หลิงเมิ่งรู้สึกทั้งคับข้องใจทั้งเสียใจมาก อู๋อู๋ไม่มีทางปล่อยให้บุตรสาวของเธอต้องเสียใจเปล่าอย่างแน่นอน
เธอจะใช้ความรุนแรงและเยือกเย็นทางอารมณ์ต่อซูอินอย่างเด็ดขาด ยามพบหน้ากันก็ไม่จำเป็ต้องไว้หน้า ไม่แสดงท่าทีเมินเฉยก็เย้ยหยันถากถาง พูดประชดประชัน ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังสั่งให้ป้าสวี่เตรียมอาหารเช้าเร็วกว่าเดิมครึ่งชั่วโมง เพราะโรงเรียนของหลิงเมิ่งอยู่ไกล จำเป็ต้องตื่นเช้ากว่าปกติ
แต่สำหรับซูอิน เื่ทั้งหมดนั้นไม่ใช่ปัญหา
การชักสีหน้าต่างๆ เมื่อพบกัน ราวกับว่าอู๋อู๋เคยแสดงสีหน้าที่ดีต่อเธออย่างนั้นแหละ
ในส่วนของอาหารเช้าที่จัดเตรียมเร็วขึ้นเป็สิ่งที่เธอกังวล ซูอินไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงต้องไปโรงเรียนเพื่อศึกษาด้วยตนเองเช้ากว่าเดิม เพราะเธอต้องเข้าไปเรียนในห้องโอลิมปิกให้ได้
“หนูไปโรงเรียนแล้วนะคะ”
เช้าตรู่ของวันศุกร์ป้าสวี่ได้ต้มซุปเกอตา[1] และใส่ไข่เป็ดเค็ม ซูอินดื่มซุปเกอตาใส่ไข่เป็ดเค็มถ้วยใหญ่ก็รู้สึกอุ่นท้อง ออกจากบ้านไปต้อนรับดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น
ท่าทีมีชีวิตชีวาทำให้อู๋อู๋อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เหตุใดบุตรสาวบุญธรรมของเธอถึงได้ทำตัวเป็ทองไม่รู้ร้อน…ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเช่นนี้
หลิงเมิ่งกำหมัดแน่นอยู่ใต้โต๊ะอาหาร เธอปิดบังสายตาชั่วร้ายของตนเองไว้ รอก่อนเถอะ
หลายวันมานี้เธอไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนในตำบลเฉยๆ เธอไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์อันดีกับคนในตระกูลซูที่คุ้นเคยกัน เธอค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปอย่างเงียบๆ เพื่อทำลายภาพลักษณ์ของซูอิน ในเวลาเดียวกันเธอก็ได้ทำความรู้จักกับนักเลงผู้ซึ่งรู้จักกับคนในโรงเรียนทดลอง เมื่อได้มอบบุหรี่มียี่ห้อสองสามซองให้ นักเลงเ่าั้ก็ส่งคนมาช่วยเหลือเธอเื่นี้
คงจะลงมือวันนี้แหละ
เมื่อมองผ่านหน้าต่างเห็นซูอินเดินออกจากประตูบ้าน หลิงเมิ่งก็ไม่อาจควบคุมความตื่นเต้นที่แสดงออกทางสายตา
ซูอินไม่รู้เื่นี้ เธอก้าวผ่านถนนสายเล็กๆ เพื่อไปยังโรงเรียนทดลอง เมื่อไม่มีหลิงเมิ่งในโรงเรียน แม้แต่อากาศก็ยังหอมกรุ่น
เดิมทีตัวเธอเป็เด็กน่ารัก ใส่ใจการเรียนอยู่แล้ว ระยะนี้เธอรู้สึกสบายใจมาก ผลการเรียนก็ค่อนข้างดี เมื่อเทียบดูแล้วเนื้อหาของชั้นมัธยมต้นค่อนข้างง่าย หลายวันมานี้เธอสามารถฟื้นระดับการเรียนของตนเองให้กลับมาเทียบเท่ากับความรู้เมื่อตอนสอบขึ้นมัธยมปลายของชาติก่อนแล้ว
