แน่นอนว่าหลิงเซียวไม่สามารถไปขโมยวิชายุทธ์การฝึกฝนพลังปราณของสำนักเทียนซินได้
วิชายุทธ์เล่มนั้นถูกจัดเก็บไว้ชั้นบนสุดของหอฝั่งตะวันออก มีผู้าุโหลายท่านคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ล้วนเป็พลังแก่กล้าไม่ธรรมดา แต่ว่าไม่ได้หมายความว่าเขาจะขโมยมันมาไม่ได้ เพียงแต่ถ้ามันหายไป ต้องเกิดกระแสปั่นป่วนภายในสำนักแน่
ความล้ำค่าของวิชายุทธ์เล่มนี้ถูกจัดว่าเป็สมบัติที่ต้องคุ้มกันระดับหนึ่ง ฉะนั้นจะมีการจัดเวรยามไปตรวจสอบทุกเมื่อ
ถ้าพบว่ามันหายไป สำนักเทียนซินต้องคิดว่ามีโจรในสำนักแน่นอน พวกาุโที่คอยเฝ้าคงไม่มีใครยอมออกหน้า ถึงเวลานั้นต้องตรวจสอบทีละคน สำหรับเขาแล้ววุ่นวายเกินไป อีกอย่างบนตัวโหยวเสี่ยวโม่ก็มีความลับซ่อนอยู่ไม่น้อย
ฉะนั้นการขโมยวิชายุทธ์จะเป็ตัวเลือกสุดท้าย ไม่หมดหนทางจริงเขาจะไม่เลือกวิธีนี้เด็ดขาด
แต่ว่าตกปากรับคำโหยวเสี่ยวโม่ว่าจะหาคัมภีร์วิชายุทธ์มาให้ ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น รับปากแล้วก็ต้องทำให้ได้
วันต่อมาโหยวเสี่ยวโม่ก็ได้ยินจากคนอื่นว่า หลิงเซียวลงเขาแล้ว
เมื่อวานหลังคุยกันเสร็จ หลิงเซียวอยู่ต่อเพียงครู่เดียว จากนั้นออกไปพร้อมกับโอสถยี่สิบเม็ด น้อยกว่าที่โหยวเสี่ยวโม่คาดไว้สามสิบเม็ด
มีเหลือเก็บสามสิบเม็ด ครั้งหน้าลงเขาคงต้องพึ่งเ้านี่ไปขาย แม้ไม่เยอะ แต่จะให้กระเป๋าเงินแฟบไม่ได้
ส่วนเื่ที่หลิงเซียวลงเขาไปทำอะไรนั้น โหยวเสี่ยวโม่คิดว่าน่าจะเพราะเขากำลังไปหาวิชายุทธ์การฝึกฝนพลังปราณ ถึงแม้จะรู้สึกผิดเล็กๆ แม้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา แต่ก็ยังไปช่วยตัวเองหา พอคิดถึงว่าถ้ามีวิชายุทธ์แล้วจะหลอมยาได้เพิ่มขึ้น แค่นี้โหยวเสี่ยวโม่ก็ใจเต้นจนความรู้สึกผิดนั่นก็จางหายไป
เขาพกโอสถห้าสิบเม็ดเมื่อวาน เพื่อเตรียมไปส่งยังเรือนหญ้าเซียน พร้อมกับรับหญ้าเซียนมาบางส่วน
เรือนหญ้าเซียนมีกฎว่า เมื่อรับหญ้าเซียนไป ก็ต้องส่งเม็ดยาที่หลอมได้กลับมาส่งครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่มี ก็ไม่สามารถขอหญ้าเซียนได้อีก
หญ้าเซียนขั้นหนึ่งมีหนึ่งร้อยยี่สิบชนิด สามารถหลอมโอสถได้สี่สิบชนิด
ในตอนนี้โหยวเสี่ยวโม่หลอมได้สามชนิดแล้ว ถึงจะห่างไกลจากเลขสี่สิบมาก และยังเป็การหลอมร้อนแค่รอบเดียว แต่ว่าโหยวเสี่ยวโม่ก็ตั้งใจว่าจะลองหลอมตัวยาทุกชนิดอย่างละรอบ เพราะถึงยังไงหลิงเซียวเองก็เคยบอกไว้ ว่าการเพิ่มพูนพลังปราณนั้นอาศัยการฝึกฝนอย่างไม่ขาดสาย
ผู้ที่ดูแลเรือนหญ้าเซียนนั้นยังคงเป็อาจารย์จ้าวเจิน เมื่อเห็นเขามาก็ไม่เอะใจแต่อย่างใด
ในขวดยาก็บรรจุเม็ดยาไว้ห้าสิบเม็ดเช่นเคย ไม่มากไม่น้อย อาจารย์จ้าวไม่ได้นับ หากแม้เขาจะส่งแค่สี่สิบเม็ดก็ตาม
“ครั้งนี้เ้า้าหญ้าเซียนเท่าไหร่ล่ะ?”
