ั์ตาของผีสาวที่เฝ้ารออยู่นั้น เต็มไปด้วยความกระหายเื
เวลาผ่านไปพักใหญ่ ตู้ิเยวี่ยไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใดๆ จากภายในตำหนักจนความอดทนของเขาได้มาถึงขีดสุด คิดอยากจะพังประตูบุกเข้าไปข้างใน โดยที่ไม่ต้องเกรงกลัวอะไร เพราะถึงอย่างไรเสาเหย้าก็คือคนของตน
ทันใดนั้น เสียงของหญิงสาวอันคุ้นเคยก็ดังมาจากด้านในตำหนัก “คืนนี้ยามจื่อ[1] ไปพบกันที่ศาลาชุนชิวในสวนอวี้ฮวาหยวน ถึงตอนนั้นข้าจะเล่าทุกอย่างให้ท่านฟัง”
ตู้ิเยวี่ยกลัวว่านางจะแอบวางแผนอะไรไว้ จึงไม่กล้าตกปากรับคำ
น้ำเสียงของหญิงสาวภายในตำหนักแปรเปลี่ยนเป็น้ำเสียงที่น่าสงสาร “พี่เยวี่ย อีกแค่ไม่กี่ชั่วยามเอง หรือว่าท่านจะรอข้าไม่ไหว”
เมื่อได้ยินเสียงเช่นนั้น ตู้ิเยวี่ยก็นึกถึงใบหน้าของนางเมื่อครู่ ทำเอาไฟราคะลุกโชนขึ้นอีกครั้ง “แน่นอนสิ ข้ารอได้อยู่แล้ว!”
ตู้ิเยวี่ยคิดว่าตนคงจะคิดมากเกินไป เพราะหลังจากได้ยินเสียงของนาง เขาก็มั่นใจทันทีว่าฉู่ชิงอีในตอนนี้คงกำลังโกรธ แต่ภายในใจของนางยังมีเขาอยู่
แม้น การนัดพบกันในสวนอวี้ฮวาหยวนคืนนี้จะเป็เื่ที่แปลกอยู่สักหน่อย ทว่า ต่อให้เซียวเจวี๋ยจะมีเล่ห์กลมากมายแค่ไหน คงไม่สามารถล้ำเส้นเข้ามาถึงวังหลังได้หรอกจริงไหม? เพราะว่าศาลาชุนชิวอยู่ใกล้กับตำหนักของฮองเฮาองค์ก่อน คนทั่วไปเลยไม่สามารถเข้าไปได้
ตู้ิเยวี่ยผู้เต็มไปด้วยราคะ เอาแต่จินตนาการภาพของชิงอีในท่วงท่างดงามเย้ายวน พลางคิดในใจว่าคืนนี้นางคงจะคิดได้แล้วสินะ ถ้าก่อนหน้านี้นางเป็เช่นนี้ละก็ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะขอร้องท่านอาให้ไว้ชีวิตนาง แล้วค่อยแอบส่งนางไปที่จวนอัครมหาเสนาบดี เพื่อเป็อนุภรรยาของเขา นั่นก็ดูเป็ความคิดที่ไม่เลวทีเดียว...
พอนึกถึงเื่ที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้แล้ว ตู้ิเยวี่ยก็เดินออกไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง โดยไม่ทันสังเกตท่าทีหวาดกลัวของเสาเหย้า
ตู้ิเยวี่ยเอาแต่พูดเองเออเองอยู่คนเดียวเมื่อครู่ เหมือนกับคนสติไม่ดี!
เสาเหย้ารู้สึกว่าตำหนักเชียนชิวแห่งนี้มีพลังิญญาปกคลุมอยู่ นางตั้งใจจะหนี แต่ถูกชิงอีที่อยู่ในตำหนักส่งเสียงเรียกเอาไว้เสียก่อน
เสาเหย้าหน้าซีดเผือด เป็อีกครั้งที่ร่างกายของนางเดินเข้าหาชิงอี โดยที่นางไม่สามารถควบคุมได้ ครานี้ นางมีสติครบถ้วน เสาเหย้ารู้สึกกลัวจนไม่กล้ามองชิงอี ทั้งยังรู้สึกกระวนกระวายราวกับร่างกายถูกไฟแผดเผา เมื่อคืนนี้นางยังกล้าสาปแช่งลับหลัง ทว่าในยามนี้นางไม่กล้าแม้แต่จะคิดเื่พวกนั้นเลยด้วยซ้ำ
“ไปสิ ยังจะรออะไรอีกล่ะ” ริมฝีปากสีแดงก่ำของชิงอีขยับเบาๆ
เสาเหย้ามองนางอย่างหวาดกลัว ในที่สุดก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าคำพูดเมื่อสักครู่นี้ชิงอีไม่ได้พูดกับตน แต่นางกำลังพูดกับอากาศ
ในตำหนักแห่งนี้ ยังมีคนอื่นอยู่อีกเหรอ
ไม่สิ อย่าบอกนะว่า...
