คนที่ใส่ใจฉินซีนั้นมีอยู่มาก ในวันที่สองของการเข้าโรงพยาบาล เขาก็ได้รับสายโทรศัพท์จากเบอร์แปลกอีกครั้ง ในตอนที่กำลังคิดว่าสายที่โทรเข้ามานี้เป็พวกหลอกเอาเงินหรือขายประกัน ปลายสายก็ส่งเสียงที่คุ้นหูขึ้นมา
“ฉินซี นายนี่ใช้ได้จริงๆ!” ชายที่อยู่ปลายสายเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่สิ่งที่พูดออกมากลับไม่ใช่คำถาม ทั้งยังแฝงไปด้วยความซึ้งใจและความดีใจอย่างบ้าคลั่ง
ผ่านไปสักพักกว่าฉินซีจะเข้าใจ “เกาจิ้ง?” เขาลองถามอีกฝ่ายไป
คนปลายสายไม่ได้ปฏิเสธ อีกทั้งน้ำเสียงยังยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นอีก เขาสูญเสียความสงบนิ่งอย่างในปกติไปแล้ว “ฉินซี วิธีการของนายมีประโยชน์มากจริงๆ...” เกาจิ้งไม่ได้สนใจฉินซีอีกต่อไป เขากลับพูดเจื้อยแจ้วถึงเื่ของตัวเอง
ฉินซีรู้สึกใขึ้นมาเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเกาจิ้งในสมัยวัยรุ่น ท่านประธานของบริษัทเกมชื่อดังจะมี่เวลาปลดปล่อยความรู้สึกที่ล้นทะลักออกมาแบบนี้ด้วย ที่แท้ทุกคนก็ยังอายุเพียง 20 ปีต้นๆ เท่านั้น ฉินซีหรี่ตาลง ดีจริงๆ
“นายว่างหรือเปล่า?” ในที่สุดเกาจิ้งก็สงบท่าทีลง และหยุดรัวคำพูดที่ราวกับะุปืนลง
ฉินซีถอนหายใจกับความตกข่าวของเกาจิ้งในใจ ยังไม่รู้อีกว่าเขาถูกคนในอินเทอร์เน็ตด่าจนเละเป็โจ๊กไปแล้ว เขายักไหล่เบาๆ “ผมว่างมากเลยครับ” แน่นอนว่าว่างมาก เพราะถูกด่าขนาดนี้ เขาก็ทำได้เพียงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เขาไม่คิดอยากจะลองเจออุบัติเหตุการโจมตีจากแฟนคลับอีก
“แล้วนายอยู่ไหนล่ะ? ฉันจะขับรถไปรับนายไปเลี้ยงข้าว” เกาจิ้งถามขึ้นทันที
ฉินซีมองนาฬิกาที่แขวนบนกำแพง แล้วคลี่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “อย่างแรก ตอนนี้เพิ่งจะ 10 โมงครึ่ง ยังไม่ถึงเวลาทานข้าว เื่ที่สอง… ผมอยู่โรงพยาบาล”
“อยู่โรงพยาบาล?” เกาจิ้งพูดเสียงดังขึ้นมาทันที “ทำไมถึงไปอยู่ที่โรงพยาบาลได้ล่ะ?”
“ได้รับาเ็ตอนทำงานน่ะ” ฉินซีพูดด้วยความเหนื่อยใจ
เกาจิ้งในสถานที่ที่ฉินซีมองไม่เห็นขมวดคิ้วเข้าหากัน จากนั้นก็พูดกับฉินซีว่า “นาย… นายมาทำงานในบริษัทของฉันไม่ดีกว่าเหรอ มันน่าจะสบายกว่าในตอนนี้มากเลยนะ” เกาจิ้งเกิดมาในตระกูลร่ำรวย เขารู้ดีว่าพวกดาราที่เปล่งประกายงดงามในวงการบันเทิงนั้น เื้ัโศกเศร้าแค่ไหน
ฉินซีจะไม่รู้เื่เหล่านี้ได้อย่างไร? เวลาที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยไม่ได้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ในตอนนั้นเขาสามารถใช้จุดเด่นที่ตัวเองมั่นใจไปหาเงินได้แล้ว ทว่าตอนนี้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง แล้วทำไมเขาจะทำอะไรตามใจตัวเองมากกว่าเดิมสักนิดไม่ได้ล่ะ? ความฝันของเขาก็คือการมีชีวิตเพื่อวงการบันเทิง ดังนั้นไม่ว่าเส้นทางนี้จะต้องพบเจอกับความยากลำบากสักเท่าไร เขาก็จะยืนหยัดเดินต่อไป แม้จะต้องมีาแเต็มตัวแล้วจะเป็อย่างไร? อย่างไรก็ไม่มีทางทั้งเสียชีวิตทั้งย่ำแย่แบบในชาติก่อนแล้ว!
