หลายวันให้หลัง ในเรือนของหลิ่วเหอ
หลิ่วเทียนฉีมองบิดาที่มีสีหน้าซีดขาวนั่งอยู่ข้างกายตนก็กังวลใจ “ท่านพ่อ ท่านไม่เป็ไรนะขอรับ?”
“วางใจเถอะฉีเอ๋อร์ พ่อไม่เป็ไร พ่อจัดการเรียบร้อย ไม่นานก็ทำป้ายหยกที่เหมือนกันทุกประการให้เ้าได้”
ได้ยินเช่นนี้ หลิ่วเทียนฉีพยักหน้ารับอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณท่านพ่อยิ่งนัก ต้องให้ท่านเหน็ดเหนื่อยเพื่อลูก ลูกช่างอกตัญญูเสียจริง!”
“ลูกอย่าพูดเช่นนั้น นี่เป็เื่ที่พ่อควรทำ ครั้งนี้พ่อไม่มีทางให้แผนชั่วของลุงใหญ่เ้าสำเร็จเป็อันขาด” พูดจบหลิ่วเหอพลันกำหมัดแน่น กระทั่งบุตรชายเพียงคนเดียวของตนยังคิดทำร้าย ชั่วร้ายอย่างที่สุดโดยแท้!
“ขอรับ ท่านพ่อโปรดวางใจ หากมีป้ายหยก ท่านลุงใหญ่ก็ใส่ร้ายข้าไม่ได้แล้ว!”
“อืม!” หลิ่วเหอพยักหน้าเห็นด้วย รู้สึกว่าเื่นี้ต้องแก้ไขได้อย่างราบรื่น
“นายท่านสาม คุณหนูสามขอพบขอรับ!” ผู้เฒ่าเดินเข้ามาแจ้งอย่างนอบน้อม
“อืม ให้นางเข้ามา!” หลิ่วเหอส่งสัญญาณให้อีกฝ่าย
“ทราบแล้วขอรับ!” หลิ่วถงรับคำก่อนเดินออกไป
เวลาไม่นาน หลิ่วซานจึงเดินเข้ามา
“คารวะท่านอาสาม!” หลิ่วซานก้มศีรษะคำนับ
“ซานเอ๋อร์ ไม่ต้องมากพิธี!” หลิ่วเหอโบกมือตอบกลับ
“คารวะพี่สาม!” หลิ่วเทียนฉีรีบเอ่ยทักทายหลิ่วซาน
“น้องเจ็ดอย่ามากพิธีเลย อาการาเ็ของเ้าดีขึ้นบ้างไหม?” หลิ่วซานก้าวเข้ามาพลางเอ่ยถามอย่างเป็ห่วง
“ขอรับ พี่สามอย่าได้กังวล หมอเหยาบอกกระดูกสันหลังของข้างอกดียิ่ง ผ่านไปสักระยะหนึ่งก็ลงจากเตียง ขยับกายได้ขอรับ” หลิ่วเทียนฉีนอนอยู่บนเตียงมาครึ่งเดือนจนรู้สึกว่าตนใกล้จะพิการเสียแล้ว
“อ้อ ถ้าเช่นนั้นน้องเจ็ดต้องบำรุงร่างกายให้ดีๆ ล่ะ!”
“ขอรับ ข้าจะทำ ขอบคุณพี่สามที่มาเยี่ยม!” หลิ่วเทียนฉีเอ่ยปากต่อ
“พวกเราล้วนเป็พี่น้องกัน น้องเจ็ดไม่ต้องเอ่ยถ้อยคำเกรงอกเกรงใจหรอก!”
“ซานเอ๋อร์ มีธุระอะไรหรือ?” หลิ่วเหอถาม หันมองไปทางหลานสาว
หลิ่วซานฉลาดเกินผู้คน พร์ในศาสตร์ยันต์ก็ดีกว่าเด็กคนอื่นในบ้าน หลิ่วเหอจึงชอบหลานสาวคนนี้มาตลอด แต่เมื่อคิดถึงพี่ใหญ่จิตใจโเี้ที่หน้าไหว้หลังหลอกคนนั้น พาลทำให้หลิ่วเหอไม่ถูกใจหลิ่วซานเช่นก่อนหน้านี้แล้ว!
