ฉู่ชิงอีที่กำลังลำพองใจจนลืมตน แต่มันก็ถูกทำลายให้ปลิวหายไปชั่วพริบตา นางลอยไปยืนเจียมเนื้อเจียมตรงหน้าราชินีแห่งนรก เมื่อความแข็งแกร่งของนางเพิ่มมากขึ้น ััเองก็เหมือนจะดีขึ้นด้วย จึงรับรู้ถึงพลังอันน่าสะพรึงของอีกฝ่าย เมื่อเทียบกันแล้ว พลังของตนช่างน้อยนิดราวกับเมล็ดข้าวเมล็ดหนึ่งในท้องมหาสมุทร ฉู่ชิงอีไม่สงสัยเลยสักนิด เพราะเพียงแค่อีกฝ่ายบีบนิ้วก็สามารถฆ่าตนให้ตายได้แล้ว
“ขอบคุณท่านที่ช่วยให้ข้าได้ทำในสิ่งที่้า ความปรารถนาของข้าเป็จริงแล้ว ข้ายอมกลับสู่ปรโลกแต่โดยดี”
“ผีที่ฆ่ามนุษย์นั้น แม้ลงไปยังปรโลกก็ยังต้องตกนรกหมกไหม้อยู่ดี ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้อีก เช่นนี้เ้ายังยืนยันที่จะไปงั้นหรือ?” ชิงอีมองนางอย่างสื่อความหมาย “อยู่บนโลกมนุษย์ออกจะสบาย กลืนกินิญญาอีกสักสองสามดวง ไม่แน่เ้าอาจจะสร้างกายเนื้อขึ้นมาได้ รสชาติของดวงิญญาไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ ไม่อยากจะลิ้มลองอีกสักหน่อยหรือ?”
ได้ยินแบบนั้น ผีสาวกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ พลางพยักหน้ารับโดยไม่รู้ตัว
เพียะ
ชิงอีฟาดฝ่ามือใส่ผีสาวอย่างจัง จนร่างิญญาของนางปลิว ก่อนจะเผยรอยยิ้มเหี้ยมโหด “โอ๊ะ เ้าเนี่ยได้คืบจะเอาศอกงั้นเรอะ?”
ผีสาวตัวสั่นเทิ้ม ส่ายหัวอย่างเร็ว “ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่กล้าแล้ว ข้าจะไม่กินดวงิญญาอีกแล้ว”
“ไปเก็บกวาดเื่วุ่นวายที่เ้าก่อขึ้นมาให้เรียบร้อย อย่าคิดว่าข้าจะมาคอยตามล้างตามเช็ดให้เ้า”
“เ้าค่ะๆ” ผีสาวตอบ แล้วรีบลอยกลับไปยังที่เกิดเหตุ
ชิงอีชายตามองไปที่เท้าของตน “เ้าเองก็ไปด้วย”
เ้าแมวอ้วนกลอกตาไปมา ให้ตายสิ ต้องให้เขาเป็คนจัดการตลอดเลย!
ครู่ต่อมา เสียงฝีเท้ามากมาย พร้อมกับแสงไฟและเสียงเอะอะโวยวายมุ่งหน้ามาทางศาลาชุนชิว
“เ้าแมวบ้านั่นหายไปแล้ว บังอาจมาข่วนฮองเฮา! รีบหามันให้เจอเดี๋ยวนี้!”
เสียงฝีเท้าและแสงไฟเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยามแสงไฟสะท้อนบนทะเลสาบก็มีคนสังเกตเห็นว่าในน้ำมีการเคลื่อนไหวบางอย่าง พอหันไปมองเป็อันต้องหวีดร้องออกมา
“มีคนตาย! ในทะเลสาบมีคนตาย”
“เกิดเื่อะไรขึ้น?”
“เร็วเข้า! รีบเอาตัวขึ้นมา!”
ผู้คนในวังต่างเร่งกันช่วยคนขึ้นมา แล้วพบว่าเป็ชายหนึ่งและหญิงหนึ่ง ทั้งคู่กอดกันแน่น จึงต้องใช้แรงเยอะพอสมควร ถึงจะแยกพวกเขาออกจากกันได้
เมื่อแสงไฟถูกส่องไปยังใบหน้าของคนทั้งสอง ณ ที่แห่งนั้นก็พลันเงียบสงัด
ผ่านไปสักพัก ถึงมีคนเอ่ยเสียงสั่นออกมา “นี่ นี่ไม่ใช่หลานชายของฮองเฮาหรอกหรือ...”
