ผมชื่ออวี๋เคอ ขออธิบายใหม่อีกสักครั้งว่าคือผมเป็ตัวร้ายที่ช่างโชคร้ายแบบสุดๆ และกำลังจะกลายเป็ตัวร้ายที่จนปัญญามากที่สุดในประวัติศาสตร์โดยที่ไม่มีคำว่าหนึ่งในนั้น
พวกคุณอาจจะพูดได้ว่ามันก็แค่ผลคืนิญญาไม่ใช่หรือ? อีกทั้งบนโลกใบนี้อาจไม่ได้มีแค่สองผลนั้นสักหน่อย ไม่แน่ว่าปรมาจารย์ของซ่งฉียวนอาจจะไปหามาจากที่อื่นก็ได้?
หึๆ ช่างไร้เดียงสากันเกินไปแล้ว หากว่าของสิ่งนี้สามารถหาพบได้ง่ายๆ เช่นนั้นมันจะไม่ดูไร้ค่าไปหน่อยหรือ? สิ่งที่ผมกำหนดไว้ในตอนแรกก็คือ ในเมื่อผลคืนิญญาเป็ของวิเศษที่พระเอกได้รับเป็ชิ้นแรก เช่นนั้นมันจะต้องยอดเยี่ยมที่สุดและสมบูรณ์แบบมากพอ เพื่อที่จะได้ทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้น
สรรพคุณของผลคืนิญญานั้นสามารถใช้เปลี่ยนกระดูกขาวให้กลายเป็ร่างกายและสามารถชุบชีวิตคนตายได้ เรียกได้ว่าเป็ยารักษาาแชั้นยอดในโลกแห่งผู้บำเพ็ญตน กว่าจะงอกขึ้นมาสักต้นหนึ่งนั้นต้องใช้เวลาหลายร้อยปี อีกทั้งจะงอกขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้งก็เฉพาะในสถานที่ที่เคยเจริญเติบโตแล้วเท่านั้น หรือจะพูดง่ายๆ ได้อีกอย่างหนึ่งว่าต้นของผลคืนิญญานี้ถูกแบ่งออกเป็สองส่วน โดยงูบินและหงส์เพลิงนั้นได้ไปคนละหนึ่งผล ดังนั้นหาก้าปลูกต้นต่อไปจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยที่สุดก็หลายร้อยปี
เมื่อมาคำนวณระยะเวลาแล้ว มันเหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงครึ่งเดือนก่อนที่ซ่งฉียวนจะถูกอวี๋เคอฆ่าตายแล้วจับโยนออกไป จากนั้นเขาก็จะถูกปรมาจารย์ลึกลับนำร่างพากลับไป ฉะนั้นระยะเวลาที่น้อยเช่นนี้ กับโลกที่ร้อนเป็ไฟนั่น คาดว่าแค่รากก็คงจะงอกขึ้นมาไม่ทัน!
ยิ่งตัวผลนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย...
“นายท่าน ท่านตัดสินใจเองก็แล้วกันว่าจะทำอย่างไรกับเ้าของสิ่งนี้ต่อไป จะคืนให้ข้า หรือว่าท่านจะเก็บเอาไว้เอง? ” อาจิ่วกัดปากเล็กแหลม สายตาจับจ้องไปยังผลคืนิญญาที่อยู่ใกล้เท้าตัวเอง ทั้งยังตั้งใจใช้กรงเล็บจิกไว้้า ขยับปีกอีกเล็กน้อย ดูจากท่าทางแบบนี้แล้วเดาว่าคงจะรอให้ผมบอกว่าให้เขาเก็บเอาไว้เองเถอะ
ผมหัวเราะเจื่อนๆ เสียงหนึ่ง พร้อมเอ่ยขึ้นภายในใจว่าของสิ่งนี้ไม่สามารถมอบให้อาจิ่วได้จริงๆ สถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็ไปในทิศทางใด และผลไม้นี้มีความเกี่ยวโยงกับชีวิตของซ่งฉียวน สรุปก็คือผมจะต้องเก็บมันเอาไว้ในมือตัวเองถึงจะสบายใจ
“ข้าจะเก็บไว้เอง”
“ข้าก็รู้อยู่แล้วว่านายท่านจะต้อง... เอ๋? ” น้ำเสียงเด็กน้อยอันสดใสไพเราะของอาจิ่วแฝงไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ของผมแล้ว น้ำเสียงที่สูงกลับเปลี่ยนเป็ทุ่มต่ำลงในชั่วพริบตา “นายท่าน นี่เป็สิ่งที่ข้าไปแย่งมาจากปากของเ้างูบินเชียวนะ ข้าต้องออกแรงไปมากเชียว!”