“หกร้อยต้น” โหยวเสี่ยวโม่ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย
ตัวเลขนี้ไม่น้อย ถึงแม้จะหลอมยาขั้นหนึ่งได้เพียงสองร้อยเม็ด แต่ศิษย์จำนวนน้อยมากที่จะขอรับหญ้าเซียนมากกว่าห้าร้อยต้น ทว่าจ้าวเจินรู้ถึงความไวของเ้าหนุ่มนี่ เขาสามารถหลอมได้วันละหนึ่งร้อยเม็ดขึ้นไป หกร้อยต้นก็คงสองวันเองกระมัง
ขณะที่เขากำลังจะจดบันทึก โหยวเสี่ยวโม่ก็เอ่ยปากอีก “อาจารย์จ้าว ข้ามีเื่จะขอ ข้าอยากได้ส่วนผสมของตัวยาสิบชนิด จะได้หรือไม่ขอรับ?”
โหยวเสี่ยวโม่มองเขา พอเขาจ้องกลับก็รีบก้มหน้า รู้ว่าตัวเองขอมากเกินไป
ครั้งนี้จ้าวเจินจ้องเขาตรงๆ ประหลาดใจอยู่บ้างแต่ไม่ถึงกับตะลึง “ได้สิ”
พูดจบก็ยื่นหญ้าเซียนหกร้อยต้นให้เขาจริงๆ โอสถสิบชนิดต้องใช้หญ้าเซียนทั้งหมดสามสิบกว่าชนิด ไม่สามารถให้ได้ทั้งหมด ได้มาเพียงครึ่งเดียว ฉะนั้นอาจารย์จ้าวจึงให้โหยวเสี่ยวโม่ไปเก็บเพิ่มที่แปลงสมุนไพรเอง พร้อมศิษย์อีกคนที่เข้าสำนักก่อนเขามาช่วยนำทาง
“เ้าคือโหยวเสี่ยวโม่หรือ?”
สองคนเดินหน้าหลัง โหยวเสี่ยวก็ได้ยินเสียงศิษย์พี่เอ่ย
ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองรึเปล่า เขารู้สึกว่าน้ำเสียงศิษย์พี่ไม่ค่อยดีนัก ความรู้สึกดูแคลน ราวกับไม่ไยดีนัก
โหยวเสี่ยวโม่ได้แต่มึนงง เขาเองอยู่อย่างถ่อมตน ไม่เคยทำอะไรให้ศิษย์พี่ท่านนี้มาก่อนหรือทำอะไรให้ใครเคือง ที่สำคัญคือ เขาแทบไม่มีความทรงจำอะไรเลย
อีกทั้งชื่อเสียงเขาทำไมถึงโด่งดังขึ้นมา กับศิษย์พี่ที่ไม่เคยรู้จักยังเรียกชื่อเขาได้
อีกฝ่ายมาหยุดที่ทางเข้าแปลงสมุนไพรแล้วหันมาทางเขา ท่าทีครุ่นคิดก่อนเอ่ย “เ้าเองคงยังไม่รู้สินะ ตอนนี้ทั่วทั้งแขนงโอสถต่างก็รู้จักตัวตนเ้าแล้ว ยังรู้มาว่าศิษย์พี่หลิงเซียวแห่งแขนงการต่อสู้ยอมหักหน้าศิษย์น้องทังอวิ๋นฉีเพื่อเ้า อีกอย่าง ข้ายังได้ยินมาว่า บ่ายวันนี้ศิษย์พี่หลิงเซียวยังไปหาเ้าด้วย เ้านี่มีอะไรดีนัก ทำไมศิษย์พี่หลินเซียวถึงมาสนใจในตัวเ้าได้”
โหยวเสี่ยวโม่ตะลึงงัน เพียงเวลาไม่ถึงวันข่าวลือแพร่สะพัดถึงเพียงนี้
เสียดายที่เขาไม่อาจอธิบายอะไรได้ ถ้าเป็หลินเซียนคนก่อน แน่นอนว่าไม่มีทางมาขลุกอยู่กับเขาแน่ แต่ ‘หลินเซียว’ ในตอนนี้ ภายในเปลือกนอกนั้นเปลี่ยนเป็อีกคนแล้ว แถมยังโหดร้าย ชอบรังแกเขาอยู่เรื่อย
แต่กับสำนักเทียนซินแล้ว หลินเซียวเกิดสนใจเขาขึ้นมา ถ้าไม่มีสาเหตุก็ไม่มีทางเป็ไปได้
เมื่อคิดดูแล้ว โหยวเสี่ยวโม่จึงลองถามกลับ “ศิษย์พี่ ท่านเป็ศิษย์ทัพพิภพหรือไม่?”