เมื่อเห็นว่าฉินซีไม่ได้คล้อยตามคำพูดของตัวเอง เกาจิ้งก็รู้ว่าตัวเองไม่อาจโน้มน้าวอีกฝ่ายได้ จึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ฉันไปเยี่ยมนายที่โรงพยาบาลดีกว่า”
ฉินซีไตร่ตรองอยู่หลายวินาที ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย ดูเหมือนว่าเกาจิ้งจะยังมีเื่้าคุยกับเขาอยู่
ทางฝั่งเกาจิ้งวางสายไป ฉินซีนอนอยู่บนเตียงด้วยความเบื่อหน่าย เขาอดนำโทรศัพท์มือถือออกมาเลื่อนดูเวยป๋อสักพักไม่ได้ ทั้งยังตั้งใจค้นหาหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับตัวเองด้วย และเมื่อค้นหา ฉินซีก็เลื่อนไปเจอเวยป๋อแอคเคาท์หนึ่งโดยไม่ตั้งใจ จากนั้นเขาก็พบว่าเ้าของเวยป๋อนั้นแสดงตัวเป็ทีมงานของรายการ อีกทั้งยังบังเอิญเดินผ่านไปเห็นตอนที่ผู้จัดการของเหลียนเหล่ยรังแกฉินซีที่โถงทางเดินพอดี ดังนั้นหลังจากเห็นคลิปวิดีโอตัดต่อที่กำลังถูกส่งต่ออย่างบ้าคลั่งในอินเทอร์เน็ต เขาก็อดอธิบายให้ผู้คนเข้าใจว่า เหลียนเหล่ยกับผู้จัดการใช้อำนาจข่มเหงคนอื่น และยังเปลี่ยนดำให้เป็ขาวด้วยความโมโหไม่ได้
แต่เนื่องจากเ้าของเวยป๋อไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร ใต้เวยป๋อของเธอจึงไม่เพียงแต่จะมีการแชร์และกดถูกใจเพียงไม่เท่าไร แต่ยังถูกแฟนคลับของเหลียนเหล่ยเข้ามาด่าว่าเธออย่างหนัก รวมทั้งเย้ยหยันว่าเธอเป็คนที่ฉินซีจ้างมาให้ช่วยปกป้องหรือเปล่า? ทำไมน่าสงสารขนาดนี้ แค่ดูระดับการเขียนก็รู้แล้วว่าไม่ได้ดีนัก เธออยากจะอาศัยเหลียนเหล่ยทำให้ตัวเองดังอย่างฉินซีหรือเปล่า?
เ้าของเวยป๋อถูกทำเอาโมโหจนสำลัก ในตอนแรกๆ ยังพอจะตอบกลับไปได้บ้าง แต่ต่อมาก็ต้องปิดการคอมเมนต์ไป ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจงใจแท็กกล่าวถึงเธอเพื่อเย้ยหยันอยู่ดี
ฉินซีเห็นแล้วก็ถอนหายใจ
ที่แท้ไม่ว่าจะกี่ปีก่อนหรือกี่ปีให้หลัง ชาวอินเทอร์เน็ตก็ยังไม่เกรงกลัวอะไรแบบนี้ และพวกแฟนคลับของดาราก็ยังกระทำเกินเหตุไปเสียทุกอย่างอยู่ดี
ฉินซีส่งข้อความส่วนตัวไปหาเ้าของเวยป๋อ “ขอบคุณที่ออกมาแสดงตัวเพื่อผมนะครับ แต่ว่าปล่อยพวกเขาไปเถอะ” เขาาเ็เพียงร่างกาย แต่ไม่ได้รับาเ็ทางสมอง หากเหลียนเหล่ยอยากจะทำร้ายเขาจนจมลงไปในกองดินไม่ให้พลิกตัวกลับมาได้อีก ก็เกรงว่าจะทำได้เพียงฝันกลางวันเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าโจมตีกลับไม่ได้ เพียงแต่เขากำลังสะสมกำลังเพื่อเตรียมโจมตีกลับไปอย่างรุนแรงไม่ให้เหลียนเหล่ยโต้กลับมาได้อีก
มุมปากของฉินซีเหยียดยิ้มขึ้นมา
ในตอนนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาส่งเสียงเตือนดัง “ติ๊ง” เมื่อฉินซีก้มลงมองดู เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเ้าของเวยป๋อจะตอบกลับมา
“ฮ่าๆๆๆ พระเ้า คิดไม่ถึงเลยว่าเทพบุตรฉินซีจะส่งข้อความส่วนตัวมาหาฉันด้วย? พระเ้า ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหมคะ?”
ฉินซีเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะ… เป็แฟนคลับของตัวเอง?
“เทพบุตร คุณยังอยู่หรือเปล่าคะ? ฉันเป็ทีมงานเื้ัคนหนึ่งของกองถ่ายรายการค่ะ วันนั้นฉันเห็นความสง่าของเทพบุตรด้วยค่ะ QAQ น่าลุ่มหลงเกินไปแล้ว ตอนที่เทพบุตรโดนเหลียนเหล่ยรังแก เืในหัวใจของฉันแทบจะหยดลงมาเลยนะคะ! ตอนแรกอยากจะออกมาพูดอะไรเพื่อเทพหนุ่มเสียหน่อยน่ะค่ะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะโดนโจมตีแบบนี้ QAQ กำลังของฉันน้อยเกินไปแล้ว ฮือๆๆ...”
“เทพบุตร คุณยังอยู่ไหมคะ?”
“เทพบุตร!”
“แงๆๆ คงไม่ได้ถูกฉันทำเอาใกลัวใช่ไหมคะ?”
ฉินซีพิมพ์ตอบกลับไป “เปล่าครับ ผมยังอยู่”
เขาซาบซึ้งใจมากที่มีแฟนคลับแบบนี้ แม้จะเป็ความชื่นชอบของหญิงสาวที่มีให้ชั่วครู่ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความรักและความบริสุทธิ์ใจที่พวกเธอมอบให้ศิลปินได้ ศิลปินที่พวกเธอรักใคร่และให้การเคารพนั้น ถึงเธออาจจะชอบรูปลักษณ์ภายนอก ทักษะการแสดงของอีกฝ่าย หรืออาจจะเป็ความสามารถทางการร้องเพลง บางทีอาจรวมไปถึงนิสัยใจคอ… เอาล่ะ ความรักใคร่ และเคารพในบุคคลที่พวกชื่นชอบ ใครว่าไม่ใช่เื่ดีล่ะ? ก็เหมือนคนธรรมดาที่มีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ หรือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีสีสันนั่นแหละ
ฉินซีไม่เคยปฏิเสธแฟนคลับที่บ้าคลั่ง เพียงแต่เขาก็ได้แต่คาดหวังว่า หากตัวเองสามารถเป็นักแสดงที่มีอิทธิพลได้ เขาก็อยากจะแนะนำให้แฟนคลับของเขามีสติในการติดตามศิลปิน และไม่ทำเื่บ้าคลั่งมากมายเพียงเพราะเป็คนที่พวกเขารักใคร่และให้ความเคารพ
ฉินซีคิดมากไปโดยไม่ทันระวัง เขาได้สติกลับคืนมา ในระหว่างที่กำลังจะปลอบใจแฟนคลับ อยู่ๆ ก็เห็นอีกฝ่ายส่งข้อความใหม่เข้ามา
“ขอโทษนะคะ เทพบุตร QAQ วันนี้ถูกข่มขู่ให้ลบเวยป๋อและห้ามไม่ให้พูดถึงเหลียนเหล่ยอีก เทพบุตรจะทำยังไงคะ QAQ พวกเขาทำเกินไปแล้ว! ฉันไปขอวิดีโอกล้องวงจรปิดแบบเต็มจากกองถ่ายรายการมาค่ะ แต่พวกเขาบอกว่าไม่มีแล้ว จะต้องเป็เพราะเหลียนเหล่ยจงใจทำร้ายคุณแน่ๆ! เทพบุตร คุณต้องระวังตัวหน่อยนะคะ ฮือๆๆ...”