ดังนั้นเธอถึงได้มีความมั่นใจ ต่อจากนี้เหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ ในการพยายามอย่างหนักเพื่อเข้าสู่ห้องโอลิมปิกให้ได้
เพราะนั่นคือการยกเว้นค่าเล่าเรียนเพื่อได้เรียนฟรีถึงสามปี ไม่ใช่แค่นั้น ทุกปียังมีทุนการศึกษาถาวร ทุกเดือนค่าอาหารจะถูกเติมเข้าไปในบัตรค่าอาหารด้วย
ยกเว้นทุนการศึกษา เงินที่เหลือจะไม่ถูกส่งถึงมือโดยตรง แต่เธอก็ไม่จำเป็ต้องจ่ายเอง เมื่อคำนวณแล้วเท่ากับว่าประหยัดเงินไปได้มากทีเดียว
เงินหยวนที่เฟื่องฟูถูกยกมาไว้ตรงนั้นแล้ว ทำให้ซูอินมีกำลังใจในการเรียนมากขึ้น
แต่…เสียงแมลงวันบินหึ่งๆ อยู่ข้างหูเป็สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
คาบเรียนต่อไปคือวิชาคณิตศาสตร์ ซูอินกำลังเตรียมของที่จะใช้เรียนในคาบต่อไป ปรากฏเงาขึ้นจากด้านหลัง ตามด้วยเสียงถากถาง
“หลิงอิน…”
“ไม่ใช่สิ ต้องเรียกเธอว่าซูอิน”
เมื่อหยิบตำราขึ้นมา ซูอินหันไปมองก็เจอใบหน้าไม่เป็มิตรของชายผู้หนึ่ง
ใน่ชีวิตนักเรียน ทุกห้องเรียนจะต้องมีนักเรียนชายเกเร ไม่ตั้งใจเรียน และชอบรังแกนักเรียนหญิง
ชั้นมัธยมต้นปีที่สามห้องหนึ่งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ซึ่งในห้องนี้มีอยู่สองคน หนึ่งในนั้นชอบโดดเรียนเป็กิจวัตร ทั้งปีทำตัวเป็ัเห็นหัวไม่เห็นหาง บางครั้งหากเข้าเรียนก็มักจะนอนหลับอยู่หลังห้อง ส่วนอีกคนหนึ่งคือคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าซูอินในขณะนี้ ชายที่ตัวสูงกว่าเธอไม่เท่าไร
เขาชื่อซุนเจี้ยน เป็ผู้ชายที่มีลักษณะตามชื่อ แข็งแกร่งสมเป็ผู้ชาย ทว่าทำตัวน่ารังเกียจ
ความบาดหมางระหว่างคนทั้งสองย้อนไปั้แ่อนุบาล แต่การแก้แค้นที่แท้จริงเริ่มขึ้นเมื่อครึ่งเดือนที่ผ่านมา เื่ที่ตระกูลหลิงอุ้มลูกสลับตัวกันแพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียนอย่างรวดเร็ว ซุนเจี้ยนเป็หัวโจกเื่นี้ วันจันทร์เมื่อซูอินเดินเข้ามาในห้อง ก็พบสายตามุ่งร้ายของเขา
หลายวันก่อนมีเื่ของหลิงเมิ่งที่ดึงความสนใจไป ทำให้เขาหยุดการกระทำไปหลายวัน
แต่หลังจากนั้น…
ความคิดเ่าั้แวบเข้ามาในหัวของซูอินอย่างรวดเร็ว เมื่อเงยหน้า เธอสังเกตเห็นความอาฆาตพยาบาทในสายตาของซุนเจี้ยน ในใจเธอก็พอจะคาดเดาได้ไม่ยาก
วางหนังสือแล้วเธอก็เปิดกระเป๋าดินสอเพื่อหาวงเวียน เธอหยิบมันขึ้นมาถือเล่น และปรายตามองเขา
“มีเื่อะไร”
เมื่อดวงตาคู่สวยมองมา ซุนเจี้ยนก็เกิดใจเสาะ ก่อนหน้านี้ทำไมเขาไม่เคยสังเกตเห็นว่าซูอินสวยขนาดนี้ แม้จะดูธรรมดา แต่ก็สวยกว่าสาวงามที่นักเรียนชายคนอื่นๆ เลือก เด็กหนุ่มอายุสิบห้าสิบหกปี อยู่ในวัยความคิดพร่ามัวในใจ เด็กสาวงดงามเช่นนี้ ทำให้เขาไม่กล้าลงมือ
