เมื่อเปิดประตูก็พบว่ากู้จิ่นเฉิงยืนรอผมอยู่ที่ด้านนอกประตูด้วยท่าทางนอบน้อมอยู่ก่อนแล้ว ไม่รู้ว่าเขามายืนรออยู่ตรงนี้ั้แ่เมื่อไรและไม่รู้ว่าได้ยินบทสนทนาระหว่างผมกับอาจิ่วไปมากน้อยเพียงใด
ถ้าพูดกันตามตรง ตอนนี้ผมพบว่าในหลายๆ ครั้งเมื่ออวี๋เคออยู่ต่อหน้ากู้จิ่นเฉิงผู้กล้าเดนตายคนนี้แล้วล้วนไม่มีเื่ใดเป็ความลับ ในนิยายเื่นี้อวี๋เคอซึ่งเป็คนที่ช่างสงสัยและไม่เคยไว้ใจใคร ทว่าในชีวิตนี้กลับยอมแค่กู้จิ่นเฉิงเพียงคนเดียวเท่านั้นให้อยู่ข้างกายและคอยติดตามไปในทุกๆ ที่ ตอนแรกผมรู้สึกว่าหากเขียนแบบนี้แล้วจะต้องะเือารมณ์มากๆ ความตั้งใจเดิมคือ้าสร้างลูกน้องที่มีความจงรักภักดีขึ้นมาคนหนึ่งเพื่อทำให้ผู้อ่านรู้สึกอิจฉา แต่เมื่อได้เข้ามาอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ แล้ว ผมกลับอดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดคนคนนี้ถึงจงรักภักดีต่ออวี๋เคอได้มากมายขนาดนี้?
ในหลายๆ เื่คนเราทุกคนนั้นล้วนต้องมีเป้าหมายก่อนที่จะลงมือทำอะไร หากเป็เช่นนั้นแล้วเป้าหมายของกู้จิ่นเฉิงเล่าคืออะไร?
“นายท่าน พอท้องฟ้าเพิ่งจะสว่างผู้น้อยก็เห็นอาจิ่วเข้าไปภายในตำหนักแล้ว” ทันใดนั้นบุรุษที่อยู่ข้างกายผมก็ส่งเสียงดังขึ้น ช่วยดึงสติของผมกลับมา บนใบหน้าที่ดูประหม่ากลับมีรอยยิ้มบางๆ ซ่อนอยู่ เขาก้าวเข้ามาใกล้ผม เอื้อมมือมาช่วยปัดจอนผมของผมที่ดูกระเซิงให้เข้าที่ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ดูจากสีหน้าของท่านแล้ว เขาคงจะทำตัวดื้อดึงอีกแล้วสินะ นายท่านรีบวิ่งออกมาเช่นนี้ จอนผมยุ่งหมดแล้วขอรับ”
!?
การกระทำที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวนี้ทำให้ผมตกตะลึง เผลอก้าวถอยหลัง เว้นระยะห่างจากกู้จิ่นเฉิง คำพูดตำหนิยังติดอยู่ที่ริมฝีปากแต่สุดท้ายกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำเพียงแค่หมุนตัวกลับแล้วเดินไปที่วังเพื่อต้อนรับแขก ผมคิดว่าผมจะต้องสงบสติอารมณ์สักหน่อยแล้ว
เมื่อสักครู่ตอนที่กู้จิ่นเฉิงโน้มตัวลงมาใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ ของเขาเป่ารดใบหน้าของผม ส่วนสูงของเขานั้นแตกต่างจากชาติก่อนตอนที่ปลอมตัวเป็เซียวอวิ๋น ตอนนี้เขาสูงกว่าผมเล็กน้อย เมื่อตอนที่เขาเข้ามาใกล้สามารถบดบังแสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องมาได้จนมิดพอดี ทำให้ผมรู้สึกว่าคล้ายถูกกักขังอยู่ในกรง
คาดไม่ถึงเลยว่าผมเกือบจะถูกกดเสียแล้ว
หรือว่าการกระทำที่ใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้เป็เื่ปกติระหว่างเขาและอวี๋เคออย่างนั้นหรือ? จู่ๆ ความคิดที่ว่าบุรุษหรือสตรีนั้น อวี๋เคอล้วนไม่เกี่ยงก็แวบขึ้นมาในหัว ทำให้ผมเกิดรู้สึกหนาวเย็นจนตัวสั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...
