กว่าหลิ่วเทียนฉีจะตื่นขึ้นมาก็ผ่านไปหลายวัน ความรู้สึกแรกยามตื่นคือความเจ็บ ทั้งร่างล้วนเ็ปโดยเฉพาะบนแผ่นหลัง เจ็บจนไม่กล้าขยับสักนิด
“อย่าขยับเชียวนะ ฉีเอ๋อร์!” หลิ่วเหอเห็นบุตรชายตื่นก็รีบร้อนเข้าไปจับไหล่ไว้
“ท่านพ่อ!” หลิ่วเทียนฉีเรียกเสียงแ่
“ฉีเอ๋อร์ เ้าาเ็ไม่เบา มีกระดูกสันหลังสองข้อถูกตบจนผิดรูปผิดตำแหน่ง”
ได้ยินบิดาบอกก็ขมวดคิ้ว “หากเป็เช่นนั้น ลูกต้องนอนอัมพาตอยู่บนเตียงหรือ?”
“ไม่หรอก ไม่มีทาง หมอเหยาต่อกระดูกกลับให้ลูกเรียบร้อย เพียงแต่ลูกต้องอาบแช่ยาทุกวันตามเวลา นอนอยู่บนเตียงสักเดือนหนึ่งถึงหายดี อย่าคิดมากล่ะ ชีพจรทิพย์กับอวัยวะภายในของลูกไม่ได้รับาเ็ ไม่มีอะไรน่าเป็ห่วง!”
ได้ฟังคำอธิบาย บุตรชายก็พยักหน้ารับ “ขอรับ ลูกเข้าใจแล้ว!”
เป็อย่างที่คิด แผ่นดินแห่งการฝึกตนนี้ไม่เหมือนกับโลกในชีวิตก่อน หากชีวิตก่อนได้รับาเ็หนักเช่นนี้ ไม่ตายก็เป็อัมพาต คิดไม่ถึงว่าอยู่ที่นี่เดือนเดียวก็รักษาหาย ช่างมหัศจรรย์จริงๆ หนอ!
“ลูกไม่ต้องกังวล พ่อจะซื้อยาดีที่สุดให้เ้าฟื้นร่างกาย จะทำให้เ้าหายเร็วที่สุด!” หลิ่วเหอเห็นบุตรชายยังมีสีหน้าซีดขาวก็ปวดใจ
“ขอบคุณท่านพ่อยิ่งนัก หากไม่ได้ท่านช่วยทันเวลา ลูกคงตายในมือท่านลุงรองแล้วกระมัง!” กล่าวจบก็ถอนหายใจทีหนึ่ง
พลังของตนอ่อนแอจริงๆ ยามเผชิญหน้ากับหลิ่วไห่ กระทั่งกำลังจะสู้ยังไม่มี ได้แต่ลนลานเผ่นหนี หากบิดามาช้าไปเพียงนิด ชีวิตน้อยๆ ชีวิตนี้คงตกอยู่ในมือหลิ่วไห่ไปแล้ว!
“พวกเราพ่อลูกไยต้องเอ่ยคำเหล่านี้เล่า เห็นลูกได้รับาเ็พ่อปวดใจนัก ได้แต่ชิงชังที่ไม่สามารถไปถึง ช่วยลูกได้เร็วกว่านี้!” พอเอ่ยเื่นี้ หลิ่วเหอก็ถอนหายใจยาว
หลายวันมานี้เฝ้ามองบุตรชายหมดสติอยู่ตลอด รู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง หากช้าเพียงก้าวเดียวบุตรชายต้องตายด้วยมือของพี่รองสินะ? หากกระทั่งสายเืเพียงคนเดียวที่เหลียนเอ๋อร์ทิ้งไว้ให้ตนต้องหายไป แล้วจะมีหน้าไปบอกเหลียนเอ๋อร์ที่ตายไปอย่างไรเล่า จะมีหน้ามามองบุตรชายที่รักได้อย่างไรอีก?
