บทที่ 44 เชื่อมสัมพันธ์
เย่จื่อเฉินถือโทรศัพท์นั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ภายในบ้าน
พี่ลิงก็อย่างกับระเหยหายไปจาก์เสียอย่างนั้น เขาไม่ได้ประชันฝีปากกับยี่หนึงจินกุนในกลุ่ม ในวีแชทก็ไม่มีทักมาทะเลาะกับเย่จื่อเฉินอีก
พอมองดูบันทึกการสนทนาล่าสุด
มันก็เป็ของหลายวันก่อน
"ท่านซุนหงอคง ไปเที่ยวที่ไหน ่นี้ถึงไม่เห็นแม้แต่เงา"
ผ่านไปนานแล้วก็ยังไม่ตอบกลับมาเหมือนเดิม
เย่หรงเดินถือองุ่นที่ล้างสะอาดแล้วมาวางลงบนโต๊ะหินหน้าลานบ้าน เสี่ยวไป๋กระดิกหางเดินตามหลังมาด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง
ท่าทางเย่อหยิ่งแบบนั้นทำให้คนที่ได้เห็นอดที่จะหัวเราะไม่ได้
"เย่จื่อ กินองุ่นสิลูก"
เย่จื่อเฉินได้ยินดังนั้นก็เก็บโทรศัพท์แล้วหยิบองุ่นขึ้นมาโยนเข้าปากไปหนึ่งลูก
เสี่ยวไป๋หมอบอยู่ตรงเท้าของเขา ดวงตาเล็กปรายตามองไปที่จาน
ราวกับกำลังพูดว่า ให้ฉันกินด้วย
เอื้อมมือไปหยิบองุ่นในจานมาสองสามลูกแล้วโยนลงไป เสี่ยวไป๋ก็ะโงับ
งั่มงั่มงั่ม
องุ่นสามลูกเข้าปากไปทันที โดยที่ยังไม่ถึงพื้นด้วยซ้ำ
โอ๊ะ เก่งนี่
หยิบขึ้นมาอีกพวง แล้วโยนลงไปอีก
ก็ยังไม่ตกถึงพื้นแม้แต่ลูกเดียว
สะบัดหางไม่สนใจ เสี่ยวไป๋เดินเชิดหน้าจากไปด้วยท่าทางเย่อหยิ่งอีกครั้ง
"เ้าหมาตัวนี้..."
เย่จื่อเฉินหัวเราะร่า เย่หรงก็ยิ้มมองเสี่ยวไป๋แล้วพูด
"เสี่ยวไป๋ฉลาดมาก เหมือนมันฟังที่เราคุยกันรู้เื่เลย"
"มันแน่อยู่แล้วครับ ดูด้วยว่าใครเป็คนพามันมา"
ความจริงเย่จื่อเฉินอยากพูดว่า มันแน่อยู่แล้ว หมาบน์จะไปแย่ได้ยังไง
"จื่อเฉิน"
พอกินองุ่นไปได้สักพัก เย่หรงก็เปิดปากพูดหลังจากที่ลังเลอยู่นาน
เย่จื่อเฉินเลิกคิ้ว นั่งยืดตัวตรง
"ครับแม่?"
"อยู่แต่ที่บ้านทุกวัน ถึงจะมีเสี่ยวไป๋อยู่เป็เพื่อน แต่แม่ก็ยังรู้สึกเบื่ออยู่ดี"
เย่จื่อเฉินเข้าใจ ไม่เห็นใครในโซนบ้านหลังนี้มานานแล้ว
เย่จื่อเฉินอยากหาเพื่อนไว้ให้แม่ของตนได้คุยแต่กลับไม่มี อีกอย่างก่อนหน้านี้ที่อยู่ในชนบทก็ขายของเล็กๆ น้อยๆ ด้วย จู่ๆ มาว่างแบบนี้มันก็จริงที่ในใจจะรู้สึกเคว้งคว้าง
ที่จริงงานก็มีเยอะ แต่ก็ต้องดูว่าจะทำอะไร
จะให้แม่ไปขายผลไม้ก็ไม่ได้ เขาไม่อยากเห็นแม่เหนื่อย
"แม่อยากทำอะไรครับ? อีกอย่างถ้าอยากเปิดร้านขายของก็ต้องมีเงินทุน แต่ตอนนี้ในกระเป๋าของลูกชายแม่ไม่มีเงินอยู่เลย"
เย่จื่อเฉินอยากฟังความคิดเห็นของเย่หรง ส่วนที่บอกว่าไม่มีเงินอยู่เลยนั้นก็ไม่ได้โกหก แถมตอนนี้เขายังติดหนี้อยู่อีกต่างหาก
ถึงจะบอกว่าไม่ต้องคืน แต่ในใจก็รู้อยู่ว่าติด
เย่หรงหยิบเอาบัตรเครดิตใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้ววางลงบนโต๊ะ เย่จื่อเฉินเลิกคิ้วถาม
"บัตรนี้..."