หลังจากนี้เวลาที่ผมจะทำตัวปกติเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับกู้จิ่นเฉิงได้อย่างไร?
เสียงฝีเท้าของคนที่เดินตามอยู่ด้านหลังนั้นช่างเบาจนยากที่จะได้ยิน เขายังคงเดินตามหลังผมอยู่เหมือนเดิม แต่จู่ๆ กลับทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ
ผมเร่งฝีเท้าเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ทว่ากลับไม่คิดเลยว่าเท้าที่สวมรองเท้าหนังหุ้มข้ออยู่นั้นเพิ่งจะก้าวเข้ามาถึงด้านในประตูวังก็ได้ยินเสียงพูดจาหยอกล้อที่แปลกประหลาดเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ข้างหูอย่างพอดิบพอดี “นายท่าน ท่านปล่อยให้ข้าต้องรอนานเช่นนี้เลยหรือขอรับ! ”
ผมกวาดตามองครู่หนึ่ง เมื่อได้เห็นรูปร่างหน้าตาของผู้ที่มาขอเข้าพบจนเต็มตาแล้วกลับทำให้ผมแทบจะะโออกมาจากเงามืดที่กู้จิ่นเฉิงนำทางมาในทันที ผมเกือบจะหัวเราะออกมาแล้ว แต่ก็ต้องพยายามอดกลั้นเอาไว้อยู่นานเหมือนกันถึงจะรักษาใบหน้านี้ไว้ไม่ให้ถูกทำลายได้
เ้าดินแดนแห่งแดนความตายหรือที่ผู้คนส่วนใหญ่เรียกกันว่าเ้าดินแดนนั้น ในความเป็จริงแล้วมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าชื่อที่แท้จริงของเขาคือหวังตัวจวี๋ คนผู้นี้เกิดในครอบครัวตระกูลสามัญของทางเผ่าปีศาจ มีสายเืที่ไม่บริสุทธิ์ ทว่าเมื่อเขาบำเพ็ญเพียรแล้วกลับมีพลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทั้งยังฆ่าคนได้อย่างโเี้อำมหิต เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังอำนาจแล้วเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง
นกโง่จะต้องเริ่มบินก่อน [1] แล้วจึงค่อยหาโอกาสเพิ่มอีกสักเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็สามารถกำจัดเ้าดินแดนแห่งแดนความตายคนก่อนได้สำเร็จ ทำการยึดอำนาจแล้วแทนที่ จนตอนนี้ไม่มีใครในโลกที่กล้าหัวเราะเยาะต่อชื่อที่แท้จริงของคนผู้นี้ ยามพบหน้าจะต้องเรียกว่าท่านเ้าดินแดนด้วยความเคารพนอบน้อมเสมอ
โดยทั่วไปแล้วนี่ถือว่าเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุดในการร่วมมือกันฆ่าคนกับอวี๋เคอ
หวังตัวจวี๋มีรูปร่างหน้าตาไม่เลวเลยทีเดียว ผิวพรรณขาวสะอาดบริสุทธิ์ แต่กลับชอบไว้หนวดเคราแฉกสองข้างเป็อย่างมาก ทั้งยังมีลักษณะหนวดแบบปลายบางและม้วนขึ้น้า ดูอย่างไรก็ไม่เข้ากันอย่างยิ่ง...