“ผลคืนิญญานี้ข้าจะเก็บเอาไว้เอง เผื่อว่าจะมีประโยชน์ในอนาคต อาจิ่ว เ้าเองก็เลิกถามได้แล้ว แค่ส่งมาให้ข้าก็พอ”
เพราะความสัมพันธ์อันใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างผมกับอาจิ่ว รวมถึงแม้ว่าเ้าเด็กนี่จะปากร้ายแต่กลับน่ารักอย่างแท้จริง แน่นอนว่าผมจึงใช้คำเรียกแทนตัวเองว่า “ข้า” อย่างเป็ไปเองตามธรรมชาติ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเ้าเด็กนี่จับได้ว่ามีความผิดปกติ
“นายท่าน ท่านนอนมากจนโง่ไปแล้วหรือ? เมื่อก่อนเวลาเอ่ยปากก็เรียกแทนตัวว่าข้าผู้นี้ แต่ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนไปเล่า? ” พูดจบ เขาก็กระพือปีกแล้วบินถอยห่างออกไปด้านหลังในระยะหนึ่ง ภายในดวงตานอกจากความระมัดระวังแล้วยังแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ผมอธิบายไม่ถูก จะพูดว่าอย่างไรดีนะ? มันคล้ายกับสายตาที่สาวน้อยโลลิต้าใช้มองไปที่คุณอาโรคจิต...
“นายท่าน หรือว่าท่านจะเกิดความรู้สึกบางอย่างต่อข้า...? ”
ผม...
นี่คือพื้นที่แสดงความรู้สึกด้านมืดของการเลี้ยงสัตว์เทพตัวหนึ่งที่ปากร้าย เย่อหยิ่ง หลงตัวเอง ทั้งยังไร้เดียงสาหรือ?
แท้จริงแล้วภายในใจของอวี๋เคอนั้นเป็คนที่กระทั่งสัตว์ตัวเล็กๆ ที่ไม่สามารถกลายร่างเป็คนได้ก็ยังทำให้ส่วนล่างแข็งได้อย่างนั้นหรือ?! แต่ยังดีที่อาจิ่วไม่ได้คิดไปไกลมากกว่านี้ ถ้าหากเขาเห็นจุดที่แตกต่างกันอย่างมากระหว่างผมกับอวี๋เคอเล่า ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกก็ได้
แต่ไม่รู้ว่าผมเกิดมีความคิดอะไรขึ้นมา กลับรู้สึกว่าสายตาของอาจิ่วที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงและอาการกระพือปีกอยู่กลางอากาศนั้นมันน่ารักมากๆ มากจนอยากจะแกล้งเขาเล่นเป็พิเศษ ผมจึงเลียนแบบท่าทางเสยผมของอวี๋เคอในนิยาย แล้วยิ้มหวานอย่างยั่วยวน “หากข้าพูดว่าใช่เล่า? ถ้าเ้ายังไม่ยอมส่งผลคืนิญญามาให้ข้า เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะเรียกให้กู้จิ่นเฉิงสร้างตำหนักให้เ้าสักหนึ่งตำหนักก็แล้วกัน ให้เหมือนกับตำหนักสายลมเย็นสบายของคุณชายน้อยตระกูลโม่ แต่วางใจเถอะ ตำหนักของเ้าจะต้องกว้างใหญ่ยิ่งกว่าตำหนักในทั้งหมดที่ข้ามีอย่างแน่นอน แล้ว… หากถามว่าตั้งชื่อตำหนักว่าอะไรน่ะหรือ? ” ผมโน้มตัวไปด้านหน้า เข้าไปใกล้อาจิ่วเล็กน้อย และยิ้มกว้างมากยิ่งขึ้น “ตำหนักหงส์เพลิง? หรือว่าตำหนักหงส์อาจิ่วดี? อาจิ่ว เ้าคิดว่าอย่างไร? ”
“นายท่าน ท่านๆๆ ...จะต้องล้อข้าเล่นอย่างแน่นอน! ข้าขอปรึกษาอีกสักนิดได้หรือไม่? นายท่านแบ่งให้ข้าสักหน่อยเถอะ ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น! ” เ้าตัวเล็กหยุดอยู่กลางอากาศ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย สามารถรับรู้ได้ถึงความกล้าหาญอย่างยิ่งจากน้ำเสียง เวลานี้เหลือเพียงแค่โอกาสครั้งสุดท้ายแล้ว
ตอนนี้ภายในหัวของผมหมุนวนเป็ร้อยแปดสิบรอบแล้ว สุดท้ายก็เกิดความคิดขึ้นมา แล้วพูดออกมาหนึ่งประโยคโดยไม่ทันได้คิดว่า “อาจิ่ว ข้าพบัเขียวแล้ว”