“ท่านอาสาม เมื่อคืนวานในเรือนของท่านปู่พบมือสังหาร วันนี้ท่านพ่อจัดผู้คุ้มกันในเรือนท่านปู่เพิ่มเรียบร้อยเ้าค่ะ ท่านพ่อจึงอยากให้ข้ามาถามท่านอาสามเสียหน่อย ดูว่าในเรือนท่าน้าให้ส่งคนมาเพิ่มเพื่อรับประกันความปลอดภัยหรือเปล่า”
“ไม่ต้องหรอก เ้ากลับไปบอกพี่ใหญ่เถิด ให้เขาส่งคนไปคุ้มครองท่านปู่ของเ้าเพิ่มก็พอ ส่วนความปลอดภัยของฉีเอ๋อร์ ข้าปกป้องเองได้!” หลิ่วเหอส่ายศีรษะปฏิเสธทันที
“ทราบแล้วเ้าค่ะ ท่านอาสาม!” หลิ่วซานรับคำเสร็จก็เดินออกไป
.........
ในเรือนของหลิ่วฮั่นชิง
“ท่านพ่อ ท่านไม่เป็ไรนะขอรับ?” เช้าตรู่ หลิ่วเจียงกับหลิ่วไห่รีบเร่งมาเยี่ยมบิดาตน
“ข้าไม่เป็ไรหรอก!” หลิ่วฮั่นชิงโบกมือตอบกลับ
“ท่านพ่อ ท่านเห็นชัดหรือไม่ว่าคนที่ลอบจู่โจมท่านเมื่อคืนเป็ใคร?” หลิ่วเจียงเอ่ยถามอย่างกังวล
“เห็นไม่ชัดหรอก อีกฝ่ายสวมชุดดำทั้งร่าง ร่างนั้นแปะยันต์กำบังอยู่ มันทำให้ข้ามองเห็นหน้าตาไม่ชัด” หลิ่วฮั่นชิงส่ายศีรษะพลางบอก
“ถ้าเช่นนั้น พลังของอีกฝ่ายเป็อย่างไรขอรับ?” หลิ่วเจียงถามต่อ
“พลังของอีกฝ่ายไม่อ่อนแอเลย อยู่ระดับดวงปราณ่กลาง ที่จริงข้ารั้งเขาไว้ได้ แต่พอข้าตบไปหนึ่งฝ่ามือ เขาก็กลัวจนเผ่นหนี ความเร็วในการหนีนั่นช่างรวดเร็วนัก พริบตาเงาก็เลือนหาย ข้าไม่อาจไล่ตามได้ทัน!” พูดจบ หลิ่วฮั่นชิงก็ขมวดคิ้วแน่น
“ผู้ฝึกตนระดับดวงปราณหรือ? แปลกเกินไปแล้ว ท่านเพิ่งเลิกเก็บตัวฝึกฝน ใครกันจะอยากลอบทำร้ายท่าน?” หลิ่วเจียงกล่าวอย่างฉงน สีหน้างุนงง
“บางทีอาจไม่ได้มาทำร้ายข้า เพราะข้ารู้สึกว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่ข้า เห็นข้าลงมือแล้วรีบเผ่นหนีอย่างนี้ ข้าว่าคนผู้นี้คงเป็ศัตรูที่พวกเ้าไปสร้างไว้กระมัง?” พูดพลางมองไปทางบุตรชายทั้งสอง
“ศัตรู? ไม่มีทางหรอกขอรับ ข้าน่ะหรือจะมีศัตรูร้ายกาจเช่นนี้?” หลิ่วเจียงส่ายศีรษะก่อนเอ่ย
“ใช่แล้ว ข้าก็ไม่มีศัตรูที่ร้ายกาจเช่นนี้หรอก?” หลิ่วไห่ส่ายศีรษะ ตอบกลับบ้าง
“ท่านพ่อ หรือนี่จะเป็ศัตรูของน้องสาม?” หลิ่วเจียงพูดอย่างคลางแคลง
“แล้วเ้าสามเล่า? เขาไม่รู้ว่าข้าถูกลอบสังหารหรือ? ทำไมถึงยังไม่มา?” หลิ่วฮั่นชิงเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“นี่ข้าส่งซานเอ๋อร์ไปแจ้งน้องสามแล้วนะ!”
“เ้าสามนี่เกินไปแล้ว ท่านพ่อถูกลอบสังหาร เป็เช่นนี้เขายังไม่มาเยี่ยมท่านพ่ออีก!” สบโอกาส หลิ่วไห่ก็เริ่มใส่ไฟน้องสามของตนทันที
“ท่านเ้าตระกูล หลิ่วถงพ่อบ้านของเรือนนายท่านสามขอพบขอรับ!” ทันใดนั้น ข้ารับใช้เดินเข้ามาในโถงเพื่อแจ้งการมาของหลิ่วถง
“อืม ให้เขาเข้ามา!” หลิ่วฮั่นชิงส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายเข้ามาด้านใน