เมื่อหูฉางหลินเงยหน้าไปเห็นก็ใอย่างมาก บุตรของตนเองกำลังถูกคนหนึ่งกลุ่มห้อมล้อมอยู่ จึงรีบวิ่งเข้าไปข้างหน้าทันทีทันใด เบียดเข้าไปในวงล้อมเพื่อปกป้องบุตรสาว
“ท่านพ่อ!” ชุ่ยจูหลบอยู่ด้านหลังหูฉางหลินทันที
เมื่อหูฉางหลินได้เข้ามาปกป้องบุตรสาวที่อยู่ในวงล้อม กลับพบว่าอันธพาลที่ล้อมชุ่ยจูอยู่ คือชายโฉดเหลียงหู่นี่เอง เขาโกรธอย่างมากสีหน้าดำคล้ำทันที
“เหลียงหู่ ท้องฟ้าสีครามดวงอาทิตย์เจิดจ้า [1] เ้าขวางกั้นบุตรสาวข้าทำไม?”
เหลียงหู่เลิกคิ้วหนา เขาจำได้ว่าบุรุษตรงหน้าเป็ชาวบ้านที่ช่วยจ้าวเหวินเฉียงยืนคุมเชิงเขาไว้ในวันนั้น
“กล่าวว่าขวางกั้นอะไรกัน เป็บุตรสาวเ้าโผเข้ามาอยู่ในอ้อมอกพี่หู่ของพวกข้าเอง พี่หู่ยากจะปฏิเสธการเชื้อเชิญนี้ได้ ฮ่าๆ”
“ใช่ๆ พี่หู่ของพวกข้าพอใจแม่นางครอบครัวเ้า นับเป็ความโชคดีของพวกเ้าแล้ว”
“บุรุษและสตรีมีความรู้สึกดีต่อกัน เ้าเป็เพียงบิดาอย่าได้กระบองตียวนยาง [2] นะ”
“…”
อันธพาลห้าคนเ้าว่าไปคำข้าว่าไปคำ [3] หูฉางหลินฟังจนข่มความโกรธที่ปะทุขึ้นมาไว้ไม่อยู่ บุตรสาวดีๆ ของตนเอง ไม่นึกเลยว่าจะถูกอันธพาลไร้เหตุผลเหล่านี้หยอกล้อทำให้ด่างพร้อยเข้าได้
ทันใดนั้น ความโกรธท่วมท้นจนขาดสติ โถมตัวเข้าไปข้างหน้า คว้าส่วนบนเสื้อคลุมของเหลียงหู่ไว้แน่นและปล่อยหมัดออกไป
ระยะนี้หูฉางหลินทานดื่มอิ่มนอนหลับสบายดี [4] ร่างกายเต็มไปด้วยพละกำลังและกำยำแข็งแรง เหลียงหู่ไม่ทันได้สังเกตจึงหลบไม่ทัน ช้าไปหนึ่งก้าว ทำให้คางถูกต่อยไปหนึ่งหมัด
หูฉางหลินออกหมัดด้วยความโกรธสุดขั้ว ใช้แรงไปสุดกำลัง มุมปากของเหลียงหู่มีรอยเืไหลออกมาทันที
ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าเหลียงหู่ครึ้มลง ดวงตาวาวโรจน์โเี้ขึ้นมาก เขาเสียเปรียบเช่นนี้เมื่อไรกัน มือใหญ่จับมือของหูฉางหลินไว้แน่นดั่งมือเหล็กก็ไม่ปาน ยกเท้าขึ้นมาเตะทันที
“อั้ก~” หูฉางหลินร้องอย่างน่าเวทนาหนึ่งที ถูกเตะลอยออกไปสองสามก้าว
พวกอันธพาลที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์เช่นนั้น จึงเข้ามาล้อมข้างหน้าทั้งใช้มือต่อยเท้าเตะอยู่พักหนึ่ง
ไม่กี่ลมหายใจ หูฉางหลินก็ถูกล้อมทุบตีจนนอนคว่ำอยู่ที่พื้น
“ไม่... อย่าตีท่านพ่อข้า! อย่าตีท่านพ่อข้า!” ชุ่ยจูร้องเสียงแหลมตื่นตระหนก เดินไปข้างหน้าคิดจะผลักพวกคนที่ล้อมทุบตีออก
เหลียงหู่ยืนมองอยู่ด้านข้างอย่างเ็า คนก่อนที่กล้าต่อยตีเขา ได้กลายเป็กระดูกขาว [5] ในูเาไปแล้ว เ้าบุรุษบุ่มบ่ามที่ออกมาจากพื้นที่ห่างไกลความเจริญและยากจนนี่ หากอยากตายข้าก็จะช่วยให้เขาได้สมหวัง
ทันใดนั้น แขนเสื้อของเขาก็ถูกคนดึงเล็กน้อย
เหลียงหู่หันไปมอง เป็จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อ เมื่อสักครู่ชายโฉดนี่ไปเข้าห้องส้วม แต่ทุกคนไม่ได้รอเขา ตอนนี้เพิ่งจะมากลับมีท่าทางเหมือนมีคำพูดจะกล่าว
เหลียงหู่นึกขึ้นได้ จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อผู้นี้ออกมาจากหมู่บ้านวั้งหลิน หรือสองคนรู้จักกันมานานแล้ว?
