เหยียนชิงรู้สึกสับสนกับเื่เล็กน้อยนี้ ทว่าตอนนี้ยิ่งรู้สึกจนปัญญามากขึ้นไปอีก หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยจากห้องอาบน้ำ ในใจก็ยังคงคิดว่าถามเว่ยซูหานดีหรือไม่? ถ้าจะถาม แล้วจะต้องถามอย่างไร?
บอกว่าเป็ของคนอื่น บอกว่าเขาไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร… เฮ้อ ช่างเถอะ เว่ยซูหานไม่ได้โง่ จะเชื่อได้คำพูดปดนี้ได้อย่างไร?
กลับไปถึงห้องเพื่อเตรียมเข้านอน ตอนที่คุยกับเว่ยซูหาน เขาไม่ได้เอ่ยถึงเื่นั้น ไม่นานก็กล่าวราตรีสวัสดิ์กันและกันแล้วล้มลงตัวนอน
ที่นี่คือที่ฝังกระดูกของครอบครัว อารมณ์ของเว่ยซูหานอดเศร้าโศกเสียใจไม่ได้ จึงไม่ได้พูดอะไรมากนัก ทว่าเหยียนชิงกลับพลิกตัวไปมาจนนอนไม่หลับ พลิกตัวซ้ำไปซ้ำมาจนเตียงไม้กระดานส่งเสียงดัง'เอี๊ยดอ๊าด' อยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเว่ยซูหานที่เดิมทีหลับตาอยู่ก็หันมาโอบเขาไว้
“เหตุใดถึงยังไม่นอน แปลกที่หรือ?”
เหยียนชิงหันเอนตัวเข้าไปในอ้อมกอดและตอบ “นิดหน่อย คาดว่าตอนกลางวันคงนอนมากเกินไป...”
แต่เหตุผลหลักคือเื่ที่เก็บไว้ภายในใจ
เว่ยซูหานกุมมือเขาไว้เบาๆ “่นี้เ้าชินกับการนอนดึก ตอนนี้เลยนอนไม่หลับ”
เหยียนชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “น่าจะใช่...”
ไม่รู้ว่าหลายวันมานี้คุ้นชินกับััของเว่ยซูหานหรือไม่ พอโดนโอบกอดเช่นนี้เขาจึงไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าไรนัก
ผ่านไปครู่หนึ่งเว่ยซูหานก็ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงแ่เบาอีกครั้ง “เช่นนั้นก็หลับตาพักผ่อนเสียหน่อยดีกว่า อย่าไปคิดเื่อื่น ไม่อย่างนั้นอารมณ์จะหงุดหงิดง่าย”
เหยียนชิง “อืม งั้น...”
เว่ยซูหาน “หืม?”
“เอ่อ...ไม่มีอะไร นอนกันเถอะ”
เหยียนชิงถอนหายใจเบาๆ ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้ถามอะไร เขาบอกตัวเองให้ช่างมันแล้วหลับตาลงทันที
คืนที่เงียบสงบผ่านไป ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้าเสร็จก็เริ่มเซ่นไหว้ครอบครัวของเว่ยซูหาน หลังจากที่ยุ่งอยู่พักหนึ่งก็เป็เวลาบ่ายแล้ว มองดูควันที่ลุกไหม้ขึ้นจากธูปเทียนกระดาษเงินกระดาษทอง เว่ยซูหานที่คุกเข่าหลังตรงอยู่ แม้พยายามกลั้นไว้อย่างสุดกำลังเท่าใดก็ไม่สามารถควบคุมกระบอกตาที่แดงก่ำได้
เหยียนชิงอยู่ด้านข้างเป็เพื่อนเขา ไม่พูดอะไร ใช้มือกุมหลังมือของเขา
เว่ยซูหานถอนหายใจกางฝ่ามือแล้วคว้ามือของเหยียนชิงมากุมไว้แน่นๆ เขาก้มคำนับอีกสามครั้งก่อนจะลุกขึ้น เห็นลมบนูเาพัดกระดาษเงินกระดาษทองปลิวไปทั่วทุกที่ เว่ยซูหานเงยหน้าขึ้น หลับตาลง แล้วดึงเหยียนชิงเดินจากไป
อดีตไม่สามารถเรียกคืนได้ นับแต่นี้ไปเขาก็จับมือเหยียนชิงเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ
หลังจากกลับถึงห้อง เว่ยซูหานก็เอาแต่กอดเว่ยซูหานโดยไม่พูดไม่จาอะไร เหยียนชิงไม่ได้ขัดขืน เพียงใช้สองมือโอบหลัง กอดตอบเขาไว้เบาๆ เขาเข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ดี
เื่ที่ทำร้ายความรู้สึก ทำให้อารมณ์ไม่สงบไม่ควรจะรั้งอยู่นาน ดังนั้นหนึ่งคืนต่อมาคนทั้งกลุ่มจึงออกเดินทางกลับบ้าน
อารมณ์ยังคงหดหู่จนกระทั่งกลับไปถึงจวน ทุกคนถึงหายจากอาการนี้ พวกเขาย่อมเข้าใจเหตุผล ต่อให้เศร้าแค่ไหนก็ทำได้เพียงรําลึกถึง เส้นทางข้างหน้าต่างหากที่เป็สิ่งที่สำคัญที่สุด
เมื่อกลับมาถึงตระกูลเหยียน หลังจากทานอาหารกับฮูหยินเหยียนเรียบร้อย เหยียนชิงฉวยโอกาสตอนที่ฮูหยินเหยียนเรียกเว่ยซูหานเพื่อพูดคุยรีบเรียกไป่เส่ามา
สาวใช้ตัวน้อยที่ลืมเื่ก่อนหน้านี้ไปนานแล้ว ทำความเคารพอย่างนอบน้อม “คุณชาย ท่านเรียกข้าหรือเ้าคะ?”