ภายในศาลาชุนชิวเกิดความโกลาหลอลหม่านขึ้น ส่วนอีกฟากของทะเลสาบ เงาสีแดงหายตัวไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเ้าแมวอ้วนที่กำลังนอนอย่างเกียจคร้านอยู่ภายในอ้อมแขนของนาง
“เร็วเข้า! รีบไปกราบทูลฮองเฮา และแจ้งข่าวให้ท่านอัครมหาเสนาบดี!” สีหน้าของขันทีหวังซุ่นซีดเผือด จวนมหาเสนาบดีมีผู้สืบสกุลเพียงคนเดียว รู้ได้เลยว่าท่านอัครมหาเสนาบดีตู้และฮองเฮาจะโกรธมากแค่ไหน
“ทำไมคุณชายตู้ถึงมาตายอยู่ที่นี่ได้ แถมยังกอดนางกำนัลรับใช้เอาไว้อีก?”
“ทั้งสองคนกอดกันแน่นขนาดนี้ หรือจะเป็การฆ่าตัวตาย เพื่อหนีความรักต้องห้ามในวังหลวง”
“แต่รสนิยมของคุณชายตู้ก็แปลกดีนะ รูปร่างหน้าตาเช่นนี้ยังชอบลงอีก?”
เหล่าข้าหลวงในวังต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา อันที่จริงดวงิญญาของเสาเหย้าก็ถูกผีสาวกลืนกินไปั้แ่ตอนที่นางเข้าสิงร่างของเสาเหย้าแล้ว เดิมทีใบหน้าของเสาเหย้าก็บวมเป่งอยู่แล้ว ยิ่งถูกแช่อยู่ในน้ำก็ยิ่งอืดเข้าไปอีก ทำให้เหล่าข้าหลวงไม่อาจจดจำนางได้ในทันที
หวังซุ่นที่ยืนฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์เ่าั้ด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย ทันใดนั้น มีเสียงอันน่าเกรงขามติดจะทุ้มต่ำเล็กน้อยดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“ดึกขนาดนี้ เอะอะโวยวายอะไรกัน!”
สีหน้าของหวังซุ่นเปลี่ยนไปทันที เมื่อเห็นผู้มาใหม่ ยิ่งได้เห็นชายข้างกายของผู้มาใหม่คนนั้น หัวใจของเขาก็เต้นระส่ำขึ้นมา
ทำไมถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้!
เจอใครไม่เจอ ทำไมเทพแห่งการฆ่าฟันถึงมาอยู่ในวังได้!
“ถวายบังคมองค์รัชทายาทและเซ่อเจิ้งอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
ชายทั้งสองเดินเข้ามา มีคนหนึ่งสูงกว่าอีกคน คนที่อยู่ด้านหลังคือเซียวเจวี๋ย ซึ่งสวมชุดสะท้อนกับแสงจันทร์ดุจดั่งเทพเซียนลงมาจาก์ คิ้วเข้มของเขาขมวดเข้าหากันแผ่จิตสังหารออกมา ทำให้ผู้คนต่างไม่กล้าเข้าใกล้
ส่วนคนที่เดินนำหน้าเซียวเจวี๋ย คือองค์รัชทายาทฉู่จื่ออวี้
หลังจากที่ฉู่จื่ออวี้เดินเข้ามาใกล้ เพื่อดูศพของทั้งสองคนบนพื้น พลันถอนหายใจออกมา “ผู้ตายคือตู้ิเยวี่ยน่ะหรือ?”
“ทูลองค์รัชทายาท คือคุณชายจวนอัครมหาเสนาบดีพ่ะย่ะค่ะ” หวังซุ่นที่มีเหงื่อผุดเต็มหน้าผากรีบกราบทูลทันที
“เหตุใดเขาถึงมาตายอยู่ที่นี่ได้?”
