เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้วน้อยๆ ด้วยความจนใจอยู่บ้าง
นางบอกแล้วว่าตนเองมิใช่ท่านหมอ รักษาไม่เป็ เหตุใดพวกเขาจึงไม่เชื่อนะ
นางส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้มู่ชิงเซียว จากสายตาของนางแล้วในเรือนหลังนี้มีเพียงเขาที่มีจิตใจเมตตาที่สุด
ปรากฏว่าเขาเอ่ยปากจริงๆ ทว่ากลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่นางคาดหวังไว้
“แม่นางเฟิง หากเ้ามีวิธี รบกวนเ้าช่วยรักษาเถิด! มีเพียงเ้าสามารถรักษาท่านได้ ชาตินี้ชิงเซียวยินดีเป็ม้าเป็วัวให้เ้า เชื่อฟังคำสั่งทุกอย่าง!” พูดแล้วเขาคุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่งด้วยสีหน้าจริงใจ
เฟิ่งเฉี่ยนใจนสะดุ้งโหยง นางรีบเข้าไปห้ามเขา “คุณชายมู่ ไม่ได้! ท่านรีบลุกขึ้นมา ข้ารับไม่ไหว!”
มู่ชิงหว่านเองใจนสะดุ้งโหยงเช่นกัน นางรีบเข้าไปประคองพี่ชายขึ้นมา “พี่รอง เหตุใดท่านจึงคุกเข่าให้นางเล่า ท่านรีบลุกขึ้น!”
มู่ชิงเซียวกลับยืนกรานที่จะคุกเข่าอยู่ที่นั่นไม่ยอมเคลื่อนไหว แววตาที่เขามองเฟิ่งเฉี่ยนแน่วแน่มั่นคง
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นท่าทีของเขาแล้วลึกๆ รู้สึกใจอ่อน นางเม้มปากและพยักหน้าในที่สุด “ก็ได้! ข้ารับปากเ้า ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็อย่างไร ข้าจะพยายามสุดความสามารถ!”
“ขอบคุณแม่นางเฟิงมาก!” มู่ชิงเซียวปลาบปลื้มยินดี ใบหน้าคมคายนั้นปรากฏให้เห็นรอยยิ้มอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาถึงจิตใจผู้อื่น
มู่ฮูหยินเก็บกระบี่ยาวกลับไปเช่นกัน
เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกเหมือนตนเองถูกบังคับให้ต้องรับปากอย่างไรอย่างนั้น นางปาดเหงื่อบนหน้าผากแล้วเดินเข้ามาริมเตียง “ไท่ฟู่ ให้ข้าลองจับชีพจรของท่านดูได้หรือไม่”
มู่ไท่ฟู่ให้ความร่วมมือโดยการยื่นมือข้างหนึ่งออกมาจากใต้ผ้าห่มทว่ากลับพูดกับนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เื่เมื่อสักครู่ แม่นางอย่าได้เก็บมาใส่ใจ! ข้าผู้าุโรู้ดีว่าอายุขัยฝืนไม่ได้ อายุขัยได้ถูกกำหนดมาแล้ว หากแม่นางรักษาไม่ได้ข้าผู้าุโย่อมไม่กล่าวโทษเ้า”
เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินเช่นนั้นพลันบังเกิดความซาบซึ้งใจ ั์ตาดำขลับนั้นเปล่งประกายเจิดจ้า นางมองมู่ไท่ฟู่ด้วยแววตาจริงจังและกล่าวว่า “ไท่ฟู่ทำใจให้สบาย ใต้หล้านี้ย่อมไม่อับจนหนทาง!”
วินาทีนี้นางยิ่งตัดสินใจแน่วแน่ที่จะรักษามู่ไท่ฟู่ให้หายดี!
นางวางนิ้วมือลงบนข้อมือของมู่ไท่ฟู่ การจับชีพจรของคนไข้นั้นนางพอจะแตกฉานบ้าง ทว่าจะทำการรักษาด้วยวิธีการใดนั้นนางยังมืดแปดด้าน
“ไท่ฟู่ ชีพจรของท่านบางครั้งเร็วบางครั้งช้า บางครั้งมีบางครั้งไม่มี น่าแปลกเหลือเกิน! อาการเจ็บป่วยของท่านเริ่มขึ้นั้แ่เมื่อใด และหนักเมื่อใด”
มู่ชิงเซียวก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ตอบแทน “ก่อนหน้านี้หนึ่งเดือน ระหว่างทางที่ท่านปู่เดินทางกลับบ้านเกิดหลังจากเกษียณราชการ เดิมทีทุกอย่างล้วนดีทั้งสิ้น ทว่าเมื่อกลับมาถึงบ้านเพียงไม่กี่วันกลับรู้สึกไม่ค่อยสบาย พวกเราต่างคิดว่าเป็เพราะท่านปู่เหน็ดเหนื่อยตรากตรำจากการเดินทาง ท่านหมอมาตรวจทว่าไม่พบอาการอันใด จึงจัดยาบำรุงร่างกายให้สองเทียบ ผู้ใดจะรู้ว่าอาการไม่กระเตื้องขึ้น แต่กลับยิ่งแย่ลงกระทั่งหลายวันนี้ท่านปู่นอนหลับไม่ได้สติทั้งวัน...”