พอคำว่าัเขียวหลุดออกจากปากผม สามารถทำให้เ้าหงส์เพลิงน้อยที่กำลังกระพือปีกบินไปทั่วและต่อรองกับผมอยู่ถึงกับชะงักไปในชั่วพริบตานั้นก็เกิดเปลวไฟสีแดงลุกลามไปทั่วทั้งร่างโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าเลยแม้แต่น้อย อุณหภูมิภายในตำหนักบรรทมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว พื้นที่บริเวณรอบๆ อาจิ่วถูกเผาจนเกิดสุญญากาศเล็กๆ ขึ้นมา
ดวงตาสีแดงจ้องมองมาทางผม แผ่จิตสังหารลอยสูงขึ้น “นายท่าน ผลคืนิญญานี้ข้ามอบให้ท่าน บอกข้ามาเถิดว่าเ้าัเขียวตัวนั้นอยู่ที่ไหน? ครั้งนี้ข้าจะต้องฆ่าเขาให้ได้! เขาทำให้ข้าสูญเสียพลังจากการบำเพ็ญเพียรไปไม่น้อย ข้าจะต้องเอามันคืนมาจากร่างของเขา! ”
พออาจิ่วพูดจบก็โยนผลคืนิญญาที่ราวกับของล้ำค่าที่เขาเอาไว้ให้มาอยู่ข้างกายผมในชั่วพริบตา ผมเอื้อมมือไปแล้วเก็บเข้าใส่ไว้ในช่องเก็บของ ได้ผลคืนิญญามาอย่างง่ายดายมากเกินไปจนผมรู้สึกงุนงงเล็กน้อย แต่กลับกันท่าทางของอาจิ่วนั้นทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะฝืนยิ้ม นี่เป็หายนะเกิดจากปาก [1] อย่างแท้จริง คิดไม่ถึงเลยว่าหงส์เพลิงจะยึดติดกับัเขียวมากเช่นนี้...
ก่อนหน้านี้เคยพูดมาแล้วว่าความสัมพันธ์ของัเขียวและหงส์เพลิงนั้นไม่ดีเท่าไรนัก นอกจากจะเป็ผลที่ตามมาจากความสัมพันธ์ระหว่างอวี๋เคอและซ่งฉียวน อีกอย่างหนึ่งก็คือเขาทั้งสองเคยขัดแย้งกันเมื่อนานมาแล้ว ในนิยายเื่ “มหันตภัยแห่งแดนเซียนปีศาจ” นั้นมีสัตว์เทพอยู่ทั้งหมดสิบตระกูล แต่ว่าสัตว์เทพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือสี่จตุรเทพ อีกทั้งลำดับก็ยังสูงมากที่สุดด้วย ทว่าเมื่อมีการจัดลำดับ มีการแบ่งแยกตระกูล ก็ย่อมต้องมีความขัดแย้ง นี่ไม่ใช่เพียงแค่กฎเกณฑ์ของสังคมมนุษย์เท่านั้น แต่สัตว์เทพก็มีเช่นเดียวกัน
ในทุกๆ หนึ่งร้อยปี เหล่าตระกูลสัตว์เทพจะมีการจัดการชุมนุมหนึ่งครั้ง นี่ไม่ใช่แค่เป็การต่อสู้เพื่อแย่งชิงลำดับเท่านั้น แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การแข่งขันนี้เป็สัญลักษณ์แห่งชื่อเสียงและฐานะ เมื่อผ่านการชุมนุมแล้วก็จะสามารถเห็นได้ถึงระดับความสามารถของแต่ละตระกูล
อาจิ่วนั้นมีพร์โดดเด่นเหนือผู้อื่น มีสายเืที่บริสุทธิ์ เดิมทีในการชุมนุมเมื่อรอบที่แล้วควรจะแสดงความสามารถออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทว่าไม่คาดคิดเลยว่าจะต้องพ่ายแพ้ต่อตระกูลเล็กๆ อย่างัเขียวที่มีสายเืไม่บริสุทธิ์สักเท่าไร ทั้งยังสูญเสียพลังจากการบำเพ็ญเพียรไปไม่น้อย สำหรับอาจิ่วแล้ว นี่นับว่าเป็ความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวงจริงๆ
อาจิ่วเอาแต่คิดว่าตัวเองยังพยายามไม่มากพอ เป็เพราะว่าเขาประมาทมากเกินไป จึง้าจะท้าประลองอีกครั้งหนึ่งหลังจากจบการชุมนุม แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่ัเขียวตัวนั้นชนะเขาแล้วก็หายตัวไป ไม่มีข่าวคราวใดๆ ปรากฏออกมาอีกเลย หลังจากนั้นด้วยความโกรธเขาจึงหนีออกจากบ้านมาแล้วเริ่มต้นใช้ชีวิตของตัวเองด้วยการตามหาเ้าัเขียวและบำเพ็ญเพียรด้วยความยากลำบาก จากนั้นก็ถูกอวี๋เคอพาตัวไป...