นิ้วมือของฉินซีขยับไป “ลบไปเถอะครับ ดูแลตัวเองให้ดีนะ อย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับคุณ ถ้ามีเื่อะไรกับผมก็ไม่เป็ไรหรอก แต่ผมไม่อยากให้คุณต้องมีปัญหาเพราะเื่นี้”
“แงๆๆ เทพบุตรอบอุ่นมากเลยค่ะ QAQ ขอโทษนะคะที่ช่วยคุณไม่ได้เลย” จากนั้นเ้าของเวยป๋อก็ปิดช่องข้อความส่วนตัวไปทันที
ความจริงฉินซีมีแผนของตัวเองอยู่แล้ว เกรงว่าเหลียนเหล่ยจะไม่รู้ว่าอาวุธที่ใช้ทำร้ายคนอื่นนั้น ก็สามารถทำร้ายตัวเองได้ในเวลาเดียวกัน และยิ่งหากเดิมทีอาวุธนั้นเป็เพียงสิ่งจอมปลอมที่สร้างขึ้นมาด้วยแล้ว ตอนนี้เหลียนเหล่ยยอมเปลืองแรงไปข่มขู่ทุกคนที่ออกมาพูดแทนเขา หรือแม้แต่ไปบอกให้กองถ่ายรายการทำเป็เหมือนวิดีโอกล้องวงจรปิดถูกทำลายไปแล้ว ทั้งยังพยายามชักจูงคนบนอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มที่… เกรงว่าเหลียนเหล่ยจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ควบคุมยากที่สุดก็คือ ใจคน
ตอนนี้พวกคนบนอินเทอร์เน็ตต่างก็พูดจาแย่ๆ ใส่ฉินซี เพราะการชักนำด้วยเจตนาร้ายของเธอ แต่หลังจากล่วงรู้ถึงแผนการของเหลียนเหล่ยแล้ว เกรงว่าคนพวกนี้จะรู้สึกโมโหเนื่องจากถูกกระทำเหมือนเป็คนโง่ และระบายความโมโหลงที่ตัวเหลียนเหล่ยมากขึ้นหลายเท่าแทน ทั้งในตอนนั้นฉินซีก็จะได้รับความเห็นใจจากผู้คนเป็จำนวนมากด้วย
ฉินซีเผยยิ้มออกมา เดิมทีเขาก็ไม่ได้สนใจคิดมากถึงปัญหาเหล่านี้
เหลียนเหล่ยหุนหันพลันแล่นเกินไป ถึงขนาดปล่อยให้อารมณ์ขึ้นมาบังตา ทำเหมือนตัวเองสูงส่งเสียยิ่งกว่าอะไร ความจริงแม้แต่คนที่เป็อย่างเทพเ้าก็ยังคงรู้จักถ่อมตน ดังนั้นอย่าได้พูดถึงคนหน้าใหม่ที่เพิ่งดังขึ้นมาเลย การจะตั้งตัวเป็ศัตรูกับคนที่กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งแบบเขา ขอโทษนะ แต่เขาไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่ายๆ แบบนั้น!
ฉินซีวางโทรศัพท์ลง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำในห้องน้ำของห้องพักผู้ป่วย
แม้จะเดินได้ยากลำบาก แต่เขาก็ต้องไปอาบน้ำ หลังจากนั้นทางที่ดีก็ควรทำให้เกาจิ้งพาออกไปจากโรงพยาบาลให้ได้ด้วย จากนั้นก็ถือโอกาสไปพบทังเจ๋อ การเริ่มลงมือจากทังเจ๋อเป็ช่องทางที่สะดวกที่สุด เขาจะตัดหนทางเื้ัของเหลียนเหล่ยเสียก่อน แล้วค่อยโจมตีกลับไปให้หนัก ถึงตอนนั้นคนที่ถูกจัดการจนร่วงลงไปคลุกดินก็จะเป็เหลียนเหล่ย
ตอนที่เกาจิ้งมาถึงโรงพยาบาล เพราะตอนที่โทรมาหาฉินซี เขาก็เพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศตามคำแนะนำของฉินซีที่ว่า ให้ไปตามหาคนที่มีความสามารถจากต่างประเทศมาร่วมงานที่บริษัทเกมของเขาด้วย! เกาจิ้งต้องเดินทางมาหาฉินซีที่โรงพยาบาลอีก เขาจึงรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาก
ต้องบอกว่าฉินซีช่วยเขาเอาไว้มาก เขามอบช่องทางการติดต่อ รวมถึงบอกความชอบของแต่ละคนมาให้เขา ทำให้เกาจิ้งสามารถใช้เงินทุนจำนวนมากเชิญพวกเขามายังบริษัทของตัวเองได้อย่างราบรื่น เกาจิ้งไม่ได้ขาดแคลนเงิน สิ่งที่เขาขาดคือผู้มีความสามารถต่างหาก!