“อันนี้...กระหม่อมเองก็มิทราบพ่ะย่ะค่ะ ตอนที่มาพบ เขาก็จมอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ พร้อมกับนางกำนัลรับใช้ผู้นี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” หวังซุ่นตอบ พร้อมกับเหงื่อที่ไหลพราก
หลังจากพูดจบ ไม่ไกลมากนักก็มีเสียงของพลทหารในชุดเกราะเสริมขึ้นว่า “แถมทั้งสองคนยังกอดกันด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
หวังซุ่นหันขวับไปถลึงตาใส่ แต่เมื่อรู้ว่าผู้ที่ปากมากคือรองหัวหน้าราชองครักษ์เฟิงเช่อ จึงได้แต่ปิกปากเงียบ เพราะจะมีเื่กับคนผู้นี้ไม่ได้
“เฮอะ นี่ลักลอบมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนางกำนัล แล้วฆ่าตัวตายบูชารักงั้นหรือ?” ฉู่จื่ออวี้เอ่ยขึ้น พลางยิ้มเย้ยหยัน
“องค์รัชทายาทจะตรัสเช่นนั้นมิได้พ่ะย่ะค่ะ เื่นี้ก็ยังมิได้ตรวจสอบ การเสียชีวิตของคุณชายตู้ช่างน่าสงสัยนัก...” หวังซุ่นเป็คนข้างกายของฮองเฮา แน่นอนว่าเขาจะต้องช่วยพูดแก้ต่างให้ตู้ิเยวี่ยอยู่แล้ว แต่เมื่อพูดจบ เขาที่สบตาเข้ากับสายตาเ็าของฉู่จื่ออวี้ ตัวก็เริ่มสั่น เพราะรู้ดีว่าหากยังพูดถึงเื่นี้กับคนตรงหน้าอีก ตนจะเดือดร้อนได้
“ข้าไม่สนว่าตู้ิเยวี่ยจะตายเช่นไร ถึงไม่ตาย ชายที่บังอาจเข้ามาใกล้ตำหนักของเสด็จแม่ในยามวิกาลเช่นนี้ ก็สมควรรับโทษปะาร้อยครั้งอยู่ดี!” เสียงของฉู่จื่ออวี้เต็มไปด้วยความโมโห “เสด็จพ่อของข้ายังอยู่ดี บุตรชายของตู้หรูฮุ่ยกลับเข้าออกสวนอวี้ฮวาหยวนตามอำเภอใจราวกับเป็สวนในบ้านตน พรุ่งนี้ตอนว่าราชการ ข้าจะสอบถามว่าท่านอัครมหาเสนาบดีสอนบุตรชายยังไง! แล้วก็จะถือโอกาสเชิญฮองเฮาให้มีกระแสพระราชดำรัสเสียเลยว่า ผู้ใดเป็คนอนุญาตให้ตู้ิเยวี่ยเดินเข้านอกออกในเขตวังหลังได้!”
หวังซุ่นไหนจะกล้าพูดอะไรต่อ โดยเฉพาะในเวลาที่เซียวเจวี๋ยยืนอยู่ข้างหลังของฉู่จื่ออวี้เช่นนี้
“องค์รัชทายาททอดพระเนตรสิพ่ะย่ะค่ะ คนก็ตายไปแล้ว ให้เหล่าข้าหลวงพวกนี้จัดการเก็บกวาดให้พ้นสายพระเนตรไม่ดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่จื่ออวี้ไม่ได้พูดอะไร หวังซุ่นเลยลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก คิดไม่ถึงว่าเซียวเจวี๋ยที่ยืนเงียบมานานจะเป็คนเอ่ยปากเสียเอง
“ไม่ได้”
หัวใจของหวังซุ่น พลันกระตุกวูบ คิดในใจว่าซวยแล้ว
“การที่มีคนมาตายในวังหลวงถือเป็เื่ไม่ปกติ เอาศพกลับไป ข้าจะทำการตรวจสอบเื่นี้ด้วยตัวเอง”
“แต่ท่านอัครมหาเสนาบดีตู้ยังไม่ทราบเื่เลยนะพ่ะย่ะค่ะ หรือไม่ก็ควรเรียนท่าน...”
“ให้ท่านอัครมหาเสนาบดีมาหาข้า”
หวังซุ่นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ฉู่จื่ออวี้ที่อยู่ข้างๆ ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนหันกลับไปสั่งการองครักษ์ด้านหลัง “พวกเ้าไม่ได้ยินที่เซ่อเจิ้งอ๋องสั่งหรือ? ยังไม่รีบมายกศพของสองคนนี้ไปอีก”
หวังซุ่นตัวสั่นเทิ้ม ไม่กล้าจะเอ่ยสิ่งใดให้มากความ ทำได้แค่รีบพาคนกลับไปกราบทูลเื่ศพกับฮองเฮา
ไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณ์นองเืที่จะเกิดขึ้นตอนว่าราชการในวันรุ่งขึ้นเลย!
หลังจากที่คนพวกนั้นไปแล้ว ฉู่จื่ออวี้ไม่เก็บซ่อนสีหน้ายินดีได้อีกต่อไป เขาเงยหน้าหัวเราะพลางพูดว่า “สะใจยิ่งนัก! ช่างสะใจข้ายิ่งนัก ข้าเหม็นขี้หน้าตู้ิเยวี่ยมาตั้งนานแล้ว ตายไปเสียได้ก็ดี เ้าสุนัขเฒ่าตู้หรูฮุ่ยนั่นกลายเป็หัวหงอกเผาหัวดำ[1]แล้วสินะ พี่เซียว ท่านว่าเขาจะโกรธ จนถึงขั้นตายตามบุตรชายไปหรือไม่?”