“พี่หู่ พี่หู่ หยุดตีได้แล้ว ครอบครัวหูฉางหลินผู้นั้นมีเส้นสายอยู่ในเมือง” จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อหลบอยู่ข้างหลังเหลียงหู่กล่าวแล้วดึงเขาอย่างตึงเครียด
หลังจากจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อออกมาจากบ้านครั้งก่อน ได้ยืมที่พักอาศัยอยู่ในบ้านคนรับใช้ขุนนางที่รู้จักกันคนหนึ่ง เพื่อพักรักษาาแ เมื่อาแหายดีแล้วเงินก็ใช้จ่ายไปจนเกลี้ยงด้วย หลังจากนั้นได้ใช้ชีวิตไม่มีหลักแหล่งที่อยู่อาศัย เกาะผู้อื่นทานดื่มอย่างหน้าหนามาตลอดทำให้คนรับใช้ขุนนางไม่พอใจ จึงให้จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อคอยติดตามเขาไปใช้ชีวิตเกลือกกลั้วอยู่ที่บ่อนการพนัน ไปๆ มาๆ อยู่บ่อยครั้ง จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อจึงได้มาติดตามเป็ลูกน้องเหลียงหู่เพื่อขออาหารเลี้ยงปากท้องไปวันๆ
“เส้นสายอะไร?” จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อตึงเครียดเช่นนี้ ทำให้เหลียงหู่ชะงักงัน ทำอาชีพเช่นพวกเขานี้ ไม่กลัวล่วงเกินชาวบ้านทั่วไปในครอบครัวเกษตรกรชนบท แต่กลัวไม่ระวังจะไปล่วงเกินบุคคลมีชื่อเสียงเบื้องบนเข้า คนเ่าั้สามารถบดพวกเขาให้ละเอียด กดใส่เข้าไปในกองโคลนได้ด้วยปลายนิ้วทั้งห้า
“สกุลหูสนิทสนมกันกับเ้าของร้านหลิวของฝูอันถัง ก่อนหน้านี้ครอบครัวเขาย้ายบ้านใหม่ เ้าของร้านหลิวกับคุณชายของพวกเขาล้วนไปบ้านสกุลหูเพื่ออวยพรแสดงความยินดี แล้วยังมีเ้าของร้านเหนียนของสือหลี่เซียงก็ไปด้วยเช่นกัน” จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อเป็ลูกน้องของเหลียงหู่มาระยะเวลาหนึ่ง รู้ว่ามีครอบครัวใหญ่โตสูงศักดิ์ในเมืองครอบครัวไหนบ้างที่ไม่สามารถล่วงเกินได้ สกุลกู้ของฝูอันถัง สกุลเหนียนของสือหลี่เซียง อิทธิพลเื้ัของคนเ่าั้ล้วนเป็คนที่โรงพนันของพวกเขาห้ามก่อเื่ไม่ดีและล่วงเกินโดยเด็ดขาด
จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อเคยแอบกลับไปหมู่บ้านวั้งหลินอยู่สองสามครั้ง นับั้แ่รู้ว่าสกุลหูมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับสกุลกู้และสกุลเหนียนอย่างมากแล้ว เขาก็ไม่กล้าเอาชนะสกุลหูอีกเลย
“อะไรนะ!? เ้าแน่ใจ?” เหลียงหู่ใสุดขีด หมู่บ้านในเขตูเาทุกซอกทุกมุมเล็กๆ ไม่นึกเลยว่าจะมีความสัมพันธ์กับคนตำแหน่งสูงและมีอำนาจมากในเมือง แล้วยังเส้นสายไม่ใช่ผิวเผินด้วย?