อีกฝ่ายหน้าเปลี่ยนสี ถลึงตาใส่โหยวเสี่ยวโม่หนึ่งครั้งแล้วก็จากไป ถึงอย่างไรเขาก็มาถึงแปลงสมุนไพรแล้ว
โหยวเสี่ยวโม่ถูจมูกไปมา คำพูดเมื่อกี้ก็ออกจะแรงไปหน่อย แต่เขาก็หมดปัญญา ใครใช้ให้อีกฝ่ายก้าวร้าวกับเขาล่ะ
เื่ที่ทัพพิภพกับทัพ์มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนัก เป็เื่ที่ไม่ต้องประกาศก็รู้กันอยู่ จุดนี้ั้แ่เข้ามาคำนับอาจารย์ที่ตำหนักโอสถ โหยวเสี่ยวโม่ก็พอดูออกแล้ว ถึงแม้ความสัมพันธ์สองทัพจะไม่ค่อยดีนักแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น เพียงแต่ตั้งแง่กันอยู่ในความมืด
ทว่าทุกครั้งทัพพิภพก็ต้องพ่ายแพ้อย่าอนาถ เนื่องจากทรัพยากรดีๆ คนเก่งๆ ต่างถูกทัพ์เลือกไปหมด อาจารย์ขงเหวินถึงได้บำเพ็ญเพียร ไม่ออกมา ก็เพราะเหตุนี้
ในส่วนของทัพวิหคนั้น อยู่ตรงกลางมาตลอด ไม่โดดเด่นนัก แต่ก็ไม่ถึงขั้นรั้งท้าย พูดง่ายๆ ก็คือผู้ชมนั่นเอง
แปลงสมุนไพรมีคนเฝ้าดูโดยเฉพาะ จะมีการเก็บเกี่ยวส่วนหนึ่งมาเก็บไว้ โหยวเสี่ยวโม่เข้าไปด้านในและยื่นสิ่งที่อาจารย์จ้าวให้เขากับคนคนนั้น อีกฝ่ายเมื่อดูเสร็จ ก็จัดแจงหญ้าเซียนทั้งหมดมาให้เขา
เมื่อออกจากแปลงสมุนไพร โหยวเสี่ยวโม่ก็ตรงกลับห้องพัก
พอถึงห้องพัก ก็ไม่ได้รีบหลอมยาทันที หากแต่เอาขวดเปล่าสีขาวยี่สิบขวดออกมาจากถุงเก็บของ
ขวดทั้งหมดนี้เขาขอมาจากอาจารย์จ้าวเจินที่เรือนหญ้าเซียน นอกจากใส่โอสถแล้ว เขาเตรียมอีกห้าขวดไว้ใส่น้ำจากทะเลสาบในห้วงเวลานั้น
ในเมื่อน้ำจากห้วงเวลาสามารถฟื้นฟูพลังปราณและกำลังกายเขาได้ โหยวเสี่ยวโม่จึงจัดเก็บส่วนหนึ่งไว้ในถุงเก็บของ เพื่อถึงเวลาจะได้หยิบใช้เลย ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งเข้าออกห้วงเวลา
เมื่อเขาตั้งสมาธิก็มาปรากฏอยู่ที่ห้วงเวลาแล้ว นี่คือสิ่งที่โหยวเสี่ยวโม่ใช้เวลาวันเดียวในการค้นพบ
เพียงแค่เขามีจิตนึกคิดอันแรงกล้า ไม่จำเป็ต้องลูบหยดน้ำตาบนหน้าอก ก็เข้ามาได้แล้ว
ขณะที่ยังไม่ทันเดินไป แวบเดียวสายตาก็เหลือบไปเห็นทุ่งสีเขียวชอุ่มอย่างไม่ไม่ทันตั้งตัว ตกตะลึงงัน เล่นเอาขวดในมือหล่นลงมายังไม่รู้ตัว