แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม เฟิ่งเฉี่ยนยังคงถูกเชิญตัวเข้าไปในจวนสกุลมู่
มู่ชิงเซียวสองพี่น้องเข้าไปรายงานก่อน เฟิ่งเฉี่ยนรออยู่หน้าประตูห้องนอนของมู่ไท่ฟู่ นางพอจะได้ยินเสียงสนทนาระหว่างสองพี่น้องรางๆ มู่ชิงเซียวเน้นย้ำว่านางเป็คนที่เซวียนหยวนเช่อมาส่งด้วยตนเอง จำเป็ต้องให้ความสำคัญ ทว่ามู่ชิงหว่านกลับพูดถึงนางในทางที่ไม่ดีั้แ่ต้นจนจบ ในวินาทีนี้นางกลับคาดหวังให้คนในสกุลมู่เชื่อคำพูดของมู่ชิงหว่าน เห็นนางเป็คนไร้ประโยชน์หรือสิบแปดมงกุฏก็ได้แล้วจับตัวโยนออกไปนอกจวน หากเป็เช่นนี้นางย่อมมีเหตุผลกลับไปแจ้งแก่เซวียนหยวนเช่อ
ทว่าเื่ราวไม่เป็อย่างที่คิด มู่ชิงเซียวออกมาอย่างรวดเร็ว เขาเดินนำนางเข้าไปอย่างมีมารยาท
“ท่านปู่ของข้าได้ยินว่าแม่นางเป็หมอที่ฝ่าาทรงส่งมาจึงรู้สึกยินดียิ่ง ให้ข้าเชิญแม่นางเข้าไปในเรือนทันที”
“ที่จริง...ข้าไม่ใช่ท่านหมออันใด” เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มขื่น
มู่ชิงเซียวคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้นาง “แม่นางถ่อมตัวแล้ว”
ข้าไม่ได้ถ่อมตัวจริงๆ นะ—
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
มู่ชิงเซียวพลันถามขึ้นว่า “ยังไม่ทราบว่าควรจะเรียกขานแม่นางว่าอย่างไรดี”
“ข้าชื่อ เฟิ่งเฉี่ยน”
มู่ชิงเซียวตะลึงเล็กๆ “แม่นาง สกุลเฟิ่งหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนกำลังจะพยักหน้า มู่ชิงหว่านเดินออกมาจากในห้องแล้วพูดแทรกขึ้นทันที “สกุลเฟิ่ง เป็สกุลของชนชั้นสูง นางเป็แค่นางกำนัลเล็กๆ คนหนึ่ง ฐานะและชาติกำเนิดต่ำต้อย ไฉนจะมาจากสกุลเฟิ่งได้ ตามที่ข้าดูแล้ว นางมาจากสกุลเฟิงกระมัง!”
มู่ชิงเซียวมองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยแววตาคลางแคลงใจ เขากำลังรอคอยคำตอบจากนาง
เฟิ่งเฉี่ยนหางคิ้วกระตุก นางใคร่ครวญครู่หนึ่ง หากนางยอมรับว่าตนเองมาจากสกุลเฟิ่ง พวกเขาย่อมต้องเกี่ยวโยงไปถึงฐานะฮองเฮาของนางอย่างรวดเร็ว ฮองเฮาของราชวงศ์แต่กลับแต่งกายในอาภรณ์ของนางกำนัล นี่ถือเป็การเสียหน้าอย่างยิ่งยวด หากนางไม่อาจรักษามู่ไท่ฟู่ให้หายได้อีกเล่า จะไม่ใช่เสียหน้ายิ่งกว่าเดิมหรอกหรือ อย่างไรก็เป็พวกเขาที่คาดเดากันเอาเอง ไม่ใช่ข้ามีเจตนาจะโป้ปด กล่าวโทษข้าไม่ได้นะ!
