หานไท่ฟู่เห็นเช่นนั้นจึงเบียดฝูงชนเข้าไปถึงด้านหน้าพวกเขาด้วยโทสะ เขาชี้หน้าพวกเขาแล้วด่าทอว่า “พวกเ้าแต่ละคนไหล่ห่อคอตก เป็เพราะบิดาตายหรือมารดาตาย ขายหน้าหรือไม่ ข้าจะบอกพวกเ้า แพ้การเดินหมากไม่เป็ไร แต่ไม่อาจแพ้อุดมการณ์! นับแต่นี้ต่อไปเงยหน้าขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ต่อให้แพ้ พวกเราก็แพ้เป็ พวกเราแพ้อย่างสง่าผ่าเผย!”
คนทั้งหกเ้ามองข้า ข้ามองเ้า พวกเขาถูกคำพูดของหานไท่ฟู่เตือนสติ แต่ละคนเงยหน้าขึ้นมา
ฟางเสียพูดอย่างละอายแก่ใจ “ท่านาุโหานพูดถูกแล้ว แพ้ก็ต้องแพ้ให้เป็ พวกเราไม่อาจทิ้งเกียรติและศักดิ์ศรีของนักเดินหมากได้!”
จ้าวฉีหัวเราะขึ้นมา “ถูกต้อง! ก็แค่แพ้การเดินหมากกระดานหนึ่งมิใช่หรือ อย่างมากก็สามปีให้หลังมาเจอกันอีกครั้ง!”
เสียงที่เปี่ยมไปด้วยความถือเนื้อถือตัวดังขึ้นมาจากชั้นบนในตอนนี้ “สามปีให้หลังหรือ ขออภัย เกรงว่าพวกเ้าจะไม่มีโอกาสนั้นแล้ว!”
คนทั้งหมดได้ยินเช่นนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองไปอย่างพร้อมเพรียง เห็นเพียงชายหนุ่มในชุดขาวเส้นผมสีเงินคนหนึ่งเดินลงบันไดมา นาทีนั้นราวกับแสงสว่างทั้งหมดบนโลกนี้ส่องสว่างเพื่อเขาเพียงคนเดียว ช่างดึงดูดสายตายิ่งนัก!
ราวกับเป็เทพเซียน!
ทุกคนมองจนโง่งม
บนโลกนี้ยังมีสิ่งของหายากเช่นนี้อยู่
สำหรับสายตาตกตะลึงของทุกคนนั้น ซือคงเซิ่งเจี๋ยเคยชินมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดินลงบันไดมาอย่างสง่างาม ั์ตาดำขลับนั้นตวัดผ่านทว่ามีเพียงความว่างเปล่า ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของเขายกขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “เพราะข้าไม่สนใจจะเดินหมากกับผู้ที่เคยพ่ายแพ้ต่อข้า!”
ฟางเสียทั้งหกคนหน้าเขียวทันที พวกเขารู้สึกถูกดูแคลนอย่างที่สุด
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเขา พวกเขากลับไม่มีกำลังจะตอบโต้
เพราะตัวพวกเขาเองตระหนักแก่ใจดีว่าตนเองมิใช่คู่ต่อสู้ของเขา
สายตาของทุกคนตกอยู่บนร่างงดงามของเทพเซียนผู้เย่อหยิ่ง ยกเว้นเพียงคนเดียวที่กำลังหมุนกายจะจากไป หมายคิดจะหลบหนีไปขณะที่ผู้อื่นไม่ทันสังเกต...
คนผู้นี้มิใช่ใครอื่น เป็เฟิ่งเฉี่ยน!
เพราะนางจำบุรุษชุดขาวผมเงินคนนี้ได้แล้ว เขาก็คือคนที่ถูกนางชนจนล้มลงในห้องลองเสื้อ เป็บุรุษที่หมดสติเพราะจุมพิตของนาง!
ช่างเป็การพบกันของคู่แค้นบนทางแคบอย่างแท้จริง!
คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็ ซือคงเซิ่งเจี๋ย เซียนหมากผมเงิน นี่มันจะบังเอิญเกินไปกระมัง
ไม่ได้ จะให้เขาพบเห็นนางไม่ได้เด็ดขาด หาไม่แล้วนางพบความยุ่งยากแน่นอน!
แต่กลับมีคนไม่ยอมให้นางสมปรารถนา มีผู้คลั่งไคล้ในหมากล้อมของแคว้นเป่ยเยียนถูกคำพูดอวดดีของซือคงเซิ่งเจี๋ยทำให้เกิดโทสะ เขาพูดเสียงดังว่า “ใครบอกว่าแคว้นเป่ยเยียนของพวกเราไม่มีคนแล้ว พวกเรายังมียอดฝีมือระดับแนวหน้าอีกคนหนึ่ง ยังไม่ได้ลงแข่งขัน!”
