บทที่5 ปริศนาที่รอคำตอบ
เสียงฝนเทกระหน่ำกึกก้องราวกับฟ้ารั่วั้แ่หัวค่ำ หลังจากตรวจอาการคนไข้หลังผ่าตัดอยู่ในห้องพักฟื้น หลินต้าเหนิงก็กลับเข้ามาที่ห้องทำงานของเธอ ครู่หนึ่งก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญค่ะ”
"หมอหวัง...! อย่าบอกนะว่าคุณเห็นภาพหลอนอีกแล้ว"หวังอี้เฉินยิ้มก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้รับแขกในห้องหมอหลิน
“หมอหลินพรุ่งนี้ผมนัดหมอหยางหนิงอัน คุณจะไปกับผมมั้ย?”
“นี่หมอหวังคุณรีบนัดเกินไปหรือเปล่าคะ เราเพิ่งแยกจากเธอแค่สองวันเอง ฉันเกรงว่าจะเป็การรบกวนเธอหรือเปล่า แล้วทำไมคุณถึงรีบนัดละคะ”
“ผมไม่ได้รีบนัดเธอ ผมแค่โทรไปหาว่าอีกสักสองอาทิตย์จะแวะไปที่คลินิกของเธอ แต่พอผมเล่าเื่ภาพหลอนที่เกิดขึ้นให้เธอฟังว่า ความจริงคนที่เห็นภาพหลอนคือผมเองไม่ใช่คนไข้ที่ไหน พอพูดจบเธอก็นัดผมไปเจอพรุ่งนี้เลย” หลินต้าเหนิงนิ่งฟังเขา
“พรุ่งนี้ฉันคงไปเป็เพื่อนหมอไม่ได้หรอกค่ะ พอดีฉันซื้อของบางอย่างมายังไม่ได้แกะทำความสะอาดเลย พรุ่งนี้เป็วันหยุดด้วย ฉันอยากจะอยู่บ้านและจัดการของหลายหย่างที่ซื้อมา คุณหมอไปเถอะค่ะ ไม่แน่นะหมอหนิงอัน อาจจะเจอคำตอบของภาพหลอนเ่าั้ก็ได้” หวังอี้เฉินพยักหน้าเบาๆ เข้าใจแบบ งง งง
"ดูข้างนอกสิฝนกำลังจะตกเฉยเลย ฉันขอตัวกลับบ้านก่อนดีกว่า ไว้เราค่อยเจอกันนะคะหมอหวัง"หมอหวังเดินออกมาจากห้องของเธอ แต่ในใจของเขายังคง...ว้าวุ่น
หลังจากออกจากโรงพยาบาลเธอก็ตรงกลับบ้านทันที
บรรยากาศยามค่ำคืนค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทั่วในคืนฝนตกหลินต้าเหนิง เธอก้าวเข้าประตูห้องมาโดยมีละอองน้ำเกาะตามกระเป๋าและชายเสื้อโค้ต มือขวายังคงจับโทรศัพท์ที่ไม่ได้มีสายเรียกเข้าใด ๆ เป็เพียงอาการเคยชินที่มักกดเช็กแจ้งเตือนงานในโรงพยาบาลอยู่ตลอด
ไฟในห้อง เธอเปิดเพียงดวงเล็กที่มุมโซฟา เพื่อให้เห็นเค้าโครงเฟอร์นิเจอร์แบบทันสมัย มุมห้องด้านหนึ่งเผยให้เห็นผนังกระจกบานใหญ่รับสายฝนภายนอกที่กำลังสาดซัด เม็ดฝนไหลริ้วเป็เส้นยาว ใกล้ๆ กันนั้นมี “กระจกโบราณ” ที่เธอซื้อมาจากร้านขายของเก่าเมื่อสองวันก่อน วางพิงกรอบหน้าต่างไว้อย่างจงใจ
หลินต้าเหนิงถอดรองเท้าอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะวางกระเป๋าลงบนเคาน์เตอร์ครัว ร่างกายเหนื่อยล้าจากงานทั้งวันและเื่ราวแปลกประหลาดที่ได้ยินจาก หมอหวังอี้เฉิน ทำให้จิตใจว้าวุ่นกว่าปกติ
หลินต้าเหนิง (รำพึงแ่เบา) :“หมอหวัง…เล่าเื่ภาพหลอนชายชุดโบราณ แนะนำตัวเป็ ‘หมอเทวดา’? แล้วมันหมายความว่าไงกันแน่นะ…” สิ่งที่หมออี้เฉินพูดเมื่อตอนกลางวันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ
