ฉินซีไม่ได้เจอหมอที่มีความรับผิดชอบขนาดนี้มานานแล้ว เขาหลบสายตาตำหนิในความไม่รักตัวเองจากหมอโดยสัญชาตญาณ หลังจากนั้นก็ผลักตัวเกาจิ้งออกไป
เกาจิ้งที่ไม่รู้เื่พยายามร้องขอพาตัวฉินซีออกไปด้านนอกสักพักท่ามกลางสายตาเยือกเย็นของหมอหนุ่มในชุดกาวน์สีขาว หลังจากเจรจาต่อรองกันไปหลายครั้ง ฉินซีก็เปลี่ยนไปใส่ชุดสบายๆ และตามเกาจิ้งออกไปจากโรงพยาบาลอย่างเชื่องช้า เพียงเพื่อสิ่งนี้ เกาจิ้งถึงกับยกมือสาบานว่าจะพาฉินซีกลับมาอย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนก่อนสามทุ่ม
ทั้งสองเดินออกจากประตูใหญ่ของโรงพยาบาล เกาจิ้งอดสบถออกมาไม่ได้ “ให้ตายเถอะ! ทำไมหมอของนายถึงทำหน้าเหมือนกลัวฉันจะพานายหนีไปอย่างนั้น...”
ฉินซีนั่งอยู่บนรถ BMW ที่เกาจิ้งขับมา เขามองกระจกด้านขวาและขยับจัดคอเสื้อของตัวเอง “คงเป็เพราะผมป่วยหนักไม่เบาน่ะสิครับ...” ตามอาการาเ็ของเขา ก็เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลไปตามใจได้
เกาจิ้งหลุดหัวเราะออกมา “นายอย่ายอมรับว่าสมองของตัวเองมีปัญหาสิ” คำว่า ‘ป่วยหนักไม่เบา’ มันยังมีความหมายแฝงอย่างอื่นอีก
เกาจิ้งหมุนพวงมาลัยขับไปยังทางออกอีกทาง “ไม่ใช่ว่านายได้รับาเ็เหรอ? ทำไมถึงอยากไปหาอะไรกินที่สถานบันเทิงยามว่างแบบนั้นอีก? พูดกันตามจริง ที่นั่นทั้งวุ่นวายแล้วยังเสียงดังโหวกเหวกมากด้วยนะ” เกาจิ้งมองแขนขวาที่ยังอยู่ในเฝือกของฉินซีด้วยความลำบากใจ
ฉินซีขยับแขนโบกไปมาสบายๆ ราวกับนั่นไม่ใช่แขนของเขา “ไม่เป็ไรหรอก ผมจะแวะไปหาคนคนหนึ่งด้วย”
เกาจิ้งรู้สึกเสียใจขึ้นมาโดยไม่รู้ถึงสาเหตุ เขาคิดว่าตัวเองก็เกิดมามีชาติตระกูล และฐานะที่ดิ้นรนมาด้วยตัวเองในทุกวันนี้ก็ไม่ได้ต่ำต้อย ทั้งยังหล่อเหลา เป็ถึงตัวอย่างของวัยรุ่น มีคนมากมายอยากจะร่วมทานอาหารกับเขาทว่ากลับไม่มีโอกาส แต่สำหรับฉินซีแล้ว แม้เขาจะเป็ฝ่ายชวนไปทานอาหารเองก็ยังไม่ได้รับความสำคัญอยู่ดี!