เขาถอยออกมาพิงโต๊ะของเพื่อนนักเรียนที่อยู่ติดกับทางเดิน กระเป๋ากางเกงของชุดนักเรียนััได้ถึงสิ่งของแปลกๆ กล่องหอนกกระเรียนเหลือง[2] ในเวลานั้นความรู้สึกของชายผู้ต้องมีความอ่อนโยนต่อสตรีก็ผุดขึ้นมา จิตใจของเขาถูกสุนัขกินไปเรียบร้อยแล้ว
“อะแฮ่ม…ฉันได้ยินมาว่า…เื่กระโปรงของน้องสาวเธอเมื่อวันจันทร์ เป็ฝีมือของเธอใช่ไหม”
เสียงที่ซุนเจี้ยนเอ่ยออกมาค่อนข้างดัง จึงเรียกความสนใจจากเพื่อนร่วมห้องได้อย่างรวดเร็ว เสียงครึกครื้นในตอนแรกเงียบลง ทุกคนมองมาทางพวกเขา แม้แต่เพื่อนนักเรียนที่อยู่ตรงทางเดินก็เช่นกัน
เมื่อถูกสายตากว่าสี่สิบคู่จ้องมอง ซูอินไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ แต่ถามกลับไป “นายรู้ได้ยังไง”
“ฉันได้ยินมาจากในตำบล…”
ซุนเจี้ยนตอบสนองและเงียบเสียงอย่างรวดเร็ว “เธอจะสนทำไมว่าฉันรู้ได้ยังไง เอาละ ซูอิน เธอนี่ก็ร้ายนะ กินอยู่กับตระกูลหลิง ครองตำแหน่งบุตรสาวของตระกูลหลิงมาตั้งหลายปี ตอนนี้เธอจึงถือโอกาสทำร้ายบุตรสาวแท้ๆ ของตระกูลหลิงเนี่ยนะ”
พูดจบเขายกมือขึ้นกอดอกและพิงโต๊ะด้านหลังพร้อมส่งเสียง “จุ๊ๆ”
ประโยคนั้นพูดออกมาอย่างชัดเจน ทำให้นักเรียนหลายคนจำเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ได้ ทุกคนถอนหายใจและมองซูอินด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
สวีเหวินเหวินที่นั่งอยู่ข้างซูอินถูมือไปมาด้วยความร้อนใจ
ั้แ่วันจันทร์อินอินปฏิบัติต่อเธออย่างดี ในคาบเรียนเมื่อคุณครูถามคำถามที่ไม่เข้าใจ อินอินก็จะรีบเขียนใส่กระดาษเล็กเชอร์ หลังเลิกเรียนก็อธิบายให้เธอฟังอย่างใจเย็นและไม่มองว่าเธอโง่เหมือนกับคนอื่นๆ ในชั้นเรียน
อีกทั้ง…เธอยังคิดอีกว่าอินอินสวยขึ้นทุกวัน เห็นได้ชัดว่ารูปลักษณ์ของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ดวงตาสวยคู่นั้นกลับเปล่งประกายเจิดจ้ามากขึ้น
สวีเหวินเหวินไม่รู้ว่าแววตาเช่นนั้นคือความมั่นใจในตนเอง แต่เธอมั่นใจว่าตนเองชื่นชอบเพื่อนที่นั่งร่วมโต๊ะที่สวยงามและช่วยเหลือเธออย่างดีคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเธอเห็นเพื่อนกำลังถูกซุนเจี้ยนรังแก เธอซึ่งขี้ขลาดมาโดยตลอดก็ทนไม่ไหว
“อินอินไม่ใช่คนแบบนั้น!”
“ยัยยุงแห้ง ปกติเธอเอาแต่งึมงำเหมือนยุง วันนี้เป็อะไร อยากทำตัวแข็งแกร่งปกป้องคนอื่นงั้นหรือ”
ซุนเจี้ยนหยิบปากกาขึ้นมาจากโต๊ะเรียนของเพื่อนข้างๆ หมายจะเคาะศีรษะของสวีเหวินเหวิน
สวีเหวินเหวินรีบยกมือขึ้นกุมศีรษะ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะฟาดลงมา ซูอินก็ยกวงเวียนขึ้น หันปลายเข็มสีทองชี้ไปทางเขา
“เก็บอุ้งเท้าสกปรกของนายซะ!”