เธอระบายลมหายใจยาว ตาสะดุดที่ภาพสะท้อนใน “กระจกโบราณกรอบไม้วิจิตร” บานนั้นปริศนาที่เธอยังไม่มีเวลาศึกษาเพิ่มเติม นับั้แ่พบว่าหยดเืตัวเองหลนลงบนผิวกระจกจนเห็นเป็รอยจางๆ ยังคงติดอยู่ และการเกิดแสงวูบประหลาดในวันที่ซื้อมา
ขณะที่สายฝนยังซัดเป็ม่านสีเทาด้านนอก แสงสลัวจากโคมบนเพดานทำให้เห็นเงาของตัวเองบนกระจกไม่ชัดเจนนัก แต่หากสังเกตก็จะเห็นรอยจางของเืบริเวณที่กระจกมีรอยแตก และแผลที่ปลายนิ้วก็ยังไม่หายดี ทำให้หลินต้าเหนิงนึกถึงคำพูดของป้าเฉินคนขาย
“กระจกมันก็เลือกนายของมันเหมือนกัน”
ตาเธอยังจ้องมอง กรอบไม้สลักลายเถาไม้วินเทจนั้นเหมือนมันกำลังเคลื่อนไหวสะท้อนประกายบางๆ เหมือนมีชีวิต
เธอค่อยๆ ก้าวไปหยุดหน้ากระจก มือเย็นเฉียบเพราะอุณหภูมิในห้องลดลงอย่างรวดเร็วจากฝนที่เทแบบ nonstop
หลินต้าเหนิง (ยื่นนิ้วแตะแผลเก่าที่โดนบาด) :“ร่องรอยเื…ยังเห็นชัดเลยนี่นา… ฉันยังไม่เช็ดออกดี ๆ ด้วยซ้ำ” นิ้วเธอลูบผ่านรอยแห้งสีน้ำตาลเข้ม มันเรียบติดไปกับผิวกระจกจนกลายเป็วงเล็กๆ เธอแอบหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์วันนั้น ที่มีแสงประหลาดวาบขึ้นมาจนเธอผงะ
หลินต้าเหนิง (พึมพำ) :“หรือว่ามันจะเป็…เื่เหนือหลักวิทยาศาสตร์กันแน่ แต่ฉันเป็หมอ จะเชื่อเื่แบบนี้ได้เหรอ?”
เสียงฟ้าร้องครึ้ม ๆ ตามมาด้วยสายฟ้าแลบวูบหนึ่งผ่านหน้าต่าง ทำให้ห้องสว่างชั่วขณะ เธอสะดุ้งขึ้นนิด ๆ ดวงตาคมหันกลับมาที่เงาตัวเองในกระจก ลมหายใจสะท้อนกระเพื่อมในอก เธอไม่อยากเชื่อเื่อาถรรพ์หรือิญญาใดๆ แต่ความสงสัยก็ยังคงลุกโชนขึ้นในหัว
“ถ้าหมอหวังไม่ได้ฝันไปจริงๆ ล่ะ?” เสียงในใจเธอถามซ้ำๆ ระหว่างปริศนาของกระจกกับคำพูดหมออี้เฉิน ท่ามกลางเสียงสายฝนโหมกระหน่ำ…ในขณะที่ยืนมองภาพสะท้อนตัวเองในกระจกบานนั้น
บรรยากาศ รอบตัวสับสนกึ่งอบอ้าวจากความชื้น เธอคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเล็กใกล้ๆ เช็ดหยดน้ำฝนบนแขน และถอดเสื้อคลุมกันฝนออก ขณะเดียวกันก็ละสายตาจากกระจก หันไปเห็นเงาสะท้อนของตึกสูงใหญ่ในเมืองที่ทาบทับกับกลีบเมฆดำและละอองฝนภายนอก
“ฉันคงคิดมากเกินไป… เอาล่ะหาอะไรกินแล้วพักผ่อนดีกว่า พรุ่งนี้ยังมีผ่าตัดตอนเช้า”
เสียงฟ้าร้องแทรกขึ้นอีกครั้ง ครืนๆ ทำให้เธอรีบเดินไปยังครัวเล็กๆ แล้วต้มบะหมี่เป็อาหารเย็น แต่ในขณะที่กำลังหันหลังเดินไป ความรู้สึกสะกิดเล็กๆ ก็เกิดขึ้นราวกับมีสายตาจาก “กระจก” จ้องมองแผ่นหลังของเธอ …หรืออาจเป็แค่ความคิดไปเอง เพราะน้ำฝนที่ซัดกระจกหน้าต่างและ “ความเงียบประหลาด” ในห้อง มันทำให้สั่นสะท้านจากด้านในห้อง
