ดวงตางดงามราวกับแต้มด้วยสีน้ำมันของไป๋อี้เฮ่ามองสาวน้อยรูปโฉมพริ้มเพราที่อยู่ตรงหน้าเงียบๆ ดวงตาใสพิสุทธิ์ราวกับสายน้ำที่ไม่แปดเปื้อนธุลีแห่งโลกียวิสัย แพขนตายาวกระพือน้อยๆ เบื้องลึกดวงตาเรียบเฉย ริมฝีปากยิ้มสงบงาม ยืนรับแรงลมจนน่ากลัวว่าจะปลิวไป สตรีที่ดูเ็าห่างเหินแต่กลับมุ่งมั่นทระนงเช่นนี้ เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
แต่ไหนแต่ไรมา เขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะถูกหญิงสาวเปราะบางรูปโฉมงดงามปานล่มเมืองจับจ้องด้วยสายตาสงบนิ่งได้ปานนี้ ในดวงตาของนางทั้งระแวดระวังและตึงเครียด แต่กลับไม่มีความเป็ศัตรู ภายในแววตาใสประกายหยาดน้ำคู่นั้นมองเห็นถึงความอับจนหนทางและความขมขื่น แต่ลูกั์ตาดำกลับนิ่งลึกคมกล้า ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูน่ารักน่าสงสารโดยสิ้นเชิง
แต่นางที่เป็แบบนี้กลับยิ่งทำให้คนนึกรักสุดหัวใจ!
นางดูราวกับคนที่แบกภาระความกดดันไว้มากมาย สงบนิ่งเกินกว่าวัยที่ควรจะเป็ ทุกสิ่งล้วนเกิดจากโลกภายนอกเพิ่มความแข็งแกร่งให้นาง ความดื้อดึงที่อยู่ภายใต้ก้นบึ้งดวงตาแม้จะอ่อนจางมากจนแทบมองไม่เห็น แต่เขากลับเห็นมันได้ชัดเจน ในระหว่างที่กำลังทอดถอนใจเขาก็เกิดการตัดสินใจครั้งใหม่
“เ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าข้าจะช่วยเหลือเ้า สตรีผู้งามพร้อมของตระกูลใหญ่ มานัดแนะพบปะกับบุรุษเช่นนี้ เป็เื่เสื่อมเสียชื่อเสียงเชียวนะ” ไป๋อี้เฮ่าหยักยกมุมปากขึ้นอย่างอ่อนโยน
“หากเื่มิได้เร่งร้อน ข้าย่อมมิกล้ารบกวนคุณชายหรอกเ้าค่ะ” ดวงตาคู่งามมองเขาอย่างสงบนิ่ง
“อ้อ... เื่อะไรล่ะ”
“ก่อนอื่นต้องขอบคุณคุณชายอย่างเป็ทางการอีกครั้งสำหรับความช่วยเหลือที่หน้าประตูเมืองในวันนั้น ให้คุณชายเห็นเื่ขบขันแล้ว” โม่เสวี่ยถงก้าวถอยไปด้านหลัง แล้วยอบกายคารวะต่อเขาอย่างงดงาม จากนั้นก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วส่งให้ด้วยความนอบน้อม การใช้ของขวัญแลกกับหนึ่งคำสัญญาจากเขา เป็วิธีการที่โม่เสวี่ยถงคิดว่าดีที่สุดแล้ว
“เื่วันนั้นข้าเต็มใจช่วยมิได้ลำบากอะไร ได้รับตำราพิณหนึ่งเล่มก็เพียงพอแล้ว ไม่อาจรับการขอบคุณจากคุณหนูโม่ซ้ำอีก” ไป๋อี้เฮ่ามิได้ยื่นมือมารับ เขายืนเอามือไพล่หลังมองนางด้วยแววตาลึกล้ำยากจะคาดเดา ดวงตะวันทอแสงมาจากด้านหลังของชายหนุ่ม สะท้อนให้เห็นถึงความผุดผ่องที่ไม่แตะต้องธุลีดินแม้แต่น้อย