แม้จะผ่านมาหลายสิบปีแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอาจิ่วจะยังคงยึดติดกับความแค้นนี้อยู่ตลอดไม่เคยจางหายไป
“อาจิ่ว ใจเย็นหน่อย อีกไม่กี่วันข้าก็จะพาเ้าไปหาเขาแล้ว เ้าดับไฟที่ตัวเ้าลงก่อน มิฉะนั้นตำหนักบรรทมของข้าคงต้องถูกไฟที่ตัวเ้าเผาไหม้จนวอดวายหมดแน่” อย่างไรก็ตามจะต้องเกลี้ยกล่อมเขาก่อน ตอนนี้ัเขียวอยู่ที่ไหนผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน รู้เพียงแค่ว่าซ่งฉียวนเป็คนพบเ้านั่นที่เหวลึกในหุบเขาิญญา
ผลสุดท้ายสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงเลยก็คือ หากเป็เื่ที่เกี่ยวกับัเขียวแล้ว เ้าเด็กนี่จะดื้อรั้นสุดๆ จะต้องถามหาเหตุผลอย่างเอาจริงเอาจัง “นายท่าน อีกไม่กี่วันมันคือกี่วันกันแน่? ”
ผม...
“นายท่าน เ้าดินแดนแห่งแดนความตายมาขอเข้าพบขอรับ”
ขณะที่ผมกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ทันใดนั้นที่ด้านนอกของประตูก็มีน้ำเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้นมาพอดี สามารถช่วยผมเอาไว้ได้ทันเวลา และเป็ไปอย่างที่คิดเอาไว้ กู้จิ่นเฉิงที่ผีเข้าผีออกนั้นโผล่มาปรากฏตัวขึ้นใน่เวลาที่ล่อแหลมนี้เข้าพอดี ช่างเป็วีรบุรุษของประชาชนจริงๆ และยังเป็ผู้กล้าเดนตายที่ยอดเยี่ยมที่สุดในใต้หล้าด้วย!
ผมกวาดตามองอาจิ่ว ทำเป็ไม่สนใจใบหน้าที่เหมือนกับแฝงไปด้วยความโกรธของเขาแล้วเอ่ยปลอบ “อาจิ่ว อย่าดื้อ ข้าจะไปต้อนรับแขกก่อน หากข้าไปพบัเขียวเมื่อไรก็จะพาเ้าไปด้วยอย่างแน่นอน” พูดจบก็รีบลงมาจากเตียงอย่างมีความสุข โดยไม่รอให้กู้จิ่นเฉิงปรนนิบัติผม เมื่อตัวเองใช้อุบายจัดการได้อย่างเหมาะสมแล้วจึงรีบเปิดประตูและวิ่งหนีไปทันที
ถึงอย่างไรก็ยังสามารถหลอกล่อเขาได้ ส่วนจะได้นานมากเท่าไรก็เท่านั้นแล้วกัน
......
เชิงอรรถ
[1] หายนะเกิดจากปาก หมายถึง พูดจาไม่เหมาะสมหรือไม่ระมัดระวังคำพูดจนทำให้เกิดภัย