“แน่ใจๆ! พี่หู่ ท่านรีบให้พวกเขาหยุดมือ หากเกิดเื่จริงๆ อาจซวยได้เลยนะ” ใบหน้าจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย หากเหลียงหู่เกิดเื่ขึ้น พวกเขาที่เป็ลิ่วล้อเล็กๆ ก็ไม่ได้รับผลดีไปด้วย
“หยุดมือให้หมด” เหลียงหู่กดความใข้างในไว้ รีบะโให้หยุดมือลง ระหว่างนั้นก็คิดว่าจะทำอย่างไรให้เื่คลี่คลายลงสักหน่อย
แต่เมื่อสักครู่เวลาเพียงไม่กี่ประโยค ลูกน้องเหล่านี้ของเขาได้ลงมืออย่างเหี้ยมโหด ทุบตีคนจนอาเจียนออกมาเป็โลหิตแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านเป็อย่างไรบ้าง?” ชุ่ยจูะโเสียงดังด้วยความเสียใจ โผเข้าไปทรุดอยู่ข้างกายหูฉางหลินคิดจะพยุงเขาลุกขึ้นด้วยสองมือสั่นเทา
ในใจเหลียงหู่ดัง “ตึกตัก” ซวยแล้ว ทุบตีจนกลายเป็เช่นนี้เกรงว่าต้องเกิดเื่แล้ว คิดไปถึงการกล่าวเตือนของผู้ควบคุมระดับสูงในโรงพนัน สติของเหลียงหู่แตกกระเจิงไปชั่วขณะ ทำอย่างไรถึงจะกอบกู้สภาพการณ์กลับมาได้หน่อยนะ?
ลูกน้องห้าคนของเขามองเหลียงหู่ที่ใบหน้าตึงเครียดอย่างไม่ทราบเหตุผล
“พี่หู่ๆ ทางนั้นมีชาวบ้านของหมู่บ้านวั้งหลินอยู่หลายคน พวกเขาต้องหามหูฉางหลินกลับไปแน่นอน ท่านเลี่ยงไปก่อน ทำเป็เพียงการต่อยตีกันธรรมดา หากพวกเขาไปฟ้องร้องท่านก็แกล้งทำไม่รู้เื่ ไม่ใช่ว่ากันว่าผู้ไม่รู้ไม่ผิดหรือ ถึงตอนนั้นท่านค่อยไปขอโทษแสดงความสำนึกผิดสักรอบ พวกเขาคงจะไม่ทำอะไรท่านกระมัง” จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อยังคงหลบอยู่ข้างหลังเหลียงหู่แล้วออกความคิดเห็นให้เขา จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อกลัวว่าหัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านวั้งหลินจะเห็นตัวเองแล้วมาคิดบัญชีที่เขา เช่นนั้นต้องโชคร้ายมากเป็แน่
เหลียงหู่ดวงตาประกายวาบ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ก็ไม่ใช่เพราะเหตุนี้หรือ? ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหูฉางหลินผู้นี้คือใคร อีกอย่างเป็เขาที่ลงมือต่อยตีคนก่อน ตัวเขาเองตอบโต้ป้องกันตัว แค่ลงมือหนักไปหน่อยเท่านั้นเอง ถึงเวลาเขาตระเตรียมของขวัญหนักๆ สักชุดไปขอโทษ เื่ก็ไม่ใช่ว่าปกปิดลงไปได้แล้วหรือ
“ทุกคนไปกัน ทุบตีเขาไปทีหนึ่งแล้วก็พอได้แล้ว ผู้ใดให้เขาต่อยข้าหนึ่งหมัดอย่างไม่มีเหตุผลกัน รอบนี้ถือว่าไม่ติดค้างกันแล้ว” เหลียงหู่จงใจเชิดคางฟกช้ำเล็กน้อยขึ้น
