รถม้าสั่นไหวโคลงเคลงไปมา เพราะความง่วงของร่างกาย ไม่รู้ว่าเหยียนชิงหลับไปั้แ่เมื่อไร พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองนอนอยู่ในห้องเก่าๆ แห่งหนึ่ง พอลุกขึ้น เว่ยซูหานก็ผลักประตูเข้ามา
“เ้าตื่นแล้วรึ?”
“อืม” เหยียนชิงหาวพลางนวดขมับแล้วลงจากเตียง “ข้า... มาถึงแล้วหรือ?”
“อืม”
เว่ยซูหานตอบ รินน้ำที่เพิ่งตักมาจากูเาให้เขาแก้วหนึ่ง
เหยียนชิงจิบไปอึกหนึ่ง รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นเล็กน้อย “น้ำแร่อร่อยมาก”
จากนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ก่อนจะตำหนิเขาเบาๆ “ถึงแล้วทำไมไม่ปลุกข้า...”
สถานการณ์ออกมาในรูปแบบนี้น่าจะเกิดจากการที่เว่ยซูหานอุ้มเขาลงจากรถม้า การกระทำเช่นนี้ต่อหน้าบ่าวไพร่ก็ดูไม่ดีเท่าไรนัก
เว่ยซูหานยิ้ม “เห็นเ้าหลับสบายเลยไม่อยากเรียก”
แน่นอนว่าเขาต้องสร้างความประทับใจให้สามีต่อหน้าบ่าวรับใช้ เฉินเซียงช่วยเขาได้ใน่เวลาสำคัญ
ใบหน้าของเหยียนชิงร้อนผ่าว เขาถือน้ำเดินออกไปด้านนอก เมื่อเดินออกจากประตูมาก็พบว่าเป็เวลาที่พระอาทิตย์กำลังตกดินแล้ว
ที่นี่คือบริเวณแอ่งน้ำบนูเาโดดเดี่ยว รอบๆ พวกเขามีกระท่อมไม้หลังเล็กอยู่หลายหลัง หนึ่งในนั้นมีควันไฟลอยขึ้นมา เป็เฉินเซียง และคนอื่นๆ ที่กำลังเตรียมอาหารเย็น เว่ยซูหานอาศัยอยู่ที่นี่มาสามปี และเพราะว่าเพิ่งออกจากที่นี่ไปไม่นาน เครื่องครัว ของใช้จึงยังอยู่ครบ การทำอาหารก็สะดวกมาก
ไกลออกไปคือสุสานตระกูลเว่ย กระดูกของคนในตระกูลเว่ยทั้งหมดถูกฝังอยู่ที่นั่น
สิ่งที่เรียกว่าูเาโดดเดี่ยวคือสถานที่ฝังกระดูกที่ฮ่องเต้สั่งให้ปะาตระกูลเว่ย กระดูกที่ฝังอยู่ในูเาโดดเดี่ยวล้วนเป็ลูกหลานรุ่นหลัง พอฝังแล้วก็ไม่มีใครมาเยี่ยมอีก ไม่นานสุสานก็เต็มไปด้วยหญ้าป่ากลายเป็เนินป่าเล็กๆ แม้ที่นี่จะดูสะอาด แต่แฝงไว้ด้วยความอ้างว้าง และโดดเดี่ยวจนยากจะอธิบายได้
หลายปีมานี้ ตระกูลเว่ยได้รับการยกเว้น และต่อจากนี้สามารถมาสักการะได้ปีละครั้ง
เหยียนชิงถือถ้วยชาที่ใส่น้ำแร่พลางมองหลุมศพที่อยู่ไกลออกไปอย่างตะลึงงัน นึกขึ้นได้ว่าชาติก่อนตระกูลเหยียนถูกปะาทั้งตระกูลก็ฝังอยู่ข้างตระกูลเว่ยเช่นกัน แต่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ไว้ทุกข์สามปี หลังจากเฝ้าอยู่สามวันสามคืนก็ถูกฮ่องเต้สั่งให้กลับเมืองหลวง ไปเฝ้าอยู่ที่วัดแทน...