เซียวเจวี๋ยไม่ได้พูดอะไร แต่เดินแยกออกไปอีกทาง เมื่อครู่ตอนที่มาถึง เขาสังเกตเห็นเงารางๆ ของใครบางคนกำลังหนีไปจากอีกฟากของทะเลสาบ
เื่บนเรือสำราญเมื่อคืน หลิงเฟิงสืบจนรู้แล้วว่าพวกที่อยู่เื้ัแผนการนั้นก็คือคนสกุลตู้ แถมยังมีคนพบเห็นตู้ิเยวี่ยอยู่บนเรืออีกด้วย เขายังไม่ได้คิดบัญชีเลย กลับมีคนมาชิงตัดหน้าลงมือฆ่าตู้ิเยวี่ยเสียก่อน
แค่เห็นศพของตู้ิเยวี่ย เซียวเจวี๋ยก็รู้ได้ทันทีว่ามันผิดปกติ และแน่นอนว่าเขาไม่เชื่อเื่การพลีชีพเพื่อความรักเหมือนที่คนในวังต่างพูดกัน
เดิมทีเขายังอยากจะสืบจากตู้ิเยวี่ยว่าหญิงสาวใจกล้านางนั้นเป็ใครกันแน่? แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ไหน? แต่ดูท่าจะทำเช่นนั้นไม่ได้แล้ว
จะว่าไป ก่อนที่หญิงสาวคนนั้นจะะโหนีหายไปทางหน้าต่าง ราวกับระเหยหายไปในอากาศ นางก็ช่างเก็บกวาดสิ่งที่ตนเองทำได้อย่างสะอาดหมดจด ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย
ที่น่าตลกคือหลิงเฟิงยังพบมีดสั้นและเส้นผมของหญิงสาวอยู่ใต้เตียงที่เขานอนอีกด้วย แสดงว่าจุดประสงค์ของนางในตอนแรกอาจจะเป็การลอบสังหารเขา ทว่า ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางถึงได้...
ั์ตาเ็าของเซียวเจวี๋ยมองไปในความมืด ความเร็วของฝีเท้าคงที่ จนกระทั่งเสียงของฉู่จื่ออวี้ดังขึ้นมาจากด้านหลัง เขาจึงหยุดฝีเท้าลง
“พี่เซียว ทำไมพี่เดินเร็วขนาดนั้นล่ะ?”
เซียวเจวี๋ยโค้งคำนับฉู่จื่ออวี้หนึ่งครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ขอประทานอภัยองค์รัชทายาท เมื่อครู่กระหม่อมกำลังคิดถึงเื่าอยู่ ใจเลยลอยไปชั่วขณะ”
ฉู่จื่ออวี้โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “เหลือแค่พวกเราสองคนแล้ว ท่านไม่ต้องมากพิธีหรอก” เขาพูดพลางยิ้มจนตาหยี ก่อนจะมองเซียวเจวี๋ยด้วยแววที่เปี่ยมด้วยความเคารพไม่หลงเหลือความเย่อหยิ่งเฉกเช่นเวลาอยู่ต่อหน้าผู้อื่น
เซียวเจวี๋ยยิ้มบางๆ พร้อมกับตอบว่า “มารยาทเป็สิ่งที่มิอาจละทิ้งได้”
ฉู่จื่ออวี้กำลังจะต่อว่า แต่พอเหลือบไปเห็นเงาของร่างที่คุ้นเคยก็มีสีหน้าเซ็งๆ พูดด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม “หยุดเดี๋ยวนี้!”
ไม่ไกลจากที่นั่นมากนัก ชิงอีเลิกคิ้วขึ้น พลางมองไปยังผีสาวที่กำลังจ้องตนด้วยแววตาแปลกๆ จากทางด้านหลัง เมื่อนางหันกลับไปก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาคล้ายคลึงกับตนไม่น้อย เขาอยู่ในชุดผ้าแพรสะท้อนกับแสงจันทร์กำลังตรงมาหา ชิงอีนึกได้ทันทีว่าเขาคือใคร แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร ทว่า พอเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา หางตาของนางก็กระตุกขึ้นมา
*************************
[1] หัวหงอกเผาหัวดำ หมายถึง การที่ลูกตายก่อนพ่อแม่ หรือคนแก่กว่าต้องมาจัดงานศพให้คนที่อายุน้อยกว่า