คนของแคว้นหนานเยียนส่งเสียงดังเช่นกัน “เชอะ! อย่าคุยโวโอ้อวดไปหน่อยเลย! นักเดินหมากที่ร้ายกาจที่สุดของแคว้นเป่ยเยียนคือฟางเสีย แต่ฟางเสียแพ้แล้ว ไหนเลยจะมีมียอดฝีมือระดับแนวหน้าอันใดอีก”
คนของแคว้นเป่ยเยียน “ใครบอกว่าไม่มี ตอนนี้นางอยู่ที่นี่ด้วย!”
เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินแล้วรับรู้ได้ทันทีว่าแย่แล้ว นางรีบเร่งฝีเท้าเพื่อหลบหนี ใครเลยจะรู้ว่าคนผู้นั้นจะเร็วยิ่งกว่า เขาคว้ามือของนางเอาไว้ได้แล้วร้องะโขึ้นว่า “นางอยู่ที่นี่!”
สายตาของทุกคนพุ่งมาที่ร่างของนางพร้อมๆ กันในชั่วพริบตา
หลังจากเงียบงันไปครู่หนึ่ง รอบๆ เกิดเสียงฮือฮาขึ้น
“ถูกต้อง พวกเรายังมีแม่นางเฟิง!”
“แม่นางเฟิงจึงจะเป็ยอดฝีมือระดับแนวหน้า!”
“แม่นางเฟิง!”
“แม่นางเฟิง!”
“...”
ทุกคนที่อยู่ที่นั่นะโเรียกชื่อนางเสียงดังลั่น
กระทั่งจ้าวฉีและคนอื่นๆ ดวงตาพลันเปล่งประกาย ราวกับมองเห็นความหวังรำไร
จ้าวฉีเป็คนแรกที่ก้าวออกมาพูดว่า “ทุกคนฟังข้า ที่จริงผู้ที่ประลองการเดินหมากกับแม่นางเฟิงเมื่อวานนี้ไม่ใช่ท่านาุโหาน แต่เป็พวกเราทั้งหกคน! นั่นหมายความว่าเมื่อวานแม่นางเฟิงอาศัยความสามารถของตนเองเอาชนะพวกเราทั้งหกคน ความสามารถในการเดินหมากของนางอยู่เหนือพวกเรา นางจึงจะเป็ยอดฝีมือที่แท้จริง!”
เดิมทีเขาคิดว่าต่อให้ตีเขาให้ตายก็จะไม่ยอมพูดออกมา แต่เมื่อสถานการณ์เป็เช่นนี้ เขาจำเป็ต้องพูดเื่นี้ออกมา เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับความอับอายของพวกเขาแล้ว พวกเขา้าวีรบุรุษผู้กล้าที่จะมาโค่นล้มซือคงเซิ่งเจี๋ยให้พ่ายแพ้ และในสายตาของพวกเขา วีรบุรุษผู้นี้มีเพียง แม่นางเฟิง!
นางเป็ความหวังสุดท้ายของพวกเขา!
คนที่มีความเห็นพ้องกับเขายังมีพวกของฟางเสียอีกห้าคน แต่ละคนล้วนก้าวออกมาเป็พยาน
“ถูกต้อง! ผู้ที่ประลองกับแม่นางเฟิงเมื่อวาน เป็พวกเราหกคน!”
“แม่นางเฟิงเพียงคนเดียวทำลายค่ายกลของพวกเราหกคน ศิลปะการเดินหมากลึกล้ำ ในแคว้นเป่ยเยียนไม่มีใครสู้ได้!”
“ถูกต้อง ความสามารถของแม่นางเฟิงอยู่เหนือพวกเรา ชุมนุมเดินหมากแคว้นเป่ยเยียนของพวกเรายังมียอดฝีมือ!”
สุดท้าย ฟางเสียก้าวออกมาพูด “ข้าจำเป็ต้องยอมรับว่าความสามารถในการเดินหมากของแม่นางเฟิงอยู่เหนือข้า! ดังนั้น ข้าไม่ใช่นักเดินหมากอันดับหนึ่งของแคว้นเป่ยเยียน เป็แม่นางเฟิงจึงจะถูกต้อง!”
คนทั้งหมดตกตะลึง
เื่นี้น่าใเกินไป!