“ท่านพ่อ แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น? ทำไมลุงรองถึงกัดฟันท่าเดียวบอกว่าพี่หกถูกข้าฆ่านัก?” หลิ่วเทียนฉีมองบิดา เอ่ยถามตามสูตร
เขาต้องเข้าใจเื่ทั้งหมดเสียก่อนถึงจะคิดวิธีรับมือได้
“เื่เป็แบบนี้ ไม่กี่วันก่อนข้ารับใช้ของลุงใหญ่ถูกส่งไปค้นหาศพพี่หกของเ้าจนพบ และพวกเขายังพบป้ายหยกที่สลักชื่อเ้าอยู่ในมือด้วย ดังนั้นลุงใหญ่กับลุงรองจึงสงสัยว่าเขาถูกลูกฆ่า หนึ่งวันก่อนเ้าถูกทำร้าย ลุงใหญ่มาหาข้าเพื่อบอกเื่ราว และยังบอกข้าอีกว่าลุงรองของเ้าจะรอหลังท่านปู่ออกมา บีบเ้าให้ตายในการประชุมใหญ่ของตระกูล เดิมข้าคิดว่าเื่นี้สามารถคลี่คลายได้ แต่คิดไม่ถึงว่าลุงรองของเ้าจะรวดเร็วปานนี้ เตรียมลงมือกับเ้าก่อน!” พูดจบพลางถอนหายใจเบาๆ เป็เขาเองที่ประมาท หากบอกบุตรชายเสียก่อนคงไม่เป็เช่นนี้
“ศพของพี่หกนั่น ท่านพ่อเคยเห็นไหมขอรับ?” หลิ่วเทียนฉีเอ่ยถามต่อ
“เคยเห็น ศพนั่นถูกสัตว์อสูรกินเนื้อไปหมดแล้ว เหลือเพียงโครงกระดูกร่างหนึ่ง หากไม่ใช่บนร่างมีเสื้อผ้าขาดวิ่นของเทียนลู่ก็ไม่มีทางระบุตัวได้สักนิด” หลิ่วเหอตอบตามจริง
หลิ่วเทียนฉีฟังแล้วก็พยักหน้า เห็นชัดว่าหลิ่วเจียงใส่ร้ายตน หลิ่วเทียนลู่ถูกเผาเป็เถ้าไปแล้ว ศพจะมีได้อย่างไรเล่า? คิดจะใช้การตายของหลิ่วเทียนลู่มาใส่ร้ายตนเพื่อกำจัดบิดาอย่างนั้นสินะ?
“ท่านพ่อ ป้ายหยกชิ้นนั้นที่ท่านปู่ให้กับข้า ตอนข้าอายุเก้าปีก็ทำหายไปแล้ว เื่นี้ท่านก็ทราบดี!”
“ใช่ พ่อรู้ แต่ท่านปู่เ้าไม่รู้ด้วย รวมถึงท่านลุงใหญ่กับท่านลุงรองของเ้าก็ไม่รู้นี่! แล้วจะทำอย่างไรดี?” พูดถึงตรงนี้ หลิ่วเหอพลันร้อนรนขึ้นมา
“ท่านพ่อ เื่นี้เห็นชัดว่ามีคนอยากใช้การตายของพี่หกใส่ร้ายลูก อยากให้ลูกตายเป็แน่!”
“ใช่แล้ว พ่อก็คิดว่ามันน่าสงสัย ด้วยนิสัยลุงรองของเ้า เขาคงคิดเื่ยัดของป้ายความผิดเช่นนี้ไม่ออก และเทียนลู่เป็ลูกชายแท้ๆ ของเขา เขาคงอยากตามหาคนร้ายตัวจริงให้พบมากกว่า ไม่มีทางสุ่มหาใครสักคนมาป้ายความผิดเสียหรอก?” หลิ่วเหอรู้สึกแปลกเช่นกัน
พี่รองไม่ใช่คนมีเล่ห์เหลี่ยม คิดแผนชั่วร้ายเช่นนี้ไม่ได้หรอก อีกอย่าง หากพี่รองใส่ร้ายเทียนฉี ตัวเองก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรนี่?