ทำท่าทางเพียงพอแล้ว จึงนำทางลิ่วล้อน้องเล็กหนึ่งกลุ่มเดินจากไป
ชาวบ้านไม่กี่คนที่รู้จักหูฉางหลินรีบเข้าไปรุมล้อม ทั้งร้องะโ ทั้งประคอง และแบก เวลาไม่นานก็แบกหูฉางหลินมาถึงบนเกวียนที่เขาหยุดฝากไว้หน้าประตูเมือง
จ้าวต้าซานสามารถขับเกวียนได้ จึงรีบเร่งตลอดทางนำคนกลับมาส่งที่บ้าน
“ตัวเรือดในบ่อโคลน ยังคิดอยากจะได้พี่รองของข้าอีก เชอะ รออยู่ในบ่อโคลนส่งกลิ่นเหม็นของเ้าต่อไปเถอะ”
ในตาเจินจูไหววูบเ็า อุ้มเสี่ยวเฮยขึ้น ชี้ทางเลียบเส้นทางูเาและกระซิบข้างหูกับมันพักหนึ่ง
“หง่าว” เสี่ยวเฮยขานรับอย่างเนือยๆ
เจินจูไม่วางใจ เลยกระซิบข้างหูอีกครู่หนึ่ง
จนกระทั่งสีหน้าของเสี่ยวเฮยแสดงออกมาอย่างรำคาญ เจินจูจึงหยุดปากอย่างขัดเคือง
หนึ่งคนหนึ่งแมวเดินกลับไปหมู่บ้านเหลียงผิง เมื่อพบเห็นชาวบ้านเดินมาแต่ไกลๆ ก็เลี่ยงออกไป นางกำลังแอบวิ่งเข้าไปสำรวจพื้นที่ทั้งหมดของหมู่บ้าน และไม่อยากให้คนเห็นเข้า ตอนนี้สายตานางดีอย่างมาก ตลอดทางเลี้ยวตะวันออกโค้งตะวันตกออกมาจากหมู่บ้าน ไม่บังเอิญเจอชาวบ้านเลยสักคน
เมื่อวานตอนบ่าย เื่ของหูฉางหลินถูกทุบตีแพร่เข้ามาถึงหมู่บ้านเหลียงผิง เฝิงซื่อพาเหลียงชิงซานบุตรชายคนเล็กวิ่งไปเยี่ยมลูกเขยทันที พอเห็นท่าทางยับเยินของหูฉางหลินแล้ว ก็โกรธจนด่าเหลียงหู่อย่างชี้ฟ้าท้าดินพักหนึ่ง แน่นอน นางก็แค่กล้าด่าลับหลังเท่านั้น อย่างไรเสียเหลียงหู่ที่จิตใจชั่วร้ายโเี้แม้แต่มารดาของเขาเองก็กล้าทุบตี
หลังโอดครวญด่าฟ้าดินพักหนึ่ง จึงไปเยี่ยมเหลียงซื่อที่เริ่มเจ็บหน่วงท้อง นางกำลังนอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ
ตอนแรกที่เหลียงซื่อได้เห็นสามีของตัวเองที่ถูกตีเกือบตายหามกลับมาบ้าน นางใหายใจหอบกระชั้นจนเป็ลมไป หวังซื่อที่ยืนอยู่ข้างกายนางประคองไว้ด้วยปฏิกิริยารวดเร็ว พลิกนางขึ้นแล้วหามกลับมาบนเตียง ะโเรียกท่านหมอมา ตรวจสภาพอาการาเ็ของบุตรชายเสร็จ ยังต้องตรวจภรรยาของบุตรชายอีกด้วย
หวังซื่อต้มสมุนไพรอยู่ห้องครัว ชุ่ยจูยังใกลัวอยู่ตลอด โดยมีเจินจูคอยปลอบขวัญอยู่ข้างกาย
เหลียงชิงซานมองรอยแผลทั่วกายของน้องเขย จึงทอดถอนใจด้วยความเศร้าและอยู่เป็เพื่อนชายชราสกุลหูกับหูฉางกุ้ย ระหว่างนั้นกล่าวถึงพฤติกรรมชั่วร้ายของเหลียงหู่ที่หมู่บ้านเหลียงผิงของพวกเขาไม่หยุดปาก
