“แม่ทัพเทพลูกศร ท่านได้เฝ้าระวังชายแดนต้วนเริ่นมาตลอดหลายปี ไม่มีใครกล้าย่างกรายมาที่ชายแดนต้วนเริ่นแม้ครึ่งก้าว ท่านเป็คนที่มีชื่อเสียงอย่างมาก โม่เจี๋ยผู้นี้ชื่นชมท่านมาโดยตลอดและวันนี้ได้มาเห็นกับตาตนเองแล้ว ข้าดีใจยิ่งนัก”
โม่เจี๋ยนั่งบนหลังม้าและโน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อคำนับหลิ่วชั่งหลัน ซึ่งเขาเคารพนับถือเทพแห่งาของเสวี่ยเยว่อย่างมาก
“หากกองทัพพ่ายแพ้ คำชมเช่นนี้ข้าก็มิอาจรับได้”
น้ำเสียงของหลิ่วชั่งหลันฟังดูเศร้าโศก เขาสูญเสียทหารไปนับแสนนาย ซึ่งเป็จำนวนที่มากเกินไป ในใจของเขายังคงเจ็บช้ำมาถึงยามนี้
“สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของท่านแม่ทัพ หากท่านยอมเข้าร่วมกับโม่เยว่ ข้าโม่เจี๋ยก็ยินดีต้อนรับท่าน และจะแต่งตั้งท่านให้เป็แม่ทัพใหญ่”
โม่เจี๋ยกล่าวอย่างสุภาพ แม้เขาจะเป็ถึงองค์ชายที่สูงศักดิ์ แต่กลับไม่หยิ่งยโสเลยแม้แต่นิด เขาเชิญชวนให้หลิ่วชั่งหลันเข้าร่วมกับโม่เยว่อย่างยินดี ซึ่งคนเช่นนี้จะไม่ประสบความสำเร็จได้อย่างไรกัน
“ชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้ ไม่มีข้อแก้ตัวแต่อย่างใด” หลิ่วชั่งหลันส่ายศีรษะเล็กน้อย “ขอบพระทัยสำหรับความเมตตาขององค์ชาย”
“ข้าคงต้องให้ท่านแม่ทัพเห็นบางคน แล้วท่านจะเข้าใจ”
โม๋เจี๋ยกล่าวขณะโบกมือ จากนั้นก็ได้มีคนนำหญิงสาวที่ถูกมัดด้วยเถาวัลย์ออกมา
“องค์หญิง”
หลิ่วชั่งหลันและหลินเฟิงต่างตกตะลึง โดยเฉพาะหลินเฟิงที่ดูตกตะลึงยิ่งกว่าใคร
เป็ไปได้อย่างไร? องค์หญิงตกอยู่ในกำมือของโม่เจี๋ย
หรือว่าคนที่วางแผนลอบสังหารต้วนซินเยี่ยจะไม่ใช่ต้วนเทียนหลาง แต่เป็คนของโม่เจี๋ย?
แต่ทำไมท่านแม่ทัพถึงได้ซุ่มโจมตีและล้อมจับเขา นอกจากนี้ยังตัดสินโทษเขาอีก?
หลินเฟิงไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
ขณะนั้นโม่เจี๋ยก็หันไปหาหลินเฟิง เขายิ้มพลางกล่าวว่า “เ้ามีนามว่าหลินเฟิงใช่หรือไม่?”
หลินเฟิงมีแววตาสงสัยเล็กน้อย เขาได้ยินเสียงจากปากของโม่เจี๋ยที่ค่อยๆ กล่าวช้าๆ
“ความเกรี้ยวโกรธจนเส้นผมชี้ชัน พิงระเบียงคราใด ฝนหนักจักต้องหยุด”
“แหงนหน้าทีไรจักต้องแผดเสียงอย่างบ้าคลั่ง”
“ราญศึกสามสิบชัยไร้ค่าเพียงผงธุลี ทางแสนไกลแปดพันลี้ผ่านร้อยเมฆาจันทร์”
“เวลาล่วงเลยจนผมหงอกขาว เวลานั้นจักต้องเสียใจ!”
“ความอัปยศของต้วนเริ่น ยังมิได้ชะล้าง”
“ความเคียดแค้น เมื่อใดจะมลายสิ้นไป”
“ควบม้าศึกเหยียบย่ำเขาเฮ่อหลานให้แตกสลาย!”
“จิตที่ฮึกเหิม ยามหิวโหยจนต้องกินเนื้อ หากหัวเราะเยาะจนกระหายก็จงดื่มเื”
“รอวันกอบกู้บูรณะแแผ่นดินเก่า คอยเข้าเฝ้าจักรพรรดิ!”