แต่ถึงแม้จะเสียใจ เกาจิ้งก็ยังคงทำไปตามที่ฉินซีบอก เขาขับรถไปยังสถานบันเทิงที่มีชื่อว่า ‘ซือฮุ่ย’
สถานบันเทิงระดับสูงแบบนี้ ปกติแล้วจะถูกเตรียมไว้เพื่อคนในระดับสูง มันคือสถานที่ที่มีไว้รับรองเพื่อนหรือแขกโดยเฉพาะ คุณจะได้รับความสนุกทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็ในแง่ของด้านสว่างหรือด้านมืดก็ตาม และหากเป็แขกประจำของที่นี่ นั่นก็ยิ่งทำให้คุณได้เล่นสนุกจนพอใจ
ที่ฉินซีจะไปสถานที่แบบนั้น เป็เพราะเมื่อชาติก่อนเขาเคยได้ยินมาว่า ท่านทังเจ๋อคนนี้ชอบไปใช้บริการที่นี่มาก ถ้าคืนนี้ไม่ได้เจอท่านทังที่นี่ ก็ถือว่าได้ก้าวเท้าเข้าไปเหยียบที่นั่นเป็วันแรก หลังจากนั้นก็หาเวลามาบ่อยสักหน่อย ถึงอย่างไรก็ต้องได้เจออีกฝ่ายสักวันแน่
ฉินซีวางแผนทั้งหมดไว้ในใจ และไม่ได้นึกเลยว่าเกาจิ้งที่ขับรถอยู่จะแอบคิดอะไรเกี่ยวกับตัวเองขึ้นมา
เกาจิ้งสงสัยในตัวตนของฉินซีมาก หลังจากวันที่ฉินซีได้บอกวิธีการแก้ปัญหาของบริษัทมาให้ เขาก็ไปสืบค้นตัวตนของฉินซีมาก่อนแล้ว เพียงแต่เขาพบเพียงผู้จัดการที่แนะนำฉินซีเข้ามามีความสัมพันธ์กับพ่อของฉินซีอย่างแน่นแฟ้น และที่บ้านของฉินซีก็ไม่ได้เป็ตระกูลร่ำรวยอะไร รวมทั้งไม่ได้มีชื่อเสียงทางการเมืองด้วย สรุปแล้วก็คือ ฉินซีไม่ควรจะรู้จักกับคนแบบนี้ และคนธรรมดาอย่างฉินซีก็ไม่ควรรู้จักสถานที่ที่พวกคนระดับสูงคุ้นเคยดีอย่าง ‘ซือฮุ่ย’ ด้วย
ในตัวของฉินซีมีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่?
เกาจิ้งรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นระรัวอย่างไม่อาจห้าม ราวกับจะกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นถึงความลับที่ฉินซีปิดบังไว้
“ถึง... ถึงแล้ว” เกาจิ้งจอดรถ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างอดไม่ได้ บางทีนั่นอาจจะเป็ความสับสนจากส่วนลึกของจิตใจ แต่แน่นอนว่าความรู้สึกนี้ถูกเขามองข้ามไปแล้ว
หน้าสถานบันเทิงมีรปภ. เข้ามาเชิญทั้งสองลงจากรถ หลังจากนั้นเด็กขับรถก็ขับรถออกไปหาที่จอด เกาจิ้งบอกชื่อตัวเองไป แล้วพาฉินซีเข้าไปข้างในอย่างราบรื่น รอจนเดินเข้าไปแล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดคุยกับเกาจิ้งด้วยรอยยิ้ม “นี่คุณชายเกาใช่ไหมคะ?”
ชายเกา? [1]
คิก
ฉินซีพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้
เกาจิ้งรู้สึกถึงการกระทำของฉินซี ก็เหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกอับอายขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นเกาจิ้งก็ต้องคงไว้ซึ่งความสง่าของคุณชายตระกูลร่ำรวยออกมา แล้วตอบผู้หญิงคนนั้นกลับไปว่า “อืม” ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเรียบนิ่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทางฝั่งฉินซีไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร คนที่อยู่ในระดับนี้ต่างก็มีหน้ากากมากมายนับไม่ถ้วน พวกเขาสามารถเปลี่ยนสีหน้าได้ตลอดเวลา และพวกคุณชายร่ำรวยก็ไม่ได้มีท่าทางแบบนี้อยู่แล้วหรอกเหรอ? ท่าทีทำให้ทุกคนรู้สึกว่าไม่อาจเข้าถึงพวกเขาได้