“ไม่ ไม่ใช่ท่านลุงรองหรอกขอรับ ท่านลุงรองเพียงถูกใช้ประโยชน์ ข้าคิดว่าเื่นี้น่าจะเกี่ยวข้องกับท่านลุงใหญ่ เพราะศพร่างนั้นก็เป็ท่านลุงใหญ่ที่หาพบ!”
ได้ยินบุตรชายเอ่ย หลิ่วเหอก็เข้าใจ “ความหมายของฉีเอ๋อร์คือลุงใหญ่คิดจะทำร้ายเ้างั้นหรือ?”
“ไม่ขอรับ อาจพูดได้ว่าไม่ใช่เพื่อทำร้ายข้า แต่เพื่อทำให้ท่านพ่อกับท่านลุงรองเป็ศัตรูกัน ให้พวกท่านฆ่าฟันกันเอง หากเป็เช่นนั้นท่านลุงใหญ่คงได้ประโยชน์มากกว่ากระมัง?”
ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของหลิ่วเหอกลายเป็ซีดขาวก่อนกลับเป็สีเขียว “ตำแหน่งเ้าตระกูล เขาต้องหวังตำแหน่งเ้าตระกูลแน่นอนถึงได้ใช้การตายของเทียนลู่มาป้ายความผิดเ้า จากนั้นให้พี่สองไปสังหารเ้าลับหลัง รอเ้าตาย เช่นนั้นพ่อกับพี่รองจะเป็ศัตรูไม่เลิกรา เมื่อรอพวกเราพี่น้องเข่นฆ่า พ่ายแพ้าเ็ทั้งคู่ เขาก็จะนั่งบนตำแหน่งได้อย่างไม่มีอุปสรรคสินะ”
“อืม ท่านพ่อพูดถูก ลูกก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน!” หลิ่วเทียนฉีพยักหน้าเห็นด้วย
“น่าชังนัก ถึงกับวางแผนทำร้ายพี่น้องแท้ๆ ของตนเช่นนี้!” หลิ่วเหอเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยพลางสะบัดแขนเสื้ออย่างโกรธเกรี้ยวทีหนึ่ง เก้าอี้ข้างเตียงถูกฟันกลายเป็สองเสี่ยงในทันที
“ท่านพ่อ เื่นี้พวกเราต้องจัดการให้ดี ไม่เช่นนั้นคงตกหลุมพรางของท่านลุงใหญ่ ผูกแค้นกับบ้านท่านลุงรองเข้าจริงๆ!” หลิ่วเทียนฉีเห็นบิดาหน้าเขียว โกรธจนเส้นเืบนหน้าผากปูดโปนก็รีบร้อนออกความเห็น
“แต่ป้ายหยกแผ่นนั้นเป็หลักฐานแ่าเชียวนะ จะปฏิเสธเื่นี้อย่างไรเล่า?” เป็เื่ที่ยากที่สุดในตอนนี้
“ป้ายหยกแผ่นนั้น ท่านพ่อหาคนทำเลียนแบบสักแผ่นไม่ได้หรือ?”
ได้ยินคำนี้ หลิ่วเหอก็ส่ายศีรษะ “ฉีเอ๋อร์ เ้าคงยังไม่รู้ ป้ายหยกนั่นข้างในมีการโจมตีระดับผู้บรรลุดวงปราณกระบวนท่าหนึ่งของท่านปู่อยู่ ไม่อาจทำลอกเลียนได้หรอกนะ”
กล่าวจบหลิ่วเหอก็ลำบากใจ เพราะหากไม่มีการโจมตีนี้ การทำป้ายหยกแผ่นหนึ่งเลียนแบบขึ้นมาจะยากอะไรเล่า?
“อ้อ? หากเป็เช่นนั้น แสดงว่าในป้ายหยกของพวกเราเจ็ดพี่น้องล้วนมีการโจมตีสายนี้งั้นหรือ?” แปลกไปแล้ว หากมีการโจมตีสายหนึ่งอยู่ ทำไมก่อนหน้านี้ที่ตนสังหารหลิ่วเทียนลู่ เขาถึงไม่ใช้ล่ะ?
