“พ่อหนุ่มหมายความว่าไง” ปรมาจารย์อวี้เฟิงชะงักไปแล้วเอ่ยขึ้นเสียงค่อย
“ก็ไม่มีอะไรก็แค่นึกถึงเื่น่าสนใจนิดหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ท่านอาจารย์ตอนที่ซุนหงอคงในไซอิ๋วผ่านแม่น้ำทงเทียนเขาได้ผ่านหมู่บ้านเฉินช่วยคนชายหนึ่งหญิงหนึ่งเอาไว้เหมือนว่าจะแซ่เฉินกันหมดจากพิกัดในตอนนี้อำเภออวี้ซู่มณฑลชิงไห่ก็คือหมู่บ้านเฉินในตอนนั้นใช่ไหม”
“ฮ่าๆ พ่อหนุ่มพูดถูกแล้ว จากประวัติครอบครัวตระกูลเฉินบรรพบุรุษของเราชื่อว่าเฉินชิ่งหยวนก็คือเด็กชายที่ถูกท่านเทพซุนช่วยชีวิตไว้ในตำนานนั่นแหละ”
“เหอะๆ บังเอิญขนาดนั้นเชียว” กัวไฮว่เบิกตาโพล่งปรมาจารย์ที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ก็คือลูกหลานของตนจริงๆด้วย ฮ่าๆ อวี้เอ๋อร์ข้าควรจะขอบใจที่เ้าเนรเทศข้ามาแดนมนุษย์ดีไหมเนี่ย
“นายท่านคุยอะไรกันคะ ยิ้มแย้มกันเชียว” อู๋มาถือจานที่ร้อนปุดๆเข้ามาในห้องแล้วก็วางจานลงบนโต๊ะ
“อู๋มาหนูช่วยนะคะ” มู่หรงเวยเวยพูดพลางเดินเข้าไปในครัวกับอู๋มา
“อะแฮ่มๆ ท่านอาจารย์ผมเรียกคุณว่าท่านอาจารย์ดีกว่าให้เรียกเหล่าเฉินผมพูดไม่ออก”กัวไฮว่กระแอมไอสองสามที “ต่อไปมีเื่อะไรคุณติดต่อปู่ผมถามหาผมได้เลยนะ”
“ฮ่าๆ พ่อหนุ่มตลกแล้วล่ะฉันจะมีเื่อะไรได้วันสิ้นสุดใกล้จะมาถึงเต็มทนแล้วได้รับยายหนูเวยเวยเป็ศิษย์ก็พอใจพอใจมากแล้ว” ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ เขาจะไปเข้าใจความหมายของกัวไฮว่ได้อย่างไรกันเ้าเป็คนรุ่นหลังของตระกูลเฉินหากมีเื่อันใดบรรพบุรุษย่อมลุกขึ้นมาช่วยเ้าออกโรงแน่
“เหอะๆ ต่อไปคุณจะเข้าใจเอง กินข้าว กินข้าว วุ่นวายกันมาทั้งเช้าหิวจริงๆ “กัวไฮว่นั่งลงไปบนม้านั่งเตี้ยโดยไม่ได้สนใจปรมาจารย์อวี้เฟิง
“พ่อหนุ่ม เหอะๆ กับข้าวมาแล้วก็ควรจะเอาเหล้าออกมาด้วยใช่ไหมล่ะ” ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ
“เดี๋ยวหนูไปเอาแก้วมาให้” มู่หรงเวยเวยวิ่งเข้าไปในห้องครัวจากนั้นก็วางแก้วที่สวยงามประณีตสี่ใบไว้บนโต๊ะ
“ยายหนูไปเอาแก้วเหล้าอะไรมาให้ฉันเนี่ย ฉันไม่กินเหล้า” อู๋มาพูดยิ้มๆ
“อู๋มาถ้าเธอไม่กินก็เอามาให้ฉัน ฉันกินเอง” ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ
“เมื่อวานเพิ่งกินไป วันนี้คุณกินไม่ได้แล้ว” อู๋มาพูดพลางเตรียมจะเอาแก้วของปรมาจารย์อวี้เฟิงไป
“เดี๋ยวก่อน หลังจากนี้ต่อไปฉันจะกินแค่เดือนละครั้งอู๋มาอย่าแย่งแก้วไปเลย ฉันพูดจริงทำจริงนะ” ปรมาจารย์อวี้เฟิงมือหนึ่งกอดแก้วเอาไว้พร้อมกับพูดขึ้นเสียงดังทำเอากัวไฮว่กับมู่หรงเวยเวยยิ้มขึ้น