มีผี!
ทว่า คิดได้ตอนนี้ มันก็สายเกินไปแล้ว
ในคืนนั้น
บรรยากาศดูเงียบสงัด
ศาลาชุนชิวตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของสวนอวี้ฮวาหยวน ซึ่งอยู่ใกล้กับตำหนักของฮองเฮาองค์ก่อน ปกติแล้ว น้อยคนนักที่จะเข้าไปบริเวณนั้น
ตู้ิเยวี่ยเดินไปเดินมาในศาลา การที่เขาแอบลอบเข้ามาในวังมาในคืนนี้ค่อนข้างอันตราย เพราะแม้แต่บ่าวที่ติดตามเขาเองก็ไม่ยังรู้ว่าเขาไปที่ใด
หลังจากที่รออยู่ที่ศาลามาเป็เวลานาน โดยไม่เห็นแม้แต่เงาของใครสักคน สีหน้าของตู้ิเยวี่ยในเวลานี้คล้ายโมโห เมื่อคิดได้ว่าตนเองนั้นกำลังถูกหลอก “นางชั่ว กล้าดีอย่างไรมาหลอกข้า!”
เขากัดฟันกรอดตั้งท่าจะเดินจากไป ทว่า จู่ๆ เสียงแมวที่ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าก็ดังขึ้น
ในหัวของตู้ิเยวี่ยเกิดเสียงอื้ออึง จนทำให้เขารู้สึกเวียนหัวอย่างไร้สาเหตุ ในขณะนั้น เสาเหย้าที่อยู่ไม่ไกลก็เดินเข้ามา หรือพูดให้ถูกคือผีสาวฉู่ชิงอีที่สิงอยู่ในร่างของเสาเหย้าเดินเข้ามา
แต่ใบหน้าบวมปูดของเสาเย้าที่ตู้ิเยวี่ยเห็นคือใบหน้าชิงอี เขารีบพุ่งตัวเข้าไปหาอย่างอดไม่ไหว
“คนสวยของข้า ในที่สุดเ้าก็มาสักที พี่ชายคนนี้รอเ้าจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว” ตู้ิเยวี่ยไม่ฟังคำอธิบายใดๆ รังแต่อยากจะเข้าไปกอดนาง
ฉู่ชิงอีมิได้หลบเลี่ยงแต่อย่างใด ยอมให้ตู้ิเยวี่ยกอดตนเอาไว้ในอ้อมแขน ทว่า ดวงตาคู่สวยกลับแลดูเ็าจนน่ากลัว
แม้ว่าตู้ิเยว่จะถูกไฟราคะครอบงำ แต่ก็ยังไม่ลืมเื่สำคัญที่ต้องจัดการ จึงแสร้งถามด้วยความเป็ห่วง “อีเอ๋อร์ ข้าเป็ห่วงเ้ามากเลย เมื่อคืนนี้เ้ากลับมาได้อย่างไร?”
“ที่แท้ท่านก็ยังห่วงข้าสินะ~” ฉู่ชิงอีเผยยิ้ม ทั้งที่สีหน้านิ่งขรึม
จู่ๆ ตู้ิเยวี่ยก็เสียวสันหลังอย่างไร้สาเหตุ แต่เขาก็ไม่ได้เอะใจอะไร ในใจคิดแค่ว่าจะโกหกเื่นี้ยังไงดี เขาแสร้งทำเป็พูดต่อด้วยความเสน่ห์หา “เด็กโง่ เ้าเจ็บ ข้าก็เจ็บไปด้วย ข้าทำไปก็เพื่ออนาคตของพวกเรา จริงๆ แล้วเมื่อคืนที่ข้าทำเช่นนั้นลงไป ข้าเองก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เดิมทีข้าตัดสินใจยกเลิกแผนการทั้งหมดแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าไอ้เซียวเจวี๋ยชั่วนั่นจะรู้ และแอบดักซุ่มโจมตีพวกเรา หลังจากที่ข้ารอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดก็สลบไม่ได้สติ พอวันนี้รู้ข่าวว่าเ้ากลับมาแล้ว ข้าก็รีบมาหาเ้าทันทีเลยเห็นไหม?”
