ข่งอี้ฟูเห็นการกระทำทั้งหมดของทั้งสองคน ดี ดีมาก ยายเด็กนอกสมรสตระกูลมู่หรงในเมื่อเธอไม่ได้เข้าสู่ประตูตระกูลข่งของเรางั้นฉันขอดูหน่อยสิว่าเด็กที่เธอหามานี่จะมีดีอะไร
“เสี่ยวไฮว่เธอถือหมากดำแล้วกัน ฉันอายุมากกว่าเธอจะมาเอาเปรียบเธอไม่ได้”ข่งอี้ฟูพูดยิ้มๆ
“ไม่ต้อง สุ่มหมากเถอะ ปกติผมโชคดีมาตลอด” กัวไฮว่พูดยิ้มๆสุดท้ายโชคชะตากลับไม่ได้เข้าข้างกัวไฮว่ ข่งอี้ฟูถือหมากดำเขาถือหมากขาวแต่แล้วยังไงเซียนที่เล่นหมากล้อมมาเป็หมื่นปีจะแพ้มนุษย์ธรรมดาได้อย่างไรกัน
“นี่หนูคิดว่าถ้าวางหมากไปก่อนแล้วค่อยคิดจนถึงตาสุดท้ายแล้วจะชนะฉันได้เหรอฉันจะให้เธอได้เห็นว่าศักยภาพของมืออาชีพมันเป็ยังไง” ข่งอี้ฟูลอบคิดในใจอันที่จริงแล้วเขาวางหมากได้ไม่เลวเลยเก่งกว่าผู้แข่งสมัครเล่นเยอะจนถึงขั้นที่เรียกว่าไม่มีปัญหาเลยก็ว่าได้หากเล่นจริงกับผู้แข่งมืออาชีพแต่ทว่าคู่แข่งของเขาในวันนี้คือกัวไฮว่
“ข่งอี้ฟูตอนวางหมากจะเสียสมาธิไปไม่ได้นะคุณดูสิเสียสมาธิไปนิดเดียวหมากแถบนี้ถูกผมเอาไปหมดเลย” กัวไฮว่พูดถึงหมากบนกระดานขึ้น
“เรียกฉันว่าข่งอี้ฟู แกกล้าเรียกชื่อฉันตรงๆ เลยเหรอ” ข่งอี้ฟูเห็นหมากแถบหนึ่งของตัวเองถูกเอาไปในใจก็พลันร้อนรน
เวลาไม่ถึงสิบนาทีปรมาจารย์อวี้เฟิงก็เดินเข้ามามองทั้งสองเล่นหมากล้อมแล้วส่ายศีรษะเบาๆ
“อี้ฟูเธอเล่นถึงแค่นี้เถอะ เธอแพ้แล้ว” ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดเบาๆ
“อีกรอบ!” ข่งอี้ฟูะโเสียงดังตัวเขาเองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจถือหมากดำอีกรอบทว่าคราวนี้เร็วกว่าเดิมไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องล้างกระดานอีกครั้ง
“อีกรอบ!” ข่งอี้ฟูพูดซ้ำอีกครั้งทั่วทั้งศีรษะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ไม่ล่ะ วันนี้ถ้ารวมกับกระดานที่เล่นกับนายท่านแล้วทั้งหมดก็สามตาแล้วขืนเล่นอีกก็เบื่อแล้ว” กัวไฮว่ปฏิเสธคำขอของข่งอี้ฟูทันที
“ฮ่าๆ ไม่อวดดีซะด้วย ดี ดีมาก” ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ“ฉันมีความสามารถจำกัดถ้าได้เจอพ่อหนุ่มเร็วกว่านี้ก็คงได้แลกเปลี่ยนความรู้กับพ่อหนุ่มบ้างแต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วไม่ทราบว่าอาจารย์ของพ่อหนุ่มคือใครบอกได้ไหม” เมื่อปรมาจารย์อวี้เฟิงดูกัวไฮว่กับข่งอี้ฟูแข่งกระดานที่สองเสร็จในใจก็ตัดสินใจมั่น แต่ถ้าเขาถามกัวไฮว่ตรงเกรงว่าจะเป็การเอาเปรียบหรือเปล่า