“เวยเวยรู้ไหมว่าทำไมอักษรของท่านอาจารย์ถึงดูแกร่งกว่าของตาบ้าเซวียนเพราะว่าพวกเขาเกิดมาพร้อมกันน่ะสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ตาบ้าเซวียนไม่รู้เป็บ้าอะไร ออกไปจากโรงเรียนฟู่จงแล้วพวกเธอเจอเขาเมื่อไหร่เหรอ” ปรมาจารย์อวี้เฟิงถามยิ้มๆ
“เมื่อวานค่ะ พวกเรากินข้าวที่ร้านเสร็จแล้วเขาก็เพิ่งออกไป” มู่หรงเวยเวยพูดเบาๆ “เขาฟังคำของพี่ไฮว่แล้วก็เตรียมตัวออกไปเลย”
“ฮ่าๆ พ่อหนุ่มฉันมองไม่ออกจริงๆ เลยว่าเธอทำได้กี่อย่างกันแน่ฉันมีเวลาไม่เยอะแล้วไม่ขออย่างอื่น ขอแค่เธอกับเวยเวยเดือนหนึ่งหาเวลามาเจอฉันสักครั้งได้ฉันก็พอใจแล้ว”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ
“เสี่ยวไฮว่วันหลังจะมาอีกได้นะไม่ต้องเอาเหล้ามาก็ได้ถึงตอนนั้นฉันจะทำของอร่อยๆ ให้พวกเธอเอง” อู๋มาพูดยิ้มๆ
“แค่กๆ อู๋มาเดือนหนึ่งแค่ครั้งเดียวเองฉันแก่ขนาดนี้แล้วยอมเื่นี้ให้ฉันหน่อยไม่ได้เหรอ” ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดเสียงดังเรียกเสียงหัวเราะดังลั่นจากกัวไฮว่และมู่หรงเวยเวยได้อีกครั้ง
“อู๋มาชิมสักหน่อยนะคะ ถ้าไม่อร่อยก็เอามาให้หนู” มู่หรงเวยเวยพูดพลางย้ายแก้วเหล้าไปยังเบื้องหน้าของอู๋มา
“ดื่มก็ดื่ม ตอนสาวๆ ยังไม่เคยกินเหล้าเลย” อู๋มาก้มหน้าเหล้าหนึ่งแก้วลงเข้าในท้องจากนั้นทุกคนก็คึกครื้นกันใหญ่
“เสี่ยวไฮว่เร็วเข้าเทให้ฉันให้เต็มเลย ต่อไปเธอก็อยู่ที่นี่เลยซะสิฉันจะทำของอร่อยให้เธอกินทุกวันเลย เทเหล้าให้เต็มเลย” อู๋มาถือแก้วเอาไว้พร้อมพูดด้วยเสียงดัง
“ฮ่าๆ อู๋มาเธอรู้หรือเปล่าว่าเหล้าที่เธอกินเมื่อกี้ราคาไหร่” ในขณะที่ปรมาจารย์อวี้เฟิงกำลังจะพูดขึ้นนั้นก็ถูกกัวไฮว่ขัดเอาไว้“ท่านอาจารย์ตอนกินเหล้าอย่าพูดเื่อื่นสิวันนี้มีความสุขเราปู่หลานชนแก้วกัน” กัวไฮว่ดื่มจนหมดในอึกเดียวปู่หลานคำว่าปู่นี่ไม่ได้หมายถึงแกนะกัวไฮว่แอบคิดเงียบๆในใจ
“อาจารย์ทำไมวันนี้ครื้นเครงจังเลย ผมมาช้าไปหรือเปล่า” คนยังมาไม่ถึงแต่เสียงมาถึงก่อนแล้วเสียงชายวัยกลางคนผู้หนึ่งดังลอยมาจากประตูกัวไฮว่มองมู่หรงเวยเวยแวบหนึ่งท่าทางไม่สบายใจก็ปรากฏอยู่บนหน้าของมู่หรงเวยเวย
“อี้ฟูมาแล้วเหรอ” อู๋มาก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ“เราเพิ่งกินข้าวกันพอดีเลย เดี๋ยวฉันไปเอาถ้วยกับตะเกียบมาให้เธอนะ”อู๋มาพูดแล้วเดินไปยังห้องครัว