จะว่าไปก็น่าขันอยู่บ้าง ต่อมาเขาไม่เคยกลับไปไหว้ครอบครัวทีู่เาโดดเดี่ยวอีกเลย ทุกปีก็ขอร้องให้เว่ยซูหานอยู่ด้วยกันกับเขาเท่านั้น
จนกระทั่งเว่ยซูหานถือเสื้อคลุมมาคลุมที่ตัวของเขา เหยียนชิงจึงได้สติกลับมา “ขอบคุณนะ”
เว่ยซูหานใช้สองมือโอบจากด้านหลังแล้วผูกเสื้อคลุมให้เขา
“ูเาไม่ต่างจากเมืองที่อยู่ด้านนอก พระอาทิตย์ตกดินที่นี่ก็เย็นแล้ว”
“อืม”
เหยียนชิงเอียงคอไปด้านข้างโดยไม่รู้ตัว รอจนเขาผูกเสร็จก็รีบเดินไปข้างหน้าห่างจากระยะที่มือทั้งสองของเขาโอบไว้ ดื่มน้ำในจอกชาจนหมดก็สงบความปั่นป่วนในใจได้อย่างน่าประหลาด
การกระทำของเว่ยซูหานชัดเจนเกินไป เหยียนชิงรับรู้ได้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และเดินตามเขาไป เว่ยซูหานเข้าไปช่วยเขาหยิบชามเข้าไปในครัวพอออกมาก็เห็นเหยียนชิงเดินตรงไปที่สุสานที่อยู่ไกลออกไป จึงได้แต่เดินตามไปเงียบๆ
เหยียนชิงคุกเข่าคำนับสามครั้งที่หน้าหลุมศพของแม่ทัพเว่ย และยืนขึ้นพร้อมกับโค้งคำนับให้กับสมาชิกคนอื่นๆ สุดท้ายก็เดินไปด้านข้าง มองไปที่พื้นที่ที่เต็มไปด้วยวัชพืชอย่างเหม่อลอย เขาเตือนตัวเองว่าชาตินี้ ตระกูลเหยียนจะต้องผ่านพ้นหายนะไปได้
เว่ยซูหานที่ตามมาเห็นเขาเหม่อมองวัชพืช เมื่อมองตามสายตาของเขาไปก็อดถอนใจไม่ได้ ที่นั่นเป็ที่ฝังศพหลังจากตระกูลเหยียนถูกปะาในชาติที่แล้ว
หลังจากเขากุมอำนาจแล้ว แม้จะได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้ว่าให้ย้ายสุสานเข้าเมืองหลวง แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไม่ย้าย และมาเซ่นไหว้ที่นี่ทุกปีแทน ก็ถือโอกาสไหว้ิญญาของตระกูลเหยียนใน์ไปด้วย
เหยียนชิงเป็อันใดไป? ทำไมมันถึงแสดงท่าทางที่ซับซ้อนเช่นนี้กับวัชพืชเ่าั้
เหยียนชิงััได้ว่ากำลังมีสายตาจับจ้องเขาอยู่แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาคิดในใจว่าไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หันไปพูดกับอีกฝ่ายว่า
“ไปกันเถอะ ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว คงทำได้แค่มาเซ่นไหว้ในวันพรุ่งนี้"
เว่ยซูหานพยักหน้า “ได้”
หลังจากเดินไปได้สักพัก เขาก็หันกลับไปมอง เว่ยซูหานรู้สึกว่าการกระทำของเหยียนชิงดูแปลกไปบ้าง
เมื่อไม่ได้อยู่ในจวน คนกลุ่มนี้ก็อยู่ร่วมกันอย่างสบายๆ เหยียนชิงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเป็กันเอง ทั้งยังไม่สนใจเื่เล็กๆ น้อย ๆ กับบ่าวรับใช้ ตอนนี้พวกเขาจัดให้คนห้าคนมานั่งล้อมโต๊ะเพื่อรับประทานอาหาร เฉินเซียงกับคนอื่นๆ ก็ทำตามผู้เป็นายเช่นเขา ไม่รู้สึกอึดอัด สบายขนาดกระทั่งเอ่ยหยอกล้อกันก็มี
แม้ว่าการมาไหว้ที่นี่จะไม่ใช่เื่มงคล อาหารทุกมื้อเป็อาหารมังสวิรัติ แต่เฉินเซียงฝีมือดี อาหารง่ายๆ ก็สามารถปรุงให้อร่อยได้
บรรยากาศการรับประทานอาหารร่วมกันหนึ่งมื้อผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหยียนชิงผ่อนคลายลงไม่น้อย ทิ้งเื่ที่ยังไร้ความสามารถจะจัดการไว้เื้ัชั่วคราว ตอนที่อาบน้ำ ขณะที่กำลังถอดเสื้อผ้าแล้วเดินลงอ่างอาบน้ำนั้น จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองมองข้ามเื่บางเื่ไปหลายวัน จึงรีบให้อิ้งหลีเรียกหลินชวนมา
อิ้งหลีออกไปพักหนึ่ง หลินชวนเปิดม่านเข้ามา แต่ไม่ได้เดินเข้าไปใกล้ พอแค่ให้เห็นคอและใบหน้าของเหยียนชิง ก่อนจะเอ่ยอย่างนอบน้อม
“คุณชาย ท่านมีสิ่งใดหรือขอรับ?”