“อืม พวกเ้าพี่น้องเจ็ดคนล้วนมีป้ายหยก แต่ป้ายหยกนี้ใช้ได้เพียงครั้งเดียว หลังใช้แล้วจะสลายเป็ผุยผง เ้าใหญ่ เ้าสองกับเ้าหกล้วนเคยใช้ป้ายหยกแผ่นนี้ ดังนั้นป้ายหยกของพวกเขาจึงกลายเป็ผุยผง เื่นี้ท่านปู่ก็ััได้เช่นกัน แต่เ้าไม่เคยใช้มาก่อน ต่อให้เ้าบอกท่านปู่ว่าเ้าเคยใช้ ท่านปู่ก็ไม่มีทางเชื่อหรอก!” พูดพลางถอนหายใจเสียงเบา
ที่แท้ป้ายหยกของหลิ่วเทียนลู่หน้าโง่นั่นก็เคยใช้ไปแล้วหรือ? เป็เช่นนี้นี่เอง! โชคดีนัก ไม่เช่นนั้นคนที่ตายคงเป็ข้าแล้ว!
“ลูกกลับคิดว่าการทำป้ายหยกปลอมแผ่นหนึ่งขึ้นมาไม่ใช่เื่ยากนักหรอก?”
“อ้อ? ฉีเอ๋อร์มีวิธีหรือ?” ได้ยินของบุตรชายบอก ดวงตาของหลิ่วเหอก็เป็ประกาย
“ท่านพ่อ ข้าคิดว่าทำเช่นนี้ได้...” พูดถึงตรงนี้ หลิ่วเทียนฉีก็เปลี่ยนมาใช้พลังิญญาถ่ายทอดเสียงบอกวิธีการของตนให้บิดาทราบ
“อืม ความคิดดีเชียวล่ะ!” หลิ่วเหอพยักหน้า ยอมรับข้อเสนอของบุตรชาย
“ทุกสิ่งต้องพึ่งบิดาแล้ว!”
“ฉีเอ๋อร์วางใจได้ พ่อจะไปทำเดี๋ยวนี้ จะไม่ให้แผนร้ายของคนชั่วพวกนั้นสำเร็จอย่างแน่นอน”
.........
ครึ่งเดือนให้หลัง หลิ่วฮั่นชิงเ้าตระกูลหลิ่วเลิกเก็บตัวฝึกฝน ผู้คนตระกูลหลิ่วมาต้อนรับที่เขาด้านหลัง
“ยินดีต้อนรับบิดา!”
“ยินดีต้อนรับท่านปู่!”
หลิ่วเจียงซึ่งเป็บุตรชายคนโตนำบุตรชาย ลูกสะใภ้และหลานสาวทั้งหมดของหลิ่วฮั่นชิงมาคุกเข่าต้อนรับอยู่หน้าประตูห้องฝึกตน
“อืม ลุกขึ้นเถิด!” หลิ่วฮั่นชิงพยักหน้าเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้ทุกคนลุกขึ้น
“ท่านพ่อเก็บตัวฝึกฝนสิบห้าปี พลังก้าวหน้าขึ้นอีกแล้วนะขอรับ!” หลิ่วเจียงลุกขึ้นยืน ขยับเข้ามายกยอบิดาเป็คนแรก
“พ่อเก็บตัวฝึกฝนสิบห้าปี ทำไมไม่เห็นหลานคนโตของข้าเลย? เทียนอี้อยู่ที่ใดหรือ?”