“อาจารย์เป็ใคร? อาจารย์มีหลายคนแต่ว่าบอกนายท่านไม่ได้หวังว่านายท่านจะให้ยกโทษให้ด้วย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จะบอกเ้าได้อย่างไรกันจะบอกว่าเ้าว่าแรกสุดก็เรียนกับท่านเทพซุนอยู่พักหนึ่งแล้วพอหลังจากที่ท่านเทพกลับมาจากแดนตะวันตกก็ให้ตนเองเรียนกับเซียนอิสระจากนั้นหลังจากที่ตนขึ้นสรวง์ไปคู่แข่งหมากล้อมก็คือเทพแห่งดาวศุกร์เซียนไท่อี้เจินเหรินจากนั้นก็ไปอยู่กับท่านเทพเจินหยวนอยู่หลายปีถ้าบอกพวกเ้าเช่นนี้พวกเ้าจะเชื่อหรือไม่
“ฮ่าๆ ฉันเข้าใจแล้ว” ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ “อี้ฟู เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ ฉันรู้ว่าเื่ของข่งเสวียนทำให้เธอได้รับผลกระทบไม่น้อยแต่เวยเวยเป็ศิษย์คนสุดท้ายของฉันแล้วซึ่งก็คือศิษย์น้องของแกต่อไปควรจะทำยังไงแกน่าจะรู้นะ” ปรมาจารย์อวี้เฟิงดูความคิดข่งอี้ฟูในวันนี้ออกจึงพูดขึ้นเบาๆ
“อี้ฟูเข้าใจแล้ว วันนี้อี้ฟูผิดเองทั้งสองโปรดให้อภัยด้วย อาจารย์อี้ฟูทำให้อาจารย์ต้องขายหน้า”ข่งอี้ฟูเข้าใจความหมายของปรมาจารย์อวี้เฟิงโดยทันทีพูดชัดเจนขนาดนี้จะมีอะไรมาไม่เข้าใจอีก“อาจารย์วันนี้ที่สมาคมมีกิจกรรม งั้นผมคงจะไม่อยู่ที่นี่นานแล้วถ้ามีเวลาจะมาพบอีกนะครับ”
“เฮ้อ ศิษย์สี่คน เมื่อก่อนคนที่ดีที่สุดก็คืออี้ฟูไม่ว่าจะในด้านคุณธรรมหรือด้านอื่นๆ เขาเหมือนกับตอนฉันหนุ่มๆ มากแต่สงสัยฉันมองผิดแล้วล่ะ” ปรมาจารย์อวี้เฟิงมองข่งอี้ฟูที่จากไปแล้วพูดขึ้นเบาๆ
“นายท่านไม่ต้องโทษตัวเองหรอก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “จริงสิไม่ทราบว่าอาจารย์รู้เกี่ยวกับน้ำเต้าที่นายพลหลี่ได้มานั้นมากน้อยเท่าไหร่เหรอครับนายท่านเองก็เก็บของล้ำค่าไว้บ้างใช่ไหมให้ผมดูหน่อยได้ไหม”
กัวไฮว่พลันคิดขึ้นมาตอนที่ตนเองบินไปยังสรวง์ก็ได้ทิ้งของไว้ในหมู่บ้านเฉินไม่น้อยไม่รู้ว่าลูกหลานของตนได้เก็บสืบทอดมาบ้างหรือไม่ข้างในนั่นเกรงว่าจะมีของที่ตนเองจำเป็
“น้ำเต้าโต้วเทียนนั่นน่ะเหรอ ฉันรู้หน่อยนึงตอนแรกๆ เขามาหาฉันที่นี่เพื่อให้ฉันดู”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ “ฉันไม่มีน้ำเต้าแต่ถ้าเธอหมายถึงของล้ำค่าอื่นๆฉันยังมีอยู่สองสามชิ้นเป็ของที่บรรพบุรุษสืบทอดต่อกันมาเป็รุ่นๆ ฉันไปเอามาให้เธอดูนะ”อวี้เฟิงพูดแล้วเดินไปในห้องอีกครั้ง
“อย่างอื่นข้าไม่สนหรอกแต่กระบี่ที่ข้าทำมาเอากับมือนั้นให้พวกเ้าสืบทอดมาให้ข้าเป็รุ่นๆถ้าหากไม่มีต่อให้ลงนรกไปข้าจะลากพวกเ้าออกมาเอง” กัวไฮว่ลอบพูดกับตนเองในใจ