ฉินซีไม่ได้อิจฉาเลยสักนิด
บางทีคนพวกนี้อาจมีชาติตระกูลดีมาั้แ่เกิด แต่เขาก็ไม่ได้จำเป็ต้องมี ฉินซีจึงสงบเยือกเย็นมาก
ท่าทางแบบนี้ของเขาทำให้ผู้หญิงคนนั้นต้องมองฉินซีให้มากขึ้น คนที่ทำงานอยู่ในสถานบันเทิงอย่างเธอต้องจำใบหน้าพวกคนในระดับสูงได้เป็อย่างดี เพื่อเลี่ยงการเผลอไปทำอะไรให้พวกคุณชายไม่พอใจ ดังนั้นหลังจากได้เห็นหน้าของฉินซีแล้ว เดิมทีเธอคิดว่าฉินซีเป็เพียงคนรักลับๆ ข้างกายของเกาจิ้ง หรืออาจเป็พวกคนที่อยากจะมาเกาะหาผลประโยชน์เท่านั้น
แต่ใครจะรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้กลับสงบนิ่งราวกับเข้ามาสถานที่แบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน แม้จะไม่ได้มีความสง่าอย่างพวกคนที่เกิดมาในตระกูลสูงส่ง แต่ท่าทางที่มีเอกลักษณ์ของเขา ก็ทำให้เขาไม่ได้ดูอ่อนแอในสถานที่แห่งนี้เลยแม้แต่น้อย
แปลกจัง… ผู้หญิงคนนั้นถอนหายใจในใจ ก่อนจะนำทั้งสองเข้าไป
“คุณชายเกาจะไปห้องที่ไปประจำไหมคะ?” ผู้หญิงถามขึ้น
ห้องที่ไปประจำเหรอ? ฉินซีอดหันไปมองเกาจิ้งไม่ได้ เดิมทีก็แค่รู้สึกระแวงและประหลาดใจเล็กๆ เท่านั้น ทว่าเกาจิ้งกลับถูกสายตาที่มองมานี้ทำเอาใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา ทั้งยังเกิดความรู้สึกอึดอัดราวกับกระทำความผิดครั้งใหญ่แล้วถูกจำได้
“เฮ้อ ไปที่นั่นแหละ” เกาจิ้งพูดออกมาด้วยความอึดอัด
ในสถานบันเทิงระดับสูงแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็การเล่นไพ่ ตีกอล์ฟ ว่ายน้ำหรือโต๊ะพูล ต่างก็เป็เพียงของเล่นเล็กๆ เท่านั้น ความสนุกที่แท้จริงอยู่ที่สาวสวยงามในสระน้ำต่างหาก ไม่ว่าจะเป็แบบไหนก็มีทั้งหมด มีคนจำนวนมากที่มักจะเรียกเด็กสาวที่คุ้นเคยเข้าไปร่วมดื่มด้วยเวลาเจรจาธุรกิจ เกาจิ้งมักจะคิดว่าตัวเองอาจถูกฉินซีเข้าใจว่ามา ‘เล่นสนุก’ ที่นี่บ่อยๆ ก็ได้ ส่วนเื่ที่ว่าทำไมเขาต้องกังวลขนาดนั้น เกาจิ้งก็ไม่ได้เหลือสมองไปนั่งคิดเื่นี้แล้ว
ไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็พาพวกเขามาถึงหน้าห้องส่วนตัว บนประตูแปะตัวเลข 012 สีแดงเอาไว้
ฉินซีไม่ได้คิดอะไรเื่เกาจิ้งนานแล้ว เมื่อกำลังจะก้าวเข้าห้องไป ฉินซีก็อดถามผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ “วันนี้ท่านทังจะมาที่นี่ไหมครับ?”
ผู้หญิงคนนั้นประหลาดใจไปเล็กน้อย ตอนแรกเธอใเพราะน้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นเคยของฉินซี หลังจากนั้นก็ต้องใที่ฉินซีกล้าถามถึงท่านทังขึ้นมา หรือเธอจะมองผิดไป? เด็กชายคนนี้แค่มาเกาะหาผลประโยชน์จริงๆ เหรอ? ทั้งยังกล้าคิดจะเกาะไปถึงท่านทังอีก?
โดยไม่รอให้ผู้หญิงคนนั้นได้ตอบกลับ เกาจิ้งก็ส่งเสียงออกมาด้วยความใ “ที่นายมาคืออยากจะเจอท่านทังเหรอ?”
ฉินซีเองก็ไม่ปกปิดอะไร เขาพยักหน้า “มีเื่ต้องรบกวนท่านทังน่ะครับ”
เกาจิ้งลังเลเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ “มันเกี่ยวกับที่นายาเ็หรือเปล่า?”