“ตอนนี้เหลียงหู่มักอาศัยอยู่ในเมือง สามสี่วันจึงจะกลับบ้านหนึ่งครั้ง เขายังเลี้ยงม้าไว้ตัวหนึ่งด้วย ไปไหนมาไหนจะควบเร็วมาก ทุกครั้งที่เห็นม้ารีบมุ่งกลับมาบนถนนทางการ ส่วนมากก็เป็เหลี่ยงหู่ที่กลับมาในหมู่บ้าน ทุกคนจะรีบแตกกระเจิงทันที”
“มีครั้งหนึ่ง เหลียงต้าจู้คนในหมู่บ้านเดียวกัน ไม่ได้ตั้งใจจะขวางทางเขาไว้ ชายโฉดผู้นั้นฟาดแส้ม้าออกไป โดนแขนเหลียงต้าจู้เืไหลไม่หยุด แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ? เหลียงต้าจู้ไม่สามารถหาเื่เหลียงหู่ได้ ผลสุดท้ายต้องยอมรับความโชคร้ายไว้ และจ่ายค่ารักษาแขนด้วยตัวเองอีก”
“เหลียงหู่หย่าร้างกับภรรยาของเขาแล้ว ไม่นานเขาก็หาแม่สื่อและกล่าวคำออกไปว่า้าแต่งงานกับหญิงสาวดอกเบญจมาศ [6] ที่งดงามกว่าจ้าวหงยู่ ให้แม่สื่อช่วยสอบถามให้ที ทำเอาครอบครัวในหมู่บ้านทั้งหมดที่มีบุตรสาวใแทบแย่ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีบุตรสาวงดงามไม่กี่ครอบครัวนั้น ประตูใหญ่แต่ละบ้านปิดแน่น กลัวมากว่าไม่ระวังเพียงนิดจะทำให้เหลียงหู่พึงพอใจเข้า แล้วจะกลายเป็โชคชะตาเลวร้ายไปโดยปริยาย”
“่นี้ชายโฉดนั่นอยู่แถวเทือกเขาโกวจื่อ ลักลอบมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวอยู่กับแม่หม้ายหนึ่งคน ทุกครั้งที่กลับมาหมู่บ้าน พอฟ้ามืดก็ข้ามูเาไป๋โถวทะลุเข้าไปในเทือกเขาโกวจื่อ จนฟ้าสางถึงกลับมาในหมู่บ้านอย่างเอื่อยเฉื่อย เทือกเขาโกวจื่อล้วนแพร่สะพัดว่าที่บ้านสาวหม้ายผู้นั้นยังมีพ่อแม่ของสามีและพี่ชายของสามีอีกด้วย พวกเขาทราบเื่กันแล้ว แต่กล้าโมโหไม่กล้ากล่าว [7] หมู่บ้านบริเวณใกล้เคียงผู้ใดจะไม่กลัวชื่อเสียงเลวร้ายของเหลียงหู่กันบ้างล่ะ”
“เฮ้อ! พวกข้าหมู่บ้านเหลียงผิงก็เป็เพราะเขา ชื่อเสียงฉาวโฉ่ตามไปด้วยหมดแล้ว ผู้ชายหลายคนกล่าวไม่ออกว่าอยากจะแต่งงานกับเด็กสาว เพราะกลัวว่าครอบครัวเด็กสาวจะเหมารวมว่าเป็คนโเี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็ความหวาดกลัวจากการกระทำอันชั่วร้ายของเหลียงหู่”
“…”
ชายชราสกุลหูกับหูฉางกุ้ยฟังจนได้แต่มองกันไปมา เพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี คนชื่อเสียงฉาวโฉ่เช่นนี้ หากพวกเขาไปหาถึงหน้าบ้านแล้วจะปราบปรามได้หรือ? ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มเหลียงหู่นั่นล้อมชุ่ยจูพูดจาไร้สาระอยู่พักหนึ่ง คนล้อมชมไม่น้อยล้วนได้ยินกันหมดแล้ว หากไปหาเขาถึงหน้าบ้านเช่นนี้ ชื่อเสียงของชุ่ยจูจะทำอย่างไร?