“โปรดช่วยเหลือข้าอีกสักครั้งด้วยเถิด เป็เพียงเื่ง่ายๆ มิได้ลำบากสำหรับคุณชาย แต่กลับเป็ประโยชน์ต่อข้าชั่วชีวิต” โม่เสวี่ยถงเกือบจะก้มหัวเอ่ยขอร้องอย่างถ่อมตัวที่สุด วันนั้นที่หน้าประตูเมือง ยามที่โหยวเยวี่ยเฉิงเรียกผู้ที่เจอกันหน้าประตูเมืองว่าคุณชายไป๋ นางก็รู้แล้วว่าเป็เขาแน่ คนแบบนี้มิใช่ว่าจะโน้มน้าวจิตใจได้ง่ายๆ แต่นี่คือวิธีการเดียวที่นางคิดได้แล้ว
ไป๋อี้เฮ่าเพ่งมองนางอย่างพินิจ แม้น้ำเสียงจะนุ่มนวลเหมือนคนรักกระซิบกระซาบกัน แต่ความหมายกลับเ็าห่างเหินยิ่ง “แล้วทำไมต้องช่วยเ้าอีกครั้งด้วยเล่า เื่ของเ้าเกี่ยวข้องอันใดกับข้า”
“ข้ายอมมอบตำราพิชัยาเล่มนี้กำนัลแด่คุณชาย” โม่เสวี่ยถงยื่นมือออกไป ให้คัมภีร์โบราณที่อยู่ในมือเข้าใกล้เขาอีกนิด
ไป๋อี้เฮ่ามิใช่คนรักสันโดษเรียบง่ายเช่นที่เขาแสดงออกต่อหน้าผู้อื่น ความสำเร็จครั้งสุดท้ายทำให้เขากลายเป็จักรพรรดิผู้เืเย็น สำหรับเขาแล้วตำราพิชัยาโบราณที่มีเพียงหนึ่งเดียวเล่มนี้ย่อมน่าดึงดูดว่าตำราพิณเป็ไหนๆ ตำราพิชัยาเล่มนี้นางค้นพบในช่องลับที่อยู่ในหลืบหลังเตียงของมารดา เชื่อว่าสำหรับบุรุษผู้มีจิตใจทะเยอทะยาน ตำราโบราณฉบับดั้งเดิมที่มีเพียงหนึ่งเดียวเล่มนี้จึงจะเป็สิ่งที่เขา้า
เพื่อสามารถเอาชนะฟางอี๋เหนียง นางจำเป็ต้องยอมทุ่มทุนซื้อใจเขาให้ได้
“ข้าเป็แค่องค์ประกันที่ว่างงาน จะ้าตำราพิชัยาไปใช้ประโยชน์อันใด เชิญคุณหนูโม่กลับไปเถิด” ไป๋อี้เฮ่าสีหน้านิ่งลึกกล่าวเสียงเย็น
ยามที่เขายิ้มอบอุ่นราวกับสายน้ำ แต่บัดนี้พอสีหน้านิ่งขรึม แม้กระทั่งดวงตาก็ยังเต็มไปด้วยความเ็าห่างเหิน ราวกับหน้าผาสูงชันที่ถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกหนาทึบ ด้านล่างคือเหวลึกหมื่นจั้ง รอให้นางก้าวพลาดจนตกลงไปและทิ้งชีวิตอยู่ในนั้น ไอสังหารดุเดือดกดดันบรรยากาศโดยรอบ ทำให้คนหนาวสะท้านไปถึงในหัวใจ
“หรือว่าคุณชายไป๋คิดจะเป็เพียงองค์ประกันอยู่แคว้นฉินไปเรื่อยๆ ด้วยความสามารถอันล้ำเลิศของคุณชายย่อมสร้างรากฐานที่มั่นคงให้ตนเองได้อยู่แล้ว แคว้นฉินหรือจะปิดกั้นปณิธานอันยิ่งใหญ่ของคุณชายได้ แต่หากภายภาคหน้า... ตำราพิชัยาที่หายากเล่มนี้มิได้เป็ของคุณชายอีกแล้วเล่า...”
