กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเฟิ่งเฉี่ยนกระตุก มุมปากฉีกยิ้มแห้งๆ ออกมา จากนั้นนางยกมือขึ้นโบกให้เขา “เฮ้ ช่างบังเอิญจริง! พบกันอีกแล้ว!”
ริมฝีปากของซือคงเซิ่งเจี๋ยสั่นระริกอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จากนั้นร่างทั้งร่างก็พลอยสั่นสะท้านไปด้วย สายตาที่จับจ้องนางเขม็งราวกับพ่นไฟออกมาได้ ราวกับ้าถลกหนังกลืนกินนางทั้งเป็!
“เป็เ้า” เสียงของเขารอดไรฟันออกมา ทั้งเสียงยังสั่นด้วย
ซือคงจวินเย่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เขาถามขึ้นอย่างแปลกใจ “อาเซิ่ง พวกเ้ารู้จักกันหรือ”
รวมไปถึงหานไท่ฟู่และคนอื่นๆ ต่างประหลาดใจอย่างที่สุด แต่ละคนตั้งใจฟังจนหูตั้ง
ซือคงเซิ่งเจี๋ยถลึงตาใส่เฟิ่งเฉี่ยนเป็พัก เขาพูดขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ในร้านตัดเสื้อ เป็นาง...เป็สตรีคนนี้!”
ซือคงจวินเย่กระจ่างแจ้งทันที สายตาคมปลาบนั้นกวาดผ่านมาแล้วสั่งการทันที “เด็กๆ จับตัวนางเอาไว้!”
องครักษ์สองคนเข้ามาล้อมเฟิ่งเฉี่ยนไว้ทันที เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกได้ว่าไม่เข้าทีแล้ว จึงรีบห้าม “ช้าก่อน!”
องครักษ์สองคนนั้นชะงักฝีเท้า เฟิ่งเฉี่นมองซือคงเซิ่งเจี๋ยแล้วชี้หน้าอย่างไม่พอใจ “นี่ ก็แค่ไม่ทันระวังล้มใส่เ้าแล้วจุมพิตเ้าไปครั้งหนึ่ง ถึงกับต้องสังหารกันหรือ”
ทันทีที่สิ้นเสียง บรรยากาศรอบๆ กายดูเหมือนจะเงียบสนิท
คนทั้งหมดมองเฟิ่งเฉี่ยนและซือคงเซิ่งเจี๋ยด้วยสายตาแปลกประหลาด
ข่าวนี้ราวกับะเิที่ถูกโยนลงมา!
เซียนหมากล้อมแห่งยุคถึงกับถูกสตรีคนหนึ่งโถมเข้าใส่จนล้ม ซ้ำยังถูกบังคับจุมพิตอีก
ผู้คลั่งไคล้หมากล้อมของแคว้นเป่ยเยียนที่เพิ่งจะพ่ายแพ้การเดินหมากถึงกับรู้สึกเบิกบานใจ!
เซียนหมากล้อมอะไร จะเย่อหยิ่งไปไหนกัน
ยังคงถูกผู้อื่นขึ้นคร่อมอยู่นั่นเอง
ภาพลักษณ์ของเฟิ่งเฉี่ยนในใจของแฟนๆ หมากล้อมดูยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก!
แน่นอนว่าทุกคนเพียงแต่คิดในใจ มิได้เอ่ยออกมาเป็วาจา หากเฟิ่งเฉี่ยนได้ยินเสียงในใจของพวกเขา รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ นางจะต้องอาเจียนเป็เืแน่ๆ!
ในใจของแฟนๆ หมากล้อม นางกลายเป็อะไรไปแล้ว
คนหนึ่งเขียนอักษรตัวใหญ่ว่า สตรีจอมลามก มีหรือไม่
ซือคงเซิ่งเจี๋ยได้ยินเช่นนั้น เขาโมโหจนพูดไม่ออก ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านหนักยิ่งกว่าเดิม
ซือคงจวินเย่เดือดดาลยิ่งกว่าเขา น้องชายที่สะอาดบริสุทธิ์ในสายตาของเขา ถึงกับถูกสตรีนางนี้ทำให้แปดเปื้อนไปแล้ว เื่นี้เป็เื่ทนไม่ได้!
“เ้าเป็สตรีน่าไม่อายคนหนึ่ง...”
ไม่รอให้เขาพูดจบ เฟิ่งเฉี่ยนตัดบทขึ้นว่า “อย่างไรเล่า จุมพิตครั้งหนึ่งผิดกฎหมายหรือ จุมพิตครั้งหนึ่งก็ต้องสังหารคนอื่นหรือ ข้ายังไม่ได้ถือสาเลยที่เ้าจุมพิตข้า!”
โอ๊ะ...
