กลยุทธ์ติดต่อมิตรสหายเก่าอย่างแข็งขันของหวังเจี้ยนหัวนั้นถูกต้อง
การสนับสนุนทางการเงินของเซี่ยจื่ออวี้ก็ถูกต้องเหมือนกัน
หลังเข้าศึกษาหวังเจี้ยนหัวเป็ที่โปรดปรานของอาจารย์ในวิทยาลัยเป็อย่างมาก ความชื่นชมจากรุ่นพี่หญิงไม่ใช่เื่บังเอิญ เพราะนอกจากร่างกายสูงโปร่งและใบหน้าหล่อเหลาแล้ว เขามีความสามารถเฉพาะตัวเช่นเดียวกัน อย่างไรเสียเมื่อก่อนก็เคยได้รับ ‘การศึกษาอย่างชนชั้นนำ’ นักเรียนประเภทเดียวกับเขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าตนเอง้าอะไร ทว่าหวังเจี้ยนหัวกลับมีเป้าหมายที่ชัดเจน ก่อนบ้านหวังตกอับ หวังเจี้ยนหัวทะนงตนไม่ใช่น้อย เขาเป็จือชิงในชนบทมานานหลายปี หลังประสบความยากลำยาก ต่อให้เป็คนทะนงตนเพียงใดก็ต้องมีความเปลี่ยนแปลงบ้าง
ใช้แม้แต่เงินของผู้หญิง ความจริงอันโหดร้ายทำให้พื้นฐานทางศีลธรรมของเขาลดต่ำลงแล้ว
เมื่อคนฉลาดคนหนึ่งปลดแอกจากพื้นฐานทางศีลธรรมของตนเอง ย่อมทำทุกสิ่งได้มีอย่างมีประสิทธิภาพ—แน่นอน ตัวหวังเจี้ยนหัวเองไม่ยอมรับจุดนี้ ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นั้แ่เขาเป็จือชิงในหมู่บ้านต้าเหอ เพื่อหลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมในชนบท หวังเจี้ยนหัวจึงได้ยอมรับความช่วยเหลือด้านการสนับสนุนจาก ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ และเข้าร่วมการสอบเกาเข่า หลังสอบเกาเข่าเสร็จสิ้นเขาก็ทิ้ง ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ เพื่อเลือกเซี่ยจื่ออวี้ที่มีความเหมาะสมกว่าแทน
หลังเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ระหว่างการคบหาดูใจกับเซี่ยจื่ออวี้ เมื่อเผชิญหน้ากับความช่วยเหลือของรุ่นพี่หลิ่ว เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด!
ตอนที่รุ่นพี่หลิ่วสามารถช่วยเหลือเขาได้ เขาย่อมไม่ปฏิเสธ
เมื่อเซี่ยจื่ออวี้ควักเงินช่วยพ่อแม่ของเขา เขาแค่ปฏิเสธไปเพียงไม่กี่หนเช่นกัน ทว่าสุดท้ายยังคงรับเงินไว้อยู่ดี
ปากบอกว่าตนไม่กินข้าวนิ่ม [1] แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เห็นจะเทข้าวนิ่มในชามทิ้ง หวังเจี้ยนหัวอาศัยความสามารถของเขารับผลประโยชน์จากทุกฝ่ายแบบนี้ ในที่สุดก็เปิดทางการคืนสู่ตำแหน่งเดิมของหวังก่วงผิงผู้เป็บิดาสำเร็จ เส้นทางอันแสนยาวไกลที่เขาเดินทางมา ความหวังนั้นเพิ่งปรากฏ เซี่ยจื่ออวี้เชื่อว่าความทุ่มเทของตนจะพบกับการตอบแทนจนได้... เธอถมเงินให้บ้านหวังไปไม่น้อยอีกทั้งตอนนี้ไม่มีแผงอาหารว่างอีกต่อไป เงินส่วนเดียวที่มีของเซี่ยจื่ออวี้ก็ลงทุนไปกับชั้นเรียนกวดวิชา สถานการณ์ทางการเงินของเธอเริ่มติดขัด
รับบิดามารดาเข้ามาในปักกิ่งแล้ว จะดูแลทั้งสองให้สุขสบายอย่างเต็มที่ก็เป็ไปไม่ได้
เซี่ยจื่ออวี้ยังไม่มีความสามารถนั้น
ก้าวแรกของชั้นเรียนกวดวิชาขรุขระมาก เมื่อจางชุ่ยบอกว่าตนยังอยากไปตั้งแผงลอย เซี่ยจื่ออวี้จึงยอมจำนวนโดยปริยายทั้งที่คัดค้านไปในตอนแรก
ก่อนหน้านี้เธอไม่เห็นชอบให้จางชุ่ยตั้งแผงต่อไป เพราะไม่อยากอับอายใคร ทั้งที่ตอนมัธยมปลายเธอเลือกตั้งแผงหน้าประตูเซี่ยนอีจงโดยเฉพาะเพื่อไขว่คว้าความเห็นใจของอาจารย์ใหญ่ซุน ทุกวันนี้เธอเรียนในวิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่ง ก็ต้องบอกลาภาพลักษณ์เก่าก่อนอย่างหมดจด!