ตู้ิเยวี่ยพูดจาวนไปวนมา สุดท้ายก็วกกลับมาที่เซียวเจวี๋ย อยากจะรู้ว่าฉู่ชิงอีกลับมาได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าเขากำลังสงสัยในตัวนาง เพียงแต่เขายังไม่อยากที่จะเสียหมากดีๆ อย่างนางไป จึงพยายามแสร้งไม่ให้นางรู้ธาตุแท้ของเขา
ฉู่ชิงอีหลุบตาคู่สวยลง พลางถามเสียงอ่อย “ทำไมท่านถึงไม่ถามว่าข้าเป็อะไรหรือเปล่า?”
ตู้ิเยวี่ยถึงกับพูดไม่ออกอีกครั้ง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันััได้ว่าคืนนี้ฉู่ชิงอีมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไป แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไร แค่มองว่านางคงยังโกรธตนที่ตอนนั้นวางยาปลุกกำหนัดนาง
“พี่เยวี่ย ท่านรักข้าจริงๆ และเต็มใจที่สละเกียรติยศ รวมถึงฐานะของท่าน เพื่อมาอยู่กับข้าตลอดไปใช่ไหม?” ฉู่ชิงอีเงยหน้ามอง ั์ตาของนางดูหม่นหมอง แต่ก็แฝงไว้ด้วยทิฐิบางอย่าง
แผ่นหลังของตู้ิเยวี่ยเย็นวาบอีกครั้ง ทำไมคืนนี้ลมถึงได้พัดบ่อยนัก?
“แน่นอนว่าข้าจริงใจ ไม่เช่นนั้น ทำไมข้าจะต้องเสี่ยงตายเพื่อไปสังหารเซียวเจวี๋ยด้วยเล่า?”
“ในเมื่อท่านพูดเช่นนี้ แสดงว่าท่านยังเต็มใจที่จะหนีไปกับข้าใช่ไหม?”
ตู้ิเยวี่ยขมวดคิ้ว พลางพร่ำราวกับคนโง่ “เต็มใจสิ เต็มใจ แต่จะให้ไปเร็วๆ นี้เห็นทีจะไม่ได้ เซียวเจวี๋ยต้องมาขวางแน่ จะว่าไปแล้ว เ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเมื่อคืนนี้เ้ากลับมาได้อย่างไร?”
“อยากรู้เหรอ? เช่นนั้นท่านก็ลงมาอยู่กับข้าสิ จะได้รู้เื่ราวทั้งหมดไง?”
ลงมา? ลงไปไหน?
ตู้ิเยวี่ยก้มมองนางด้วยความฉงน แล้วก็ต้องใจนขวัญหนีดีฝ่อ เพราะหญิงสาวในอ้อมแขนมองเขาด้วยรอยยิ้ม เืจำนวนมากทะลักออกมาจากหัวไหลย้อมไปทั่วใบหน้านาง รวมถึงพื้นจนมีแต่สีแดงฉาน
“อ๊าก” ตู้ิเยวี่ยร้องออกมาด้วยความใ อยากผลักไสฉู่ชิงอีไป แต่นางกลับกอดเขาเอาไว้แน่น แถมยังยิ้มเยาะออกมาจนฟันขาวซีดสะท้อนกับแสง “ท่านไม่ได้จะหนีไปกับข้าหรอกหรือ? ถ้าเช่นนั้นก็ลงมาอยู่ในปรโลกกับข้าสิ เป็คู่รักแห่งปรโลกยังไงล่ะ”
“อ๊าก ผี! ผะ ผี” ตู้ิเยวี่ยะโอย่างบ้าคลั่ง ขาทั้งสองอ่อนเปลี้ย หนังศีรษะเหมือนจะะเิออกจากกัน
“เพื่อท่านแล้วข้ายอมทำทุกอย่าง สละทิ้งทุกสิ่ง แต่ท่านกลับวางยาและฆ่าข้า ตู้ิเยวี่ย ข้าต้องตายอย่างไร้ความเป็ธรรม...”