หลิ่วเทียนอี้บุตรชายคนโตของหลิ่วเจียง เป็คนที่หลิ่วฮั่นชิงชอบที่สุดแล้วก็หวังเป็อย่างมากในบรรดาหลานเจ็ดคน พอไม่เห็นก็ทำให้สีหน้าของหลิ่วฮั่นชิงบึ้งทันที
“อ่า ท่านพ่อคงยังไม่ทราบ สิบปีก่อน เทียนอี้กับเทียนไป่สองพี่น้องสอบเข้าวิทยาลัยเซิ่งตูได้ ตอนนี้พวกเขากำลังบากบั่นฝึกฝนอยู่ในที่แห่งนั้นขอรับ!” หลิ่วเจียงรีบเอ่ยตอบ
“อืม!” ได้ยินเช่นนี้ หลิ่วฮั่นชิงถึงพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าอ่อนลงมาก
“ซานเอ๋อร์ก็ก้าวหน้าเร็วนัก อายุยี่สิบสี่อยู่ระดับสร้างรากฐานแล้ว!” สายตาหลิ่วฮั่นชิงกวาดทีหนึ่ง ไปจับอยู่ที่หลานสาวตน
“ขอบคุณท่านปู่ที่ชม หลานจะพยายามฝึกฝนให้มากขึ้นอีก!” หลิ่วซานรีบตอบกลับ
“ท่านพ่อคงยังไม่ทราบอีกเื่ ซานเอ๋อร์ไม่ได้เป็เพียงผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานเท่านั้น นางเป็ผู้ใช้ยันต์ขั้นสามด้วย เรียนอักขระยันต์กับน้องสามมาตลอดเลยขอรับ” หลิ่วเจียงรีบกล่าวอีกที
“อ้อ? ดี ดีมาก ซานเอ๋อร์ ช่างเป็สตรีที่ไม่ยอมแพ้บุรุษจริงนะ!” ได้ยินอย่างนั้น หลิ่วฮั่นชิงก็พยักหน้าหลายหนอย่างพึงพอใจ
“ท่านปู่ชมหลานเกินไปแล้ว!” หลิ่วซานส่ายศีรษะเอ่ยอย่างถ่อมตนหลังได้รับคำชมจากท่านปู่อีกครั้ง
“เ้าสอง เทียนลู่ของบ้านเ้าเล่า? ทำไมไม่มาต้อนรับท่านปู่คนนี้ล่ะ?” หลิ่วฮั่นชิงหันไปมองบุตรคนรอง
“ท่านพ่อ เทียนลู่ตายแล้วขอรับ เขาถูกเทียนฉีของบ้านเ้าสามทำร้าย ขอท่านพ่อให้ความเป็ธรรมกับลูกด้วย!” หลิ่วไห่พูดพลางพาภรรยากับบุตรสาวทั้งสองคุกเข่าเบื้องหน้าบิดา
“อะไรนะ? เทียนลู่ตายแล้วหรือ?” หลิ่วฮั่นชิงผินหน้ามองไปทางบุตรชายคนโต
“ขอรับท่านพ่อ เมื่อสิบเดือนก่อน เขาดันโชคร้ายต้องจบชีวิตลง!” หลิ่วเจียงถอนหายใจอย่างเสียดาย
“เฮ้อ...” ได้รู้ข่าวการตายของหลานชาย หลิ่วฮั่นชิงก็ถอนหายใจเฮือกๆ
“ท่านพ่อ เป็เทียนฉีของบ้านเ้าสามที่ฆ่าลูกชายของข้าเป็แน่ ขอท่านให้ความเป็ธรรมกับข้าด้วย!” หลิ่วไห่เอ่ยประโยคเดิมอีกครั้ง
หลิ่วฮั่นชิงได้ยินก็มองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน “เ้าสาม เกิดเื่อะไรขึ้น เทียนฉีเล่า? ทำไมเทียนฉีถึงไม่มา?”
“ท่านพ่อ เทียนฉีลูกข้าถูกพี่รองทำร้ายจนาเ็สาหัส กระดูกสันหลังสองข้อผิดรูปผิดตำแหน่ง แม้ได้หมอเหยาฝีมือยอดเยี่ยมมารักษา แต่หนึ่งเดือนนี้ลูกข้าคงไม่อาจลงจากเตียง ได้แต่นอนคว่ำอยู่ทุกวันขอรับ!” หลิ่วเหอเอ่ยพร้อมใช้สองตาแดงมองไปทางหลิ่วไห่ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น
“เ้าสาม พี่รองของเ้าบอกว่าเทียนฉีฆ่าเทียนลู่ นี่มันเื่อะไรกัน?”