พลังอำนาจแข็งแกร่งครอบคลุมอยู่รอบด้าน โม่เสวี่ยถงพยายามทำใจให้สงบนิ่ง ดวงหน้าเล็กจ้อยขาวซีดเงยขึ้นจับจ้องใบหน้าของเขาอย่างมาดมั่น มีเพียงปลายนิ้วมือสั่นระริกซึ่งซ่อนอยู่ใต้ชายเสื้อเท่านั้นที่แสดงถึงความหวาดกลัวของนาง
นางย่อมตระหนักถึงอันตรายที่เกิดจากการพูดเปิดเผยความลับที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจของผู้อื่น แต่นางไม่มีเวลารับมือกับเขามากไปกว่านี้อีกแล้ว หากพลาดโอกาสนี้ไป ก็ไม่แน่ว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีก หรือแม้ว่าจะได้พบกันก็ไม่แน่ว่าจะได้คุยกันเป็การส่วนตัว งานวันเซ่นไหว้บรรพชนใกล้จะมาถึงแล้ว นางรอไม่ได้จริงๆ
ไป๋อี้เฮ่ายังคงสงวนวาจา เขาเพียงเหลือบมองนางเงียบๆ บรรยากาศราวกับถูกแช่แข็ง ความหนาวเยือกแล่นจับขั้วหัวใจราวกับอยู่ในาอันน่าพรั่นพรึง ภายในศาลาเงียบสนิท มีเพียงเสียงลมที่พัดโชยมา
ในขณะที่ขีดความอดทนของโม่เสวี่ยถงกำลังจะขาดผึง ไป๋อี้เฮ่าก็เอ่ยขึ้นฉับพลันด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ได้ ข้าจะช่วยเ้าอีกสักครั้ง”
ไป๋อี้เฮ่ายื่นมือออกมาหยิบหนังสือไปจากมือของนาง โม่เสวี่ยถงได้ยินเสียงหัวใจกระดอนอยู่ในอกของตนอย่างรุนแรง ร่างกายอ่อนแรงอย่างไม่อาจควบคุมจนต้องพิงเสาไม้ด้านข้าง
“พูดมาสิ เื่อะไร” เมื่อได้ตำราพิชัยาฉบับดั้งเดิมไปแล้ว ไป๋อี้เฮ่าก็พลิกดูแล้วเอ่ยถาม
“วันเซ่นไหว้บรรพชนของสกุลโม่ ท่านพ่อคงเคยเชิญคุณชายแล้ว ข้าขอให้ท่านมาที่จวนโม่ให้ได้ และช่วยเล่าทุกสิ่งที่ท่านพบเห็นวันนั้นให้ท่านพ่อรับรู้ก็พอ” โม่เสวี่ยถงกล่าว
วันเซ่นไหว้บรรพชนในชาติภพก่อน บิดาก็เชิญคุณชายไป๋ แต่ได้ยินมาว่าเขามีธุระจึงไม่ได้มาร่วมงานด้วย
“ได้ ข้าจะไป” ไป๋อี้เฮ่าเงยศีรษะเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติกับน้ำเสียงไพเราะนุ่มละมุนแบบนั้น สตรีที่ไหนจะไม่สับสนว้าวุ่นใจได้