น้ำเสียงของโม่เจี๋ยค่อนข้างสุขุม แววตาเต็มไปด้วยความเร่าร้อนและกล้าหาญ ทำให้หลิ่วชั่งหลันและหลินเฟิงต้องตกตะลึงอีกครั้ง
“ผู้ที่สามารถขับขานบทเพลงได้ดีเช่นนี้ จะต้องมีจิตใจและความมุ่งมั่นที่กว้างใหญ่ แล้วจะเืร้อนได้อย่างไรกัน หลินเฟิง หากเ้ายอมเข้าร่วมกองทัพโม่เยว่ของข้า โม่เจี๋ยผู้นี้ก็ยินดีต้อนรับเ้า และหากเ้าไม่รังเกียจ เ้ากับข้าก็จะกลายเป็พี่น้องกัน”
ยินดีต้อนรับและกลายเป็พี่น้อง
องค์ชายโม่เจี๋ยแห่งอาณาจักรโม่เยว่ ไม่คิดว่าจะให้ความสำคัญกับหลินเฟิงขนาดนี้
“หากเ้ายอมเข้าร่วมกับโม่เยว่ แน่นอนว่าข้าจะไม่แตะต้ององค์หญิง และนางก็จะกลายเป็ภรรยาของเ้าอีกด้วย”
โม่เจี๋ยอมยิ้มพลางค่อยๆ กล่าว ขณะมองหลินเฟิงด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใส
หลิ่วชั่งหลันเหลือบมองหลินเฟิง เขาจำได้ดีว่าบทเพลงนั่นเป็หลินเฟิงที่ขับร้องออกมา เมื่อคิดได้ดังนั้นสมองของเขาพลันว่างเปล่า เขาตระหนักแล้วว่าเหตุใดองค์ชายโม่เยว่ถึงเร่งโจมตีชายแดนต้วนเริ่นได้ถูกเวลาเช่นนั้น
“คนที่ลอบสังหารองค์หญิงเป็คนของท่านใช่หรือไม่?” หลินเฟิงกล่าวถาม
“เ้าไม่จำเป็ต้องสงสัย ข้าจะให้เ้าเห็นคนคนหนึ่ง แล้วเ้าจะเข้าใจทั้งหมด”
โม่เจี๋ยส่งสัญญาณมือ ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งเดินมาอยู่ข้างเขา ชายคนนั้นถอดหมวกเหล็กออก เมื่อเห็นชายคนนั้นชัดเจนแล้ว จู่ๆ ใบหน้าของหลินเฟิงก็กลายเป็เ็า
“เป็เ้า”
น้ำเสียงของหลินเฟิงแฝงไปด้วยจิตสังหาร คนคนนี้คือผู้บัญชาการที่ขัดขวางเขาตอนที่องค์หญิงถูกลักพาตัวไป และเขายังเป็คนที่ใส่ความหลินเฟิงว่าเป็คนวางแผนทำร้ายองค์หญิง
“ตอนนี้เ้าน่าจะเข้าใจทั้งหมดแล้ว เื่ทหารเสวี่ยเยว่และเ้า รวมไปถึงความขัดแย้งระหว่างพวกเ้า ข้ารู้เื่ทั้งหมด”
โม่เจี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
หลินเฟิงมองโม่เจี๋ยอย่างเ็าและค่อยๆ กล่าวว่า “แต่ท่านก็สามารถปลุกเร้าความขัดแย้งได้อย่างสมบูรณ์แบบจนกลายเป็าภายใน ถือเป็กลยุทธ์ที่ดีมาก ท่านโม่เจี๋ยช่างเป็คนที่โเี้ไร้ปรานียิ่งนัก”
หลินเฟิงไม่ได้ใช้น้ำเสียงสุภาพ แม้ภายในกองทัพเสวี่ยเยว่จะมีความขัดแย้งภายในเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว แต่องค์ชายโม่เจี๋ยก็สามารถปลุกเร้าให้เกิดาภายในได้สมบูรณ์แบบ แต่ละขั้นตอนช่างแเีไม่มีที่ติ คนประเภทนี้ช่างน่ากลัวนัก