ตอนแรกที่ผมเขียนลักษณะหนวดเคราแบบนี้เป็เพียงแค่การบรรยายเพิ่มเติมจากความคิดที่เกิดขึ้นมาอย่างฉับพลันเท่านั้น แต่ตอนนี้เมื่อได้มองแล้วทำไมถึงรู้สึกมีความสุขเช่นนี้?
ลองนึกภาพตามดูว่าหากในยุคปัจจุบันหนุ่มน้อยหน้าตาดีทั้งหลายไว้หนวดเคราแฉกข้างแบบนี้แล้วหน้าตาของแต่ละคนจะเป็อย่างไร?
คนผู้นี้ไม่ได้สนใจเื่การแต่งตัวมากนัก เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็ดูจะไม่เข้ากันสักเท่าไร เสื้อคลุมตัวยาวที่สวมอยู่นั้นดูค่อนข้างหลวมจนปลิวไปมา สภาพไม่ค่อยจะน่าดูจริงๆ แถมยังดูไม่สุภาพอย่างยิ่ง ไม่สมกับที่เป็ตัวละครผู้ยิ่งใหญ่ที่มีหน้ามีตา ทว่าสภาพเขากลับดูเหมือนิญญาที่เร่ร่อนอยู่ตามข้างถนน
หวังตัวจวี๋เดินเข้ามาใกล้ผมขึ้นอีกเล็กน้อย ลูบเคราสั้นของตัวเอง จากนั้นก็กวาดตามองผมั้แ่หัวจรดเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาเขาหยุดอยู่ตรงหว่างขาผม “ชั่วขณะ” อย่างชัดเจนมาก พร้อมกับยิ้มประหลาดออกมา
“หรือว่านายท่านเพิ่งจะปีนลงมาจากร่างกายของคุณชายน้อยตระกูลโม่? รสชาติเขาดีมากใช่หรือไม่ขอรับ? ข้าเคยเห็นคนผู้นั้น แค่มองก็รู้แล้วว่ายังเป็หนุ่มบริสุทธิ์ที่ไม่เคยผ่านเื่อย่างนั้นมาก่อน คงใช้ที่ด้านหลังนั่นบีบรัดเสียจนทำให้นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเรามีความสุขจนต้องร้องขอชีวิต ราวกับิญญาล่องลอยโบยบินขึ้นสู่์แล้วเป็แน่? ”
ผม...
พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ จากนั้นก็เดินผ่านเขาไปโดยที่ยังควบคุมสีหน้าให้คงเดิม แล้วนั่งลงตรงที่นั่งหลักด้วยความสงบนิ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “พูดเื่สำคัญมา”
หากจะรับมือกับคนประเภทนี้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือแกล้งทำเป็จริงจังและสงบเยือกเย็น ห้ามเดินไปตามแิของเขาเด็ดขาด มิฉะนั้นผู้ที่ต้องประสบกับความหายนะก็จะเป็ตัวเราเอง
“โธ่เอ๋ย ทำไมนายท่านผู้ยิ่งใหญ่ถึงได้น่าเบื่อเช่นนี้? แค่เล่าเื่บนเตียงของท่านให้ข้าฟังสักหน่อยก็ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหาย? จะว่าไปแล้วก็เป็ข้าที่ชื่นชอบคุณชายน้อยตระกูลโม่นั่นก่อน แต่กลับถูกท่านแย่งชิงตัวไปเสีย”
“เอามือเ้าออกจากเคราแล้วช่วยพูดภาษาคนหน่อย” การที่ต้องมาเห็นมือของเขาลูบเคราไม่หยุดสักทีมันทำให้ผมรู้สึกเสียสายตาจริงๆ !