แสงไฟจากด้านนอกแลบเข้ามา วูบไหวตามสภาพอากาศเลวร้าย กระจกวูบสะท้อนเสี้ยวนั้นจนคล้ายภาพใครยืนอยู่ในกระจก แต่พอเธอหันกลับไปมอง ก็พบเพียงเงาของตนเองและเงาต้นไม้ข้างหน้าต่าง
เธอยกฝามือขึ้นแตะหัวใจตัวเอง“ไม่มีอะไร…ตั้งสติหน่อย หลินต้าเหนิง เธอชักเริ่มคิดฟุ้งซ่านเหมือนหมอหวังไปแล้วนะ…”
เธอพึมพำเบาๆ ก่อนรวบรวมความกล้าเดินตรงไปปิดม่านบาง ๆ ให้บดบังภาพคอนโดด้านนอกด้วยเกรงว่าฝนจะสาดกระเด็น แต่สายตาก็ยังไม่วายเหลือบมองกระจกโบราณบานนั้นอีกครั้ง เห็นร่องรอยเืบนผิวกระจกได้ชัดเจนกว่าเดิม ยิ่งฝนตกหนัก เสียงฟ้าร้องกระตุ้นจินตนาการ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามัน “ชวนพิศวง”
เสียงน้ำเดือดบนเตาแทรกด้วยเสียงฝนด้านนอก ในห้องนั่งเล่นเหลือเพียงโคมไฟสลัวและกระจกเก่าแก่เงียบงันท่ามกลางเสียงฟ้าร้องครืน ๆ… ม่านหน้าต่างปลิวไหวเล็กน้อย …ราวกับขับเน้นให้ค่ำคืนนี้ยาวนานและเต็มไปด้วยปริศนาที่รอการไขให้กระจ่าง
หลังทานอาหารง่ายๆ เธอจัดการอาบน้ำ และเข้านอนทันที เสียงฝนที่พึมพำอยู่ทั้งคืนจนกลายเป็ความเงียบสงัดของโลกปัจจุบันแทรกซึมเข้าสู่ห่วงฝันของ หลินต้าเหนิง ศัลยแพทย์สาวอัจฉริยะผู้โด่งดังแห่งยุค 2024 เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ทันทีที่เธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง กลับไม่พบห้องพักแสนหรูของคอนโดอย่างเคย หากแต่เป็กระท่อมเก่าโทรมในยุคโบราณ!
“นายหญิง!ตื่นเถอะ?”
เสียงเรียกนั้นแหบต่ำ ดังก้องในห้องอับชื้นและมืดสลัว หลินต้าเหนิง ค่อยๆ ช้อนสายตามองรอบๆ เมื่อสายตาเริ่มชินกับแสงหมอสาวแทบช็อก สภาพห้องเหมือนหลุดจากฉากหนังโบราณที่ดูยังไงก็แร้นแค้นเหลือทน เธอไม่อยากเชื่อสายตาว่านี่คือความจริงหรือความฝัน สายฝนยังคงพรำเบาๆ ด้านนอกสายฟ้าแลบทำให้เห็นสภาพห้องนั้นเป็ระยะๆ
หลินต้าเหนิง พยายามเรียกสติ พลางควานหาแสงไฟอย่างที่คุ้นเคย แต่สิ่งที่จับได้กลับเป็ตะเกียงน้ำมันเล็กๆ ที่วางอยู่ใกล้เตียง แสงสว่างของสายฟ้าทำให้เหลือบไปเห็น กระจกไม้แกะสลักโบราณ บานใหญ่ที่ตั้งวางไว้มุมโต๊ะข้างกระสอบเก่า ๆ กลิ่นอับชื้นโชยเข้ามาััจมูก เธอพาตัวเองเข้าไปหน้ากระจกบานนั้นอย่างทุลักทุเล
!ทันใดนั้นเอง! หลินต้าเหนิงแทบช็อค
เมื่อส่องมองภาพสะท้อนในกระจกสิ่งที่เห็นไม่ใช่ใบหน้าของตัวเองที่คุ้นเคย แต่กลับกลายเป็ เด็กสาวอายุราวสิบห้าปี ผิวซีด ผอมแห้ง ในชุดที่ขาดลุ่ยและเต็มไปด้วยรอยปะผ้า!
หลินต้าเหนิง (สะดุ้งเฮือก) :“นี่มันอะไรกัน… ใบหน้า…ใบหน้าใครเนี่ย?”