“แค่ก... ข้ามีเื่อยากจะถามเ้า”
เมื่อเหยียนชิงพูดประโยคนี้ในใจก็รู้สึกอับอายและประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
หลินชวนโค้งคำนับ “คุณชายเชิญสั่งมาได้เลยขอรับ”
“เอ่อ...” เหยียนชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดปากพูด
“หลายวันก่อน เป็วันที่ฮูหยินใหญ่มาเยี่ยม ข้าพูดคุยกับท่านแม่จนดึกก่อนจะกลับเรือน หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้วก็เข้านอน เ้าเห็นอะไรในเสื้อผ้าที่ข้าถอดออกวางไว้หรือไม่ แล้วตอนนี้พวกเ้าเอามันไปวางไว้ที่ไหน?”
คืนนั้นเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ที่เรือนเซียวเหยา คนที่เก็บกวาดก็คือหลินชวนและคนอื่นๆ
“ของ?” หลินชวนคิดอย่างจริงจัง คิดไปคิดมาก็ส่ายหน้า “วันนั้นเหมือนไป๋เส่าจะตื่นแต่เช้าไปเก็บเสื้อผ้าเพื่อนำไปซัก แต่ไม่เคยได้ยินนางบอกว่าเห็นของของคุณชายเลย...”
เหยียนชิง ‘ไม่มีหรือ? หนังสือที่ท่านแม่ให้หายไปไหน...’
หลินชวนเห็นเขานิ่งเงียบจึงถามต่อว่า “คุณชายกำลังพูดถึงสิ่งของอะไรหรือขอรับ”
เหยียนชิงกัดริมฝีปากกล่าว “ก็ไม่ใช่ของสำคัญอะไร”
ต้องโทษเขาที่มีเื่ให้คิดมากเกินไปใน่สองสามวันที่ผ่านมา หรือว่าเขาทำหายไปแล้ว… ถ้าเป็เช่นนั้นก็ดี
หลินชวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“คุณชายจะตื่นมาเก็บข้าวของเรียบร้อยทุกวัน ไม่เช่นนั้นก็เป็ไป๋เส่าที่เก็บให้… หรือว่าหลังจากเก็บได้ไป๋เส่าเห็นคุณชายยังไม่ตื่นก็เลยมอบให้ฮูหยินน้อยไปแล้ว”
เหยียนชิงถอนหายใจเบาๆ ตอนนี้เขากำลังกังวลเื่นี้อยู่ แต่หากไป๋เส่ามอบมันให้กับเว่ยซูหาน เว่ยซูหานก็น่าจะบอกเขาสิ แต่ทำไมกลับเงียบเฉยมาหลายวัน?
หลินชวน “เอาเป็ว่า ข้าจะไปถามพี่เฉินกับอิ้งหลีให้ ดีหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่จำเป็...” เหยียนชิงส่ายหน้า “ช่างเถอะ เ้าออกไปเถอะ ข้าจะไปถามซูหานด้วยตัวเองก็พอแล้ว”
เื่นี้ไม่เกี่ยวกับเฉินเซียง และอิ้งหลี ถามไปถามมา อาจทำให้เื่เล็กกลายเป็เื่ใหญ่
หลินชวน “ขอรับ”
หลินชวนถอยออกไป เหยียนชิงกุมหน้าผากอย่างจนปัญญา
ถ้าของอยู่กับเว่ยซูหานจริงๆ จะทำอย่างไร? เว่ยซูหานจะคิดว่าภายนอกของเขาแสร้งทำเป็ใสซื่อแต่ภายในใจกลับเต็มไปตัณหาหรือไม่ เขาจะเข้าใจผิด และรังเกียจตนหรือไม่?
แม้ว่าเขาจะไม่สนใจเื่นี้ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะถามอีกฝ่าย
คนรับใช้เหล่านี้ล้วนเชื่อใจได้อย่างมาก เขาเชื่อว่าหากไป๋เส่าเก็บได้ก็ต้องบอกเขาเป็แน่ เช่นนั้นก็มีความเป็ไปได้ที่นางจะมอบของให้เว่ยซูหานแล้ว เพราะว่าเว่ยซูหานเคยกำชับไว้... ดังนั้น ตอนนี้ตนจะทำอย่างไรดี?