“ท่านแม่ ข้าไม่เป็ไรเ้าค่ะ พอหวังซานนิวเห็นว่ามีคนมาเจอก็รีบวิ่งหนีไปเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก จะมีเวลามาทำร้ายข้าที่ไหนกัน” หลี่หรูอี้เห็นสายตาของจ้าวซื่อเต็มไปด้วยความตื่นใก็รีบปลอบ “เห็นข้าตัวเล็กผอมบางเช่นนี้ แต่ข้าก็มีกำลังมากทั้งยังห้าวหาญ หวังซานนิวสู้ข้าไม่ได้หรอก”
จ้าวซื่อย้อนคิดไปถึงหลายวันก่อนที่บุตรีของตนไล่ตีชวีหงอย่างอาจหาญ เรียกได้ว่าไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่ายจริงๆ แต่หวังซานนิวถึงกับมีใจคิดฆ่าคนแล้ว เื่นี้ไม่อาจมองผ่านได้จึงรีบกำชับไปว่า “เ้าเข้าไปขวางหวังซานนิว หวังซานนิวต้องแค้นเ้าแน่ เ้าต้องระวังตัวไว้ให้ดี”
“อีกไม่นานนางจะออกเรือนแล้ว ไม่อยู่หมู่บ้านนี้แล้ว ต่อไปคงเจอกันยาก” หลี่หรูอี้คิดในใจว่า ต่อให้เจอหวังซานนิว อีก แต่นางพกผงยาที่มีฤทธิ์ทำให้หมดสติอยู่กับตัว ต่อให้มีหวังซานนิวเป็ศัตรูอีกกี่คนก็ไม่กลัว
“หวังซานนิวทำเื่ชั่วร้ายเช่นนี้ยังคิดจะออกเรือนอีกหรือ” จ้าวซื่อแค่นเสียงเย็น ดวงตาเต็มไปด้วยโทสะ “เื่ดีไม่แพร่ต่อ เื่เลวร้ายแพร่ไปไกลเป็พันลี้ หากเื่นี้ลือไปถึงหูบ้านสามีในอนาคตของนางจะต้องถูกถอนหมั้นแน่”
หลี่หรูอี้ใกรอกตาครุ่นคิดครู่หนึ่ง “หวังซานนิวเป็คนตระกูลหวัง หากไม่ได้แต่งงานก็คงถูกถอนหมั้น ตระกูลหวังก็ต้องขายหน้าจนหมดสิ้นแล้ว เช่นนั้นต่อไปสตรีตระกูลหวังคงแต่งงานยาก”
“ขโมยของ คิดจะฆ่าผู้าุโ ทำความผิดแต่ละอย่างร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว” ดวงตาของจ้าวซื่อเต็มไปด้วยประกายเย็นเยียบ นางอยู่ที่หมู่บ้านหลี่มาสิบกว่าปี เรียกได้ว่าเห็นหวังซานนิวเติบโตมาั้แ่เล็ก ดังคำโบราณที่ว่า หากคานบนไม่ตรงคานล่างก็จะเอียง บิดามารดาของหวังซานนิวไม่ใช่คนดีอะไร หวังซานนิวก็ยิ่งเลวร้ายกว่า “คราวนี้ต้องดูแล้วว่าลุงหวังของเ้าจะจัดการกับหวังซานนิวอย่างไร”
“พี่เยี่ยนก็เป็บุตรสาว ส่วนหวังซานนิวก็เป็หลานสาว ลุงหวังคงตัดสินใจยาก”