ละเื่อื่นเอาไว้ก่อน หลังจากพ่อแม่ของหวังเจี้ยนหัวกลับเข้าเมือง จะยอมรับคนค้าขายอิสระตั้งแผงลอยเป็ญาติได้หรือ?
เซี่ยจื่ออวี้เคยพูดไปแล้วตอนอยู่ที่ไร่ พ่อแม่ของเธอเปิดร้านอาหารว่างแห่งหนึ่ง ร้านอาหารว่างต่างจากแผงอาหารว่างอยู่มากโข แต่ถ้าเธอไม่ยอมให้จางชุ่ยไปหาเงิน ถึงเวลาจะกลายเป็ ‘ร้านอาหารว่าง’ ได้อย่างไร!
เดิมทีร่างกายของเซี่ยฉางเจิงนั้นสมบูรณ์ดี แต่การผ่าตัดตัดมือทำให้เขากลายเป็คนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ยังไม่ถึงหนึ่งเดือน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อาจช่วยงานอะไรได้ ทุกๆ วันนอกจากกินก็คือนอน เขาไม่อยากออกจากบ้านไปเจอสายตาที่มองมาอย่างพิกลของคนอื่น
เซี่ยจื่ออวี้เองก็ช่วยงานจางชุ่ยไม่ได้เหมือนกัน เหตุผลของเธอคือระยะทางไกลเกินไป ถ่วงเวลาทำธุระของเธอเอง
สำหรับเื่ชั้นเรียนกวดวิชา เธอไม่ได้บอกกับบิดามารดา จางชุ่ยนึกว่าเซี่ยจื่ออวี้แค่กำลังทำงานเป็อาจารย์สอนเสริม หารายได้พิเศษใน่ปิดภาคเรียนฤดูร้อน
ภายใต้ดวงอาทิตย์อันร้อนแรง แผงอาหารว่างของจางชุ่ยดำเนินไปอย่างยากเย็น สิ่งที่เธอทำได้ก็คือรสชาติของมณฑลอวี้หนาน ผู้คนในปักกิ่งค่อนข้างไม่คุ้นชิน หากลูกค้าที่รับประทานมีไม่มากพอ วัตถุดิบที่เตรียมไว้ก็จะเน่าเสียภายในคืนเดียวด้วยสภาพอากาศเช่นนี้ ปักกิ่งนั้นเจริญรุ่งเรืองกว่าซางตู ทว่าความเจริญรุ่งเรืองนี้ดูจะไม่ใช่ของจางชุ่ยกับเซี่ยฉางเจิง! แม้แต่ในซางตูก็ไม่ราบรื่น ทว่าสถานที่ซึ่งทำเงินได้มากที่สุดกลับเป็พื้นที่เล็กๆ อย่างในเขตอันชิ่งนั่น พอนึกถึง ‘จางจี้’ ของเธอขึ้นมา จางชุ่ยก็เ็ปรวดร้าวไปทั้งหัวใจ!
เซี่ยจื่ออวี้มาเยือนที่บ้านเช่าเพื่อเยี่ยมเธออย่างทุลักทุเล จางชุ่ยเมียงมองไปทางด้านหลังของลูกสาว
“เจี้ยนหัวไม่อยู่กับลูกอีกแล้วรึ?”