ฉินซีนิ่งไปชั่ววินาที จากนั้นก็พยักหน้าตอบรับ “ใช่ครับ”
เกาจิ้งพูดขึ้นมาโดยไม่ต้องคิด “เื่นี้จัดการได้ง่ายๆ”
ผู้หญิงคนนั้นเผยยิ้มออกมา “รับทราบค่ะ ถ้าคุณชายเกา้าพบท่านทัง ฉันจะไปเชิญให้เดี๋ยวนี้”
เกาจิ้งมองฉินซี รอจนได้เห็นสีหน้าราบเรียบของอีกฝ่าย เขาก็ขบฟันคิดในใจ ถือว่าตอบแทนน้ำใจของฉินซีก็แล้วกัน ดังนั้นเขาจึงให้ผู้หญิงคนนั้นพาไปหาท่านทัง
ผู้หญิงคนนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉินซีและเกาจิ้งเข้าไปนั่งด้านในห้องส่วนตัว ก่อนจะมีพนักงานเข้ามาจัดของ ให้บริการ และนำเมนูเครื่องดื่มเข้ามาบริการเกาจิ้งอย่างใส่ใจ เกาจิ้งบอกให้ฉินซีสั่งอาหารมาทาน ความจริงฉินซีเองก็เริ่มหิวแล้ว จึงไม่ได้เล่นตัว และสั่งอาหารที่อยากทานเข้ามา
บรรยากาศในห้องดีมาก ห้องนี้มีขนาดถึง 80 ตารางเมตร มีโต๊ะกลมสำหรับทานอาหาร โซฟายาว ทั้งยังมีโต๊ะเล่นไพ่ และห้องพักผ่อนกับห้องน้ำจัดอยู่ในห้องด้วย นี่เรียกได้ว่า ‘หรูหรา’ มากทีเดียว!
การทานอาหารในบรรยากาศแบบนี้ถือว่าไม่เลวเลย ฉินซีทานเข้าไปก่อน เมื่อเกาจิ้งเห็นท่าทางสบายใจของฉินซี ก็ยิ่งไม่เข้าใจขึ้นมาอีก เขาไม่ได้รีบร้อนอยากเจอกับทังเจ๋อหรอกเหรอ? ทำไมถึงทำตัวสบายๆ ราวกับไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลยแบบนี้?
ฉินซีรู้สึกได้ถึงสายตาของเกาจิ้ง ก็เงยหน้าขึ้นยิ้ม “มองผมทำไมล่ะ? ไม่ทานอะไรหน่อยเหรอครับ? เห็นคุณเหนื่อยจากการเดินทางมา คงจะไม่ได้พักผ่อนหรือทานอะไรมาใช่ไหมล่ะ?”
ความคิดในใจของเกาจิ้งค่อยๆ ผ่อนลงไปบ้าง เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม และในตอนนั้นประตูห้องก็เปิดออกพอดี
ความจริงเดิมทีทังเจ๋อก็เป็คนเปิดสถานที่แห่งนี้อยู่แล้ว บังเอิญว่าวันนี้เขาอยู่ที่สถานบันเทิงพอดี ดังนั้นก็เลยมาได้เร็ว ตอนที่เกาจิ้งมา เขาก็รู้อยู่แล้ว ทว่าหลังจากได้ยินคำพูดของผู้หญิงคนนั้น เขาก็ตรงมาโดยไม่ได้วางท่าอะไร
ทังเจ๋อรู้จักปล่อยวางมาดของตัวเองเป็อย่างมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถมาถึงขั้นนี้ได้
“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันอีก” เพียงแต่เมื่อเข้ามา สายตาแหลมคมของทังเจ๋อก็พุ่งมองไปทางฉินซีเป็อย่างแรก
นี่เป็อีกครั้งที่ฉินซีได้พบกับทังเจ๋อ เขายังคงสวมชุดจีนประยุกต์ที่เรียบง่ายเช่นเดิม ท่าทีของเขาดูสง่างามเป็อย่างมาก นี่เป็สิ่งที่ผู้ชายที่เป็นายใหญ่มานานหลายปีจึงจะมีได้ เมื่อผู้ชายคนนี้ยิ้มออกมา มันก็ไม่ได้ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลาย บรรยากาศรอบตัวให้ความรู้สึกราวกับราชสีห์ที่กำลังลอบโจมตีในยามค่ำคืน ทั้งน่าเกรงขามและเต็มไปด้วยอันตราย
ฉินซีค่อยๆ สูดลมหายใจเข้า ก่อนจะยืนขึ้นส่งยิ้มให้ทังเจ๋อ “คุณทัง”
“นั่งลง” ทังเจ๋อไม่ได้ถามว่า ทำไมฉินซีถึงไม่เรียกเขาอย่างที่คนในทางนี้เรียกกันโดยทั่วไป… ท่านทัง
ในสายตาของทังเจ๋อ ใบหน้าของฉินซีราวกับมีชื่อของเฉินเจวี๋ยแปะไว้ เขาเป็เพียงเด็กเลี้ยงธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่ดูเหมือนเด็กเลี้ยงคนนี้จะมีอะไรที่แตกต่างออกไป เขาเห็นว่าเฉินเจวี๋ยให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้เป็อย่างมาก
สายตาของทังเจ๋อเบนไปมองเกาจิ้ง แล้วยิ้มพร้อมถามอีกฝ่าย “ทำไมถึงมากับฉินซีได้ล่ะ?”