“คุณลุงข่ง” เมื่อชายวัยกลางคนเดินมายังห้องรับแขกมู่หรงเวยเวยก็ลุกพรวดขึ้นมาทันทีเธอมองชายวัยกลางคนแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงค่อย
“เวยเวยก็อยู่เหรอนั่งลงนั่งลงสิ” ข่งอี้ฟูชายอายุเกินสี่สิบมาหน่อยผู้หนึ่งเป็หัวหน้าสมาคมการเขียนพู่กันแห่งเมืองอู่เฉิง เป็ศิษย์ของปรมาจารย์อวี้เฟิงเป็ลุงแท้ๆ ของข่งเสวียน
“พ่อหนุ่มนี่ข่งอี้ฟูเป็ศิษย์ของฉัน ตอนนี้เป็หัวหน้าสมาคมการเขียนพู่กันถ้ามีเวลาก็ไปตีสนิทกับเขาได้นะ” ปรมาจารย์อวี้เฟิงชี้ไปที่กัวไฮว่แล้วพูดขึ้นว่า“นี่กัวไฮว่ นักเรียนโรงเรียนฟู่จงเพื่อนของเวยเวยรู้จักกันไว้ซะสิ”
“เพื่อนของเวยเวยเหรอเหอะๆ ไม่เลวเลย” ข่งอี้ฟูมองกัวไฮว่แล้วพูดยิ้มๆ
“มู่หรงเวยเวย มู่หรงเวยเวยตัวดีหลานชายฉันตายอยู่ใต้ล้อรถเพื่อช่วยเธอเอาไว้นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่เดือนเองเธอก็หามาใหม่แล้วดี ดีมากก็เหมือนกับแม่เธอนั่นแหละอ่อยผู้ชายไปทั่ว” ความคิดของข่งอี้ฟูปรากฏขึ้นในสมองของกัวไฮว่โดยทันที
“อี้ฟูรีบกินตอนยังร้อนๆ เถอะ เธอจะมาก็ไม่ยอมบอกกันสักคำ” อู๋มาพูดขึ้นอย่างตำหนิ นี่ก็ชัดเจนแล้วว่าอู๋มามีความประทับใจที่ดีมากๆ กับชายวัยกลางคนผู้นี้
“กลัวว่าอู๋มาจะวุ่นวายน่ะสิครับ แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอกินข้าวกันแต่ว่าอู๋มาก็ลำเอียงไปนะกับข้าวเยอะกว่าตอนที่ผมมาอีก” ข่งอี้ฟูพูดอย่างขำขัน
นับั้แ่ตอนที่อี้ฟูปรากฏตัวจิตใจมู่หรงเวยเวยก็เริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไม่ว่าอย่างไรชายที่อยู่ตรงหน้าก็คือลุงแท้ๆ ของแฟนเก่าตัวเองตอนนี้ตัวเธอเองคบอยู่กับผู้ชายอีกคน แม้ข่งอี้ฟูจะไม่ได้พูดอะไรแต่ความกดดันอันโเี้ก็กดเข้าไปที่จิตใจของเธอ
“เสี่ยวไฮว่ เมื่อกี้อาจารย์บอกว่าเธอเขียนอักษรได้ดีมาก เล่นหมากล้อมก็ดีเดี๋ยวเราไปเล่นกันสักสองตาดีไหม” ข่งอี้ฟูพูดยิ้มๆ “พูดแบบไม่ปิดบังเธอเลยนะฉันเล่นหมากล้อมกับเด็กอายุพอๆ กับเธอแล้วเคยแพ้ไปสองคนคนหนึ่งคือยายหนูเวยเวย อีกคนก็คือข่งเสวียนหลานชายฉันที่ตายไปแล้วเวยเวยน่าจะเคยบอกเธอนะ”
เมื่อข่งอี้ฟูพูดจบช้อนที่อยู่ในมือมู่หรงเวยเวยก็ตกแตกเสียงดังเพล้งจากนั้นกัวไฮว่ก็หรี่ตามองข่งอี้ฟูแวบหนึ่ง
“งั้นกลัวว่าวันนี้ในกลุ่มคนที่คุณแพ้จะเพิ่มมาอีกคนนะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ แต่ใต้โต๊ะเขายื่นไปกุมมือข้างหนึ่งของมู่หรงเวยเวยเอาไว้แน่นมู่หรงเวยเวยที่เดิมจิตใจว้าวุ่นอยู่นั้นก็พลันสงบลง