หวังตัวจวี๋จำต้องปล่อยมือแล้วยกขึ้นโบกกลางอากาศ “ก็ได้ๆๆ ข้าพูดแล้ว”
เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จนในที่สุดก็พูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง “่นี้สำนักผู้ฝึกเซียนไม่ค่อยอยู่ในกฎเกณฑ์เท่าไรนัก บางคนที่นับว่าพอมีพลังอยู่บ้างก็มักจะคิดวางแผนหาทางที่จะข้ามแม่น้ำแห่ง์มายังโลกปีศาจ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่พอใจเื่ก่อนหน้านี้ที่นายท่านฆ่าล้างตระกูลซ่งโดยไร้เหตุผล พวกเขาอยากให้นายท่านปล่อยเ้าเด็กตระกูลซ่งที่ยังรอดชีวิตอยู่นั่น”
พอได้ยินเขาพูดถึงซ่งฉียวนขึ้นมา ในหัวของผมก็เริ่มปวดขึ้นมาอีกแล้ว แต่เมื่อเขาเตือนสติเช่นนี้ กลับทำให้ผมจำได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ก่อนหน้านี้ที่เคยพูดว่าอวี๋เคอฆ่าซ่งฉียวนจนตาย จากนั้นเขาก็ถูกปรมาจารย์ลึกลับช่วยเอาไว้ ที่บอกว่า “ฆ่าตาย” นี่ถือเป็ความประมาทของอวี๋เคอเอง เพราะเขาคิดว่าซ่งฉียวนตายแล้ว แต่คาดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะยังมีชีวิตอยู่
วิธีการฆ่าของเขานั้นช่างโหดร้ายทารุณและไร้ความปรานีอย่างถึงที่สุด เพื่อที่จะทำให้เหล่าสำนักผู้ฝึกเซียนยอมสยบต่อตนเองแล้ว เขาถึงกับจงใจฆ่าซ่งฉียวนต่อหน้าทุกคนที่ข้ามผ่านแม่น้ำแห่ง์เข้ามา จากนั้นก็โยนร่างนั้นทิ้งลงไปในแม่น้ำแห่ง์
แต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่าความสามารถของพระเอกจะยอดเยี่ยมเช่นนี้ ทั้งที่เกือบจะตายแบบนั้นแล้วแต่ก็ยังถูกช่วยมาได้ หลังจากนั้นก็จะเริ่มเข้าสู่เนื้อเื่ในนิยายอย่างแท้จริง ในที่สุดพระเอกก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นเส้นทางการแก้แค้นก็เริ่มต้นขึ้น ซึ่งตอนนี้ตัวผมก็คืออวี๋เคอ เช่นนั้นผมจะต้องดำเนินเนื้อหาต่อตามเนื้อเื่หรือไม่? แล้วถ้าหากผมไม่ทำตามเนื้อเื่จะเป็อย่างไร?
“นายท่าน ข้าคิดว่าคนพวกนี้กำลังยั่วยุพวกเราขอรับ คิดว่าโลกปีศาจไม่มีคนแล้วจริงๆ หรือ? ” ภายในดวงตาของหวังตัวจวี๋ที่ยืนอยู่ด้านล่างห้องโถงนั้นทอประกายสังหารออกมา เขาแลบลิ้นเลียมุมปากราวกับกระหายน้ำอย่างไรอย่างนั้น ก่อนจะหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น “หากข้าได้พบคนพวกนั้นเข้า พบหนึ่งคนก็จะฆ่าหนึ่งคนอย่างแน่นอน”
พูดจบก็จ้องเข้ามาในดวงตาของผม สายตาที่เยือกเย็นนั้นมองเข้ามาในดวงตาของผมราวกับจะมองให้ทะลุไปจนถึงจิติญญา “นี่เป็งานอดิเรกร่วมกันระหว่างข้าและท่านจอมปีศาจ ไม่ใช่หรือขอรับ? ”
......
เชิงอรรถ
[1] นกโง่จะต้องเริ่มบินก่อน เป็สำนวนจีน อุปมาถึงคนที่มีความสามารถด้อยกว่าเวลาจะทำอะไรก็จะต้องลงมือทำก่อน เพราะกลัวว่าจะล้าหลัง