หลังย้ายเข้ามาปักกิ่ง จางชุ่ยไม่เคยพบว่าที่ลูกเขยเลยสักครั้งเดียว เธอเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความกังวลใจ ลูกสาวยุ่งเธอพอเข้าใจได้ ทว่านี่ก็ปิดภาคเรียนฤดูร้อนแล้ว หวังเจี้ยนหัวยังมีธุระอะไรให้ยุ่งอีก? เป็ไปได้ไหมว่าเด็กเหลวแหลกเซี่ยเสี่ยวหลานนั่นจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยและเริ่มติดต่อกับหวังเจี้ยนหัวลับหลังอีกครั้งแล้ว?
โลกทัศน์ของจางชุ่ยไม่กว้างสักเท่าไร เธอรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะแก้แค้นแน่นอน ทว่าพลังจินตนาการที่มีต่อ ‘การแก้แค้น’ ก็จำกัดอยู่เพียงวิธีประเภทแย่งผู้ชายเท่านั้น
แต่เธอไม่คิดบ้างเลย เซี่ยเสี่ยวหลานอุตสาหะจนสอบได้เป็อันดับหนึ่งของมณฑล หลังเข้ามหาวิทยาลัยหัวชิงแล้วจะหาคนรักแบบไหนไม่ได้กัน ยังคิดจะแย่งหวังเจี้ยนหัวกับเซี่ยจื่ออวี้อีกหรือ?
เซี่ยจื่ออวี้เชื่อมั่นแล้วว่าหวังก่วงผิงจะหวนคืนสู่ตำแหน่งเดิม แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ด้วยซ้ำ!
เซี่ยจื่ออวี้วางแตงโมที่ซื้อมาลงบนโต๊ะเก่าซอมซ่อ ปีนี้แตงโมมีผลผลิตงาม บนถนนตรอกซอกซอยล้วนคือพ่อค้าแม่ขายที่เข็นรถลากขายแตงโม ราคาถูกแสนถูก เซี่ยจื่ออวี้เลือกลูกที่มีน้ำหนัก 10 ชั่งและเดินมาตลอดทาง ร้อนจัดจนเหงื่อไหลโทรมกาย
เมื่อได้ยินจางชุ่ยถามถึงหวังเจี้ยนหัว เซี่ยจื่ออวี้ก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้า
แม้แต่เธอยังไม่ได้เจอหวังเจี้ยนหัวเป็อาทิตย์ นับประสาอะไรกับการพาหวังเจี้ยนหัวมาด้วยกัน หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น เธอเจอกับหวังเจี้ยนหัวอย่างฉุกละหุก หวังเจี้ยนหัวบอกเธอว่าเื่ราวการคืนตำแหน่งมีเค้าลางบ้างแล้ว หลังจากนั้นเป็ต้นมาหวังเจี้ยนหัวก็ราวกับหายสาบสูญ หาตัวในวิทยาลัยไม่พบ งานพิเศษที่รุ่นพี่หลิ่วแนะนำให้ก็หยุดชั่วคราว... เซี่ยจื่ออวี้รู้ว่าเื่ราวถึงเวลาสำคัญแล้วอย่างแน่นอน เธอกระวนกระวายกับตัวเองเหมือนกัน
“เขาโตขนาดนั้นแล้ว ย่อมมีธุระที่ต้องทำของตัวเองเป็ธรรมดา พอเสร็จเมื่อไรก็จะมาหาพ่อกับแม่เองนั่นแหละ แม่ แม่กับพ่อย้ายเข้ามาในบ้านนี้เป็อาทิตย์แล้วนะ อีเหละเขละขละไปหมดเลย ฉันจะพาเจี้ยนหัวมาได้อย่างไรกัน?”