นางไอแค่กๆ สองครั้ง จากนั้นจึงจงใจหันเหหัวข้อสนทนา “มู่ไท่ฟู่มิใช่รอพบข้าอยู่หรือ พวกเรารีบเข้าไปจะดีกว่า อย่าให้ผู้าุโรอนานเลย”
สองพี่น้องเห็นเช่นนี้จึงเข้าใจตรงกันโดยไม่ต้องเอ่ยวาจา ล้วนตัดสินว่านางมาจากสกุลเฟิง
ในห้องนอน มีคนยืนอยู่ห้าถึงหกคน แต่ละคนขมวดคิ้วแน่นเป็ปมล้วนมองไปยังชายชราท่านหนึ่งที่กำลังนอนอยู่บนเตียงไม่ไกลออกไป
อาจารย์ผู้มีพระคุณของเซวียนหยวนเช่อ มู่จงชิ่ง
ผู้าุโท่านนี้เส้นผมและหนวดเครากลายเป็สีขาว นอนอยู่บนเตียง ทว่าสีหน้าไร้ซึ่งสีเื ลมหายใจรวยริน ลมหายใจหนึ่งยาว ลมหายใจหนึ่งสั้น ดูท่าทางแล้วพร้อมที่จะจากโลกนี้ในทุกวินาที
เดิมทีเฟิ่งเฉี่ยนเดินเข้ามาด้วยความรู้สึกอิหลักอิเหลื่อ ทว่าเมื่อได้เห็นสภาพของผู้าุโแล้ว จึงอดที่จะลอบทอดถอนใจไม่ได้พร้อมกับบังเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นมาหลายส่วน
“ท่านปู่ แม่นางเฟิงมาแล้วขอรับ” มู่ชิงเซียวก้าวขึ้นมาพูด
ชายชราลืมตาขึ้นมองมาทางเฟิ่งเฉี่ยนด้วยแววตาตะลึงงันและคาดไม่ถึงเล็กน้อย เสียงแหบพร่านั้นเอ่ยขึ้นว่า “แม่นางเฟิงอายุยังน้อยเช่นนี้...”
แสงตาของชายชราหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด เดิมทีเมื่อเขาได้ยินว่าฝ่าาหาท่านหมอมาให้เขาคนหนึ่ง เขายังมีความหวังขึ้นมาหลายส่วน แต่เมื่อเห็นผู้ที่มาอายุน้อยเช่นนี้ เขาไม่คาดหวังอันใดทั้งสิ้นทันที
เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มขออภัยขณะกำลังจะเอ่ยปาก ทว่าบุรุษวัยกลางคนในชุดยาวสีเทากลับชิงพูดขึ้นก่อน “แม่นางเฟิงเป็ท่านหมอที่ฝ่าาส่งมาเอง ย่อมต้องมีวิชาแพทย์ล้ำเลิศแน่นอน ข้าอยากจะเห็นฝีมือทางการแพทย์ของแม่นางให้ที่เป็ประจักษ์แก่สายตาจนแทบทนรอไม่ไหวแล้ว”
ชายชราสวมชุดยาวสีน้ำเงินอีกท่านหนึ่งรับลูกต่อทันที “พวกเรารักษามู่ไท่ฟู่มาเกือบจะหนึ่งเดือน ไม่เห็นว่าอาการของมู่ไท่ฟู่จะกระเตื้องขึ้น เชื่อว่าแม่นางย่อมต้องสามารถคืนชีวิตให้คนใกล้ตายได้ จะต้องทำให้ไท่ฟู่ฟื้นตัวได้แน่นอน”
บุรุษในชุดสีเทารีบกล่าวเสริม “ใช่แล้ว ใช่แล้ว คนที่ฝ่าาแนะนำมา จะต้องมีฝีมือล้ำเลิศ!”