กระบอกตาของเขาแดงก่ำ กล้ำกลืนก้อนสะอื้น
เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินแล้วพลันกระจ่างแจ้ง กระทั่งสาเหตุของอาการเจ็บป่วยก็ยังหาไม่พบ บรรดาท่านหมอจึงทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเริ่มรักษาจากจุดใด!
นางลุกขึ้นยืน “อาการของไท่ฟู่ซับซ้อนจริงๆ อนุญาตให้ข้ากลับไปวินิจฉัยว่าจะรักษาอย่างไรได้หรือไม่”
“รักษาไม่ได้ก็คือรักษาไม่ได้ เสแสร้งอันใดกัน” มู่ชิงหว่านตัดสินนางไปแล้วว่ารักษาอาการไม่ได้
เฟิ่งเฉี่ยนคร้านจะโต้เถียงกับนาง และตอนนี้นางไม่มีวิธีการรักษาจริงๆ มีเพียงรอให้ถึงวันพรุ่งนี้นางทำข้าวผัดไข่อีกสิบจาน หลังจากสะสมคะแนนเพิ่มอีกสิบคะแนน นางก็จะได้ใช้สิทธิ์ในการจับรางวัล
“เซียวเอ๋อร์ เ้าพาแม่นางเฟิงไปห้องพักแขก หลายวันนี้เ้าจะต้องให้ความคุ้มครองแม่นางเฟิงชนิดไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว อย่าให้มีสิ่งใดผิดพลาดต่อนาง!” มู่ฮูหยินไหนเลยจะให้เขาปกป้องนาง ชัดเจนเหลือเกินว่าพวกเขากลัวว่านางจะหนีจึงหาคนมาจับตาดูนางเอาไว้
“ขอรับ ท่านแม่” มู่ชิงเซียวรับคำสั่ง
หลังออกมาจากห้องนอนของมู่ไท่ฟู่ เฟิ่งเฉี่ยนเดินตามมู่ชิงเซียวมาถึงห้องพักแขก ห้องพักแขกตกแต่งอย่างงดงามหรูหรา นอกหน้าต่างมีป่าไผ่ผืนหนึ่งเมื่อลมพัดมานำพาเอากลิ่นหอมสดชื่นมาระลอกหนึ่งส่งผลให้จิตใจปลอดโปร่ง
“แม่นางเฟิงพอใจห้องพักแขกห้องนี้หรือไม่ หากไม่ชอบ ข้าจะเปลี่ยนห้องให้เ้าอีกห้องหนึ่ง”
“ไม่ต้อง ห้องนี้ดีอยู่แล้ว” เฟิ่งเฉี่ยนหันกลับมายิ้มบางๆ ให้เขา
มู่ชิงเซียวตะลึงงัน แม้ใบหน้านางจะมอมแมม ทว่านางกลับมีดวงตาที่เปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวที่ดารดาษเต็มท้องฟ้าคู่หนึ่ง เมื่อนางคลี่ยิ้มบางๆ ดวงตาของนางยิ่งงดงามและสว่างไสว เขาถึงขั้นเกือบละสายตาไปไม่ได้
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ทันได้สังเกตอาการของเขา จึงพูดว่า “คุณชายมู่ ช่วยจัดเตรียมน้ำร้อนให้ข้าได้หรือไม่ ข้าอยากอาบน้ำ”
เมื่อวานเข้าไปในตำหนักเย็นจึงไม่มีโอกาสอาบน้ำ วันนี้ระหกระเหินอยู่ข้างนอกกว่าค่อนวัน ซ้ำยังทาหน้าทาตาดำ สมควรแก่เวลาอาบน้ำแล้ว
มู่ชิงเซียวได้สติ แก้มทั้งสองข้างแดงก่ำอย่างน่าสงสัย เขาพูดอ่อนโยน “ได้ ข้าจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้! แม่นางเฟิงพักผ่อนก่อน ข้าไม่รบกวนแล้ว”
หลังจากเฟิ่งเฉี่ยนมองส่งเขาจากไปแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง นางอดที่จะโอดครวญไม่ได้ “เซวียนหยวนเช่อ ช่างร้ายกาจเหลือเกิน! หากข้ารักษาไท่ฟู่ไม่หาย มู่ฮูหยินต้องเป็คนแรกที่ไม่ละเว้นข้า ถึงเวลานั้นข้าจะชำระแค้นทั้งเก่าและใหม่พร้อมกันทีเดียว! เฮ้อ นี่มันแทบจะผลักข้าให้ถูกย่างอยู่บนกองไฟแท้ๆ!”