บ้านหลังนี้ไกลจากวิทยาลัยฝึกหัดครูมาก เนื่องจากจางชุ่ยจะทำธุรกิจ แน่นอนว่าต้องเช่าบ้านชั้นเดียว
บ้านหลังนี้เป็มรดกที่ถูกส่งคืน ซื่อเหอเยวี่ยนที่เคยโอ่อ่าคืนสู่เ้าของเดิมในสภาพผุพัง จึงปล่อยเช่าทั้งหมดเสียเลย เมื่อตาไม่เห็นก็รู้สึกไม่รำคาญใจ ค่าเช่าไม่แพงก็จริง แต่จางชุ่ยและเซี่ยฉางเจิงเช่าเพียงหนึ่งห้องจากทั้งหมด ในลานบ้านเต็มไปด้วยข้าวของชิ้นเล็กชิ้นน้อยของผู้เช่าแต่ละราย วัตถุดิบมากมายสำหรับทำอาหารว่างของจางชุ่ยถูกกองไว้ในห้อง อากาศร้อนอบอ้าว ทันทีที่เซี่ยจื่ออวี้เข้าบ้านก็ได้กลิ่นเหม็นบูดทันที
ในสถาพแวดล้อมแบบนี้ เธอจะมีหน้าพาหวังเจี้ยนหัวเข้าบ้านได้อย่างไร!
จางชุ่ยรู้สึกทุกข์ใจไม่แพ้กัน เธอเหนื่อยแทบขาดใจทุกวัน ค้าขายไม่ดีอีกทั้งยังกังวล สามีที่นอนอยู่บนเตียงไม่สามารถช่วยงานได้เลยแม้แต่น้อย มือขวาถูกตัดแล้ว แถมมือซ้ายก็กระดูกร้าวอีก เซี่ยฉางเจิงได้แต่อยู่เฉยๆ อาศัยจางชุ่ยทำงานแค่คนเดียวทั้งหมด แม้บ้านจะทั้งเก่าทั้งเล็ก แต่จางชุ่ยย่อมจัดการมันให้สะอาดกว้างขวางไม่ได้!
เธอไม่มีแรงกายทำส่วนนั้น และไม่มีความคิดที่จะทำสิ่งนั้นด้วย!
ตอนนี้เซี่ยจื่ออวี้รังเกียจความสกปรกแล้ว เมื่อก่อนตอนยังไม่ได้เข้าไปเรียนที่เขต ในลานบ้านก็มีแต่มูลไก่และเศษผักเน่าสำหรับเลี้ยงไก่มิใช่หรือ ไม่เห็นเซี่ยจื่ออวี้จะมีปัญหาเลย
เซี่ยฉางเจิงโวยวายบ่นร้อนจะกินแตงโม จางชุ่ยหงุดหงิดยิ่งนัก “คุณรอเดี๋ยวก่อน ฉันมีเื่จะถามลูก! จื่ออวี้บอกแม่ซิ พวกเราทำได้แค่เบิกตามองนังเด็กเหลวแหลกนั่นเรียนหัวชิงแล้วมีงานดีๆ หลังเรียนจบจริงหรือ? มันควรอยู่บ้านนอกและแต่งงานกับตาแก่โสดสิ คู่ควรจะมาเรียนมหาวิทยาลัยในปักกิ่งเสียที่ไหน... หรือว่า พวกเราคิดหาวิธีอีกดีไหม?”
เซี่ยจื่ออวี้คิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่คู่ควรเหมือนกัน
แต่ตอนนี้จะทำอะไรได้ เธอยังไม่มีน้ำยามากพอจะเล่นเล่ห์ในกระบวนการรับนักศึกษาของหัวชิง
ต่อให้บิดาหวังเจี้ยนหัวกลับมาทำงานตำแหน่งเดิมตอนนี้ หากไม่รับผิดชอบงานด้านรับนักศึกษาอย่างทันท่วงที หัวชิงรับเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าเรียนโดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้วอย่างแน่นอน เป็ไปไม่ได้ที่หัวชิงจะไม่รับนักศึกษาในมณฑลอวี้หนานแม้แต่คนเดียว และเซี่ยเสี่ยวหลานคืออันดับหนึ่งของมณฑลอวี้หนาน ทั่วมณฑลไม่มีคนเอาชนะเธอได้!
เซี่ยจื่ออวี้ทำได้เพียงอดทน ทนจนกว่าจะถึงเวลาที่โจมตีเด็ดขาดได้ในครั้งเดียว
ปัจจุบันเข้าสู่ปลายเดือนกรกฎาคมแล้ว การรับนักศึกษากลุ่มที่หนึ่งของเกาเข่าเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว หนังสือตอบรับเข้าเรียนจากหัวชิงของเซี่ยเสี่ยวหลานอาจอยู่ระหว่างทาง...
เชิงอรรถ
[1]吃软饭 กินข้าวนิ่ม หมายถึง เกาะผู้หญิงกิน