คนทั้งหมดตาค้าง
ความสามารถในการพูดจากลับดำเป็ขาวของแม่นางเฟิงจะเหนือชั้นเกินไปแล้ว!
ทั้งๆ ที่เป็นางที่โถมเข้าใส่อีกฝ่ายแล้วจุมพิตอีกฝ่าย ถึงกลับพูดเป็ว่าอีกฝ่ายจุมพิตนาง...
สุดยอด! ช่างสุดยอดจริงๆ!
ซือคงเซิ่งเจี๋ยเติบโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยเห็นสตรีเกเรเช่นนี้มาก่อน ริมฝีปากสีชมพูจางๆ นั้นแทบจะถูกเขาขบจนเห็นเป็รอยเื “เ้า...”
เฟิ่งเฉี่ยนขัดจังหวะเขาอีก นางแบมือ “ขอร้องเถิด ทุกคนล้วนเติบโตเป็ผู้ใหญ่แล้ว ต่อให้ไม่ระวังถูกจุมพิตสักครั้งก็ไม่มีอะไรที่ถึงกับจะเป็จะตาย หรือเ้ายังเป็ชายพรหมจรรย์”
ได้ยินคำว่า “ชายพรหมจรรย์” สองคำนี้ ซือคงเซิ่งเจี๋ยโกรธจนริมฝีปากกลายเป็สีม่วง มือทั้งคู่กำเป็หมัดแน่นใต้แขนเสื้อ ดวงตาหงส์แทบจะพ่นไฟออกมาได้
เฟิ่งเฉี่ยนยกยิ้ม “เอ๊ะ เ้าคงไม่ได้เป็ชายพรหมจรรย์จริงๆ กระมัง”
ทันทีที่สิ้นเสียง สายลมเย็นวูบหนึ่งแหวกอากาศมาตรงหน้านาง ภาพเบื้องหน้าของนางพร่าเลือน เงาร่างขาวราวหิมะร่างหนึ่งซัดฝ่ามือเข้าใส่นางอย่างรวดเร็ว
ปฏิกิริยาตอบโต้ของเฟิ่งเฉี่ยนรวดเร็วเช่นกัน นางคว้ามือเปล่าออกไป กระทะหรูอี้ปรากฏอยู่ในมือ นางออกแรงตวัดออกไป!
สายลมพัดแรง เกิดคลื่นลมบนท้องฟ้าในชั่วพริบตา
พลังการสู้รบ 1000 เป็พลังการทำลายล้างที่ไม่อาจมองข้ามได้!
ทุกคนใและถอยหลังออกไป
ม่านตาทั้งคู่ของซือคงเซิ่งเจี๋ยภายใต้หน้ากากหดแคบลงเล็กน้อย เขาประหลาดใจ มือที่เตรียมจะโจมตีคอหอยของเฟิ่งเฉี่ยนถูกดึงกลับ ร่างในชุดขาวพลิกกลับเปลี่ยนทิศทาง เขาเดินผ่านร่างของเฟิ่งเฉี่ยนไป!
เพิ่งจะหลบการโจมตีขั้นปลิดชีพมาได้ เฟิ่งเฉี่ยนพลันรู้สึกว่ามือซ้ายของนางว่างเปล่า กรงที่อยู่ในมือซ้ายของนางถูกคนแย่งไปแล้ว สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที นางหมุนตัวไปแย่งกลับมา!
“คืนกรงมาให้ข้านะ!”
องครักษ์สองคนดึงกระบี่ออกมาขวางเอาไว้ เฟิ่งเฉี่ยนได้แต่ถอยชั่วคราว
“รีบคืนกรงมาให้ข้า!”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยถือกรงไว้ในมือซ้าย เขาพูดอย่างประหลาดใจ “เ้าตื่นเต้นขนาดนี้กับกรงแค่ใบเดียว ข้ากลับอยากเห็นนักว่า ในกรงใส่สิ่งใดเอาไว้”
เฟิ่งเฉี่ยนรีบห้ามปราม “อย่าดู!”
น่าเสียดายที่ยังคงช้าไป ซือคงเซิ่งเจี๋ยเปิดผ้าคลุมสีดำที่คลุมกรงเอาไว้ ปรากฏให้เห็นแมวเทพสองหางตัวหนึ่ง!
ทุกคนส่งเสียงฮือฮา
“เป็แมวสองหาง หรือเป็แมวเทพหรือ”
เมื่อสักครู่เฟิ่งเฉี่ยนยังไม่ทันได้ดูหน้าตาและลักษณะของแมวเทพ ตอนนี้เห็นแล้วนางจึงรีบสังเกตดวงตาของมัน ดวงตาข้างซ้ายของแมวเทพเป็สีเขียวจริงๆ ด้วย ดวงตาด้านขวากลับเป็สีน้ำเงิน ตรงตามที่หลิ่วต้าซือพูดทุกอย่าง เป็แมวเทพสองหางจริงๆ!