ส่วนไส้ศึกในกองทัพก็ไม่นับว่าเป็อะไร ใครว่าในกองทัพของอาณาจักรโม่เยว่จะไม่มีไส้ศึกของเสวี่ยเยว่แฝงตัวอยู่ ไส้ศึกนั้นพยายามเข้าถึง ในขณะเดียวกันก็สังเกตการณ์ว่าจะวางแผนเช่นไร ไม่สงสัยเลยว่าทำไมโม่เจี๋ยถึงใช้ความสามารถของไส้ศึกฝั่งเขาที่ซ่อนไว้ออกมาได้สมบูรณ์แบบเช่นนี้
“เ้าและแม่ทัพ หากมาเป็ส่วนหนึ่งของโม่เยว่ พวกเ้าก็จะกลายเป็วีรบุรุษ”
โม่เจี๋ยค่อยๆ กล่าวเชื้อเชิญ ขณะเดียวกันหลินเฟิงและหลิ่วชั่งหลันก็ส่ายหัว
“ข้าโม่เจี๋ย ยินดีต้อนรับพวกท่านทั้งสองเสมอ”
โม่เจี๋ยหันกลับไป จากนั้นก็กล่าวอย่างเฉยชาว่า “ตั้งค่ายพักแรมสองกิโลเมตรจากที่นี่”
หลังจากกล่าวจบ เสียงของเขาจู่ๆ ก็ถูกพูดซ้ำขึ้นอีกหลายครั้ง ทหารทั้งหมดหันหน้ามาทางเขาราวกับตำแหน่งของโม่เจี๋ยในกองทัพคือพระเ้า
“ทหารเสวี่ยเยว่จงฟัง สามวันหลังจากนี้ ข้า้าให้พวกเ้าทั้งหมดถอนทัพออกจากชายแดนต้วนเริ่น มิเช่นนั้นข้าจะกุดหัวองค์หญิง” โม่เจี๋ยกล่าวเสียงดังและมันได้เข้าไปในหูของทหารเสวี่ยเยว่ จึงทำให้เหล่าทหารต่างสั่นสะท้าน
คาดไม่ถึงว่าจะ้าให้พวกเขาถอนทัพออกจากชายแดนต้วนเริ่น มิเช่นนั้นเขาจะสังหารองค์หญิง!
“ในสามวันนี้ข้าจะไม่ทำร้ายองค์หญิงผู้สูงส่ง ขอให้พวกเ้าจงไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน”
โม่เจี๋ยกล่าวย้ำอีกครั้ง ทันใดนั้นผืนดินก็สั่นะเื เกิดฝุ่นคละคลุ้งในอากาศ เหล่าทหารเสวี่ยเยว่ได้แต่มองหน้ากัน
ไม่มีเงื่อนไขใดๆ อีก มีเพียงให้ถอนทัพออกจากชายแดนต้วนเริ่น นี่คือข้อเสนอของโม่เจี๋ย ไม่มีการต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อพูดจบก็จากไปในทันที
หลินเฟิงมองต้วนซินเยี่ยด้วยแววตาเศร้าสร้อย จู่ๆ ภายในใจพลันสำนึกผิดขึ้นมา หากเขาแข็งแกร่งมากกว่านี้องค์หญิงก็คงไม่ถูกลักพาตัวไป ส่วนต้วนเทียนหลางหากไม่มีเหตุผลให้ก่อฏ าภายในก็คงไม่เกิดขึ้นและโลหิตของทหารเสวี่ยเยว่นับแสนนายก็คงไม่ต้องหลั่งเป็สายน้ำ
แน่นอนว่า หลินเฟิงทราบดีว่าเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงอดีตได้ นั่นเป็เหตุผลที่เขาเดือดดาลอย่างมากที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“กลับเมืองต้วนเริ่น” หลิ่วชั่งหลันหันหลังและก้าวออกไป หลินเฟิงได้แต่มองแผ่นหลังของเขาด้วยหัวใจอันเ็ป หลินเฟิงรู้ดีว่าหลิ่วชั่งหลันในตอนนี้กำลังทุกข์ทรมานยิ่งกว่าใครๆ
ทหารนับแสนนายที่ตายไปเปรียบเสมือนพี่น้องของเขา
ในขณะนั้นได้มีร่างหนึ่งวิ่งไปขวางหน้าหลิ่วชั่งหลัน
“หลิ่วชั่งหลัน ปลุกระดมทหารทำให้เกิดาภายในและส่งผลให้องค์หญิงต้องถูกจับตัวไป ทหารนับหมื่นนายต้องดับสิ้น เ้าคิดว่าบทลงโทษใดจะเหมาะสมกับโทษเหล่านี้?”