“เช่นนั้นก็ขอบคุณมากเ้าค่ะ ข้าไม่รบกวนความสำราญของคุณชายแล้ว ขออำลาไปก่อน” ดวงตาประกายหยดน้ำของโม่เสวี่ยถง ไม่มีความหลงใหลยามที่มองเขาเหมือนสตรีทั่วไปและมิได้เป็การแสร้งปล่อยเพื่อจับ ที่นั่นเหลือเพียงบรรยากาศที่ห่างเหินและอยากจะหลบลี้หนีห่าง ทั้งที่นางเป็ฝ่ายริเริ่มนัดหมายด้วยตนเอง
“ไปเถิด” ริมฝีปากหยักโค้งเผยรอยยิ้ม ชายหนุ่มกรีดนิ้วลงไปบนสายพิณ เสียงใสกังวานดังขึ้นอีก แต่พอเขายกมือเบาๆ เสียงดนตรีก็หยุดชะงัก
โม่เสวี่ยถงตัวสั่นเล็กน้อย นางยอบกายคารวะแล้วหมุนตัวเดินจากไปอย่างแช่มช้า สีหน้าย่อมดูผ่อนคลายงามสง่า ชุดกระโปรงของนางพลิ้วไปตามสายลม ฟูฟ่องราวกับเริงระบำในอากาศ องค์เอวคอดกิ่วจนแทบจะรวบได้ด้วยมือเดียว นางก้มหน้าเดินออกจากศาลากลางน้ำไปตามระเบียงคด ท่วงท่างดงามอ่อนโยน
แต่มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่า แผ่นหลังของตนเองชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬ นิ้วมือที่อยู่บนสายพิณของเขาทำให้นางััถึงวิกฤติแห่งชีวิต ทำให้นางสั่นสะท้านจากภายในออกมาภายนอก รู้สึกอยากจะหลีกหนีแต่ไม่กล้า อันตรายยิ่งนัก!
ไป๋อี้เฮ่าในเวลานี้คือตัวอันตรายยิ่ง ตอนที่นางพูดเื่ตำราพิชัยากับเขาตรงๆ ภายในดวงตาของเขาสะท้อนเงามืดออกมาวูบหนึ่ง เมื่อครู่เขามีจิตคิดสังหารนาง นิ้วมือของเขาที่กดค้างนิ่งอยู่บนสายพิณ เสมือนกดลมหายใจของนางไว้ด้วย หากนางมีสิ่งใดผิดปรกติแม้แต่น้อยก็คงลำบากแน่
าระหว่างแคว้นฉินกับแคว้นเยี่ยนไม่เกี่ยวข้องกับนางแต่ประการใด การต่อสู้ระหว่างสองแคว้นเป็เื่ไกลตัวสำหรับนาง หัวใจของนางเล็กนิดเดียว มีไว้เอาใจใส่คนที่อยู่ใกล้ตัวก็พอแล้ว เื่อื่นๆ ล้วนไม่เกี่ยวกับนางทั้งสิ้น เื่ของแว่นแคว้นและใต้หล้าไม่ใช่สิ่งที่นางซึ่งเป็เพียงสตรีบอบบางที่กลับชาติมาเกิดใหม่จะต้องรับผิดชอบ
หากเื่นี้มิใช่มีเพียงแต่เขาเท่านั้นที่แก้ได้ นางไม่มีวันยอมวิ่งไปอยู่เบื้องหน้าเขาเป็เด็ดขาด
คนผู้นี้อันตรายเหลือเกิน!