ในใจของฉินซีเต้นแรงขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าคนที่มีเื่คิดมากมายในทุกวันอย่างทังเจ๋อจะสนใจว่าเขาชื่ออะไรด้วย กระทั่งสามารถเรียกชื่อของเขาได้อย่างคุ้นปากแบบนี้ นั่นหมายความว่าทังเจ๋อสนใจเื่ของเฉินเจวี๋ยอยู่ตลอด ดังนั้นความสนใจถึงพุ่งมาถึงตัวเขาด้วย
ในตอนนั้นฉินซีถึงได้รู้ว่าในสายตาของคนระดับนี้ พวกเขาไม่อาจมีความลับอะไรได้ ขอเพียงพวกเขาอยากรู้ก็ต้องได้รู้
แต่ฉินซีก็ยังรู้สึกภูมิใจขึ้นมา… ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางรู้ว่าตัวเองกลับชาติมาเกิดใหม่
“ท่านทังกับฉินซีรู้จักกันเหรอครับ?” เกาจิ้งอดถามไม่ได้ เขายังคิดว่าฉินซีอยากจะอาศัยเขาในการแนะนำทังเจ๋อให้อยู่เลย คิดไม่ถึงว่าทั้งสองจะรู้จักกันอยู่ก่อนแล้ว ฉินซีมีความสามารถอะไรกันแน่ ทำไมถึงรู้จักแม้กระทั่งทังเจ๋อ!
ทังเจ๋อพยักหน้า แล้วยิ้มตาหยีถามฉินซี “เอ... หรือว่าเธอจะทะเลาะจนเลิกกับเสี่ยวเจวี๋ยแล้ว?”
เส้นประสาทในสมองของฉินซีเคลื่อนไป ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่า ‘เสี่ยวเจวี๋ย’ นั่นหมายถึงเฉินเจวี๋ย เฮ้อ... ดูเหมือนว่าทังเจ๋อจะอายุมากกว่าพวกเขาอีกระดับหนึ่งทีเดียว!
ทว่าหลังจากนั้นฉินซีก็รู้ถึงความหมายของทังเจ๋อ เขาจะบอกว่าตัวเองกับเกาจิ้งมีความสัมพันธ์กันเหรอ?! นี่มันอะไรกัน? สีหน้าของฉินซีหม่นลง ก่อนจะรีบอธิบายออกมา “ไม่ใช่ครับ คุณทัง”
ทังเจ๋อยิ้มพร้อมกับจ้องมองพวกเขา และไม่ได้พูดให้มากความอีก เขาจัดเสื้อผ้าของตัวเอง จากนั้นก็ทำท่าทีราวกับจะลุกออกไป “เอาเถอะ พวกเด็กวัยรุ่นก็สนุกกันไปเองนะ ฉันขอตัวก่อนล่ะ”
ฉินซีรีบส่งเสียงออกมา “วันนี้ผมมีเื่จะขอร้องคุณทังครับ” เขารู้ว่าน้ำใจของคนเราไม่สามารถไปติดกันตามใจได้ แต่ในเมืองหนิงชื่อนี้ ถ้าเขาไม่อยากจะติดต่อกับจี่อวี้เซวียน การเลือกทำความรู้จักกับทังเจ๋อก็เป็ตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว!
“อ้อ? ถ้าเธอมีเื่อะไร ทำไมไม่ไปขอร้องเสี่ยวเจวี๋ยล่ะ ยังต้องมาขอร้องฉันอีกเหรอ?” สายตาของทังเจ๋อเผยประกายแหลมคมจับจ้องไปยังฉินซี
เพียงแต่น่าเสียดายที่ทังเจ๋อต้องผิดหวัง ฉินซียังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ฉินซีไม่ได้ทะนงตนและไม่ได้ถ่อมตน เขาไม่ได้หวั่นไหวเลยสักนิด ราวกับเดิมทีเขาก็ไม่ได้เกรงกลัวท่าทางของทังเจ๋ออยู่แล้ว
หาได้ยากจริงๆ!
ทังเจ๋ออดชมเชยฉินซีขึ้นในใจไม่ได้
……
[1] คุณชายเกา มีตัวจีนคือ 高少 ซึ่งออกเสียงใกล้เคียงกับคำว่า 高烧 ที่แปลว่า ไข้สูง