ดูจากภายนอกแล้วท่าทางของคนทั้งสองดูเหมือนเกรงอกเกรงใจ ทว่าในแววตานั้นกลับเต็มไปด้วยแววดูถูกดูแคลน พวกเขาจงใจพูดให้นางดูเลิศเลอ จุดประสงค์ก็เพื่อ้าให้นางตกลงมาจากที่สูงอย่างแรง
“วิชาทางการแพทย์ล้ำเลิศอันใด เมื่อสักครู่นางเองยังพูดว่า นางรักษาไม่ได้! หากปล่อยให้นางทำการรักษาส่งเดช แล้วเกิดอะไรขึ้นกับท่านปู่ เช่นนั้นจะทำอย่างไรเล่า” มู่ชิงหว่านฟังเจตนาแอบแฝงในวาจาของพวกเขาไม่ออก นางจึงพูดจาตรงไปตรงมา “ตามที่ข้าดูแล้วอย่างไรก็โยนนางออกไปดีกว่า! มาจากที่ไหน ส่งกลับไปที่นั่น!”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้าแรงๆ เมื่อกล่าววาจาเห็นด้วย “คุณหนูมู่กล่าวถูกต้องแล้ว ข้ามิใช่ท่านหมอ พวกท่านไปเชิญผู้แตกฉานวิชาแพทย์ท่านอื่นเถิด ข้าน้อยขออำลาก่อน!” พูดแล้ว นางหมุนตัวคิดจะเผ่น
“ซ่วบ—“
เบื้องหน้าพลันมีแสงสีเงินสายหนึ่งวูบเข้าตา กระบี่ยาวเล่มหนึ่งพาดอยู่บนลำคอของนาง!
เฟิ่งเฉี่ยนเงยหน้าขึ้น นางเห็นเพียงสตรีวัยกลางคนขวางอยู่เบื้องหน้านาง สตรีนางนั้นสวมอาภรณ์สีแดง บุคลิกท่าทางห้าวหาญ คิ้วตานั้นกลับเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหาร
“ฝ่าาตัดสินเื่ใดล้วนทำด้วยความรอบคอบ ท่านพ่อเป็อาจารย์ผู้มีพระคุณของฝ่าา พระองค์ไม่มีทางเอาชีวิตของท่านพ่อมาล้อเล่น ในเมื่อพระองค์ส่งเ้ามา เ้าย่อมต้องมีความสามารถ ทรงรู้ว่าเ้าจะต้องรักษาท่านพ่อของข้าได้แน่นอน ตอนนี้เ้าบอกปัดปฏิเสธ หากไม่อยากรักษาท่านพ่อของข้าจะเป็เพราะเหตุใด”
เฟิ่งเฉี่ยนย่อมไม่อาจบอกความจริงไปว่าที่จริงแล้ว ยาช่วยชีวิตนั้นนางได้มาจากการจับรางวัล นางไม่อาจรับรองได้ว่าจะโชคดีจับรางวัลได้ยาสมุนไพรร้อยชนิดอีกสองขวด ดังนั้นภาระหน้าที่นี้นางมิอาจแบกรับ
“ฮูหยิน มิใช่ข้าไม่อยากรักษาไท่ฟู่ ที่จริงแล้วความสามารถมีขีดจำกัด ข้าจึงไม่กล้าแบกรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้”
มู่ฮูหยินแค่นฮึเสียงเย็น “เ้าไม่ต้องมาเสแสร้งกับข้า! ข้าไม่สนว่าเ้าจะมีเหตุผลอันใด ในเมื่อฝ่าามอบเ้าให้กับสกุลมู่ของพวกเรา เ้ายอมรักษาก็ต้องรักษา ไม่ยอมรักษาก็ต้องรักษา!”
กระบี่ยาวในมือของนางพลิกกลับมาพาดลงบนผิวของเฟิ่งเฉี่ยน
“ตอนนี้มีทางเลือกให้เ้าเลือกสองทาง รักษาหรือไม่ก็ตาย! เ้าเลือกเองก็แล้วกัน!”