"นี่เป็เงินที่ทางนายทุนรื้อถอนบ้านโอนมาให้ ไม่รู้ทำไมพวกเขาถึงได้ให้มาตั้งสองล้าน!"
"ให้แล้วก็เก็บไว้เถอะครับ"
ไม่ต้องคิดเลย เงินมากมายขนาดนี้ต้องเป็ฮวางิที่ให้มาแน่นอน
ตอนนี้เวลาเ้านั่นเห็นเขาทีก็อย่างกับหนูเห็นแมว ไม่ต้องบอกเลยว่ากลัวขนาดไหน
ครั้งก่อนตอนเจอกันที่หมู่บ้านก็ทำเอาเ้านั่นใจนแทบฉี่ราดแล้ว แต่บอกตามตรงว่าเย่จื่อเฉินก็ไม่รู้ว่าทำไมเ้านั่นถึงได้กลัวเขามากขนาดนี้
"แล้วลูกว่าเงินนี้เราจะเอามาทำอะไรกันดี?" เย่หรงเอ่ยถาม
คำถามนี้ทำให้เย่จื่อเฉินลำบากใจจริงๆ เขาไม่เคยทำธุรกิจ เงินในมือก็เหมือนเป็โชคลาภที่ได้มา
"แม่เก็บไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะถามเพื่อนผมดูว่ามีอะไรที่เหมาะกับแม่บ้าง"
"ก็ได้จ้ะ"
เย่หรงระบายยิ้มแล้วเก็บบัตรไว้ก่อนจะพูด
"จริงสิลูก ไม่ใช่ว่าเข้ามหาลัยแล้วจะต้องมีแฟนหรอกเหรอ ทำไมไม่เคยเห็นลูกพาใครไปไหนมาไหนเลยล่ะ"
เย่จื่อเฉินรีบชิ่งหนีทันที
"นี่ คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าที่บ้านนายจะค่อนข้างมีฐานะ ถึงได้อยู่บ้านระดับนี้ได้"
ในขณะที่นั่งอยู่ในรถ หลิวฉิงก็ยิ้มพร้อมกับพูดอย่างนึกสนุก
เย่จื่อเฉินยิ้มกว้าง ยื่นมือออกไปลูบหัวหลิวฉิงเล็กน้อย
"บอกแล้วไงว่าอยู่กับฉันเธอได้ใช้ชีวิตสบายแน่นอน"
แหวะ
หลิวฉิงทำท่าแหวะเบาๆ
แต่ในใจกลับมีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างเกิดขึ้นมา
อย่างที่ลูบหัวเมื่อครู่นี้ เธอไม่ได้โดนใครลูบหัวมานานมากแล้วจริงๆ เย่จื่อเฉินเป็คนเดียวที่สามารถััเธอได้หลังจากที่เธอกลายเป็ผี
แม้แต่คุณตากู่ก่อนหน้านี้ก็ยังทำไม่ได้เลย
ชั่วขณะหนึ่งที่เธอมีความมั่นใจในตัวเย่จื่อเฉินเพิ่มมากขึ้น
ในขณะที่ขับรถอยู่นั้น จู่ๆ เย่จื่อเฉินก็เห็นว่าข้างทางมีคนแก่กำลังวิ่งไปตามทางด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ
นั่นมันคุณปู่ของซูเหยียนนี่
ท่าทางแบบนี้ เขาคงหนีออกมาได้สำเร็จอีกแล้วสินะ
ปี๊นนน!
