เต๋อเฟยกระพริบแววตาที่ผิดหวังขณะที่ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มบางๆ “ขอบพระทัยฝ่าาที่ทรงห่วงใยหม่อมฉันเพคะ”
หนิงมู่ฉือเห็นสถานการณ์เป็เช่นนี้รู้ทันทีว่านางล่วงเกินเต๋อเฟยเข้าให้แล้ว ดูท่าต่อไปเส้นทางในวังหลวงของนางจะไม่ราบรื่น ได้ยินฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินทรงยกหน้าที่การทำอาหารต้อนรับแขกต่างแคว้นให้นาง หลังจากนี้นางจะทำอันใดควรต้องระวังตัว
ซูเฟยจ้องมองหนิงมู่ฉือด้วยพระเนตรน่ากลัว “ยังจะอยู่ที่นี่ต่ออีก! ยังไม่รีบไปทำหน้าที่ของเ้าอีก!”
หนิงมู่ฉือได้ยินประโยคนี้ของซูเฟยดั่งได้รับการปลดปล่อย ถวายบังคมลาฮ่องเต้และสี่ราชชายา จากนั้นเดินออกจากตำหนักไป นางเดินอยู่ในวังเพียงผู้เดียว ในมือถือป้ายคำสั่งที่จางกงกงให้เอาไว้ มองหารถม้าของตำหนักอ๋อง
หนิงมู่ฉือเดินอย่างสุขใจไปตามทาง ในสมองนึกถึงท่าทางของสี่ราชชายาที่ได้เจอเมื่อสักครู่ อดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา “นึกว่าสี่ราชชายาจะมีนิสัยสมตำแหน่ง ดูท่าที่ท่านพ่อกล่าวกับข้าตอนยังอยู่จะถูกต้อง ในวังมีอันตรายรอบด้าน โชคดีนักที่ข้าไม่ได้เป็หนึ่งในสี่ราชชายา”
ทันใดนั้นนางได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินอย่างเร่งรีบจากด้านหลัง นางรีบสอดมือเข้าไปในแขนเสื้อ หรือจะเป็เพราะประโยคเมื่อสักครู่ของนาง ในวังมีแต่อันตรายรอบด้านจริงๆ ด้วย
นางพบว่าด้านหลังมีเงาคนเดินตามมาสามสี่คน นางรีบเร่งฝีเท้า ทำให้ขันทีที่เดินตามด้านหลังไม่ทันตั้งตัว
เมื่อเห็นหนิงมู่ฉือเร่งฝีเท้าอย่างไม่คิดชีวิต ขันทีผู้หนึ่งใช้เสียงเล็กแหลมราวกับสตรีเอ่ยสั่งพรรคพวกของตัวเอง “พวกเ้ารีบไปจับสตรีเ้าเล่ห์นั้นไว้! เต๋อเฟยมีทรงรับสั่งว่าจะตบรางวัลให้นางอย่างงาม!”
หนิงมู่ฉือได้ยินดังนั้นก็อุทานอย่างใ นางก่อเื่ใหญ่เข้าแล้วจริงๆ เห็นคนด้านหลังไล่ตามมาประหนึ่งสุนัขบ้าคลั่ง ในใจนางคิดหาวิธีเอาตัวรอดอย่างว่องไว
นางหยุดเดินกะทันหัน หันไปหาเหล่าขันที ขันทีเห็นนางหยุดเดินถึงกับทำอันใดไม่ถูก
นางส่งยิ้มให้ก่อนเป็อันดับแรก จากนั้นเอ่ยประจบ “พวกท่านทั้งหลาย เหตุใดถึงตามข้าที่เป็สตรีอ่อนแอมาเช่นนี้ มีเื่อันใดหรือ”
ขันทีใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็หัวหน้าได้ยินประโยคประจบก็เบ้ปากอย่างยโส กล่าวกับขันทีคนอื่นอย่างถือดี “พวกเ้า เต๋อเฟยทรงมีรับสั่งว่า ขอแค่มัดพาตัวนางผู้นี้ไปได้เป็พอ”
ครั้นหนิงมู่ฉือเห็นขันทีทั้งหลายกำลังเดินตรงเข้ามาหานาง นางรีบคว้าแขนเสื้อของขันทีผู้เป็หัวหน้า เอ่ยอปะเหลาะ “พี่ชาย ท่านอยากให้ข้าไปพบเต๋อเฟย ข้าตามไปก็ได้ เหตุใดถึงต้องมัดข้าด้วยเล่า ไม่เหนื่อยหรือ”
ขันทีใหญ่ผู้นี้มองหนิงมู่ฉืออย่างไม่ชอบใจ “นับว่าเ้าตามีแวว ถึงอย่างไรพวกข้าก็ต้องทำตามกฎ เร็วเข้า มัดตัวนางเอาไว้”
หนิงมู่ฉือมองเหล่าบรรดาขันที กัดฟันเอ่ยว่า “ให้ดื่มสุรามงคลไม่ดื่ม ชอบดื่มสุราลงทัณฑ์หรือ เช่นนั้นข้าจะแสดงให้พวกเ้าเห็นถึงความร้ายกาจของสตรีอย่างข้า!”