“เ้าพูดก็มีเหตุผล” จ้าวซื่อรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมแทนสองแม่ลูกเฟิงซื่อจริงๆ หากปีนั้นเฟิงซื่อไม่ได้แต่งงานกับหวังไห่ที่มีครอบครัวซับซ้อนจะมีวันนี้ได้อย่างไร เฮ้อ... เชื่อว่าตอนนี้เฟิงซื่อคงเสียใจมากแน่นอน
“ท่านแม่เ้าคะ พี่เยี่ยนได้รับความใอย่างหนัก ตอนข้าออกมานางยังมือสั่นอยู่เลย ประเดี๋ยวข้าขอไปต้มยาสงบใจให้นางก่อนนะเ้าคะ” หลี่หรูอี้ไม่รู้สึกเห็นใจหวังซานนิวแม้แต่น้อย ได้แต่หวังว่าหวังไห่จะไม่เห็นแก่หลานสาวอย่างหวังซาน นิวจนทำเื่ใหญ่ให้กลายเป็เื่เล็ก
ขณะที่หลี่หรูอี้กำลังต้มยาอยู่นั้นเอง เสียงกระด้างของบุรุษพลันดังแว่วมาจากทางด้านหลังของนาง “หรูอี้ ทำลายสัญญาหมั้นหมายคืออะไร”
“ท่านอารอง ทำข้าใหมดแล้ว”
“ฮ่าๆ... ข้าไม่ได้ตั้งใจ ให้ช่วยต้มยาเถิด” วันนี้หลังจากที่หลี่สือทำความสะอาดลานด้านหลังเสร็จแล้วก็ไปเก็บผักจากแปลงผัก ได้มะเขือผลกลมสีม่วง แครอทลูกสีแดง และบวบสีเขียว รวมแล้วเก็บผักได้ครึ่งตะกร้า จากนั้นก็ไปล้างมือที่บ่อน้ำจนสะอาด
“การต้มยาต้องใช้ทักษะในการคุมไฟสูงนะเ้าคะ” หลี่หรูอี้ปรายตามองโอ่งใส่น้ำในห้องครัว พบว่าเหลืออีกไม่มากแล้ว “ท่านอารอง ท่านช่วยตักน้ำมาเติมให้เต็มโอ่งได้หรือไม่เ้าคะ”
“ได้ ข้าไม่เหนื่อย ข้าจะไปตักน้ำ” หลี่สือหมุนตัวเดินออกไป เดินไปได้สองก้าวก็หันกลับมาถามว่า “ทำลายสัญญาหมั้นหมายคืออะไรหรือ”
หลี่หรูอี้อธิบายอย่างอดทน “ก็คือคนสองคนหมั้นหมายกันแล้ว แต่ฝ่ายหนึ่งเปลี่ยนใจไม่เห็นด้วย ้าทำลายสัญญาหมั้นและไม่แต่งงานกันอีก”
“ไม่แต่งก็ดีแล้ว ข้าก็จะไม่แต่ง” หลี่สือพึมพำสองประโยคแล้วเดินออกไปตักน้ำที่ลานบ้าน
ตอนที่หลี่หรูอี้ไปถึงบ้านตระกูลหวังอีกครั้ง พบว่ามีคนยืนอยู่เต็มลาน ผู้คนเหล่านี้ล้วนเป็คนตระกูลหวัง ไม่ว่าชายหญิง เด็กและคนแก่ล้วนมีทั้งสิ้น พวกเขาเ่าั้มีท่าทางต่างกันไป
“หนูตัวเดียวทำข้าวสารเสียทั้งหม้อจริงๆ ซานนิวก็คือหนูตัวนั้น!”
“หลายปีมานี้ตระกูลหวังของพวกเราไม่เคยกระทำเื่ไร้คุณธรรมเช่นหวังซานนิวมาก่อน ช่างเป็สตรีอำมหิตจริงๆ”
“จับหวังซานนิวใส่กรงถ่วงน้ำเถิด!”