“คุณหนู คุณหนูวิ่งไปไหนมาหรือเ้าคะ บ่าวตามหาจนทั่วก็หาไม่พบ” โม่เหอวิ่งอย่างรีบร้อนมาจากสุดโถงระเบียง ในมือถือเสื้อคลุมของนางอยู่
“ก็อยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องร้อนใจ ท่านยายตื่นแล้วหรือ” โม่เหอช่วยผูกเสื้อคลุมกันลมให้นาง โม่เสวี่ยถงมองโม่เหอแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
“คุณหนูคาดเดาแม่นยำราวกับเทพเซียน เหล่าไท่จวินตื่นแล้วเ้าค่ะ กำลังตามหาคุณหนูอยู่เลย พอทราบว่าบ่าวมาหยิบเสื้อคลุมให้คุณหนู ยังกำชับให้บ่าวกลับไปเร็วๆ ด้วยเ้าค่ะ ตอนนี้อากาศเย็นแล้ว เมื่อครู่โม่อวี้ก็มาพูดกับบ่าวว่าควรจะกลับกันได้แล้ว อย่าให้ผิดเวลาเลยนะเ้าคะ มิเช่นนั้นอาจเป็ที่ครหาภายในจวนได้” โม่เหอเดินตามโม่เสวี่ยถงกลับไป พลางรายงานเื่ราวทั้งหมดให้รับทราบไปด้วย
เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็เห็นว่าไม่เช้าแล้ว เดี๋ยวไปกราบอำลาท่านยายแล้วก็จะกลับจวน รออีกสักสองสามวันค่อยมาอีก ไม่อาจถ่วงเวลาชักช้าต่อไปได้อีกแล้ว
“อีกประเดี๋ยวข้าจะเข้าไปกราบอำลาท่านยาย เ้าให้โม่อวี้ไปเตรียมรถม้าที่หน้าประตูให้เรียบร้อย อย่าให้เสียเวลากับการเดินทางมากเกินไป” โม่เสวี่ยถงกำชับอย่างละเอียด
“บ่าวทราบแล้วเ้าค่ะ”
เมื่อทั้งสองเดินพ้นประตูวงเดือน[1] ไปแล้ว เสียงพิณแว่วหวานก็ค่อยๆ เลือนหายไป
เงาของคนผู้หนึ่งพลันปรากฏขึ้นชิดกับเก้าอี้ด้านหลังของไป๋อี้เฮ่ามองพวกนางสองคนเดินจากไป
ดวงตาของไป๋อี้เฮ่ามองตามโม่เสวี่ยถงไปจนลับตา ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติเผยรอยยิ้มบางๆ มือวางอยู่บนสายพิณ ทว่ามิได้มีเสียงใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย แววตาสีเข้มเรียบเฉย
“คุณชาย จะปล่อยนางไปแบบนี้หรือขอรับ” ชายหนุ่มที่ปรากฏตัวอยู่หลังไป๋อี้เฮ่าเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“จะให้นางอยู่ฟังเพลงพิณเป็เพื่อนข้าก่อนมิได้หรือไร” ไป๋อี้เฮ่าไม่ตอบ แต่ถามย้อนอย่างนุ่มนวล ไม่หันศีรษะกลับไป เขาก้มหน้าลง นิ้วมือดีดบนสายพิณอีกครั้ง เสียงพิณใสกังวานดังขึ้นอีก
“แต่คุณชาย นางล่วงรู้ความลับของคุณชาย...” องครักษ์ร้อนใจก้าวเข้ามากล่าวเตือนสติ
“ความลับ? คุณชายเช่นข้ามีความลับอันใด ทำไมแม้แต่ตัวข้าเองยังไม่รู้เลยเล่า” เขาหันกลับไปตอบอย่างผ่อนคลาย ดวงตาสุขุมนุ่มลึกดูสูงส่ง หน้านิ่งไม่แยแส ลุกขึ้นยืนสะบัดแขนเสื้อ ไม่สนใจเสวนากับองครักษ์ข้างกายอีก แล้วหมุนกายเดินไปตามทางที่โม่เสวี่ยถงจากไป
จนกระทั่งเขาเดินพ้นไปจากระเบียงทางเดินแล้ว องครักษ์จึงสะดุ้งได้สติคืนมา รีบเก็บพิณของคุณชายอย่างรวดเร็ว เขาไม่เข้าใจว่าคุณชายของตนหมายความว่าอย่างไร แต่ก็กระจ่างใจดีว่าการตัดสินใจของเ้านายไม่ใช่สิ่งที่องครักษ์เช่นเขาจะแคลงใจสงสัยได้
หลังจากโม่เสวี่ยถงอำลาเหล่าไท่จวินแล้ว ก็พาโม่อวี้และโม่เหอกลับจวน ทันทีที่เข้ามาถึงก็เห็นสวี่มามารีบเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ จูงนางไปด้านข้างแล้วกล่าวว่า “คุณหนู คุณหนูใหญ่มาเ้าค่ะ ตอนนี้กำลังรอคุณหนูอยู่ในสวน”
โม่เสวี่ยิ่กำลังรอนาง?