เหยียนชิงกระแอมและถามอย่างใจเย็น “ไป่เส่า เมื่อไม่นานมานี้เ้าเจออะไรตอนที่ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือไม่?”
ไป่เส่างุนงงอย่างเห็นได้ชัด ผ่านไปสักพักจึงนึกขึ้นได้ โชคดีที่เว่ยซูหานกําชับไว้ จึงก้มหน้าลงตอบเสียงแ่เบา
“พบสิ่งที่ห่อด้วยผ้าสีแดง บ่าวไม่กล้าเปิดดูว่าเป็อะไรเ้าค่ะ ก็เลยมอบให้ฮูหยินน้อย ฮูหยินน้อยยังไม่บอกคุณชายหรือเ้าคะ?”
ความหวังสุดท้ายของเหยียนชิงล้มเหลว เขาปวดหัวขึ้นมาทันที เขาพูดอย่างหมดหนทางและตำหนิ “เหตุใดเ้าถึงไม่มอบมันให้ข้า? ”
“คุณชายโปรดอภัยด้วย”
ไป่เส่าคุกเข่าลง
“วันนั้นบ่าวตื่นแต่เช้าเพื่อเก็บกวาด เห็นว่าคุณชายยังไม่ทันตื่น จึงมอบให้ฮูหยินน้อยแทนเ้าค่ะ อีกอย่าง คุณชายเคยบอกบ่าวว่าหากมีเื่อะไรต้องไปหาฮูหยินน้อยก่อน”
พูดไปก็แฝงไว้ด้วยความคับข้องใจ คำพูดนี้ก็เป็สิ่งที่เว่ยซูหานสอนเธอหลังจากวันนั้น
เหยียนชิงดึงนางขึ้นมา
“ไม่ต้องคุกเข่า เ้าบ่าวคนนี้ ข้าไม่มีเจตนาจะลงโทษเ้า คือ... เฮ้อ ช่างมันเถอะ...”
ช่างมันเถอะ จะว่าไปก็เป็ตัวเขาเองที่ไม่ระวัง ไป่เส่าทำเช่นนี้นางก็ไม่ได้ทำผิดอะไร วันนั้นที่จิงโม่มาหา ความคิดของเขาก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“ขอบคุณเ้าค่ะคุณชาย”
ไป่เส่ายังคงก้มหน้าลง เมื่อนึกถึงวิชาของบุรุษในห้องหอเล่มนั้น นางจึงแอบใช้หางตาเหลือบมองเหยียนชิงที่นั่งกุมขมับอยู่บนโต๊ะ ไม่รู้ว่าคุณชายกําลังกลุ้มใจหรือกำลังเขินอายกันแน่
เหยียนชิงนวดหว่างคิ้วและโบกมือให้นาง “เอาล่ะ เ้ากลับไปเถอะ เื่นี้ถือว่าจบไป อย่าเอ่ยถึงอีกเป็อันขาด”
ไป่เส่า “เ้าค่ะ เช่นนั้นบ่าวขอตัวก่อนเ้าค่ะ”
มองไปที่ไป่เส่าที่หายไปจากประตู เหยียนชิงถอนหายใจอย่างอดไม่ได้จะทำเช่นไรดี? เว่ยซูหานจะต้องเปิดดูแล้วอย่างแน่นอน เช่นนี้เขายิ่งไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรดี?