เย่จื่อเฉินกดแตรรถ ชายชราดวงตาลุกวาวหลังจากที่เห็นเย่จื่อเฉิน พร้อมกับรีบก้าวเท้าวิ่งมาหาจนเข้ามานั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับ
"เสี่ยวเย่ ไป ออกรถ"
"โอ๊ย! ทับฉันแล้วเนี่ย"
เมื่อครู่นี้หลิวฉิงนั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับ พอชายชราคนนี้ขึ้นรถมาได้ก็มานั่งทับเธอเข้าอย่างจัง
เย่จื่อเฉินหลุดขำ หลิวฉิงจึงต่อว่า
"นายยังมีหน้ามาขำอีก รีบให้คุณตาคนนี้ลุกเลยนะ"
เย่จื่อเฉินจึงฝืนยิ้มไว้ ชายชราพอเห็นว่าเย่จื่อเฉินไม่ออกรถสักทีจึงเริ่มร้อนใจ
"เสี่ยวเย่ เป็อะไร ออกรถสิ เดี๋ยวก็มีคนตามมาทันหรอก"
"ครับๆ แต่ว่าคุณซูครับ คุณช่วยยกก้นขึ้นก่อนได้ไหมครับ"
ในขณะที่เย่จื่อเกือบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว ชายชราก็งุนงงไปเล็กน้อยกับการกระทำของเขา แต่ก็ยังยกก้นขึ้นเล็กน้อย
"หลุดออกมาได้สักที"
หลิวฉิงถอนหายใจยาวแล้วลอยไปอยู่เบาะหลัง เย่จื่อเฉินเองก็กลั้นขำแล้วหันไปถามชายชรา
"จะไปไหนดีครับ?"
"แล้วแต่เลย ที่ไหนกินเหล้าได้ก็ไป"
"ได้ครับ"
เพียงเหยียบคันเร่ง รถของเย่จื่อเฉินก็ขับหายไปในถนนอย่างกับสายฟ้าแลบ
ห่างจากเขาไปไม่ไกล มีชายกลุ่มหนึ่งสวมชุดดำได้ปรากฏตัวขึ้นตรงตำแหน่งเมื่อครู่นี้ ดวงตามองตามรถของเย่จื่อเฉินแล้วหันไปพูดใส่โทรศัพท์
"ตามหัวหน้าไปไม่ทัน เขาขึ้นรถคันหนึ่งทะเบียน xxxxxx ขอความช่วยเหลือด่วน"
เย่จื่อเฉินเลือกมาร้านบาร์บีคิวข้างทางร้านหนึ่ง
เขายังจำตอนที่เจอกับชายชราที่ถนนเส้นนี้ได้ อีกอย่างตามผับบาร์แบบนั้นก็ดูเหมือนว่าคนอายุระดับนี้น่าจะไม่ชอบ
สั่งบาร์บีคิวมาหนึ่งชุด เย่จื่อเฉินและชายชราถือแก้วเบียร์แล้วยกชนกัน
"เสี่ยวเย่ เราสองคนนี่มีวาสนาต่อกันจริงๆ"
"ผมก็ว่างั้นแหละครับ"
เย่จื่อเฉินฉีกยิ้ม ก็มีวาสนาจริงๆ นั่นแหละ หนีมาสองครั้งก็มาเจอเขาทั้งสองครั้ง
"คุณซูครับ อาการของคุณดีขึ้นเยอะเลยนะครับ"
วางแก้วเบียร์ลงข้างตัว เย่จื่อเฉินยกบาร์บีคิวเนื้อแกะขึ้นมากัดไปหนึ่งคำ
"เสี่ยวเย่ ฉันรู้สึกเหมือนว่าจะเป็เพราะเหล้าของเธอ" ชายชรากัดบาร์บีคิวไปหนึ่งคำแล้วพูด "เหล้านั่นที่เธอให้ฉันมา ฉันแอบจิบวันละสองอึก เธอรู้ไหมว่าพอฉันได้ดื่มทีไรมันกลับทำให้รู้สึกดี ร่างกายก็เหมือนกับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น"
"งั้นเหรอครับ คุณซูเลิกอาการติดเหล้าได้ก็เลยอารมณ์ดีหรือเปล่าครับ"
"ที่พูดมามันก็จริง"
ชายชรายิ้มร่า
ดื่มมาได้สามรอบ หัวข้อการสนทนาของเย่จื่อเฉินและชายชราก็ค่อยๆ กลายมาเป็เื่ของซูเหยียน
"เสี่ยวเย่ ่นี้เธอกับหลานสาวฉันได้ติดต่อกันบ้างไหม?"
"อย่าพูดถึงเลยครับ"
เย่จื่อเฉินส่ายหน้าถอนหายใจ เดิมทีก็ติดต่อกันแค่นิดเดียวอยู่แล้ว แต่นี่เชือกดันมาขาดสะบั้นลงไปอีก
เขาขมขื่นกับเื่ตัดขาดความสัมพันธ์นี้มาตลอด
"ทำไม หลานฉันไม่ชอบเธอเหรอ?"
"ก็ใช่ครับ แต่ก็ไม่เชิง" เย่จื่อเฉินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะตอบยังไง แต่ชายชรายยิ้มตาหยีแล้วพูด "ให้ตาแก่คนนี้เชื่อมสัมพันธ์ให้เอาไหม?"