หลี่หรูอี้ได้ยินเสียงคนตระกูลหวังก่นด่าหวังซานนิวดังมา ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่พูดจาช่วยเหลือหวังซานนิว กระทั่งหวังซื่อนิวน้องสาวแท้ๆ ของหวังซานนิวก็ยังไม่ช่วยพูดให้นางแม้แต่ประโยคเดียว
ทุกคนได้กลิ่นยาอันเข้มข้นโชยมา เมื่อมองไปจึงพบว่าเป็หลี่หรูอี้ที่เดินเข้ามาพร้อมยาถ้วยหนึ่ง จึงพากันหลีกทางให้
คนที่นั่งอยู่ในห้องโถงคือคนเฒ่าคนแก่ของตระกูลหวังที่มีเส้นผมขาวโพลน ฟันก็ร่วงจนเกือบหมดปากแล้ว เฟิงซื่อก็นั่งอยู่ด้วยสีหน้าของนางดูไร้อารมณ์
หวังลี่ตงบิดาของหวังซานนิวคุกเข่าอยู่ที่มุมหนึ่ง ก้มหน้าก้มตาราวกับท้องผูก ไม่กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว
ชวีหงผู้เป็มารดาของหวังซานนิวที่เมื่อก่อนชอบพูดเสียงแหลมก็กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างกายหวังลี่ตงในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง แววตาดุดันจับจ้องไปทางเฟิงซื่อ ท่าทางประหนึ่งสุนัขจนตรอกที่ไม่กลัวสิ่งใดอีก
ก่อนหน้านี้ชวีหงอาละวาดอยู่ในห้องโถง สุดท้ายก็ถูกคนเฒ่าคนแก่ตำหนิไปยกใหญ่
เฟิงซื่อที่พยายามข่มกลั้นโทสะกล่าวขึ้นว่า “หรูอี้ เยี่ยนเอ๋อร์อยู่ในห้องนอน”
ผู้เฒ่าผู้แก่แห่งตระกูลหวังหลายคนมองหลี่หรูอี้ด้วยความสงสัย แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเอ่ยปากถามนางที่เป็ผู้เห็นเหตุการณ์แม้แต่คนเดียว
หลี่หรูอี้มีนิสัยเปิดเผยใจกว้างย่อมไม่กลัวใครถาม นางกวาดตามองไปรอบๆ แต่กลับไม่พบหวังซานนิว คาดว่าคงหนีไปหลังจากเกิดเื่แล้วกระมัง
หวังเยี่ยนนั่งซึมอยู่ในห้องนอนโดยมีเด็กหญิงอายุเท่าๆ กัน ซึ่งเป็คนในตระกูลอยู่เป็เพื่อนอีกสองคน เมื่อเห็นหลี่หรูอี้ก็รีบลุกขึ้นยืน “หรูอี้ คนในตระกูลส่งคนไปตามท่านพ่อที่อำเภอแล้ว…”
หลี่หรูอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กินยาแล้วพักผ่อนให้ดีเถิด”
เด็กหญิงทั้งสองก็รู้จักหลี่หรูอี้จึงเดินเข้ามาทักทาย
หวังเยี่ยนดื่มยาไปได้คำเดียวก็รู้สึกได้ว่า ในยามีส่วนผสมของน้ำตาลอยู่ด้วย ทำให้รู้สึกซาบซึ้งในความเอาใจใส่ของหลี่หรูอี้มาก นางกล่าวเสียงแ่ว่า “ซานนิวหนีไปแล้ว ท่านลุงท่านอาทั้งหลายของข้าคิดจะส่งคนออกไปตามหานาง แต่ท่านแม่ข้าไม่เห็นด้วย”
“มิน่าเล่าบ้านท่านจึงมีคนเยอะเช่นนี้” นี่เป็เื่ของตระกูลหวังหลี่หรูอี้จึงไม่อยากจะแสดงความเห็น แม้ในใจจะคิดว่า คนเช่นหวังซานนิวตายอยู่ข้างนอกได้ก็ดี
หวังเยี่ยนดื่มยาหมดแล้วก็มองไปทางหลี่หรูอี้ กล่าวขึ้นว่า “ซานนิวใกล้จะแต่งงานแล้ว หากนางหายตัวไป ทางบ้านฝ่ายชายต้องไม่ยอมจบแน่นอน ข้าคิดว่าตามหานางกลับมาให้ได้จะดีกว่า เ้าคิดอย่างไร”
“ที่ท่านว่ามาก็มีเหตุผลอยู่หลายส่วน” หลี่หรูอี้หยิบชามขึ้นมาก่อนจะตบไหล่หวังเยี่ยนเบาๆ อย่างปลอบโยน และกล่าวว่า “ท่านไม่ต้องคิดมาก พักผ่อนให้ดีๆ เื่นี้ปล่อยให้ผู้ใหญ่จัดการเถิด”
ขณะนั้นเองพลันมีเสียงสตรีนางหนึ่งดังแว่วมาจากด้านนอก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความลนลานหวาดกลัว “ผู้ใดไม่ทราบบ้างว่าซานนิวของพวกเราเป็คนดี จะขโมยเงินได้อย่างไร จะฆ่าคนได้อย่างไร นางสารเลวตัวไหนที่กล้าโกหก ไสหัวออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะตบมัน!”