ครั้งนี้ หานไท่ฟู่ไม่ได้หลอกนาง แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือ แมวเทพกลับตกไปอยู่ในมือของซือคงเซิ่งเจี๋ย
“ที่แท้เป็สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง!” ซือคงเซิ่งเจี๋ยมีท่าทีรังเกียจ
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นเขาไม่สนใจ จึงรีบพูดขึ้นว่า “เป็เพียงสัตว์เดรัจฉานตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเ้า”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยช้อนตาขึ้นตวัดสายตามาทางนางปราดหนึ่งแล้วแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ต่อให้มันไม่มีประโยชน์สำหรับข้า ข้าก็ไม่มีทางคืนมันให้กับเ้า!”
เขาพลันมอบกรงใบนั้นให้กับองครักษ์ที่อยู่ด้านข้าง “ไป นำมันไปตุ๋นซะ คืนนี้ข้าจะดื่มน้ำแกงแมวเทพ!”
องครักษ์รับมา “พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายสาม”
เฟิ่งเฉี่ยนหนังตากระตุก นางรีบห้าม “ช้าก่อน! เ้าจะฆ่ามันไม่ได้!”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยหัวเราะเสียงเย็น “ข้าอยากทำอะไรก็จะทำ อาศัยอะไรต้องฟังเ้า”
เฟิ่งเฉี่ยนปวดหัว “เช่นนั้นเ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ อย่างมาก...อย่างมากข้ายอมขาดทุนเล็กน้อย ให้เ้าจุมพิตคืนก็ได้!
ทุกคนหัวเราะขึ้นมา
ซือคงเซิ่งเจี๋ยถลึงตาใส่นาง “หากเ้ายังกล้าเอ่ยถึงเื่นั้นอีก ข้าจะสังหารเ้าเดี๋ยวนี้!”
พูดแล้วผิวพรรณที่อยู่นอกหน้ากากสีเงินกลายเป็สีแดงระเรื่อ เขาโมโหจนตัวสั่น
เฟิ่งเฉี่ยนหงุดหงิดเช่นกัน ฝ่ายตรงข้ามมีคนมากกว่า นางสู้พวกเขาไม่ได้ มีเพียงการเจรจาเงื่อนไขกับพวกเขา “เช่นนั้นท่านคิดจะทำอย่างไรกันแน่ จึงจะยอมคืนแมวเทพให้กับข้า”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยหัวเราะเสียงดัง เขาใช้หางตาเหลือบมองนาง “เมื่อสักครู่พวกเขามิใช่พูดหรือว่าฝีมือการเดินหมากของเ้าร้ายกาจนัก หากเ้าเอาชนะการเดินหมากข้าได้ ข้าจะคืนแมวเทพให้กับเ้า หาไม่แล้ว เ้าก็รอเก็บซากศพแมวเทพได้เลย!”
เฟิ่งเฉี่ยนคิดไม่ถึงว่าเขาจะเสนอเงื่อนไขเช่นนี้ ที่จริงแล้วประลองกับเขา นางยังไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย แต่ดูเหมือนนี่เป็เพียงวิธีเดียว นางไม่มีทางเลือกอื่น!
แต่หากนางพ่ายแพ้เล่า
ยังไม่ทันรอให้นางได้ใคร่ครวญให้ดี คนที่อยู่รอบๆ ก็เอะอะเสียงดัง
“แม่นางเฟิง ประลองกับเขาเลย!”
“แม่นางเฟิง รับคำท้าประลองของเขา”
“แม่นางเฟิง จะต้องทำเพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีของพวกเรา!”
หานไท่ฟู่ใจร้อนกว่านั้น เขาพูดแทนนางว่า “นางประลอง นางจะประลองกับเขาแน่! แต่วันนี้ได้ประลองมาติดๆ หกกระดาน สูญเสียเรี่ยวแรงไปมาก หากชนะพวกเราก็ชนะอย่างไม่ขาวสะอาด! ตามความเห็นของข้า พรุ่งนี้ค่อยมาประลองกันต่อจะดีกว่า!”
เขาช่วยพูดอีกแรงหนึ่ง!
ทั้งๆ ที่ผู้อื่นชนะรวดหกกระดาน อำนาจบารมีกำลังพุ่งแรง ส่วนแม่นางเฟิงนั้นเพิ่งจะประลองกับซือคงเซิ่งเจี๋ยเป็ครั้งแรก ไม่มีประสบการณ์ ดังนั้นเขาจึงถ่วงเวลาให้ฟางเสียทั้งหกคนถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับนาง จะได้รู้แนวทางของคู่ต่อสู้