เมื่อเฉินเซียงยกชาเข้ามาจึงได้ยินเขาถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม นางเข้ามาถาม “คุณชายมีปัญหาอะไรหรือเ้าคะ?”
เหยียนชิงทั้งพยักหน้าและส่ายหัว เห็นเขายกชาขึ้นมาจิบ คิ้วขมวดไม่ยอมคลาย
เฉินเซียงเห็นดังนั้นก็นิ่งเงียบ ก่อนจะเอ่ยอีกเื่หนึ่ง
“สองวันมานี้พวกเราออกจากจวน พวกบ่าวใช้ถือโอกาสนั้นรีบเตรียมเรือนของฮูหยินน้อยให้เสร็จเรียบร้อย บัดนี้เรือนเซียวเหยาได้กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว คืนนี้คุณชายท่านอยากพักที่เรือนหล่านเยว่หรือไม่เ้าคะ?”
เหยียนชิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงส่ายหน้า
“แต่เ้าต้องไปบอกกับซูหานด้วยตัวเอง ว่าั้แ่วันนี้เป็ต้นไปข้าจะพักค้างคืนที่หอชิงเฟิง พรุ่งนี้เขาจะต้องเริ่มติดตามพ่อบ้านและท่านแม่ไปทำงานในจวน ให้เขาเรียนรู้งานอย่างสบายใจเถอะ”
จริงสิ แค่นับแต่นี้ไปเขาไม่ต้องนอนร่วมเตียงกับเว่ยซูหานก็พอ แกล้งทำเป็ไม่รู้เื่ก็ได้ พอนานไปก็จะลืมไปเอง แค่ทำเหมือนเขาไม่เคยหยิบของสิ่งนั้นมาก่อน
เฉินเซียงพยักหน้า “เ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ” พูดจบก็ถอยออกไป
เมื่อเฉินเซียงมาถึงเรือนหล่านเยว่ นางเห็นไป่เส่ากําลังพูดบางอย่างกับเว่ยซูหานบนระเบียงทางเดิน เว่ยซูหานดูคล้ายเพิ่งกลับถึงเรือน
เมื่อไป่เส่าเห็นนางจึงเข้ามาทักทายนาง
“พี่เฉินเซียง พี่มาแล้ว”
“อืม ข้าจะมาส่งข่าว”
เฉินเซียงตอบกลับ จากนั้นเดินไปข้างหน้าเว่ยซูหาน “คารวะฮูหยินน้อย”
เว่ยซูหานพยักหน้า “ไม่ต้องมากพิธี เฉินเซียง เ้ามีเื่อะไรหรือ?”
เฉินเซียงโค้งคำนับ
“ขอบคุณฮูหยินน้อยเ้าค่ะ เื่เป็เช่นนี้เ้าค่ะ คุณชายบอกว่าเขาจะพักค้างคืนที่หอชิงเฟิงั้แ่วันนี้เป็ต้นไป เพราะพรุ่งนี้ฮูหยินน้อยต้องเริ่มจัดการเื่ภายในจวน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็การรบกวนท่าน เขาจึงไม่ได้มาพักด้วยชั่วคราว หวังว่าฮูหยินน้อยจะไม่ฟุ้งซ่านคิดมากเ้าค่ะ”
ไป่เส่าที่ฟังอยู่ด้านข้าง มองไปที่เฉินเซียงและเว่ยซูหาน ฮูหยินน้อยบอกว่าจะปลูกความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณชาย แล้วอย่างนี้จะทำเช่นไรดี? นางควรจะพูดกับพี่เฉินเซียงเพื่อช่วยฮูหยินน้อยสักหน่อยดีหรือไม่? การตั้งใจของฮูหยินน้อยนับว่าหาได้ยากยิ่ง...
แม้เว่ยซูหานจะไม่อยากเห็นด้วย แต่ก็ยากที่จะแสดงสีหน้าออกมาต่อหน้าบ่าวไพร่ จึงได้แต่พูดเสียงเรียบว่า
“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นพวกเ้าก็ไปคอยปรนนิบัติคุณชายเถิด อย่าให้เขาต้องเหน็ดเหนื่อยมากเกินไป”
เฉินเซียงพยักหน้ารับ “เ้าค่ะ เช่นนั้นบ่าวขอตัวก่อน”
หลังจากเฉินเซียงจากไป เว่ยซูหานก็ให้ไป่เส่าถอยออกไปด้วย หลังจากเดินกลับห้องไปคนเดียวก็เอนหลังพิงเก้าอี้ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่จึงยอมรับการกระทำของเหยียนชิง ช่างมันเถอะ เหยียนชิงในตอนนี้ยังเด็กเกินไป เขาไม่อาจรีบร้อนเกินไปได้