“เฮอะ เ้าปากดีไม่น้อยเลย ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ พวกเราจัดการนางประเดี๋ยวนี้” เหล่าขันทีตรงเข้าไปหาหนิงมู่ฉืออย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
หนิงมู่ฉือล้วงเข้าไปหยิบของในอกเสื้อ พอเห็นบรรดาขันทีพุ่งตรงเข้ามาหานาง นางหยิบผงจากในอกเสื้อออกมา
บรรดาขันทีที่ถือเชือกเดินตรงไปข้างหน้า เอ่ยด้วยสีหน้ายโสโอหัง “เ้ายอมเชื่อฟังเสียดีๆ จะได้ไม่ต้องลำบาก กล้าล่วงเกินเต๋อเฟย ใจกล้าไม่น้อย”
หนิงมู่ฉือส่งยิ้มให้บรรดาขันทีพร้อมกับก้าวเท้าถอยหลัง เห็นบรรดาขันทีเข้ามาในระยะจึงสาดผงในมือออกไป
บรรดาขันทียกมือปิดใบหน้าตัวเอง ลงไปนอนกองกับพื้นพลางร้องโอดโอย ขันทีใหญ่เห็นดังนั้นก็วิ่งเข้าไปหาบรรดาขันทีทันที
หนิงมู่ฉือกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “นี่คือผงพิษที่ข้าทำขึ้นมาเอง ให้ดื่มสุรามงคลไม่ชอบ ชอบดื่มสุราลงทัณฑ์[1] เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าโเี้!”
ขันทีใหญ่เห็นหนิงมู่ฉือสาดผงพิษอีกครา รีบหลับตาทันที หนิงมู่ฉือจึงฉวยโอกาสนี้วิ่งหนีออกจากตรงนั้น
หนิงมู่ฉือตบผงพริกไทยและผงพริกที่อยู่ในมือด้วยความรักเอ็นดู นึกถึงภาพบรรดาขันทีตื่นตระหนกกันจ้าละหวั่นก็นึกลำพองใจ
ทางเดินออกจากวังของนางต่อจากนี้ราบรื่นยิ่งนัก เดินมาถึงประตูวัง นางหยิบป้ายคำสั่งออกจากวังออกมา ที่หน้าวังนางเห็นจ้าวซีเหอนั่งอยู่บนรถม้า มองมาที่นางด้วยแววตาเอาแต่ใจ
ใบหน้านางพลันขึ้นสีแดง เห็นจ้าวซีเหอ ในใจนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
นางรู้สึกคันยุบยิบที่ดวงตาจึงยกมือขยี้ตา กลับลืมไปเสียสนิทว่าในมือยังมีผงพริกไทยและผงพริกอยู่
นางรู้สึกเจ็บตา ทรมานจนต้องลงไปนั่งกองกับพื้น เอาหน้าซุกกับเข่า
จ้าวซีเหอเห็นท่าทางของหนิงมู่ฉือ เขารีบะโลงมาจากรถม้าทันควัน ปรี่เข้าไปหาก่อนจะเอ่ยวาจาหยอกล้อ “เป็อันใด เห็นข้าแล้วหลงไหลได้ปลื้มจนลืมตาไม่ขึ้นเชียวหรือ!”
หนิงมู่ฉือร้องไห้ด้วยความเ็ป จ้าวซีเหอเห็นดังนั้นในใจรู้สึกเป็ห่วง หากแต่ปากยังคงเอ่ยหยอกล้อเช่นเดิม “เห็นข้าแล้วถึงกับซึ้งใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ!”
หนิงมู่ฉือในตอนนี้รู้สึกเจ็บตาเหลือเกิน ในใจก่นด่าจ้าวซีเหอว่าช่างโง่งมเหลือเกิน แต่ปากกลับเอ่ยออกไปว่า “ซื่อจื่อ! บ่าว้าน้ำประเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ!”
จ้าวซีเหอได้ยินเสียงเจือแววสะอื้นของหนิงมู่ฉือ ในใจร้อนรนเป็อย่างยิ่ง รีบเข้าไปหาน้ำในรถม้า ท้ายสุดนำน้ำใส่กระบอกไม้ไผ่แล้วยื่นไปตรงหน้านาง
“เ้าควรขอบคุณข้าที่ช่วยเอาน้ำมาให้ ขอบคุณที่ข้าเอาใจใส่ ใจกว้าง และอ่อนโยน”
หนิงมู่ฉือไม่รอให้จ้าวซีเหอกล่าวจบ แย่งกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำมา หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากในอกเสื้อ เทน้ำใส่ผ้าเช็ดหน้า แล้วค่อยๆ เช็ดตา
จ้าวซีเหอคิดในใจว่าหนิงมู่ฉือช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ทว่าพอเห็นนางทำเช่นนี้ถึงกับอึ้งไป
ดวงตาของนางแดงก่ำ แม้แต่ใบหน้าก็ยังแดง ทั้งน้ำตายังไหลออกมาไม่ขาดสาย เขาเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางก็นึกเป็ห่วงขึ้นมา
[1] ให้ดื่มสุรามงคลไม่ชอบ ชอบดื่มสุราลงทัณฑ์ อุปมาว่าพูดด้วยดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้