เธอยกมือขึ้นแตะแก้ม ก็พบว่ามือเล็กๆ ผอมบางนี้ไม่ใช่มือหมอวัย 24 ของเธอ หลินต้าเหนิงขนลุกวาบไปทั้งร่าง หัวใจเต้นแรงราวจะทะลุอก
ทันใดนั้นเสียงแปลกประหลาดจากกระจก (ก็ดังขึ้นอีก) :
“ข้าคือผู้วิเศษ ข้าถูกคำสาปให้ถูกขังในนี้มานานแสนนาน… เืของเ้าได้ปลดปล่อยข้าแล้วนายหญิง”
หลินต้าเหนิง อ้าปากค้าง ช็อกจนอยากจะเถียงว่า
“นี่ฉันต้องฝันไปแน่ ๆ!” เธอรีบยกมือขึ้นมาตบแก้มตัวเองแรงๆ หลายครั้ง จนแก้มเด็กสาวเกิดรอยแดงแสบ ๆ แต่ผลคือยังอยู่ในสถานที่เดิม ความเจ็บที่แผ่ซ่านบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่ภาพหลอน
หลินต้าเหนิง “นี่มันเื่บ้าอะไรกัน! กระจกวิเศษ? สโนว์ไวท์อย่างนั้นเหรอ?! บ้าแล้วๆ ตื่นสิ ตื่น!” เธอหายใจหอบรัว มือสั่นเล็กน้อย เหลือบไปมองกระจกอีกครั้ง กระจกบานนั้นกลับค่อยๆ ส่องแสงสีทองแตกระยิบออกมาเหมือนฝุ่นดาวเรืองรองรอบขอบไม้แกะสลัก
“คุณเป็ใครกัน?” เธอกลืนน้ำลายฝืดคอ รู้สึกตัวเองก้าวเข้าไปในโลกแฟนตาซีอย่างไม่ทันตั้งตัว
(เสียงทุ้มลึกล้ำ) :“ข้าคือผู้วิเศษ ข้าถูกสาปให้กักขังอยู่ในมิติเวลาแห่งนี้นานนับร้อยปีแล้ว… เืของเ้าได้ปลดผนึกให้ข้าแล้ว ต้องขอบคุณที่นายหญิงปลดปล่อยข้า ตอนนี้ท่านเป็ ‘นายหญิง’ ของข้าแล้ว และข้าขอมอบ ‘พร’ ให้เ้า 3 ประการเพื่อตอบแทนนายหญิง อะไรก็ได้ จงขอมา!”
หลินต้าเหนิง หน้าเหวอ พยายามถอยหนี แต่ลุกไม่ขึ้น เพราะร่างกายอ่อนเพลียราวกับป่วย ทั้งผิวบางส่วนเย็นเฉียบและเหมือนมีไข้ ครั้นจะมองหาโทรศัพท์หรือเต้าเสียบไฟก็ไม่มี เธอค่อยๆ ตั้งสติและลำดับเหตุการณ์ ก่อนหน้า เธอไปเดินร้านขายของเก่า เห็นกระจกไม้วิจิตรสะดุดตาและซื้อมันมา เพราะหลงใหลงานแกะสลักโบราณ และวันนั้นก็ถูกเศษกระจกบาดนิ้ว เืหยดลง และมีแสงวูบและก็ขาวโพลน…แล้ววันนี้เธอก็ฝันว่าในร่างเด็กสาวโบราณนี่!
หลินต้าเหนิง (พึมพำ) :“เห…หมายความว่า เืฉันทะลุมิติมา? หรือยังไงกัน?!”
แม้ใจจะสับสน แต่ความเป็คนรักความท้าทายและมีความอยากรู้อยากเห็นขั้นสูง ก็ทำให้เธอเริ่มตั้งคำถามต่อกระจกด้วยอาการปากสั่นๆ
หลินต้าเหนิง:“คุณ…บอกว่าจะให้พรสามข้อจริงหรือ แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ในร่างเด็กผอมๆ นี้? นี่เป็ยุคไหนกันแน่?”
กระจกวิเศษ (ตอบเสียงทุ้ม) :“พรสามข้อคือรางวัลสำหรับนายหญิงผู้ปลดปล่อยข้า ส่วนสาเหตุที่เ้ามาอยู่ในร่างนี้… เพราะชะตาลิขิตให้ท่านพริกชะตา์ หลุดข้ามภพสู่สถานที่นี้ ซึ่งอยู่ในยุคโบราณสมัยราชวงศ์ต้าิ… เหตุเพราะแรงดึงจาก อำนาจของกระจกคู่อีกชิ้นหนึ่ง’ ของข้า กับสายใยบางอย่างระหว่างเ้าและร่างสาวน้อยโบราณผู้นี้” หลินต้าเหนิงเธอเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง แต่ในใจลึกๆ กลับเกิดความตื่นเต้นประหลาด เธอเคยใฝ่ฝันอยากทดลองชีวิตในยุคโบราณ แต่นั่นมันคือจินตนาการของนิยายที่เธออ่าน (ด้วยความที่ชื่นชอบวัตถุเก่าแก่) อยากเห็นวัฒนธรรมจริง แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีวันเกิดขึ้นจริงเช่นนี้...!!
***จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่หลินต้าเหนิง ***
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้