรือยัง?"
ไม่รู้ว่าทำไม แต่จากคำพูดของซูเหยียนก็สามารถรับรู้ได้ถึงความเกลียดชังที่เธอมีต่อฟู่เฉิงิแล้ว
มือของเย่จื่อเฉินที่ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศก็ยกขึ้นเกาต้นคอตัวเอง แล้วเดินไปแทรกกลางระหว่างฟู่เฉิงิและซูเหยียน
"คุณชายฟู่ ไปเถอะ..."
"นายคิดว่านายเป็ใคร ถึงได้มาจองหองอวดดีต่อหน้าฉัน ตรงนี้มีที่ยืนสำหรับนายด้วยหรือไง?"
ฟู่เฉิงิเองก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว เย่จื่อเฉินเบ้ปากแล้วไหวไหล่พูด
"นายหูหนวกเหรอ ซูเหยียนก็บอกชัดแล้วว่าเขามากินข้าวกับฉัน แน่นอนว่าฉันก็ต้องมีสิทธิ์ที่จะพูด นายก็อย่ามามัวโอ้เอ้อยู่เลย เห็นกางเกงสีแดงของนายแล้วฉันกินข้าวไม่ลง"
"นาย..." ฟู่เฉิงิสีหน้าบึ้งตึง "นายพูดอีกทีสิ?"
"ฉันบอกว่าฉันเห็นกางเกงสีแดงของนายแล้วกินข้าวไม่ลง นายนี่ก็ไม่อายเลยนะ ผู้ชายตัวโตเบ้อเร่อมาใส่กางเกงสีแดง ใส่กางเกงแดงก็ว่าหนักแล้ว นี่นายยังใส่กางเกงในสีแดงอีก ทำไม นายอยากประกาศว่านายน่าสนใจหรือว่านายอยากเป็ซูเปอร์แมน?"
"ถ้านายอยากเป็ซูเปอร์แมนก็น่าจะใส่เอาไว้บนหัวเลยสิ นายจะใส่ไว้ข้างในทำไม อ้อฉันเข้าใจแล้ว นายยังไม่ได้กลายร่างใช่ไหม ้าให้ฉันหาโอกาสให้นายกลายร่างไหม?"
สิ้นเสียง เย่จื่อเฉินก็โก่งคอะโ
"พี่ใหญ่ มีคนตีฉัน..."
ทันใดนั้น กลุ่มรูมเมทก็กรูกันเข้ามายืนข้างเย่จื่อเฉินทันที
"มา กลายร่างสิ ถ้านายไม่กลายร่างล่ะก็ ซูเปอร์แมนอย่างนายก็อาจจะโดนต่อยเอาได้นะ"
"เย่จื่อเฉิน นายกล้ามากนะ"
"โอ๊ะ รู้จักฉันเหรอ แต่อย่ามาตีสนิทกับฉันสิ ก็แค่ถามว่าจะกลายร่างหรือเปล่า ไม่กลายร่างก็โดนต่อย!"
วีรบุรุษไม่ยอมก้มหัวให้ใครหรอกนะ
ที่ฟู่เฉิงิสามารถทำตัวกร่างไม่มีเหตุผลอยู่ในมหาวิทยาลัยได้ก็เพราะอาศัยพวกสุนัขรับใช้ของเขาทั้งนั้น ตอนนี้ไม่มีสุนัขรับใช้อยู่ข้างกาย แถมคนฝั่งเย่จื่อเฉินก็ยังมองเขาไม่วางตาอีก...
"ฝากไว้ก่อนเถอะ"
หลังจากที่มองเย่จื่อเฉินด้วยดวงตาดุดัน ฟู่เฉิงิก็หันหลังเดินหนีไป
"กลับดีๆ ล่ะไม่ไปส่งนะ"
เมื่อฟู่เฉิงิเดินออกไปแล้ว เย่จื่อเฉินจึงนั่งลงที่เก้าอี้อีกครั้ง
แต่เขาไม่รู้ว่าดวงตาของเซี่ยเขอเข่อนั้นเปล่งประกายระยิบระยับแล้ว ก่อนจะพูดด้วยดวงตาที่เหมือนกับจะปล่อยกระแสไฟ
"ว้าว ซูซูโชคดีจังเลย นี่อาเสี่ยคงจะโกรธจนควันออกหูแล้วสินะเนี่ย"
"หุบปากเธอไปเลย" ซูเหยียนออกแรงเขกหัวเซี่ยเขอเข่อเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับเย่จื่อเฉินด้วยสีหน้าเป็กังวล "นายต้องระวังฟู่เฉิงิไว้หน่อยนะ หมอนั่นน่ะเล่ห์เหลี่ยมเยอะมาก"
"นี่เธอเป็ห่วงฉันเหรอ?"