ต้วนเทียนหลางกล่าวจบ ม่านตาของหลินเฟิงพลันหดแคบลงเล็กน้อย ชายผู้นี้ก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์เดรัจฉาน
ผู้ที่เคยอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขาเป็ไส้ศึกและลักพาตัวองค์หญิงไป เป็ต้วนเทียนหลางที่ระรานไม่หยุดและพยายามสังหารหลินเฟิง ก่อให้เกิดการจลาจล แม้แต่ยามที่โม่เยว่บุกโจมตี เขาก็ยังไม่หยุดลงมือ วันนี้เขากลับโทษหลิ่วชั่งหลันซึ่งเป็วิธีที่สกปรกและไร้ยางอายเป็อย่างมาก
“หลิ่วชั่งหลัน เ้าสังหารทหารไปนับหมื่นนาย สู้เ้ายอมรับผิดและขอโทษไม่ดีกว่าเหรอ จะได้ผ่อนโทษได้ไง”
ต้วนเทียนหลางกล่าวอีกครั้ง ใบหน้าของหลินเฟิงกลายเป็เ็ายิ่งกว่าเดิม หลิ่วชั่งหลันนั้นให้ความสำคัญกับมิตรภาพอย่างมาก จึงได้อดกลั้นกับการปลุกเร้าเช่นนี้ ด้วยนิสัยของเขานั้น เขาสามารถถึงกับยอมรับผิดด้วยชีวิต
“ต้วนเทียนหลาง ข้าล่ะชื่นชมเ้าจริงๆ ไม่คิดว่าจะมีหน้ามายืนอยู่ที่นี่และยังกล้าคุยโวโอ้อวดเช่นนี้อีก”
จากนั้นหลินเฟิงก็กล่าวออกไปอย่างเหลืออดว่า “คนสนิทชิดใกล้กลับทรยศ ทำให้องค์หญิงต้องถูกจับตัวไป ใช้ความแค้นส่วนตัวเพื่อสังหารข้า แต่กลับไม่ไปจับกุมคนที่ลักพาตัวองค์หญิง เพื่อบรรลุเป้าหมายจึงก่อให้เกิดาภายใน แม้แต่ตอนที่โม่เยว่บุกโจมตีก็ยังนึกถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง ทำให้ทหารต้องตาย หลังจบา ท่านก็หนีจากเมืองหลวงแล้วนำทหารและบุตรชายติดตามไปด้วย ท่านหลบหนีได้เร็วกว่าใครๆ เหมือนสุนัขขี้ขลาด ทำให้ทหารจำนวนมากต้องตายไป ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีทหารของเ้า แต่เ้ากลับมีหน้ามากล่าวหาท่านแม่ทัพหลิ่ว ถ้าหากข้าเป็ท่าน ข้าคงฆ่าตัวตายไปนับพันครั้งแล้ว ข้าชื่นชมท่านมากในฐานะท่านอ๋อง แต่การกระทำของท่านช่างไร้ยางอายเช่นนี้ ข้าหมดคำพูดจริงๆ”
แต่คำพูดของหลินเฟิงช่างเยือกเย็นราวกับมีคมหนามทิ่มแทง ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างมองต้วนเทียนหลางด้วยสายตาที่แปลกไป ส่วนต้วนเทียนหลางในยามนี้มีใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด
“หลินเฟิง เ้าอย่าลืมสิว่า เ้าเป็องครักษ์ขององค์หญิง ตอนนี้องค์หญิงถูกจับตัวไป เ้าอาจหนีความผิดนี้ไปได้”
“ต้วนเทียนหลาง ท่านไม่ควรลืมว่าท่านเป็ถึงแม่ทัพใหญ่ แล้วองค์หญิงก็ถูกลักพาตัวในค่ายของท่านและอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของท่าน ท่านบอกว่าข้าไม่อาจพ้นโทษงั้นหรือ?”
หลินเฟิงกล่าวตอบอย่างเดือดดาล ด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดและเยือกเย็น
“‘งั้นเราจะได้เห็นดีกัน ว่าใครจะอยู่หรือตาย”
ต้วนเทียนหลางแสยะยิ้ม แล้วหันหลังเดินจากไป
“ท่านควรสังหารข้าตราบเท่าที่ยังมีโอกาส หากข้าไม่ตาย ท่านและบุตรชายสารเลวของท่านจะต้องตายด้วยน้ำมือของข้า”
หลินเฟิงกล่าวขณะมองส่งแผ่นหลังต้วนเทียนหลาง น้ำเสียงของเขาราวกับปีศาจ คำพูดของหลินเฟิงมาจากส่วนลึกของหัวใจ หากในอนาคตเขาแข็งแกร่งมากกว่านี้ เขาก็จะสังหารพวกมันอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ดูเหมือนต้วนเทียนหลางจะััได้ถึงความเย็นะเืจากคำพูดของหลินเฟิง ขณะที่กำลังเดินอยู่เขาก็ต้องชะงักฝีเท้าลงครู่หนึ่งแล้วก้าวไปข้างหน้าต่อ หลินเฟิงจะต้องฆ่าพวกมันให้ได้อย่างแน่นอน ระหว่างพวกเขาไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องตาย!