“พี่รองเขาพูดเหลวไหล หลอกลวงผู้คน!”
“หลิ่วเหอ เ้านั่นแหละที่พูดเหลวไหล ลูกข้าถูกลูกเ้าสังหารชัดๆ ต่อหน้าท่านพ่อเ้ายังไม่ยอมรับอีกหรือ?” หลิ่วไห่ชี้หน้า ด่าหลิ่วเหอเสียงดังลั่น
“สามหาวนัก! ข้ายังไม่ทันตายเลยนะ? นี่เ้าคิดจะลงมือกับน้องชายต่อหน้าข้าแล้วหรือ?” หลิ่วฮั่นชิงเห็นหลิ่วไห่อยากโถมเข้าไปกัดหลิ่วเหออย่างชิงชังก็ตวาดเสียงดังออกมา
“ท่านพ่อ หลิ่วเทียนฉีสังหารเทียนลู่จนตายนะ!”
“ท่านพ่อ ท่านเพิ่งออกมา เทียนฉีเองก็กำลังรักษาตัวอยู่ ข้าว่าอย่างไรเื่นี้ รอท่านพักผ่อนสักระยะ ให้อาการาเ็ของเทียนฉีดีขึ้น ลูกค่อยพาเทียนฉีมาอธิบายเื่นี้ให้กระจ่างต่อหน้าท่านคงดีกว่า!” หลิ่วเหอบอกบิดา
“ดี พ่อก็อยากฝึกสมาธิสักระยะหนึ่ง ให้เทียนฉีรักษาตัวหายก่อน เื่นี้พ่อจะสืบสาวเื่ราวให้ถึงที่สุด หากเทียนฉีสังหารพี่หกของตนจริง พ่อย่อมไม่ละเว้นแน่ แต่หากมีคนใส่ร้ายหลานข้า เช่นนั้นข้าก็จะไม่ละเว้นเขาเช่นกัน!” พูดถึงตรงนี้ หลิ่วฮั่นชิงก็ชำเลืองมองไปทางหลิ่วไห่
“ท่านพ่อ เ้าสามกำลังถ่วงเวลา เขาอยากปล่อยลูกชายเขาหนีเพื่อหลบหนีโทษทัณฑ์!” หลิ่วไห่มองบิดา ไม่มีทางรับปาก
“เหลวไหล เทียนฉีถูกท่านทำร้าย กระทั่งเตียงยังลงไม่ได้ จะให้เขาหนีได้อย่างไร?” หลิ่วเหอถลึงตามองพี่รองที่ถูกใช้เป็เครื่องมือรังควานไม่เลิกคนนี้ก็ปวดเศียรเวียนเกล้าเล็กน้อย
“พอแล้ว อย่ามาทะเลาะกัน เอาตามที่เ้าสามว่า ให้เทียนฉีรักษาตัวก่อน เ้าใหญ่ ่นี้เ้าสืบสวนใหม่ั้แ่ต้นจบจบอย่างละเอียดให้ข้ารอบหนึ่ง สืบเื่ให้กระจ่างเสีย!”
“ขอรับท่านพ่อ!” หลิ่วเจียงรับคำ มุมปากยกขึ้นนิดๆ
เห็นการกระทำเล็กน้อยของพี่ใหญ่ หลิ่วเหอกำหมัดแน่น หลิ่วเจียง เ้าคนชั่วช้า ถึงกับคิดแผนชั่วมาใส่ร้ายฉีเอ๋อร์ของข้า!
“ขอรับ ท่านพ่อ!” แม้ไม่ยินดี แต่เห็นท่าทีของหลิ่วฮั่นชิงแข็งกร้าว หลิ่วไห่ก็ได้แต่พยักหน้าเช่นกัน