หลังจากทั้งหมดผ่านไปอย่างราบรื่นแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าเกิดปัญหาอะไรกับฉินซี เขารีบโทรหาฉินซี และยังอยากจะเชิญฉินซีมาทานข้าวเพื่อเป็การตอบแทนด้วยความตื่นเต้น
เกาจิ้งไม่เหมือนพวกลูกหลานเศรษฐีคนอื่นๆ เขาจริงใจกับเพื่อนของตน และตอนนี้ฉินซีก็ถูกลากเข้าไปในขอบเขตของคำว่า ‘เพื่อน’ ของเขาแล้ว
เขาเดินไปตามทางที่พยาบาลบอก เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพักผู้ป่วย เขาก็ยกมือขึ้นเคาะประตู แต่ใครจะรู้ว่าเพียงเคาะไปครั้งแรกประตูก็เปิดออกแล้ว ในตอนนั้นเกาจิ้งถึงได้รู้ว่าประตูไม่ได้ล็อกไว้ เมื่อเข้าไปแล้ว ก็เห็นว่าบนเตียงผู้ป่วยไม่มีใครอยู่ เกาจิ้งใจนสะดุ้ง ในหัวของเขานึกถึงความเป็ไปได้ที่จะเกิดเื่ไม่คาดฝันกับฉินซีขึ้นมา
ในตอนที่สีหน้าของเกาจิ้งเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย และกำลังจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาคนอื่นนั้น เสียง “แกร่ก” ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เกาจิ้งใจนมือสั่น รีบถอยหลังไปหลายก้าว การตอบสนองนี้ดูน่าอายอยู่มาก ความอับอายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเกาจิ้ง หลังจากนั้นเขาก็ได้เห็นชายหนุ่ม ไม่สิ... ความจริงจะบอกว่าเด็กชายก็ได้ เด็กชายที่รูปร่างสูงโปร่งดูค่อนข้างผอมเดินออกมาจากห้องน้ำด้านหลังตัวเขา
เกาจิ้งไม่รู้ว่าตัวเองเป็อะไรไป วินาทีที่เขาสบตากับอีกฝ่ายก็อดจะหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้
ฉินซีเพิ่งอาบน้ำเสร็จ หยดน้ำที่ไหลลงมาตามเรือนผม และบนร่างส่องประกายพร่างพราว ผิวกลายเป็สีชมพูหลังจากได้อาบน้ำอุ่น เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ภาพตรงหน้าให้ความรู้สึกบางอย่าง… ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก… เกาจิ้งเคลื่อนสายตาหลบไปอย่างไม่รู้ตัว “ทำไมนายถึงมาอาบน้ำในโรงพยาบาลล่ะ?”
คำพูดทักทายในตอนแรกของฉินซีถูกกลืนลงไป ก่อนจะตอบกลับเกาจิ้ง “เมื่อวานเหงื่อออกเยอะน่ะครับ” เพราะเจ็บมากขนาดนั้น เหงื่อจะไม่ออกมาเยอะได้อย่างไร? และาแของเขาที่ถูกััก็ควรจะอาบน้ำ ไม่อย่างนั้นคงจะยิ่งแย่ลง
“ถ้าแบบนั้น… แบบนั้น ฉันจะรับนายไปทานข้าวได้ไหม?” เกาจิ้งถามไปด้วยน้ำเสียงเหลอหลา แล้วคิดขึ้นได้ว่าตอนเข้ามา ตัวเองลืมซื้อของกินมาด้วย
“อันนี้ น่าจะต้องถามคุณหมอนะครับ” ฉินซียิ้มพร้อมกับชี้ ไปยังหมอวัยรุ่นในชุดกาวน์สีขาวที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าบึ้งตึง