ซุนเจี้ยนตัวสั่นด้วยความใ เขาชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังเคาะมันลงไป ในระหว่างที่เคาะ ปากก็พูด “เธอมีสิทธิ์อะไร…”
“โอ๊ย!”
เสียงร้องโอดครวญราวกับหมูถูกเชือดดังขึ้น ซุนเจี้ยนยกมือขึ้นกุมนิ้ว พร้อมหันไปมองซูอินอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ซูอินค่อยๆ ดึงวงเวียนที่ทิ่มเข้าไปในเล็บมือของเขาออก มองอย่างไม่ใส่ใจ ปลายเข็มยังคงมีเืติดอยู่ อันที่จริงเธอไม่ได้ตั้งใจจะทิ่มนิ้วของเขา แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะเข้ามาแบบนี้ล่ะ
ทว่าเธอไม่นึกเสียใจสักนิด หากเทียบกับสิ่งต่างๆ มากมายที่ซุนเจี้ยนเคยทำต่อเธอเมื่อก่อนหน้านี้ วงเวียนของเธอยังจะมีเมตตามากกว่าเ้าแม่กวนอิมเสียอีก
แต่เธอขอคิดดอกเบี้ยก่อนก็แล้วกัน
เธอใช้กระดาษเล็กเชอร์ถูทำความสะอาดอย่างรังเกียจด้วยใบหน้าของผู้บริสุทธิ์
“นี่เป็สิ่งที่นายขอให้ฉันทำ”
“ต่ำทราม”
“เรียกใครต่ำ”
“เรียกนายไง!”
ซูอินขยิบตาด้วยท่าทีซุกซนและอดหัวเราะไม่ได้
เมื่อเธอเงยหน้า นักเรียนคนอื่นๆ ในห้องจึงมีปฏิกิริยาตอบสนอง ทุกคนหัวเราะเสียงดังตาม
ในที่สุดซุนเจี้ยนก็โต้กลับ ความเ็ปที่นิ้วหัวแม่มือยังคงอยู่ ด้วยความโกรธเขายกมือตั้งใจจะตีซูอิน
แน่นอนว่าซูอินไม่มีทางยอมนั่งรออยู่ที่เดิมเฉยๆ เหมือนที่เขา้า เธอลุกขึ้นอย่างคล่องแคล่วและวิ่งออกไปนอกห้อง
เมื่อวิ่งมาถึงหน้าประตูก็เจอคุณครูที่ปรึกษาหลี่อวี้จือซึ่งทำหน้าที่เป็ครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ด้วย อีกฝ่ายกำลังเดินถือกระดาษข้อสอบปึกหนา ภายใต้แสงแดดที่ส่องเข้ามายังหน้าต่างทางเดิน เข็มกลัดคริสตัลที่ติดอยู่บนหน้าอกของเธอก็เปล่งประกายเป็พิเศษ
เมื่อเห็นเธอ หลี่อวี้จืออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
เบื้องหน้ามีหมาป่าเื้ัมีเสือ ขณะที่ใ ซูอินเกิดความคิดบางอย่าง เธอหยุดกะทันหันที่หน้าประตู แสร้งทำเป็ไม่สามารถหยุดได้อย่างมั่นคง ก่อนจะยื่นเท้าออกมาขวางซุนเจี้ยน
“ใกล้ถึงเวลาเรียนแล้ว เธอมาทำอะไรตรงนี้…”
หลี่อวี้จือเดินมาถึงหน้าประตูห้องเรียน อ้าปากตำหนิซูอิน แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ เธอก็ถูกซุนเจี้ยนที่เสียหลักพุ่งเข้ามาชน
เสียงกรี๊ดดังลั่นโถงทางเดิน
-----------------------------------------------------------------------------
[1] ซุปเกอตา หมายถึง ซุปที่ใส่แป้งสาลีปั้นเป็ก้อนเล็กๆ คล้ายกับลอดช่อง ใส่ลงไปในซุปมะเขือเทศและไข่ หรือใส่ในซุปน้ำใสก็ได้
[2] กล่องหอนกกระเรียนเหลือง หมายถึง บุหรี่ยี่ห้อหนึ่งของจีน หน้าซองเป็ภาพหอนกกระเรียนเหลือง ซึ่งเป็หอจีนโบราณตั้งอยู่ในหวู่ฮั่น