เย่จื่อเฉินยิ้มมุมปาก ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องที่ดวงตาของซูเหยียน
"ผีน่ะสิถึงจะห่วงนาย"
ซูเหยียนค้อนใส่เย่จื่อเฉินไปทีหนึ่ง แต่ท่าทางแบบนั้นกลับไม่ได้ต่างจากคู่รักที่หยอกล้อกันเลย
ติ๊ง!
ระดับความรู้สึกดีของคุณกับซูเหยียนเพิ่มขึ้น 30 ระดับความรู้สึกปัจจุบัน 40
เมื่อได้รับการแจ้งเตือนนี้เย่จื่อเฉินก็ระบายยิ้ม ระดับความรู้สึกดีเพิ่มขึ้นนั้นถือเป็เื่ดี เพียงแต่ไม่รู้ว่าต้องเพิ่มถึงเท่าไรคนสองคนถึงจะสามารถ...
หึหึหึ...
ทั้งโต๊ะของเย่จื่อเฉินอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความรัก แต่ทางด้านบริเวณทางเข้าโรงอาหารมีฟู่เฉิงิที่แสดงออกถึงความเกลียดจนแทบอยากจะกัดกระชากให้เป็ชิ้นๆ
"ฮวางเหมา สั่งสอนใครคนหนึ่งให้ฉันหน่อย เย่จื่อเฉิน มหาลัยเทคโนโลยีปิงเฉิง อีกเดี๋ยวฉันจะส่งรูปเข้ามือถือนาย"
อาหารเช้ามื้อนี้ถือว่าไม่เสียเปล่า แถมยังได้วีแชทของซูเหยียนกับเซี่ยเขอเข่อมาอีกต่างหาก
ที่แรกเย่จื่อเฉินคิดว่าอยากจะถือเอาโอกาสนี้นัดซูเหยียนไปเที่ยวด้วยกัน แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะตอนสายเทพธิดามีเรียน ก็เลยต้องล้มเลิกความคิดไป
เ้าพวกรูมเมทพากันกลับหอไปเล่นเกมอีกรอบแล้ว ในบรรดารูมเมทนั้นทักษะการเล่นเกมของเย่จื่อเฉินห่วยที่สุด จนบางครั้งรูมเมทของเขาก็ไม่อยากให้เขาเล่นด้วย
ในเมื่อไม่มีทางเลือก ก็เดินเล่นไปเรื่อยก็แล้วกัน
หยิบบุหรี่มวนหนึ่งออกมาคาบไว้เงียบๆ มองดูข้างทางลืมอดีตที่ผ่านไป
ทันใดนั้น เด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณห้าหกขวบก็วิ่งไปหยุดอยู่กลางถนน และมีรถส่งของคันหนึ่งกำลังขับตรงมาทางด้านหลังเธอ
ดูจากความเร็วของรถส่งของแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายจะเหยียบเบรกก็ไม่ทันแล้ว
"เวรเอ๊ย..."
เย่จื่อเฉินหยิบบุหรี่ออกจากปากโยนทิ้งลงพื้น ไม่มีแม้แต่เวลามาคิด มองเด็กผู้หญิงที่อยู่กลางถนนแล้วรีบวิ่งไป
ตึงงง
รถส่งของชนหลังเย่จื่อเฉินเต็มแรง เขาโดนชนจนกระเด็นออกไปไกลห้าหกเมตร แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นกลับโดนเขากอดแน่นอยู่ในอ้อมอก
เพล้ง!
จี้หยกที่คอแตกละเอียด เย่จื่อเฉินไม่มีเวลามาสนใจความเจ็บที่หลังด้วยซ้ำ คุกเข่าลงกลางถนนแล้ววางเด็กหญิงลงตรงหน้า
"ไม่เป็ไรนะ"
เย่จื่อเฉินลูบหัวเล็กๆ ของเด็กน้อย เด็กน้อยกระพริบตาปริบๆ หลังจากที่เอียงศีรษะมองดูเขาซ้ำๆ ประกายความดีใจในดวงตาก็ปรากฏขึ้นมาทันที แล้วพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเขาพร้อมกับพึมพำ
"คุณพ่อ!"