“ที่แท้เมื่อวานเป็การต่อสู้ หนึ่งต่อหก หรือ”
“แม่นางเฟิงคนเดียวทำให้นักเดินหมากระดับเก้าทั้งหกคนพ่ายแพ้หรือ นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้วกระมัง”
“มิน่าเล่า ข้าจึงรู้สึกว่าการเดินหมากของท่านาุโหานเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่ค่อยปกตินัก!”
“หากเป็การเดินหมากแทนกัน เช่นนั้นย่อมอธิบายทุกอย่างได้”
“เป็เื่จริงหรือ ท่านาุโหานให้ผู้อื่นเดินหมากแทน”
เวลานี้หานไท่ฟู่ไม่อาจใจเย็นอยู่ได้อีกแล้ว เขาลุกขึ้นมาพูดจา “พวกเ้าพูดไม่ผิด เมื่อวานผู้ที่เดินหมากมิใช่ข้า แต่เป็พวกฟางเสีย แต่ต่อให้เป็เช่นนี้ ฟางเสียพวกเขาก็ยังพ่ายแพ้ให้กับแม่นางเฟิง! แสดงให้เห็นว่า แม่นางเฟิงต่างหากจึงจะเป็อันดับหนึ่งของชุมนุมหมากล้อมแห่งแคว้นเป่ยเยียน!”
คนทั้งหมดส่งเสียงฮือฮาอีกครั้ง
“ที่แท้เป็ความจริงหรือ!”
“แม่นางเฟิงเพียงคนเดียวกวาดนักเดินหมากระดับเก้าถึงหกคน!
“แม่นางเฟิงเก่งกาจเหลือเกิน!”
“หากแม่นางเฟิงประลองกับซือคงเซิ่งเจี๋ย ใครจะร้ายกาจกว่ากัน”
หานไท่ฟู่กระแอมกระไอให้คอโล่ง แล้วพูดอีกว่า “ฝีมือการเดินหมากขององค์ชายสามร้ายกาจจริงๆ สามารถเอาชนะนักเดินหมากระดับเก้าถึงหกคน ทว่าแม่นางเฟิงก็เอาชนะนักเดินหมากระดับเก้าหกคนเช่นเดียวกัน เมื่อเป็เช่นนี้ ทักษะระหว่างแม่นางเฟิงและองค์ชายสาม ทักษะการเดินหมากของใครจะร้ายกาจกว่ากัน เกรงว่ามีเพียงการประลองกันจึงจะรู้ได้!”
ได้ยินเช่นนั้น คนทั้งหมดส่งเสียงฮือฮาอีกครั้ง
“แม่นางเฟิง ประลองกับเขา!”
“แม่นางเฟิง ธงของชุมนุมหมากล้อมแห่งแคว้นเป่ยเยียนจะโบกสะบัดได้อีกครั้ง ล้วนอาศัยท่านแล้ว!”
“แม่นางเฟิง ท่านต้องทำเพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีของแคว้นเป่ยเยียนนะ!”
“แม่นางเฟิง พวกเรารอดูท่านอยู่นะ!”
“...”
กำลังใจจากทุกคนล้นหลาม!
ทุกคนต่างฝากความหวังอันยิ่งใหญ่ไว้กับแม่นางเฟิง
แต่เ้าตัวกลับคับข้องใจอย่างที่สุด
นางไม่อยากแข่งขันกับผู้อื่นสักนิด อีกทั้งยังเป็บุรุษที่นางเคยโถมกายเข้าไปจุมพิตจนหมดสติ!
ตอนนี้นาง้าเพียงพาแมวเทพออกไปจากที่โดยเร็วที่สุด
จากนั้นทุกคนพากันทั้งผลักทั้งดันให้นางขึ้นไปบนเวที นางคิดจะลงมาก็ลงมาไม่ได้
ขณะที่นางกำลังสับสนอยู่นั้น เสียงที่ทำให้นางรู้สึกปวดศีรษะพลันดังขึ้นใกล้ๆ “เ้าก็คือแม่นางเฟิงท่านนั้น”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยเดินผ่านกลุ่มคนเข้ามาหานางช้าๆ
เฟิ่งเฉี่ยนหันหลังให้เขา ไม่กล้าหันหน้ากลับไป ด้วยกลัวว่าเขาจะจำนางได้
หานไท่ฟู่กลับจับหัวไหล่ของนางแล้วบิดร่างของนางให้หันกลับมา “ถูกต้อง นางก็คือแม่นางเฟิง!”
วินาทีที่นางประสานสายตากับซือคงเซิ่งเจี๋ย นางััได้อย่างชัดเจนเลยว่าร่างของเขาสั่นสะท้าน!
ถูกต้อง เขาจำนางได้!