เมื่อหวังเยี่ยนได้ยินเสียงอันคุ้นเคยแววตาพลันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ชวีหง”
เมื่อครู่ชวีหงที่อยู่ในห้องโถงเอาแต่เงียบงัน จนกระทั่งเห็นหลี่หรูอี้เดินเข้าไปในห้องนอน หวังเยี่ยนก็โวยวายขึ้นมาเหมือนสุนัขเห่าหอน เห็นได้ชัดว่าเพ่งเล็งหลี่หรูอี้
“มารดาเป็อย่างไรบุตรสาวก็เป็เช่นนั้น” หลี่หรูอี้แค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งก่อนที่จะถลึงตาใส่ “ข้าจะออกไปถามนางเสียหน่อยว่านางด่าใคร!”
หวังเยี่ยนเต็มไปด้วยโทสะ กล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า “ไป พวกเราออกไปด้วยกัน ไปเผชิญหน้ากับนางตรงๆ ”
แม้หวังเยี่ยนจะมีนิสัยอ่อนโยนมาตลอด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็คนอ่อนแอ ใน่เวลาเช่นนี้หากยอมถอย ผู้อื่นจะคิดว่านางกับหลี่หรูอี้ร่วมมือกันใส่ร้ายหวังซานนิว
ดรุณีน้อยสองนางเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันออกมาจากห้องนอน มาปรากฏตัวเบื้องหน้าทุกคน
หวังเยี่ยนถลึงตาจ้องมองไปยังชวีหง กล่าวเสียงเข้มว่า “ตอนที่ซานนิวขโมยเงินของท่านพ่อท่านแม่ถูกข้าพบเข้า พอข้าจะแย่งเงินกลับคืนมา นางก็บีบคอข้า โชคดีที่หรูอี้โผล่มาช่วยข้าได้ทันกาล มิเช่นนั้นข้าคงถูกนางบีบคอตายไปแล้ว”
หลี่หรูอี้กล่าวเสียงดังกังวาน “ข้าหลี่หรูอี้ขอสาบานต่อฟ้า ข้าเห็นกับตาว่า เห็นหวังซานนิวนั่งค่อมอยู่บนตัวของหวังเยี่ยน ใช้สองมือบีบลำคอของหวังเยี่ยนอย่างแรง คิดจะสังหารให้ตาย หากโกหกขอให้ข้าไม่ตายดี!”
“ชวีหง เ้ากล้าสาบานหรือไม่”
“ซานนิวมีนิสัยลักเล็กขโมยน้อยมาตลอด เด็กในหมู่บ้านก็มีแค่ไม่กี่คนที่ยอมเล่นกับนาง”
“ชวีหง เ้ามีบุตรีเช่นนี้ เ้าที่เป็มารดาอายบ้างหรือไม่”
“โบราณว่าตอนเด็กขโมยเข็มตอนโตขโมยทอง ซานนิวลักเล็กขโมยน้อยั้แ่เด็ก ตอนนี้ถึงกับขโมยเงินแล้ว ทั้งยังคิดจะฆ่าคนอีก นี่เป็สิ่งที่ชวีหงสั่งสอนกระมัง”
“ชวีหงก็ไม่ใช่คนดีอะไร หน้าด้าน!”
ทุกคนพากันชี้หน้าด่าชวีหง บ้างก็กล่าววาจาดูถูกเหยียดหยาม ทำเอาชวีหงโกรธจนปากเบี้ยว
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้