โม่เสวี่ยถงอึ้งไปชั่วครู่ก็เอ่ยถาม “มีผู้อื่นอีกหรือไม่”
ความไม่พอใจในดวงตาของสวี่มามาไม่อาจปิดบังได้ “คุณหนูใหญ่พาคุณชายมาด้วยคนหนึ่ง บอกว่าเป็คุณชายจากจวนเจิ้นกั๋วโหว ตอนนี้รออยู่ในสวนเช่นกันเ้าค่ะ” พอสวี่มามาคิดถึงว่าโม่เสวี่ยิ่พาบุรุษมาที่เรือนของคุณหนู ก็ไม่พอใจโม่เสวี่ยิ่อย่างมาก
ระหว่างครอบครัวของคนชั้นสูงในต้าฉินหากมีไมตรีที่ดีต่อกัน ระหว่างคุณชายกับคุณหนูเ่าั้สามารถพบปะเจอหน้ากันได้ แต่พาคนบุกมาถึงในเรือนผู้อื่นแบบนี้ เป็การเสียมารยาทอย่างยิ่ง
“คุณชายคนหนึ่ง?” โม่เสวี่ยถงมุ่นคิ้วขมวด
“เป็เจิ้นกั๋วโหวซื่อจื่อเ้าค่ะ คุณหนูพาเข้ามาเป็พิเศษ บอกว่ามีเื่จะพูดคุยกับคุณหนูเ้าค่ะ บ่าวไม่กล้าถามมาก จึงให้พวกเขารออยู่ใต้ต้นไม้นอกชายคายกชามาต้อนรับ และให้โม่หลันเฝ้าจับตามองอยู่ที่นั่นเ้าค่ะ” สวี่มามากล่าวอย่างเข่นเขี้ยว นางอยากจะถามให้ชัดแจ้ง แต่โม่เสวี่ยิ่กลับกล่าวกับนางเรียบๆ ประโยคหนึ่ง “เื่นี้พูดได้กับน้องสามคนเดียวเท่านั้น”
นางจึงหมดวาจาแต่เพียงเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็เพียงหญิงรับใช้คนหนึ่ง ไหนเลยจะไปยุ่งเกี่ยวกับเื่ของเหล่าคุณหนูได้
โม่เสวี่ยิ่พาคนมาหานางถึงที่ สร้างข้อเท็จจริงบางอย่างขึ้นมา ให้คนเข้าใจผิดว่านางกับซือหม่าหลิงอวิ๋นนัดแนะพบกันอย่างลับๆ สวี่มามาก็อยากทราบเหตุผลของเื่นี้ ดังนั้นจึงดูร้อนรนกระวนกระวายใจ
“โม่อวี้ โม่เหอ พวกเ้าไปห้องหนังสือของท่านพ่อกับข้า ส่วนมามา อีกประเดี๋ยวท่านค่อยไปตามหาข้า ก่อนเข้ามาให้ปล่อยข่าวเื่นี้ไปให้ถึงเรือนของน้องสี่ แล้วค่อยเข้าไปที่ห้องหนังสือของท่านพ่อ” โม่เสวี่ยถงใคร่ครวญครู่หนึ่งก็กล่าวพลางยิ้มบางเบา
..............................................................................................................
[1] ประตูวงเดือน คือทางเปิดโล่งที่มีลักษณะเป็วงกลมเชื่อมต่อจากผนังหรือกำแพงที่ล้อมรอบสวน