“ไม่ใช่นะ! ข้าเองก็ไม่อยากให้เป็เช่นนี้ อีเอ๋อร์ เ้าปล่อยข้าไปเถอะ ถ้าเ้ารู้สึกไม่เป็ธรรมก็ไปหาท่านอาของข้าสิ ท่านเป็คนสั่ง นางกังวลเื่ที่เซียวเจวี๋ยอภิเษกกับเชื้อพระวงศ์ แล้วจะยืนอยู่ฝั่งองค์รัชทายาท นางกลัวว่าคนพวกนั้นจะมาขวางอนาคตขององค์ชายสาม! อีเอ๋อร์ ข้าไม่ได้อยากทำ ข้าเองก็ถูกบังคับ”
“เฮอะ ถูกบังคับงั้นเรอะ คำพูดนี้น่ะ ท่านเก็บไปพูดกับมัจจุราชเถอะ!”
“อ๊าก”
เสียงร้องโหยหวนดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี
ดวงตาของตู้ิเยวี่ยเบิกโพลง และสิ้นใจอย่างไม่อาจฟื้นคืนได้อีก
ขณะที่ร่างกำลังล้มลงสู่พื้นก็มีิญญาหลุดออกมาจากกาย โดยมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ว่านี่คือิญญาของตู้ิเยวี่ย
เขาตายด้วยน้ำมือของผี พอกลายเป็ิญญา สติของเขาก็ชัดเจนแจ่มแจ้งทุกอย่าง เขาจ้องไปที่ิญญาของฉู่ชิงอีในร่างของเสาเหย้าด้วยความเคียดแค้น
ผีสองตนกำลังถลึงตาจ้องมองกัน และพร้อมจะจิกกัดกัน
“ฉู่ชิงอี นางคนชั่ว เ้าบังอาจฆ่าข้า ข้าจะฆ่าเ้า!”
ปึ้ง! ฉู่ชิงอีออกจากร่างของเสาเหย้า พร้อมกับใช้เท้าข้างหนึ่งกระทืบตู้ิเยวี่ยลงพื้น เป็ผีก็ต้องรู้จักผู้าุโ รู้จักที่ต่ำที่สูงกันบ้าง นางกลายเป็ผีก่อน แถมยังได้รับพลังมา อีกอย่างตู้ิเยวี่ยน่ะหรือจะมาสู้นางได้
“นี่ท่านยังอยากจะฆ่าข้าอยู่อีกหรือ? ข้าจะกินผู้ชายชั่วที่ชอบล้อเล่นกับความรู้สึกของหญิงสาวอย่างท่านซะ” ฉู่ชิงอีไม่รอช้า นางกัดและฉีกทึ้งิญญาของตู้ิเยวี่ยทีละคำๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยที่เขาไม่สามารถต่อต้าน และไม่อาจเห็นแววตาเปี่ยมสุขของชิงอี จนในที่สุด เขาก็ถูกนางกลืนลงไป
เอิ๊ก~
ใบหน้าของฉู่ชิงบ่งบอกถึงความเพลิดเพลิน ไม่เลวเลยทีเดียว รสชาติของการกลืนกินชีวิตของศัตรู มันเป็เช่นนี้นี่เอง อร่อยเสียจนนางอยากจะลิ้มลองอีก
นางรู้สึกว่าตนเสพติดมันนิดหน่อยเสียแล้ว ทั้งยังรู้สึกว่าพลังของนางแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย ถ้าหากได้กลืนกินิญญาเช่นนี้อีกสักสองสามดวง ไม่แน่นางอาจจะสามารถเดินเล่นไปทั่ววังหลวงตามอำเภอใจก็เป็ได้
ทันใดนั้น ฉู่ชิงอีก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมา พลันหันมองไปยังอีกฟากของทะเลสาบ
ตรงนั้นมีร่างสีแดงฉานของมารร้ายยืนอยู่ คล้ายกับว่าราชินีแห่งนรกกำลังยิ้มเยาะนางด้วยท่าทีโอหัง
************************
[1] ยามจื่อ หมายถึง เวลาั้แ่ 23:00 - 24:59 น. เป็การนับเวลาตามแบบโบราณของจีน