“ผ่านมาตั้งหลายปีได้ยินบรรพบุรุษบอกว่าเมื่อก่อนมีของไม่น้อยเลยพวกเราย้ายจากชิงไห่มายังอู่เฉิงสูญหายไป่าในประเทศจำนวนหนึ่งตอนากับต่างประเทศก็ถูกทำลายอีกจำนวนหนึ่งของที่สืบทอดมาถึงตอนนี้ได้ก็มีแค่สามชิ้นนี้นี่แหละ”นายท่านเข็นรถเล็กคันหนึ่งมายังห้องรับแขก
“นายท่านเอาของพวกนี้ออกมาอีกแล้วเหรอ” อู๋มาที่เพิ่งจัดเก็บโต๊ะเสร็จแล้วเห็นนายท่านเข็นรถเล็กมาก็ถามขึ้นยิ้มๆ
“พ่อหนุ่มดูสิภาพอักษรพวกนี้เกรงว่าจะสู้ของพ่อหนุ่มไม่ได้ของพวกนี้บรรพบุรุษสืบทอดลงมาน่าจะเป็ของเก่าเอามาให้พ่อหนุ่มได้ดูนะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ
“เข็มทิศเจ็ดดาวตราประทับพลิกฟ้าถึงแม้จะเป็ของเลียนแบบแต่ว่านี่ก็เป็อุปกรณ์หากินของข้าในตอนนั้นเลยนะ”เมื่อเปิดกล่องทั้งสองใบที่อยู่ตรงหน้ากัวไฮว่ก็แอบพูดกับตัวเองในใจแต่ว่าของพวกนี้หากเขาได้มาก็ใช้ไม่ได้ ดูจากพลังเวทที่ตนเองมีในตอนนี้ถ้าหากแตะต้องสิ่งของพวกนี้เข้าล่ะก็ไม่ใช่รนหาที่ตายหรอกหรือ
“กระบี่เฟยเจี้ยนต้องเป็กระบี่เฟยเจี้ยนของข้าแน่ๆ” ตอนที่กัวไฮว่ยื่นมือไปเปิดกล่องใบที่สามในใจก็พลันะโร้องเสียงดัง
“นายท่านสุดยอดไปเลยผมเคยไปเดินเล่นในตลาดขายของโบราณตั้งนานไม่เคยเห็นของล้ำค่าที่ดีขนาดนี้มาก่อนเลยคุณบอกหน่อยได้ไหมว่าของพวกนี้เอาไว้ทำอะไร” กัวไฮว่พูดยิ้มๆเขายากที่จะปิดบังความดีใจของตนเองเอาไว้เป็เพราะเมื่อเปิดกล่องที่สามสิ่งที่ดูคุ้นตาก็ดึงดูสายตาเอาไว้หากไม่ใช่กระบี่เฟยเจี้ยนที่ตนทำขึ้นมาในครานั้นจะเป็สิ่งใดได้อีกเล่า
“นี่เป็เข็มทิศ น่าจะมีบรรพบุรุษคนหนึ่งรอบรู้เื่ฮวงจุ้ยและปากว้าน่ะแต่เข็มทิศอันนี้เล็กกว่าเข็มทิศในสมัยราชวงศ์ถังเยอะเลย” ปรมาจารย์อวี้เฟิวพูดยิ้มๆ
“อันนี้น่าจะตราประทับแต่ก็ดูไม่ออกแล้วว่าข้างใต้คืออักษรอะไรฉันเองก็เคยหาผู้เชี่ยวชาญมาหลายคนแต่ก็แยกแยะไม่ออก”ปรมาจารย์พูดต่อไป
“ของชิ้นสุดท้ายฉันว่าน่าจะเป็ของเล่นที่บรรพบุรุษทำไว้ให้ลูกหลานของตัวเองล่ะมั้งแต่ว่างานประณีตมากๆแต่ตอนหลังเห็นว่ามันคมเกินไปก็เลยให้เก็บไว้ให้ลูกหลานสืบทอดกันมาเป็รุ่นๆ”ปรมาจารย์พูดยิ้มๆ
เมื่อปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดจบ กัวไฮว่ก็แทบจะเป็บ้า เข็มทิศเจ็ดดาวตราประทับพลิกฟ้า กระบี่เฉินสิงเฟยเจี้ยน ตอนนั้นเขาใช้ของพวกนี้กู้โลกสังหารมารเฉินชิ่งหยวนสะสมบุญกุศลจำนวนมากทำให้เขาได้บินขึ้นไปสู่แดน์จะสู้กับสายฟ้าฟาดก็ไม่เปลืองแรงแม้แต่นิดเดียวไม่คิดเลยว่าจะสืบทอดมาถึงตอนนี้และมีตำนานแบบนี้อีกด้วย