ชั่วขณะนั้น ภายในห้องโถงเงียบเชียบเสียจนหากมีเสียงเข็มหล่นคงได้ยิน บรรยากาศอึมครึมกระจายเต็มไปทั่ว
ส่วนนอกบ้านเจินจูฟังคำพูดของเหลียงชิงซานได้ชัดเจน
วันต่อมาจึงวางแผนขึ้นไปสำรวจูเาไป๋โถว
ผลที่ได้จากการสำรวจครั้งนี้ สถานที่เลือกไว้ได้เรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ให้เสี่ยวเฮยจำคนให้ได้ก็พอ
เมื่อวานนางไถ่ถามกับเหลียงชิงซานมาแล้วว่าวันนี้เป็วันที่เหลียงหู่กลับหมู่บ้านพอดี
นางออกมาจากหมู่บ้านเหลียงผิง เลือกนั่งยองๆ บนที่สูงแห่งหนึ่ง
ยามนี้ดวงตะวันค่อนไปทางตะวันตก ใกล้ยามพลบค่ำแล้ว
บนถนนทางการ มีคนเดินถนนไม่มาก บางครั้งมีแมวและสุนัขเดินผ่าน
ร่องรอยคนในหมู่บ้านเหลียงผิงน้อยลง แต่ละบ้านปิดประตูลานแน่นสนิท มีเพียงควันดำที่ผุดออกมาอยู่ตลอดเวลาชี้ให้เห็นว่าในหมู่บ้านมีคนอาศัยอยู่
จุ๊ๆ ดูสิ คนชั่วทำลายบรรยากาศทั้งหมู่บ้านไปหมด แม้หมู่บ้านเหลียงผิงจะเล็ก แต่มีคนอาศัยอยู่หลายร้อยคน ไม่นึกเลยว่าคนมากมายเพียงนี้กลับไม่มีสักคนที่กล้าต่อต้านเหลียงหู่ เห็นได้ชัดว่าเหลียงหู่ผู้นี้มีกลอุบาย
หึ ไม่ว่าเ้าจะฝีมือสูงส่งมากมาย หรือมีกลอุบายอย่างไร หากทวนเปิดเผยหลบหลีกง่ายเกาทัณฑ์ลับยากระวัง [8] ดูสิว่าเ้าจะร้ายกาจเพียงนั้น สามารถหลบเกาทัณฑ์ลับ [9] ของวันนี้ไปได้หรือไม่
เจินจูกัดฟันด้วยความแค้นใจคิดอย่างเกลียดชัง ทำลายชีวิตทั้งชีวิตของจ้าวหงยู่ไปแล้ว ยังคิดจะทำให้พี่รองของข้าเสื่อมเสียชื่อเสียงอีก
วันนี้เจ้จะผดุงธรรมแทน์เอง ด้วยการทำลายเ้าก่อนเลย
ที่ไกลออกไป เสียงเกือกม้าเดินทางด้วยความเร่งรีบแว่วเข้ามา
จิตใจเจินจูเต้นแรง อุ้มเสี่ยวเฮยขึ้น
“เสี่ยวเฮย เป็คนผู้นั้น จำไว้นะ ห้ามลงมือผิดคนล่ะ”
นางชี้ม้าที่วิ่งจากไกลมาจนใกล้ เหลียงหู่ในชุดเสื้อคลุมชายยาวสีน้ำเงินสดใส กล้ามเนื้อแน่นแข็งแรงบึกบึนขณะขี่ม้า ก้อนกล้ามเนื้อเป็มัดๆ ปรากฏให้เห็นถึงพละกำลังความแข็งแรง
เชิงอรรถ
[1] ท้องฟ้าสีครามดวงอาทิตย์เจิดจ้า หมายถึง กลางวันแสกๆ เป็การอุปมาถึง เื่ราวปรากฏให้เห็นชัดเจน ในที่นี้คือจะทำอะไรย่อมมีคนรู้เห็น
[2] กระบองตียวนยาง หมายถึง การแยกคู่รักใคร่ออกห่างจากกัน เพราะยวนยางเป็สัญลักษณ์สื่อถึงคู่รัก มักอยู่ด้วยกันไปตลอดไม่แยกออกจากกัน
[3] เ้าว่าไปคำข้าว่าไปคำ หมายถึง การผลัดกันพูดตอบโต้คนละที
[4] ทานดื่มอิ่มนอนหลับสบายดี หมายถึง ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย สามารถทานได้อิ่ม นอนได้หลับ
[5] กระดูกขาว หมายถึง กระดูกหลังจากที่ศพเน่าเปื่อย
[6] หญิงสาวดอกเบญจมาศ หมายถึง สาวรุ่นอายุประมาณ 16 - 26 ปี ที่ยังไม่แต่งงาน ดอกเบญจมาศเปรียบดั่ง สาวบริสุทธิ์
[7] กล้าโมโหไม่กล้ากล่าว หมายความว่า ในใจเดือดดาลแต่ปากไม่กล้ากล่าวออกมา หรือหน้าชื่นอกตรม หรือหวานอมขมกลืน
[8] ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่ายเกาทัณฑ์ลับยากระวัง หมายถึง หอกทวนที่แทงจากที่แจ้งนั้นหลบหลีกง่าย แต่ลูกศรที่ยิงมาจากที่ลับนั้นยากต่อการระวัง อุปมาว่า สู้กันซึ่งหน้ารับมือได้ง่ายกว่าการแอบแทงข้างหลัง
[9] เกาทัณฑ์ลับ หมายถึง การลอบทำร้าย หรือลอบกัด